ซ้องกั๋ง/เล่ม ๑/ตอน ๒๖

จาก วิกิซอร์ซ
แม่แบบผิดพลาด: มีการลบช่องที่ไม่ได้ใช้ออก โปรดเติมกลับเข้าไป (โปรดดูเอกสารกำกับแม่แบบ)

หน้า ๒๖๘–๒๗๗ สารบัญ



ฝ่ายนางพัวกิมเหลียนกับยายเห็งโผก็จัดศพใส่หีบ นิมนต์หลวงจีนมาสวดทำกงเต๊กพอกันคนนินทา คบกำหนดสามเวลาก็เอาศพออกไปนอกกำแพง นางพัวกิมเหลียนนุ่งขาวแกล้งทำเดินร้องไห้ตามศพ ไปถึงแล้วก็สั่งให้เผาเสีย

ฝ่ายห้อเกาเจ้กจึงบอกกับภรรยาว่า บู๊ตัวหนึงเห็นจะถูกยาพิษจริง วันนี้ถึงกำหนดเผา เราจะไปเก็บกระดูกเอามา พูดแล้วก็จัดหาธูป เทียน กระดาษเงิน กระดาษทอง ออกมานอกกำแพงเมือง เห็นกำลังจัดแจงเผาศพบู๊ตัวหนึงอยู่ นางพัวกิมเหลียนเห็นถามว่า ท่านหายดีแล้วหรือ ห้อเกาเจ้กว่า เมื่อบู๊ตัวหนึงยังไม่ตาย เราซื้อขนมเป็นหนี้อยู่เล็กน้อย จึงมาเซ่นไหว้ จะไม่ได้เป็นเวรแก่กัน นางพัวกิมเหลียนกับยายเห็งโผก็สรรเสริญว่า ท่านอุตส่าห์มาเซ่นไหว้ ขอบใจนักหนา ห้อเกาเจ้กก็เข้าไปช่วยแล้วบอกว่า ที่นี่ร้อนนัก จงพากันไปนั่งเสียให้พ้นเถิด ฟืนที่เผานั้นเราจะใส่ให้เอง นางพัวกิมเหลียนกับคนเหล่านั้นไม่รู้เท่าก็ออกไปนั่งเสียให้ไกล ห้อเกาเจ้กเอาฟืนใส่ เห็นไม่มีผู้ใดดู ก็เอากระดูกสองชิ้นจุ่มน้ำแล้วซ่อนไว้ในเสื้อ ครั้นเผาบู๊ตัวหนึงไหม้เสร็จสิ้น นางพัวกิมเหลียนกับยายเห็งโผเก็บกระดูกและเถ้าทิ้งลงในแม่น้ำแล้วพากันกลับไป ห้อเกาเจ้กกลับมาถึงบ้านก็เอากระดาษมาจดไว้ว่า บู๊ตัวหนึงตายวันนั้นเดือนนั้น ผู้ไปตรวจและมาเผาด้วยกันมีกี่คน แจ้งอยู่ในบัญชีทั้งสิ้น เอากระดูกและบัญชีห่อใส่ถุงแขวนไว้ในเรือนตัว ด้วยกลัวบู๊สงกลับมาจะว่ากล่าว จะได้เอาของสามสิ่งนี้เป็นสำคัญ

ฝ่ายนางพัวกิมเหลียนกลับไปถึงโรงก็ทำป้ายเขียนชื่อบู๊ตัวหนึงตั้งไว้เซ่นไหว้ นางพัวกิมเหลียนมิได้นุ่งขาวไว้ทุกข์ ได้แต่แต่งตัวคอยท่าไซบุนเข่งไว้ ตั้งแต่นั้นมา ไซบุนเข่งก็มาที่โรงนางพัวกิมเหลียนทุกวันมิได้ขาด

จะขอกล่าวถึงบู๊สงคุมเกวียนไปถึงเมืองหลวง ก็เอาเงินทองกับสิ่งของไปมอบให้พี่น้อยของผู้รักษาเมืองเอียงก๊กกุ้ย แล้วก็เที่ยวชมบ้านเมืองอยู่สี่ห้าวัน บู๊สงคิดถึงพี่ชายจึงเข้าไปบอกว่า ข้าพเจ้าจะลาท่านกลับไปแล้ว พี่น้องของผู้รักษาเมืองเอียงก๊กกุ้ยก็เขียนหนังสือตอบมาว่า ได้รับเงินทองสิ่งของไว้ถูกต้องแล้ว ส่งให้ บู๊สงรับหนังสือ คำนับลา ชวนคนทั้งสี่ออกจากเมืองหลวงเดินทางกลับ ไม่มีความสบาย วิตกถึงแต่บู๊ตัวหนึง เมื่อขณะบู๊สงไปเมืองหลวงนั้นเป็นฤดูแล้ง ทั้งไปทั้งมาได้สองเดือน พอเข้าฤดูฝน บู๊สงมาถึงเมืองเอียงก๊กกุ้ย เอาหนังสือเข้าไปให้ ผู้รักษาเมืองฉีกออกอ่านแล้วก็ยินดี เอาเงินมารางวัลให้เป็นอันมาก บู๊สงคำนับลามาที่อยู่ เก็บสิ่งของไว้ แล้วก็ตรงมาที่โรงบู๊ตัวหนึง ชาวบ้านแถวถนนนั้นเห็นก็ตกใจกลัว คิดว่า บู๊สงกลับมา ความเรื่องนี้จะวุ่นวายเกิดเป็นการใหญ่แร่ ก็พากันวิตกทุกตัวคน บู๊สงมาถึงเข้าไปในโรงเห็นป้ายเขียนชื่อบู๊ตัวหนึงพี่ชายตั้งไว้ ยืนพิเคราะห์ดูเห็นถนัดแน่ว่า ตายแล้ว ก็เสียใจนัก จึงร้องเรียกนางพัวกิมเหลียนพี่สะใภ้บอกว่า บู๊สงกลับมาแล้ว

ขณะนั้น นางพัวกิมเหลียนกับไซบุนเข่งนอนอยู่ในห้องด้วยกัน ได้ยินเสียงบู๊สงร้องเรียกก็ตกใจ เปิดประตูหลังโรงให้ไซบุนเข่งหนี แล้วก็ตักน้ำมาล้างหน้า บู๊สงร้องถามว่า ทำไมอยู่จึงช้านัก นางพัวกิมเหลียนรีบเปลื้องเครื่องแต่งตัวออกแล้วนุ่งห่มขาวเดินร้องไห้ออกมา บู๊สงถามว่า พี่เราเจ็บป่วยเป็นโรคอะไรจึงตาย และผู้ใดให้รับประทานยา นางพัวกิมเหลียนว่า ร้องไปได้สักสิบวัน บู๊ตัวหนึงเจ็บในอก หาหมอมารักษาก็ไม่คลาย กลับทรุดหนักลงทุกที อยู่ได้สี่ห้าวันโรคกำเริบมากขึ้นก็ขาดใจตาย นี่หากว่าได้ยายเห็งโผมาช่วยจัดการ ตัวพี่คนเดียวเหลือกำลังจะทำสิ่งใดได้ ยายเห็งโผเห็นบู๊สงมาก็ไปพูดประจบประแจงแกล้งบอกอาการป่วย บู๊สงว่า บู๊ตัวหนึงพี่เรานี้อาการป่วยไม่มีมาแต่เดิม เหตุไฉนจึงเจ็บในอกตาย เป็นที่น่าอัศจรรย์นัก ยายเห็งโผได้ฟังก็สะดุ้งใจ พูดแก้ไขว่า ความตายทุกวันนี้ยุติไม่ได้ อยู่ดี ๆ ก็ตายถมไป เราท่านก็คงตาย แต่ไม่แจ้งว่าวันไร บู๊สงถามว่า พี่เราตายได้กี่วัน ฝังไว้ที่ใดหรือ นางพัวกิมเหลียนทำร้องไห้พลางบอกว่า เอาศพไว้สามวันทำกงเต๊กเซ่นไหว้ ด้วยตัวคนเดียวไม่รู้ที่จะไปหาฮวงซุ้ยตำบลไหน จึงเอาศพไปเผาเสีย ตั้งแต่วันตายมายังขาดอยู่สองเวลาจะถึงคำรบเจ็ดวัน

บู๊สงได้ฟังก็วุ่นวายในใจ ออกจากโรงกลับมาที่อยู่ ผลัดเสื้อผ้าชุดเดิมมออก แล้วเอาเสื้อผ้าสีขาวใส่ เรียกทหารที่สำหรับใช้มาด้วยกันจัดซื้อสิ่งของกับสุรา พร้อมแล้วก็มาที่โรง เข้าไปข้างใน เอาสิ่งของกับสุรามาตั้งเซ่นจุดธูปเทียนคำนับ แล้วพูดว่า เมื่อขณะพี่ยังมีชีวิตอยู่ก็เป็นคนอ่อนแอ บัดนี้ มาตายเสีย น้องก็หาอยู่ไม่ จะตายดีตายร้ายมีความสงสัยอยู่ ถ้าผู้ใดทำอันตรายให้ พี่จงมาเข้าฝัน น้องทราบจะได้แก้แค้นตอบแทนให้ ว่าดังนั้นแล้วก็ร้องไห้อื้ออึง ชาวบ้านใกล้เคียงได้ยินก็พากันสงสารบู๊สงทุกคน นางพัวกิมเหลียนก็แกล้งร้องไห้อยู่ในห้องให้ได้ยิน ครั้นบู๊สงเซ่นไหว้แล้วก็ยกเอาสิ่งของกับสุรามาให้พวกทหารรับประทาน แล้วก็พากันนอนอยู่ที่หน้าประตู บู๊สงเอาเสื้อมาปูนอนตรงป้ายที่เขียนชื่อบู๊ตัวหนึง จนดึกสามยามก็ไม่หลับ เผอิญลมพัดมาจับใจเยือกเย็น ลุกขึ้นนั่งดูไฟตะเกียงที่จุดอยู่หน้าป้ายไม่สู้สว่าง เห็นเป็นบู๊ตัวหนึงพี่ชายยืนอยู่ร้องถามว่า บู๊สงผู้น้องมาแล้วหรือ พี่นี้ตายลำบากนัก แล้วก็หายไป บู๊สงเห็นคลับคล้ายฟังไม่ถนัด ลุกเข้าไปดูให้ใกล้ไม่เห็นสิ่งใดก็กลับ นึกว่านอนไม่หลับก็กลับเป็นบู๊ตัวหนึงพี่ชายมาบอกดังนี้ ซึ่งพี่เราเห็นจะมีผู้คิดร้ายฆ่าตายเป็นแน่ ครั้นจะมาเข้าฝันเราก็ตื่นอยู่จึงได้กลับไป จำจะสืบดูให้รู้เรื่องจงได้ คิดแล้วก็นั่งตรึกตรองอยู่ พอรุ่งขึ้นเช้า นางพัวกิมเหลียนเดินออกมาจากในห้อง บู๊สงจึงถามว่า บู๊ตัวหนึงพี่เราเจ็บป่วยอย่างไรตาย ผู้ใดมาตรวจดูบ้าง หีบนั้นใครซื้อ ผู้ใดเอาไปเผา นางพัวกิมเหลียนว่า ถามบ่อย ๆ วานนี้ก็บอกหนหนึ่งว่า บู๊ตัวหนึงเจ็บในอกตาย หีบนั้นยายเห็งโผซื้อให้ แล้วไปบอกห้อเกาเจ้กมาตรวจ เอาศพใส่หีบแล้วจึงเอาไปเผา

บู๊สงได้ฟังก็จำไว้ไม่พูดจาสิ่งใด เรียกทหารออกจากโรงมาถามว่า บ้านห้อเกาเจ้กอยู่ที่ไหน ทหารก็พากันไปถึงหน้าบ้านห้อเกาเจ้ก บู๊สงให้พวกทหารกลับไป แล้วจึงร้องเรียกว่า ท่านผู้ตรวจอยู่หรือไม่ ข้าพเจ้าชื่อ บู๊สง มาหา ห้อเกาเจ้กได้ฟังก็ตรงเข้าไปในห้อง ฉวยได้ไถ้ที่ใส่กระดูกบู๊ตัวหนึง รีบออกมาถามว่า ท่านมาเมื่อไร มีธุระสิ่งใด บู๊สงว่า ข้าพเจ้ามาถึงได้สองวัน เชิญท่านไปที่โรงขายสุราพูดจากันสักหน่อย บู๊สงพาห้อเกาเจ้กมาถึงแล้วก็สั่งเจ้าของโรงเตี๊ยมให้จัดสิ่งของกับสุรา เชิญห้อเกาเจ้กกินโต๊ะเสพสุราอยู่ประมาณครู่หนึ่ง บู๊สงชักกระบี่ออกจากเสื้อวางไว้บนโต๊ะ ห้อเกาเจ้กกับเจ้าของโรงเตี๊ยมเห็นก็ตกใจนิ่งตะลึงอยู่ บู๊สงจึงถามว่า บู๊ตัวหนึงพี่เราตาย ท่านไปตรวจดูรู้ว่าตายดีหรือตายร้าย จงบอกไปตามความจริง แม้นปิดบังอำพรางไว้ เราจะฆ่าเสียเดี๋ยวนี้ ห้อเกาเจ้กหยิบเอาถุงวางไว้บนโต๊ะบอกว่า ข้าพเจ้าเก็บของสองสิ่งไว้ให้ท่าน บู๊สงแก้ไถ้ออกดูเห็นกระดูกสองชิ้นกับห่อเงิน จึงถามว่า เหตุผลประการใด จงบอกให้เราฟัง ห้อเกาเจ้กก็เล่าความตั้งแต่ต้นจนปลาย แล้วหยิบกระดาษออกคลี่ให้ดู ปีเดือนวันคืนอยู่ในบัญชีทั้งสิ้น ด้วยเรื่องนี้ข้าพเจ้าไม่เอาเป็นธุระ จึงได้เก็บเอาของอันนี้ไว้เป็นสำคัญ

บู๊สงได้ฟังก็โกรธจึงว่า ท่านรู้หรือไม่ว่า ผู้ใดเป็นชู้กับนางพัวกิมเหลียน ห้อเกาเจ้กว่า การนี้มีผู้รู้มาก ถ้าอยากจะใคร่รู้ชัด ก็ไปถามฮุนกอดูเถิด เขาได้ไปจับชายชู้กับบู๊ตัวหนึง บู๊สงเอาถุงกระดูกกับเงินและหนังสือนั้นเก็บไว้ และชวนห้อเกาเจ้กมาหอฮุนกอ พบฮุนกอจะไปค้าขาย บู๊สงก็เรียกฮุนกอมายังโรงขายสุราถามว่า นางพัวกิมเหลียนรักใคร่กับผู้ใด ฮุนกอว่า ถ้าบอกกับท่าน ข้าพเจ้าก็ต้องไปเป็นพยาน ไม่ต้องค้าขายกิน บิดาข้าพเจ้าไม่ตายเสียหรือ ด้วยบิดาแก่แล้ว อายุเก้าสิบปีเศษแล้ว ท่านได้โปรดเถิด บู๊สงว่า ข้อนั้นไม่เป็นไร เจ้ารู้เห็นอย่างไรจงเล่าให้ฟัง ซึ่งบิดาของเข้านั้นเราไม่ให้อดตาย อย่าวิตกเลย ฮุนกอก็เล่าความแต่ต่นจนปลายทุกประการ แล้วพูดว่า ข้าพเจ้าเห็นเสียทีจึงวิ่งหนีมา อยู่อีกห้าหกวันได้ยินเขาพูดว่า บู๊ตัวหนึงพี่ท่านตายด้วยสิ่งอันใดไม่ทราบ บู๊สงได้ฟังก็แจ้งว่าไซบุนเจ่งรักใคร่กับนางพัวกิมเหลียนแน่แล้ว จึงหยิบเงินห้าตำลึงส่งให้ฮุนกอแล้วว่า จงไปซื้อสิ่งของไว้ให้บิดาก่อนเถิด ภายหลังเราจะให้เงินอีก แต่ตัวเจ้าต้องไปด้วยกัน ฮุนกอรับเงินจัดซื้อสิ่งของมาให้บิดาพร้อมแล้ว บู๊สงก็พาห้อเกาเจ้กกับฮุนกอตรงมาที่อยู่ ทำเรื่องราวไปฟ้องต่อผู้รักษาเมืองเอียงก๊กกุ้ยว่า ไซบุนเข่งเป็นชู้กับนางพัวกิมเหลียนพี่สะใภ้ และคิดกันวางยาพิษบู๊ตัวหนึงพี่ข้าพเจ้าถึงแก่ความตาย สืบได้ความที่ห้อเกาเจ้กกับฮุนกอได้รู้เห็นเป็นพยาน ขอท่านได้โปรดชำระให้ด้วยเถิด ผู้รักษาเมืองรับเรื่องราวมาอ่านแจ้งความ แล้วถามห้อเกาเจ้กกับฮุนกอพยานทั้งสองซึ่งได้รู้เห็น จดเอาถ้อยคำไว้ปรึกษากับกรมการทั้งปวง ผู้รักษาเมืองและกรมการเหล่านั้นเป็นพวกพ้องของไซบุนเข่งก็พากันว่า ความเรื่องนี้ชำระไม่ได้ ไม่มีสิ่งใดเป็นสำคัญ ผู้รักษาเมืองจึงพูดกับบู๊สงว่า เจ้าเป็นขุนนาง ทำราชการอยู่ด้วยกัน แบบแผนธรรมเนียมนั้นก็รู้อยู่ทุกอย่าง ซึ่งจะจับชู้ต้องจับให้ได้ทั้งสองคน ถ้าจะจับผู้ร้ายก็ต้องให้ได้ของกลาง แม้นว่าฆ่าฟันกันก็คงมีบาดแผลเป็นพยาน ความเรื่องนี้จับสิ่งใดไม่ได้ เจ้าอย่าเชื่อผู้อื่นให้วุ่นวายเลย จงไปตรึกตรองดูเถิด บู๊สงได้ฟังมีความโกรธยิ่งนัก แต่ไม่รู้ที่จะทำประการใด กลับมาเอากระดูกกับเงินและหนังสือไปแจ้งกับผู้รักษาเมืองว่า ของสามสิ่งนี้มิใช่ข้าพเจ้าได้เอง มีผู้เก็บไว้ให้ จะเอาเป็นสำคัญไม่ได้หรือ ผู้รักษาเมืองก็เอากระดูกกับเงินและหนังสือไปดูแล้วว่า เราจะปรึกษาให้พร้อมกันก่อน บู๊สงก็คำนับลามา ห้อเกาเจ้กกับฮุนกอนั้นยังมิละจากบู๊สงไป

ฝ่ายไซบุนเข่งกับนางพัวกิมเหลียนไปมาหากันมิได้เกรงผู้ใด รู้ความว่า บู๊สงไปฟ้อง ผู้รักษาเมืองก็ไม่ชำระให้ ไซบุนเข่งยิ่งกำเริบมากขึ้น ครั้นแจ้งว่า บู๊สงเอาเงินที่ให้ห้อเกาเจ้กกับกระดูกไปฟ้องต่อผู้รักษาเมืองอีก ไซบุนเข่งก็เอาเงินทองไปให้ผู้รักษาเมือง กรมการ ผู้รักษาเมือง กรมการ ต่างพากันชื่นชมยินดีและปรึกษาคิดอ่านว่า เราช่วยกันพูดจาผลักไสเสีย อย่าชำระให้ จะไปฟ้องร้องที่ไหนได้ ครั้นเห็นพร้อมกันดังนั้นแล้ว ต่างคนก็กลับไปที่อยู่ของตน

รุ่งขึ้นเวลาเช้า บู๊สงไปยังโรงชำระอีก ผู้รักษาเมืองจึงพูดว่า ซึ่งความเรื่องนี้จะว่ากล่าวขึ้นก็เป็นการใหญ่ ตัวเจ้าไม่ได้เห็นแก่ตาเอง ศพบู๊ตัวหนึงก็เผาเสีย จะเอาของสิ่งใดเป็นสำคัญ และของสามสิ่งนี้เป็นแต่มีผู้เก็บไว้ให้ จะเชื่อถ้อยคำผู้อื่นนั้น เราชำระไม่ได้ แล้วก็ส่งห่อกระดูกกับเงินและหนังสือคืนให้ บู๊สงโกรธแค้นยิ่งนัก ไม่รู้ที่จะคิดประการใด รับของสามสิ่งส่งให้ห้อเกาเจ้กเก็บไว้ แล้วก็กลับมาคิดตรึกตรองว่า ผู้รักษาเมืองและกรมการได้เงินของไซบุนเข่งจึงไม่ชำระให้ บู๊ตัวหนึงพี่เราตายครั้งนี้ก็เพราะนางพัวกิมเหลียน กับยายเห็งโผ และไซบุนเข่ง คิดร้าย จำเราจะแก้แค้นทดแทนเสียให้จงได้ จะเป็นตายประการใดก็ตามเถิด คิดแล้วบอกกับห้อเกาเจ้ก ฮุนกอ ว่า เจ้าทั้งสองจงสนทนาอยู่ที่นี่ก่อน เราจะออกไปข้างนอกสักครู่หนึ่ง บู๊สงก็เรียกทหารสี่ห้าคนมาจัดซื้อสิ่งของ ได้พร้อมแล้วตรงมาที่โรง เรียกให้นางพัวกิมเหลียนเปิดประตูรับ

ฝ่ายนางพัวกิมเหลียนตั้งแต่รู้ว่า บู๊สงไปฟ้องร้อง แล้วผู้รักษาเมืองไม่ชำระให้ และไซบุนเข่งมาอยู่ด้วยมิได้ขาด ทั้งกำชับสั่งว่า อย่ากลัวผู้ใด นางหมายจะได้เป็นภรรยาหลวงของไซบุนเข่ง ก็ยินดี นั่งแต่แต่งตัวอยู่ในห้อง ได้ยินบู๊สงมาร้องเรียกให้เปิดประตูก็ไม่สะดุ้งสะเทือน คิดว่า บู๊สงจะทำอะไรเราไม่ได้ ก็ออกมาเปิดประตูรับเข้าไปข้างในแล้วถามว่า น้องมีธุระสิ่งใดหรือ บู๊สงบอกว่า เวลาพรุ่งนี้ถึงคำรบจะเซ่นไหว้ เราจึงจัดซื้อสิ่งของมา เมื่อพี่เราตาย เพื่อนบ้านทั้งหลายก็ช่วยเหลือ บุญคุณนักหนา ถ้าแม้นเซ่นไหว้แล้ว จะได้เชิญเพื่อนบ้านมากินโต๊ะเสพสุราเพื่อทดแทนคุณบ้าง นางพัวกิมเหลียนก็สิ้นความกลัว อยากจะใคร่รู้ว่า บู๊สงจะทำประการใด จึงตอบว่า เพื่อนบ้านเหล่านี้ไม่ต้องตอบแทนดอก ถ้าเห็นดีแล้วก็ตามใจเถิด บู๊สงสั่งทหารให้จัดสิ่งของไว้พร้อมกำชับสั่งว่า ถ้าเราไปเชิญเพื่อนบ้านมาพร้อมกันแล้ว เจ้าจงรักษาประตูบ้านไว้ อย่าให้ผู้ใดหนีออกได้ บู๊สงก็ไปเชิญยายเห็งโผมาที่โรง ไปเชิญเอียวบุนเค่ง หนึ่ง เตียวคงเหม็ง หนึ่ง โฮวเจ็งเค็ง หนึ่ง เตียก๋ง หนึ่ง คนทั้งสี่นี้เป็นคนขายสิ่งของต่าง ๆ อยู่ใกล้เคียงกัน มาแล้วสั่งให้ทหารจัดโต๊และสุรามาตั้ง บู๊สงให้ยายเห็งโผกับนางพัวกิมเหลียนเข้านั่งกลาง ผู้เฒ่าที่เชิญมานั้นให้นั่งอยู่ข้างตัว บู๊สงยกเก้าอี้มานั่งตรงหน้ายายเห็งโผ นางพัวกิมเหลียน ผู้เฒ่าทั้งสี่ไม่แจ้งว่าบู๊สงจะคิดประการใด พากันตกใจกลัวนิ่งตะลึงอยู่ บู๊สงจึงพูดว่า ท่านทั้งสี่อย่าตกใจ ข้าพเจ้าเชิญมาเป็นพยาน จะถามนางพัวกิมเหลียนกับยายเห็งโผว่า เดิมทีทำอย่างไรจึงรักใคร่กับไซบุนเข่ง คิดฆ่าบู๊ตัวหนึงพี่ชายเราเสีย จงเล่าให้ถ้วนถี่ ถ้าไม่บอกตามจริง คงได้เห็นกัน ผู้เฒ่าทั้งสี่ได้ฟังก็คลายวิตก บู๊สงเชิญให้กินโต๊ะเสพสุราด้วย นางพัวกิมเหลียนกับยายเห็งโผตกใจกลัวตัวสั่น บู๊สงก็ชักกระบี่ออกวางบนโต๊ะแล้วร้องตวาดว่า ไม่บอกก็จะฆ่าเสียเดี๋ยวนี้ นางพัวกิมเหลียนกลัวตายก็เล่าความเดิมตั้งแต่ทำราวผ้าถูกไซบุนเข่งจนรักใคร่ได้เสียกันแล้วเอายาพิษวางบู๊ตัวหนึงตายให้บู๊สงฟังทุกประการ บู๊สงให้ผู้เฒ่าจดถ้อยคำไว้ แล้วก็ถามยายเห็งโผว่า เหตุไฉนจึงสอนให้วางยาพี่เราตาย จงเล่าไปตามจริง ยายเห็งโผว่า ความเรื่องนี้ข้าพเจ้าไม่รู้เห็นเลย บู๊สงโกรธนัก เงื้อกระบี่ขึ้นจะฟัน ยายเห็งโผตกใจกลัวก็บอกตามจริงตั้งแต่ต้นจนปลายให้ฟังทุกประการ โอวเจ็งเค็งผู้เฒ่าก็จดถ้อยคำไว้ บู๊สงสั่งให้ทหารมัดยายเห็งโผไว้ แล้วตรงเข้าฉุดนางพัวกิมเหลียนมาที่หน้าป้าย พูดว่า วันนี้ จะฆ่าคนที่คิดร้ายแก้แค้นแทนพี่เสียให้ได้ นางพัวกิมเหลียนตกใจจะร้องให้ชาวบ้านช่วย บู๊สงก็เหยียบศีรษะไว้ แล้วเอากระบี่ผ่าอกนางพัวกิมเหลียนออกเป็นสองซีกขาดใจตาย บู๊สงตัดเอาหัวใจมาเซ่นไหว้บู๊ตัวหนึงพี่ชาย แล้วตัดศีรษะห่อไว้ บอกผู้เฒ่าทั้งสี่ว่า ข้าพเจ้าจะไปข้างนอกสักครู่หนึ่ง ท่านจงคอยอยู่ที่นี่ก่อน ผู้เฒ่าทั้งสี่เห็นบู๊สงฆ่าพี่สะใภ้ก็ตกใจกลัว ครั้นบู๊สงสั่งให้คอยท่าก็มิกล้าขัดขืน นั่งตะลึงอยู่ บู๊สงเอาศีรษะนางพัวกิมเหลียนกับกระบี่เหน็บซ่อนไว้ในเสื้อแล้วเดินมากำชับสั่งทหารว่า อย่าให้ยายเห็งโผหนีได้ เราออกไปแล้วจงปิดประตูใส่กลอนให้แน่น บู๊สงออกจากโรงตรงไปยังโรงเตี๊ยมขายเครื่องยาของไซบุนเข่ง ถามคนเหล่านั้นว่า ไซบุนเข่งอยู่หรือไปข้างไหน ชายผู้หนึ่งบอกว่า ไซบุนเข่งไม่อยู่ บู๊สงว่า เชิญท่านไปกับข้าพเจ้าสักหน่อยเถิด ชายผู้นั้นก็เดิมตามบู๊สงมาพ้นโรง บู๊สงจับมือชายผู้นั้นถามว่า เจ้าอยากเป็นหรืออยากตาย ถ้าอยากเป็นก็บอกตามจริง ไซบุนเข่งอยู่ที่ไหน ถ้าอยากตายก็อย่าบอกเลย ชายผู้นั้นตกใจกลัวบอกว่า ไซบุนเข่งเสพสุราอยู่ที่โรงเตี๊ยมที่สะพานไซฮังเกีย บู๊สงได้ฟังก็ปล่อยให้ชายผู้นั้นกลับไปแล้วรีบตรงมาที่โรงเตี๊ยมนั้นถาม เจ้าของโรงว่า ไซบุนเข่งพาเพื่อนมาเสพสุราอยู่บนเหลาสองคนด้วยกัน บู๊สงก็เข้าไปดูเห็นไซบุนเข่งกับชายหนึ่งนั่งเสพสุราอยู่ มีหญิงขับร้องสองคน ก็ขึ้นไปบนเหลา แก้ศีรษะนางพัวกิมเหลียนออกมา มือขวาถือกระบี่ตรงเข้าไป เอาศีรษะวางตรงหน้าไซบุนเข่ง คนเหล่านั้นก็พากันตกตะลึงอยู่ ไซบุนเข่งเห็นบู๊สงทำดังนั้นก็ตกใจ กระโดดขึ้นไปยืนอยู่บนโต๊ะ มองลงมาดูถนนจะกระโดดหนีก็ไม่ได้ด้วยขึ้นไปอยู่บนเหลาสูงนัก บู๊สงเห็นก็ทะลึ่งขึ้นยืนด้วยกัน ไซบุนเข่งเอาเท้าถีบถูกมือบู๊สงกระบี่หลุดตกลงไปอยู่กลางพื้น ไซบุนเข่งเห็นๆม่มีอาวุธคิดกำเริบเขยิบเท้าจะถีบอีก บู๊สงหลบได้จับเท้าไว้ผลักไซบุนเข่งตกจากเหลามากลิ้งอยู่กลางถนน เจ้าของโรงเตี๊ยมกับคนทั้งปวงก็ตกใจ ไซบุนเข่งตกเหลาลงไปเจ็บปวดเหลือทน แข็งใจหยิบเอากระบี่มาถือไว้ บู๊สงฉวยศีรษะนางพัวกิมเหลียนโดดตามลงไป แย่งกระบี่ได้ ฟันถูกคอไซบุนเข่งขาดตาย คนทั้งหลายก็ตกตะลึงไม่อาจว่ากล่าวประการใด และไซบุนเข่งสู้บู๊สงไม่ได้ด้วยอยู่กับนางพัวกิมเหลียนมิได้ขาด เรี่ยวแรงและกำลังก็ทรุดถอย ประการหนึ่ง ปิศาจบู๊ตัวหนึงคอยติดตามจะล้างผลาญ บู๊สงฝีมือเข้มแข็งมีกำลังมากจึงฆ่าเสียได้ ตัวเอาศีรษะทั้งสองผูกติดกันหิ้วตรงมาที่โรง เรียกทหารเปิดประตูเข้าไปข้างใน บอกกับผู้เฒ่าทั้งสี่ว่า เราไปฆ่าไซบุนเข่งตัดเอาศีรษะมา ท่านอย่าตกใจเลย ยังมีข้อความอีกสิ่งหนึ่งจะพูดให้ท่านทั้งสี่ฟัง ผู้เฒ่าทั้งสี่เห็นบู๊สงเอาศีรษะไซบุนเข่งมาได้ เกรงยิ่งนัก จึงพูดว่า พวกข้าพเจ้าจะคอยท่านจัดการแล้วจึงจะไป บู๊สงเอาศีรษะไซบุนเข่งกับศีรษะนางพัวกิมเหลียนมาวางเคียงกันที่โต๊ะหน้าป้ายบู๊ตัวหนึงพี่ชาย จุดธูปเทียนเซ่นไหว้ พลางพูดว่า ข้าพเจ้า บู๊สง ได้แก้แค้นแทนพี่ ตัดศีรษะคนทั้งสองมาเซ่นไหว้ ถึงตัวจะตายก็ไม่เสียดายชีวิต แล้วพูดกับผู้เฒ่าว่า ครั้งนี้ ฆ่าคนทั้งสองแก้แค้นแทนพี่ โทษในตัวของเรามีอยู่ ท่านทั้งหลายต้องไปด้วย เราเชิญท่านมาเป็นพยาน ได้รู้เห็นประการใดจงพูดไปแต่ตามจริง จะเป็นตายอย่างไรไม่ให้เกี่ยวข้องกับท่าน ถ้าสำเร็จการแล้ว สิ่งของในโรงนี้ท่านทั้งสี่ช่วยจัดแจงขายเอาเงินไปให้ เราจะได้แลกเปลี่ยนอาหารมารับประทาน พูดแล้วเอาไฟเฝาป้ายที่เขียนชื่อบู๊ตัวหนึงเสีย สั่งทหารให้คุมตัวยายเห็งโผไปด้วยกัน บู๊สงก็พาผู้เฒ่าทั้งสี่ตรงมาหาผู้รักษาเมืองเอียงก๊กกุ้ย เอาศีรษะวางไว้ แล้วแจ้งว่า ข้าพเจ้าฆ่าไซบุนเข่งกับนางพัวกิมเหลียนตาย พลางเอาถ้อยคำของนางพัวกิมเหลียน ถ้อยคำยายเห็งโผ ส่งให้ดู ผู้รักษาเมืองเห็นศีรษะกับแจ้งในถ้อยคำทั้งสองฉบับแล้ว ถามยายเห็งโผอีก ยายเห็งโผก็ให้การตามจริงเหมือนเดิม กับทั้งถามผู้เฒ่าทั้งสี่ ก็ให้การตามที่ได้รู้เห็น ผู้รักษาเมืองให้หาห้อเกาเจ้กกับฮุนกอมาถาม ก็ให้การตามจริง ผู้รักษาเมืองจดถ้อยคำไว้แล้วคิดว่า ไซบุนเข่งก็ตายเสีย จะทำอย่างไรได้ บู๊สงนี้ชายชาติทหารสัตย์ซื่อฝีมือเข้มแข็ง เดิมก็ได้ใช้ให้ไปเมืองหลวง มีคุณกับเรา จะต้องช่วยบู๊สงไว้ จึงตรวจดูถ้อยคำที่จะส่งขึ้นไป ณ เมืองตงเพ็งฮู้ เห็นผิดอยู่ก็ให้แก้ไขเพิ่มเติมแล้วอ่านให้ฟังว่า เดิมบู๊สงไปเซ่นไหว้บู๊ตัวหนึงพี่ชาย นางพัวกิมเหลียนแกล้งทำลายป้ายสี บู๊สงขัดเคืองวิวาทกัน จึงได้ฆ่าตาย ไซบุนเข่งนั้นเป็นชู้กับนางพัวกิมเหลียน ไม่เกรงกลัวผู้ใด จึงคิดวิวาทขึ้น บู๊สงก็ฆ่าเสีย ครั้นผู้รักษาเมืองอ่านให้บู๊สงฟังแล้วก็เอาถ้อยคำกับศีรษะทั้งสองและคนที่เกี่ยวข้องมอบให้ขุนนางคุมไปส่ง ณ เมืองตงเพ็งฮู้ ขุนนางผู้นั้นคุมตัวบู๊สงกับยายเห็งโผและพยานหกคนออกจากเมืองเอียงก๊กกุ้ยตรงไปยังเมืองตงเพ็งฮู้ ถึงแล้วก็มอบให้ผู้รักษาเมือง




ตอน ๒๕ ขึ้น ตอน ๒๗