ข้ามไปเนื้อหา

ประชุมกฎหมายประจำศก/เล่มเพิ่มเติม/เรื่อง 17

จาก วิกิซอร์ซ
หนังสือสัญญา
ระหว่างกรุงสยามกับกรุงฝรั่งเศส
ซึ่งได้ลงชื่อกันที่กรุงปารีศ
ณวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ รัตนโกสินทรศก ๑๒๒

สมเด็จพระเจ้ากรุงสยาม แลท่านประธานาธิบดีริปับลิคฝรั่งเสศ มีความปราถนาจะผูกพันธ์ทางไมตรี แลจะให้ความไว้วางใจซึ่งมีอยู่ต่อกันในระหว่างประเทศทั้งสองมั่นคงขึ้น และเพื่อจะระงับความยากบางอย่างซึ่งได้เกิดขึ้นจากการที่ตีความหมายของหนังสือสัญญาใหญ่น้อยที่ได้ทำไว้ณเมื่อวันที่ ๓ ตุลาคม รัตนโกสินทรศก ๑๑๒ จึงได้ตกลงทำหนังสือสัญญาน้อยขึ้นใหม่ฉบับหนึ่ง เพื่อประโยชน์นี้ จึงได้แต่งตั้งผู้มีอำนาจเต็มทั้งสองฝ่าย คือ

ฝ่ายสมเด็จพระเจ้ากรุงสยามนั้น

พระยาสุริยานุวัตร อรรคราชทูตพิเศษ แลผู้มีอำนาจเต็มของสมเด็จพระเจ้ากรุงสยาม ณสำนักนิ์ท่านประธานาธิบดีริปับลิคฝรั่งเศส เครื่องราชอิศริยาภรณ์มงกุฎสยามชั้นที่หนึ่ง แลเครื่องอิศริยาภรณ์เลยองดอนเนอร์ชั้นที่สอง ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ

ฝ่ายท่านประธานาธิบดีริปับลิคฝรั่งเศสนั้น

มองซิเออร์เทโอฟิล เดลคาสเซ เดปูเต เสนาบดีว่าการต่างประเทศ ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ

ผู้ซึ่งเมื่อได้ส่งหนังสือมอบอำนาจให้ตรวจดูซึ่งกันแลกัน เห็นเปนอันถูกต้องแบบอย่างดีแล้ว ได้ปฤกษาตกลงกันทำสัญญาเปนข้อ ดังต่อไปนี้

ข้อ ๑

เขตร์แดนในระหว่างกรุงสยามกับกรุงกัมภูชานั้น ตั้งต้นแต่ปากคลองสดุงโรลูออส ข้างฝั่งชายทเลสาป เปนเส้นเขตร์แดนตรงทิศตวันออก ไปจนบรรจบถึงคลองกะพงจาม ตั้งแต่ที่นี้ต่อไป เขตร์แดนเปนเส้นตรง ทิศเหนือขึ้นไปจนบรรจบถึงภูเขาพนมดงรัก (คือ ภูเขาบรรทัด) ต่อนั้นไป เขตร์แดนเนื่องไปตามแนวยอดภูเขาปันน้ำ ในระหว่างดินแดนน้ำตกน้ำแสน แลดินแดนน้ำตกแม่น้ำโขง ฝ่ายหนึ่ง กับดินแดนน้ำตกน้ำมูนอีกฝ่ายหนึ่ง จนบรรจบภูเขาผาด่าง แล้วต่อเนื่องไปข้างทิศตวันออกตามแนวยอดภูเขานี้ จนบรรจบถึงแม่น้ำโขง ตั้งแต่ที่บรรจบนี้ขึ้นไปแม่น้ำโขง เปนเขตร์แดนของกรุงสยามตามความข้อ ๑ ในหนังสือสัญญาใหญ่ณวันที่ ๓ ตุลาคม รัตนโกสินทรศก ๑๑๒

ข้อ ๒

ฝ่ายเขตร์แดนในระหว่างเมืองหลวงพระบาง ข้างฝั่งขวาแม่น้ำโขง แลเมืองพิไชย กับเมืองน่านนั้น เขตร์แดนตั้งต้นแต่ปากน้ำเฮียงที่แยกจากแม่น้ำโขง เนื่องไปตามกลางลำน้ำเฮียง จนถึงที่แยกปากน้ำตาง เลยขึ้นไปตามลำน้ำตาง จนบรรจบถึงยอดภูเขาปันน้ำในระหว่างดินแดนน้ำตกแม่น้ำโขง แลดินแดนน้ำตกแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงที่แห่งหนึ่งที่เขาภูแดนดิน ตั้งแต่ที่นี้ เขตร์แดนต่อเนื่องขึ้นไปทางทิศเหนือตามแนวยอดเขาปันน้ำในระหว่างดินแดนน้ำตกแม่น้ำโขงแลดินแดนน้ำตกแม่น้ำเจ้าพระยา จนบรรจบถึงปลายน้ำควบ แล้วเขตร์แดนต่อเนื่องไปตามลำน้ำควบ จนบรรจบกับแม่น้ำโขง

ข้อ ๓

จะได้กำหนดเขตร์แดนในระหว่างกรุงสยามกับดินแดนที่เปนแผ่นดินอินโดชีนฝรั่งเศส รัฐบาลทั้งสองฝ่ายที่ได้ทำสัญญากันนี้ต่างจะตั้งข้าหลวงผสมกันไปทำการกำหนดเขตร์แดนนี้ การกำหนดเขตร์แดนนี้จะทำลงตามเขตร์แดนที่ได้กำหนดไว้ในข้อ ๑ แลข้อ ๒ ทั้งจะกำหนดลงในดินแดนที่อยู่ในระหว่างทเลสาบกับทเล

เพื่อจะกระทำให้การของข้าหลวงผสมสดวกขึ้น แลเพื่อจะหลีกเลี่ยงเสียจากความยากทุกสิ่งทุกอย่างที่อาจเกิดขึ้นได้ในการกำหนดเขตร์แดนในดินแดนซึ่งอยู่ในระหว่างทเลแลทเลสาบนั้น เมื่อก่อนที่จะตั้งข้าหลวงผสม รัฐบาลทั้งสองฝ่ายจะตกลงกันเสียก่อนว่า จะกำหนดที่สำคัญแห่งใดเปนที่หมายกำหนดเขตร์แดนในดินแดนนี้ แห่งใดเปนเขตร์แดนที่จะจดทเล เปนต้น

จะได้ตั้งข้าหลวงผสม แลข้าหลวงที่จะตั้งต้นทำการใน ๔ เดือนภายหลังวันรับอนุญาตใช้หนังสือสัญญาฉบับนี้

ข้อ ๔

รัฐบาลสยามยอมเสียสละอำนาจซึ่งเปนเจ้าของแผ่นดินเมืองหลวงพระบางที่อยู่ข้างฝั่งแม่น้ำโขง

เรือค้าขายแลแพไม้ซึ่งเปนกรรมสิทธิ์ของคนไทย มีอำนาจที่จะขึ้นล่องได้โดยสดวก ปราศจากการขัดขวาง ในตอนแม่น้ำโขงซึ่งไหลตลอดที่ดินแดนของเมืองหลวงพระบาง

ข้อ ๕

เมื่อได้ตกลงกันตามข้อความซึ่งได้กล่าวไว้ในข้อ ๓ ตอนที่ ๒ ว่าด้วยเรื่องการกำหนดเขตร์แดนในระหว่างทเลสาบแลทแลแล้ว แลเมื่อรัฐบาลสยามได้แจ้งความให้เจ้าพนักงานฝรั่งเศสทราบโดยทางราชการว่า ที่ดินแดนซึ่งเปนผลแห่งการที่จะได้ตกลงกัน กับที่ดินแดนซึ่งอยู่ข้างทิศตวันออกของเขตร์แดน ตามที่ได้กำหนดลงไว้ในข้อ ๑ ข้อ ๒ ในหนังสือสัญญาฉบับนี้ ว่า เจ้าพนักงานฝรั่งเศสจะรับเอาได้เมื่อใดแล้ว กองทหารฝรั่งเศสซึ่งได้เข้าตั้งอยู่ในเมืองจันทบุรีชั่วครั้งหนึ่งคราวหนึ่งตามหนังสือสัญญา วันที่ ๓ ตุลาคม รัตนโกสินทรศก ๑๑๒ จะออกจากเมืองจันทบุรีในทันใด

ข้อ ๖

ข้อสัญญาข้อ ๔ ในหนังสือสัญญาใหญ่ วันที่ ๓ ตุลาคม รัตนโกสินทรกศก ๑๑๒ นั้น เปนอันยกเลิก เปลี่ยนเปนข้อสัญญาตามความต่อไปนี้

พระบาทสมเด็จพระเจ้ากรุงสยามทรงรับสัญญาว่า พลทหารซึ่งจะได้โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ส่งไปหรือจะให้ตั้งประจำอยู่ในเขตร์แคว้นที่ลุ่มน้ำตกแม่น้ำโขงข้างฝ่ายกรุงสยามนั้นจะเปนพลทหารชาติไทยอยู่ในใต้บังคับนายทหารชาติไทยเสมอ มีความยกเว้นอย่างเดียวจากสัญญาข้อนี้ให้เปนประโยชน์แก่ตำรวจภูธรไทย ซึ่งนายทหารชาติเดนมาร์กบังคับอยู่ในขณะนี้ ถ้ารัฐบาลสยามปรารถนาจะเปลี่ยนนายทหารเหล่านี้ให้เปนนายทหารของชาติอื่น รัฐบาลสยามจะปฤกษาให้ตกลงกันกับรัฐบาลฝรั่งเศสก่อน

ในเรื่องที่เกี่ยวข้องด้วยแขวงเมืองพระตะบอง เมืองเสียมราฐ แลเมืองศรีโสภณนั้น รัฐบาลสยามสัญญาจะให้มีแต่กองพลตระเวรซึ่งเปนที่ต้องการสำหรับรักษาความสงบเรียบร้อย คนที่จะให้เปนพลตระเวรนี้ จะเกณฑ์เอาแต่ล้วนที่เปนชาวเมืองณที่นั้น

ข้อ ๗

ถ้าในกาลภายหน้า รัฐบาลสยามปราถนาจะทำท่าเรือ คลอง ทางรถไฟ ที่ในดินแดนลุ่มน้ำตกแม่น้ำโขงข้างฝ่ายของกรุงสยาม (มีทางรถไฟที่จะให้เปนทางติดต่อจากกรุงเทพฯ ไปถึงที่แห่งใดในแว่นแคว้นลุ่มน้ำนี้โดยฉะเภาะ) แม้ว่าจะทำการเหล่านี้ไปมิได้แต่โดยลำภังเจ้าพนักงานไทยโดยทุนของไทย รัฐบาลสยามจะปฤกษาให้ตกลงกันกับรัฐบาลฝรั่งเศส ส่วนการที่จะทำสำหรับให้การต่าง ๆ ที่กล่าวนี้เปนผลประโยชน์ขึ้น ก็เหมือนกัน

ในการที่จะใช้ท่าเรือ คลอง ทางรถไฟ ในแว่นแคว้นน้ำตกแม่น้ำโขงข้างฝ่ายของกรุงสยามก็ดี ทั้งภายในพระราชอาณาเขตต์นอกไปจากแว่นแคว้นนี้ก็ดี เปนความเข้าใจกันว่า จะไม่ตั้งพิกัดเก็บเงินให้ต่างกันให้เปนการผิดไปจากหลักถาน ซึ่งจะต้องทำให้เสมอกันในการค้าขาย ดังได้สัญญาไว้ในหนังสือสัญญาทั้งหลายที่กรุงสยามได้ลงชื่อ

ข้อ ๘

ในที่จะทำการให้สำเร็จไปตามความข้อ ๖ ของหนังสือสัญญาใหญ่ วันที่ ๓ ตุลาคม รัตนโกสินทรศก ๑๑๒ นั้น รัฐบาลสยามจะอนุญาตที่ดินเปนขนาดกว้างยาวตามซึ่งจะได้กำหนดให้แก่รัฐบาลริปับลิก ณที่ต่าง ๆ ข้างฝั่งขวาแม่น้ำโขง คือ

ที่ เชียงคาน หนองคาย เมืองสนัยบุรี ที่ ๆ ปากน้ำคาน (ฝั่งขวาหรือฝั่งซ้าย) บ้านมุกดาหาร เมืองเขมราฐ กับที่ปากน้ำมูน (ฝั่งขวาหรือฝั่งซ้าย)

รัฐบาลทั้งสองได้ตกลงกันจัดแจงเอาออกเสัยซึ่งสิ่งที่กีดกั้นไม่ให้เรือเดินได้สดวกในลำน้ำมูนตอนที่อยู่ในระหว่างพิมูลกับแม่น้ำโขง ถ้าเห็นว่า การนั้นจะทำให้สำเร็จไปไม่ได้ หรือว่า จะเปลืองเงินเกินไป รัฐบาลทั้งสองจะช่วยกันจัดแจงทำทางบกให้ไปมาถึงกันได้ในระหว่างเมืองพิมูลแลแม่น้ำโขง

รัฐบาลทั้งสองจะตกลงกันด้วยว่า ในระหว่างเมืองจำปาศักดิ์กับเขตร์แดนเมืองหลวงพระบางดังที่ได้กำหนดลงไว้ในข้อ ๒ ของหนังสือสัญญาฉบับนี้ จะให้มีทางรถไฟขึ้นใช้แทนการเดินเรือที่ไม่สดวกในแม่น้ำโขง ถ้ายอมรับกันว่า เปนที่ต้องการ

ข้อ ๙

ตั้งแต่เดี๋ยวนี้ไป เปนการตกลงกันแล้วว่า รัฐบาลทั้งสองจะช่วยให้มีทางรถไฟตั้งแต่เมืองพนมเปนไปถึงเมืองพระตะบองขึ้นให้ได้โดยสดวก การก่อสร้างแลการที่จะกระทำให้มีผลประโยชน์ขึ้นนั้น รัฐบาลทั้งสองจะทำเองโดยลำภัง ส่วนการในที่ดินแดนของรัฐบาลใด รัฐบาลนั้นรับทำ หรือรัฐบาลทั้งสองจะยินยอมพร้อมกันให้บริษัทไทยปนกับฝรั่งเศสบริษัทใดทำ ก็ได้

รัฐบาลทั้งสองได้เห็นด้วยกันแล้วว่า เปนการจำเปนที่จะทำการเพื่อจะให้ทางน้ำในคลองเมืองพระตะบองในระหว่างทเลสาบกับเมืองนั้นดียิ่งขึ้น เพื่อฉนี้ รัฐบาลฝรั่งเศสพร้อมตัวที่จะให้เอเยนต์ที่เปนช่างซึ่งรัฐบาลสยามอาจจะต้องการใช้ทั้งสำหรับที่จะทำการและรักษาการที่กล่าวนี้ด้วย

ข้อ ๑๐

รัฐบาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยอมรับรายชื่อของคนในบังคับฝรั่งเศสเช่นกับที่มีอยู่แล้วเดี๋ยวนี้ ยกเว้นเสียแต่คนจำพวกที่จะได้ยอมรับกันทั้งสองฝ่ายได้เข้าจดทะเบียนอยู่ในรายชื่อนั้นโดยเหตุอันมิชอบธรรม เจ้าพนักงานฝรั่งเศสจะได้ส่งสำเนารายชื่อเหล่านี้ให้แก่เจ้าพนักงานไทย

บุตร์หลานของคนอยู่ในบังคับซึ่งเข้าอยู่ในใต้อำนาจศาลฝรั่งเศสเช่นนี้ จะไม่มีอำนาจที่จะอ้างเข้าอยู่ในทะเบียนได้ ถ้าหากว่า คนเหล่านี้ไม่ได้ตกเปนคนอยู่ในจำพวกซึ่งได้กำหนดไว้ในข้อสัญญาต่อความข้อนี้ไปในหนังสือสัญญาน้อยฉบับนี้

ข้อ ๑๑

คนกำเนิดในประเทศเอเซีย เกิดในดินแดนซึ่งอยู่ในใต้อำนาจปกครองโดยตรงของกรุงฝรั่งเศส หรือในดินแดนที่อยู่ในความป้องกันของปกครองกรุงฝรั่งเศสนั้น จะมีอำนาจที่จะรับความป้องกันของฝรั่งเศสได้ ยกเว้นเสียแต่ผู้ซึ่งได้เข้ามาตั้งอยู่ในกรุงสยามเมื่อก่อนเวลาที่ดินแดนที่กำเนิดของคนเหล่านั้นได้เข้าอยู่ในอำนาจปกครองหรือความป้องกันของฝรั่งเศส

ความป้องกันฝรั่งเศสจะมีไปถึงเพียงบุตร์ของคนเหล่านั้น แต่จะไม่มีแผ่เผื่อต่อไปถึงหลานของคนเหล่านั้น

ข้อ ๑๒

ในการที่เกี่ยวข้องด้วยอำนาจศาล ซึ่งตั้งแต่นี้ต่อไป คนฝรั่งเศสแลคนในบังคับฝรั่งเศสในกรุงสยามจะต้องเข้าอยู่ในใต้บังคับโดยไม่มีที่ยกเว้นเลยนั้น รัฐบาลทั้งสองได้ตกลงกันทำข้อสัญญาดังที่จะกล่าวต่อไปนี้ขึ้นใช้แทนข้อสัญญาที่มีอยู่แต่ก่อน

๑.ในความอาญา คนฝรั่งเศสหรือคนในบังคับฝรั่งเศสจะอยู่ในใต้บังคับตระลาการศาลฝรั่งเศสเท่านั้น

๒.ในความแพ่ง คดีทั้งปวงซึ่งคนไทยเปนโจทย์ฟ้องคนฝรั่งเศสหรือคนในบังคับฝรั่งเศส จะต้องฟ้องต่อศาลกงสุลฝรั่งเศส

คดีทั้งปวงซึ่งคนไทยเปนจำเลย ศาลไทยสำหรับพิจารณาคดีความต่างประเทศซึ่งตั้งไว้ณกรุงเทพฯ จะพิจารณาตัดสิน

ยกเว้นเสียแต่ที่ในมณฑลเมืองนครเชียงใหม่ นครลำปาง นครลำพูน นครน่าน ความอาญาและความแพ่งทั้งปวงซึ่งคนในบังคับฝรั่งเศสมีคดี ศาลต่างประเทศไทยจะพิจารณาตัดสิน แต่เปนความเข้าใจกันว่า ในคดีความทั้งปวงนี้ กงสุลฝรั่งเศสมีอำนาจที่จะไปอยู่ในศาลเมื่อเวลาชำระได้ หรือจะให้มีผู้แทนผู้หนึ่งซึ่งได้รับอำนาจตามสมควรแล้วไปอยู่ที่ศาลในเวลาชำระก็ได้ แลเมื่อเห็นว่า เปนการสมควรแก่ผลประโยชน์ของความยุติธรรม จะทำความแนะนำทักท้วงขึ้นได้ทุกอย่าง

ในคดีความซึ่งคนฝรั่งเศสหรือคนในบังคับฝรั่งเศสเปนจำเลยนั้น ถ้าในระหว่างความพิจารณา กงสุลฝรั่งเศสเห็นเปนเวลาสมควรที่จะขอถอนคดีความนั้นออกเสีย โดยทางที่จะทำหนังสือขอไป เมื่อใดก็ได้

คดีความนี้ก็ต้องส่งต่อไปยังศาลกงสุลฝรั่งเศส ซึ่งตั้งแต่เวลานั้นไป จะพิจารณาคดีนั้นได้ตามลำพัง แลเจ้าพนักงานไทยจะสงเคราะห์ช่วยธุระแก่ศาลนั้นด้วย

การฟ้องอุทธรณ์ต่อคำตัดสินทั้งปวงของศาลสำหรับพิจารณาคดีความต่างประเทศก็ดี ของศาลต่างประเทศสำหรับมณฑลที่ ๔ ที่ได้กล่าวมาแล้วนั้นก็ดี จะต้องไปฟ้องอุทธรณ์ที่ศาลอุทธรณ์กรุงเทพฯ

ข้อ ๑๓

ในกาลภายน่า เรื่องการที่ชาวประเทศเอเซียซึ่งมิได้เกิดในดินแดนที่ตรงอยู่ในอำนาจหรือในดินแดนที่อยู่ในความป้องกันของกรุงฝรั่งเศส หรือผู้ซึ่งมิได้เปลี่ยนชาติโดยถูกต้องตามกฎหมาย จะเข้าเปนคนอยู่ในความป้องกันของฝรั่งเศสได้นั้น รัฐบาลของริปับลิกจะได้รับอำนาจเท่ากันกับอำนาจซึ่งกรุงสยามจะยอมให้แก่ประเทศหนึ่งประเทศใดในกาลภายน่า

ข้อ ๑๔

ข้อความทั้งหลายซึ่งมีอยู่ในหนังสือสัญญาใหญ่ สัญญาน้อย แลสัญญาทั้งปวงแต่ก่อนมา ในระหว่างกรุงสยามกับกรุงฝรั่งเศส ที่หนังสือสัญญาน้อยฉบับนี้มิได้เปลี่ยนแปลงเสียนั้น ยังคงใช้ได้อยู่โดยเต็ม

ข้อ ๑๕

ถ้าเกิดความขัดข้องไม่เห็นต้องกันในความหมายของหนังสือสัญญาซึ่งได้เขียนขึ้นในภาษาฝรั่งเศสแลภาษาไทยนี้ ภาษาฝรั่งเศสจะเปนหลักข้างเดียว

ข้อ ๑๖

หนังสือสัญญาน้อยนี้ จะต้องมีอนุญาตในกำหนด ๔ เดือนตั้งแต่วันที่ได้ลงชื่อ หรือให้เร็วกว่านั้นถ้าจะกระทำได้

ในการที่จะให้เปนพะยานสำคัญนั้น ผู้มีอำนาจเต็มทั้งสองฝ่ายได้ลงชื่อไว้ในหนังสือสัญญานี้ และได้ประทับตราลงไว้ด้วยกัน

ได้ทำที่กรุงปารีศ (เปนสองฉบับเหมือนกัน)

ณวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ รัตนโกสินทรศก ๑๒๒

(ประทับตราแลเซ็น) พระยาสุริยา

(ประทับตราแลเซ็น) เดลคาสเซ