บ้วนฮ่วยเหลา/เล่ม ๑/ตอน ๖

จาก วิกิซอร์ซ
แม่แบบผิดพลาด: มีการลบช่องที่ไม่ได้ใช้ออก โปรดเติมกลับเข้าไป (โปรดดูเอกสารกำกับแม่แบบ)

หน้า ๔๖–๕๑ สารบัญ



ครั้นอยู่มา เตียตง หลีหงี จึงพูดกับเต็กเซงว่า ท่านจะไปเมืองหลวงครั้งนี้ ข้าพเจ้าทั้งสองเคยไปมา จะพาท่านไปช่วยสืบหาวงศ์ญาติ ท่านจะเห็นประการใด เต็กเซงก็มีความยินดี ครั้นรุ่งเช้า เตียตง หลีหงี เต็กเซง ก็ออกจากบ้านจิวเซงเดินตามถนนหลวงถึงศาลเจ้ากวนฮองเปี้ย เตียตง หลีหงี เต็กเซง ก็เข้าหยุดพักในศาล เต็กเซงเห็นสิงโตศิลาตั้งอยู่ในศาลคู่หนึ่ง จึงคิดว่า เราได้สาบานเป็นพี่น้องกับเตียตง หลีหงี ด้วยเห็นว่า เตียตง หลีหงี มีใจโอบอ้อม อยากรู้เพลงอาวุธ๖ง ๆ แต่ยังไม่แจ้งว่า เตียตง หลีหงี จะมีฝีมือเข้มแข็งและกำลังสักเพียงไร จำจะให้ยกสิงโตศิลาลองดู จะได้เห็นกำลัง คิดแล้วจึงว่ากับเตียตง หลีหงี ว่า เมื่อครั้งแผ่นดินไซ่ฮั่น ฌ้อปาอ๋องได้ยกกระถางเหล็กหนักพันชั่ง ทหารที่มีความเข้มแข็งแปดพันคนจึงได้ยอมสามิภักดิ์สิ้น บัดนี้ เราเห็นสิงโตศิลาตั้งอยู่หน้าศาลสองตัว จำจะยกดูเล่น ท่านทั้งสองจะเห็นประการใด เตียตง หลีหงี ก็เห็นชอบ เตียตงจึงเข้าไปยกสิงโตขึ้นเดินได้แปดก้าว ก็วางลง แล้วจึงว่า ข้าพเจ้ามีกำลังแต่เท่านี้ หลีหงีก็เข้าไปยกสิงโตขึ้นเดินไปเวียนได้รอบศาล แล้วก็วางลง แล้วว่า ข้าพเจ้ากำลังเพียงเท่านั้น ที่จะเดินต่อไปไม่ได้แล้ว เต็กเซงก็เข้ายกสิงโตขึ้น แล้วเดินเวียนได้สามสี่รอบ แล้วก็วางลงที่เก่าตามเดิม เตียตง หลีหงี เห็นเต็กเซงยกสิงโตศิลาขึ้นเดินไปได้มากกว่าตัวสองสามเท่าสีหน้ามิได้ผิดปกติ จึงว่า เราเห็นรูปร่างท่านบอบบาง ไม่รู้เลยว่า จะมีกำลังถึงเพียงนี้ เต็กเซงจึงว่า ซึ่งท่านทั้งสองสรรเสริญข้าพเจ้านั้น เห็นเหลือเกินนัก พอเต็งเซงเห็นในศาลมีง้าวอยู่เล่มหนึ่งหนักประมาณสองร้อยชั่งเศษ เต็กเซงจึงบอกกับเตียตงว่า ท่านจงไปเอาง้าวมารำเพลงง้าวดูเล่น เตียตงก็ไปหยิบเอาง้าวมาส่งให้หลีหงี หลีหงีก็เอาง้าวมารำเพลงให้ดู เต็กเซงจึงว่า เราจะรำให้ท่านดูบ้างสักเพลงหนึ่ง แล้วเต็กเซงก็รับง้าวมาจากหลีหงีแล้วจึงรำไป เพลงง้าวของเต็กเซงนั้นเหมือนอย่างมังกรเล่นน้ำ ครั้นรำสิ้นเพลงแล้วก็เอาง้าวไปวางเสียที่เก่าตามเดิม เตียตง หลีหงี ก็สรรเสริญเต็กเซงว่า ฝีมือท่านรำเพลงง้าวคล่องแคล่วนัก เตียตง หลีหงี เห็นว่า ลองฝีมือกันเหนื่อยแล้ว จึงว่า เชิญท่านไปเที่ยวเล่นที่อื่นบ้างเถิด สามนายก็ชวนกันออกจากศาลเจ้ากวนฮองเปี้ยเดินไปตามถนนหลวง ถึงที่ขายสุราแห่งหนึ่ง ก็ชวนกันเข้าไปที่ตึกนั้น เจ้าของตึกก็เชิญให้นั่งที่สมควร

ขณะนั้น เตียตงแลไปเห็นเก๋งสูงหนึ่งทำงดงาม บนเก๋งนั้นมีกระถางปลูกต้นไม้ต่าง ๆ กลิ่นดอกไม้หอมฟุ้งตลบไป จึงว่ากับคนขายสุราว่า เจ้าจัดโต๊ะให้เราโต๊ะหนึ่ง เราจะพากันไปกินบนเก๋งสูงนั้น ผู้ขายสุราจึงว่า ซึ่งท่านจะไปกินเลี้ยงบนเก๋งสูงนั้นไม่ได้ จงเลี้ยงดูกันที่บ้านข้าพเจ้าเถิด เตียตงจึงถามว่า เหตุใดจึงขึ้นไปกินเลี้ยงบนเก๋งไม่ได้ ผู้ขายสุราจึงบอกว่า เก๋งนี้ชื่อ บ้วนฮ่วยเหลา เป็นของฮูลุน ผู้บุตรฮูคุน ขุนนางใหญ่ ทำไว้สำหรับประชุมเพื่อนฝูงมาเลี้ยงโต๊ะกัน แต่ฮูลุนนั้นโหดร้ายนัก ด้วยถืออำนาจบิดาทำข่มขี่ราษฎรเป็นอันมาก ถ้าผู้ใดขึ้นไปนั่งบนเก๋งแล้ว ฮูลุนก็ให้คนเอาตัวไปทำโทษต่าง ๆ ถ้าท่านทั้งสามจะพากันขึ้นไปบนเก๋งแล้ว ข้าพเจ้าก็คงไม่พ้นมือฮูลุน

เตียตง หลีหงี เต็กเซง ได้ฟังผู้ขายสุราบอกก็โกรธนักว่า ฮูลุนถืออำนาจของบิดาทำการข่มขี่ข่มเหงราษฎรให้ได้ความเดือดร้อน จึงว่า ถ้ากระนั้น ปลูกสร้างเก๋งไว้ริมถนนหลวงทำไม ธรรมว่าเก๋งและตึกอยู่ริมถนนแล้วไม่ได้ขายสินค้าสิ่งไรก็ต้องเป็นที่อาศัยแก่คนเดินทาง พวกเราจะขึ้นไปเลี้ยงกันให้จงได้ ถ้าฮูลุนมาจะทำประการใดก็ตามเถิด ผู้ขายสุราได้ฟังตกใจ คุกเข่าลงคำนับ แล้วจึงว่า ท่านทั้งสามจะขึ้นไปบนเก๋งให้ได้ ก็เหมือนหนึ่งหาโทษใส่ให้ข้าพเจ้า ถ้าฮูลุนรู้ความแล้ว ก็คงเอาข้าพเจ้าไปทำโทษถึงสาหัส ท่านจงมีความเมตตาแก่ข้าพเจ้าเถิด อย่าขึ้นไปเลย เตียตงจึงว่า เรานี่หากลัวฮูลุนไม่ เต็กเซงจึงว่า พวกเราเป็นชายชาติทหาร ถ้าไม่ขึ้นไปเลี้ยงโต๊ะกันบนเก๋ง ก็จะมิเป็นคนกลัวฮูลุนหรือ เราจะขึ้นไปให้จงได้ ผู้ขายสุราก็มิรู้ที่จะว่าประการใด แต่คุกเข่าคำนับอ้อนวอนไป เตียตงจึงพูดกับผู้ขายสุราว่า อย่าคำนับเราเลย จงจัดโต๊ะมาเถิด ฮูลุนก็มิได้อยู่บนเก๋งดอก เราจะให้เงินสิบตำลึง สักครู่หนึ่งก็จะลงมาดอก ที่ไหนฮูลุนจะทันรู้ ผู้ขายสุราเห็นว่า ได้เงินมาก ก็ยอมจัดโต๊ะขึ้นไปเลี้ยงสามนายบนเก๋งนั้น สามนายขึ้นไปกินโต๊ะบนเก๋งเสร็จแล้ว ก็ชวนกันเดินชมเล่นบนเก๋ง สนทนากันด้วยเสียงอันดังต่าง ๆ

ขณะนั้น ฉือยี้แจ้งความว่า ผู้ขายสุราจัดโต๊ะให้ชายสามคนขึ้นไปเลี้ยงกันบนเก๋งสูง ก็ไปบอกฮูลุน ฮูลุนแจ้งความแล้วก็โกรธนัก จึงถามว่า ชายสามคนนั้นมันยังอยู่หรือ ฉือยี้จึงบอกว่า เวลานี้ยังพูดจากันอื้ออึงอยู่ ฮูลุนก็เรียกบ่าวไพร่รีบไปที่เก๋งบ้วนฮ่วยเหลา ฮูลุนก็ขึ้นไปบนเก๋ง เห็นสามนายนั่งพูดจากันอยู่ พวกบ่าวฮูลุนจึงร้องกระโชกถามว่า เหตุใดเจ้าสามคนนี้จึงขึ้นมากินโต๊ะเสพสุราบนเก๋งสูงของนายเรา เตียตงจึงตอบว่า เก๋งสูงอยู่ริมถนนหลวงก็สำหรับคนเดินทางหยุดพักอาศัยเป็นที่สบาย ทำไมเจ้าจึงห้ามปรามเล่า เจ้าเป็นบ่าวฮูลุนหรือ ถึงโดยว่าฮูลุนจะมาห้ามเราก็ไม่ได้ บ่าวฮูลุนจึงว่า บัดนี้ นายเรามาคอยอยู่ใต้เก๋งแล้ว จะขึ้นมาบนเก๋ง จึงให้เรามาขับไล่พวกเจ้าไปเสีย เจ้าจงไปเสียโดยเร็วเถิด ถ้าแม้นขัดขืนอยู่ก็คงไม่พ้นโทษ เตียตงได้ฟังก็หัวเราะด้วยเสียงอันดัง แล้วว่า ถ้าฮูลุนมาอยู่ใต้เก๋งแล้ว พวกเราก็จะเลี้ยงกันอยู่บนเก๋งนี้ เจ้าจงรีบไปบอกฮูลุนให้ขึ้นมารินสุราคำนับพวกเราเถิด บ่าวฮูลุนก็โกรธ พากันเข้ากลุ่มรุมตีเตียตง หลีหงีก็ลุกขึ้นช่วยเตียตง ในขณะนั้น เตียตง หลีหงี ช่วยกันตีบ่าวไพร่ฮูลุนแตกกระจัดกระจายไป บ้างตกเก๋ง บ้างก็หนีไปได้ เต็งเซงก็หัวเราะว่า พวกฮูลุนมาแต่เท่านี้ ถึงจะมามากกว่านี้ก็สู้ฝีมือพวกเราไม่ได้ พูดกันแล้วเตียตง หลีหงี เต็กเซง ก็ลุกขึ้นจะพากันลงไป




ตอน ๕ ขึ้น ตอน ๗