ประชุมพงศาวดาร/ภาคที่ 34/ผู้วายชนม์
ด้วยการที่จะเรียบเรียงประวัติของนายหลี ศุภสมุทร์ ให้ละเอียด มีอุปสัคอยู่ ๒ ข้อ คือ
๑.ด้วยพี่น้องญาติที่ใกล้เคียงโดยมากเปนผู้ที่ตั้งภูมิลำเนาในประเทศจีน จะมีเหลืออยู่บ้างในประเทศสยามนี้ก็หาผู้ที่ทราบความเก่าแก่ได้โดยยาก
๒.เปนเวลากระชั้นที่ได้ตกลงจัดปลงศพ จึงจำต้องสืบได้ความเท่าที่ทราบได้ง่าย ๆ แลไม่มีข้อสังสัย จากผู้นั้นบ้าง ผู้นี้บ้าง เท่าที่จะสืบได้พอเปนสังเขป
นายหลี ศุภสมุทร์ เปนบุตร์ของนายชุฯ นามจีนเรียกว่า กกเลี่ยงกง แซ่ฉั่ว หรือเรียกว่า ฉั่วกกเลี่ยงกง ซึ่งได้ถึงแก่กรรมไปแล้ว เมื่อขณะนายหลีฯ มีอายุได้ ๒๘ ปี นายชุฯ เปนบุตร์คนที่ ๒ ของท่านฉั่วอังเพ่งคง ครั้งนั้น ได้รับตำแหน่งเปนผู้สำเร็จราชการฝ่ายทหารในมณฑลกึงตัง จังหวัดเฮียงซัวกุย เฮียกติ่งฮู้ แต่ได้ถึงแก่กรรมไปก่อนที่นายชุฯ เข้ามาอยู่ในประเทศสยาม
นายชุฯ บิดานายหลีฯ เคยรับราชการเปนทหารประจำที่มณฑลกึงตัง จังหวัดเฮียงซัวกุย เฮียกติ่งฮู้ ภายหลัง ได้เปลี่ยนอาชีวะออกจากราชการทหารเข้ามาทำมาหากินค้าขายอยู่ในประเทศสยาม แลได้แต่งงานกับนางหมาฯ ซึ่งเปนมารดาของนายหลี ที่จังหวัดสมุทสงคราม ตำบลแม่กลอง เกิดบุตรด้วยกัน ๒ คน คือ นางบาง ประไพวงษ์ ๑ นายหลี ศุภสมุทร ๑ แต่นางบางฯ ได้ถึงแก่กรรมไปก่อนแล้ว
นายหลีฯ เกิดที่จังหวัดสมุทรสงคราม ตำบลแม่กลอง เกิดเมื่อปีระกา เดือน ๑๑ วันพัฤหัศบดี ขึ้น ๔ ค่ำ ตรงกับวันที่ ๒๕ กันยายน พ.ศ. ๒๔๑๖ เมื่อนายหลีมีอายุได้ ๑๐ ปี ได้อุปสมบทเปนสามเณร ศึกษาวิชาภาษาไทยอยู่กับท่านอาจารย์จิ๋ว วัดใหญ่ ตำบลแม่กลอง พอมีความรู้อ่านออกเขียนได้ ก็ลาออกมาช่วยบิดามารดาทำกิน ครั้นอายุได้ ๑๗ ปี เพื่อนชักชวนให้ไปทำงานอยู่กับขุนบานเฮี้ยน ซึ่งนับแตคั่นนี้เปนต้นไป นายหลีได้พยายามทำงานอยู่กับขุนบานเฮี้ยน เปนอย่างดี ครั้นต่อมา ได้แต่งงานกับนางทองย้อย ศุภสมุทร ที่ตึกขุนบานเฮี้ยน ตำบลตลาดพลู ในคลองบางหลวง จังหวัดธนบุรี ซึ่งเวลานั้น นางทองย้อยฯ มาอยู่กับน้าผู้หญิงซึ่งเปนเอกภรรยาของขุนบานเฮี้ยน นายหลีกับนางทอย้อยได้อยู่กินเปนสามีภรรยากันมา ๓๕ ปี มีบุตรด้วยกันหลายคน แต่ที่ยังมีชีวิตรอยู่ คือ นายเรือโท สุวรรณ ศุภสมุทร เวลานี้ รับราชการอยู่ในกระทรวงทหารเรือ แลนางอรุณ ศุภสมุทร แต่ได้แต่งงานไปแล้วกับ ร.อ.ท. หลวงอาคารพาณิชยกรรม (ฟุ้ง อำไพวณิช) ซึ่งยังรับ ราชการอยู่ที่โรงเรียนเพาะช่าง
นายหลีเปนผู้มีนิสัยใจคอกว้างขวาง กล้าได้กล้าเสียในสิ่งที่พอใจ แต่พอใจในการทำมาหากินเป็นพ่อค้ามากกว่าอื่น ซึ่งได้เริ่มพยายามฝึกฝนมานับตั้งแต่เมื่อมีอายุได้ ๑๗ ปี รวมความว่า นายหลีได้พยายามทำงานอาบเหงื่อต่างน้ำมาจนบรรลุถึงบัดนี้
นายหลีฯ เคยทำโรงบ่อนเบี้ย, โรงต้มกลั่นสุรา, ภาษีจันอับ, ภาษีฝิ่น ฯลฯ ซึ่งนับแต่มีถานะเปนลูกจ้าง, เปนผู้จัดการ แลเปนเจ้าของ โดยอาศรัยความอุสาหะพยายามเก็บเล็กผสมน้อย รักษาชื่อเสียง แลถือมั่นในความกตัญญูกตเวที ครั้นต่อมาเมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๗ นายหลีฯ ได้ไปอาศรัยพึ่งพระบาระมีอยู่ในความอุปถัมภ์ของนายพลเรือเอก พระเจ้าพี่ยาเธอ กรมขุนสิงหวิกรมเกรียงไกร เสนาบดีกระทรวงทหารเรือ ซึ่งนับว่า นายหลีฯ เปนผู้ที่กระทำตนให้เปนที่ต้องด้วยพระอัธยาศรัยเสมอ ทรงโปรดปรานใช้สอยในกิจการงานต่าง ๆ ส่วนพระองค์ จนเปนที่ไว้วางพระทัยได้อย่างดี นายหลีฯ ได้รับใช้สอยฉลองพระเดชพระคุณอยู่จนตราบเท่าถึงความอนิจกรรมเมื่อวันที่ ๑๐ กรกฎาคม พระพุทธศักราช ๒๔๖๙ โดยเปนโรคลมเส้นโลหิตแตกณที่ทำงานตึกแถวข้างห้าง เอส.เอ.บี. เลขที่ ๘๓๒ ช. ๘๓๒ ซ. ยี่ห้อลี่เซ้ง เขียนเปนภาษาจีนอ่านว่า ฉั่วหลีเซ้ง ถนนวรจักร อำเภอสามยอด คำนวณอายุได้ ๕๒ ปี ๙ เดือน ๑๕ วัน ทั้งนี้ ย่อมเปนที่สลดใจอาลัยถึงของบรรดาญาติมิตรทั่วไปเปนอันมาก.