ประมวลกฎหมายรัชกาลที่ 1/เล่ม 2/พระไอยการทาษ

จาก วิกิซอร์ซ
ดูฉบับอื่นของงานนี้ที่ พระอัยการทาส
พระไอยการทาษ[1]
1
 จักกล่าวลักษณะมูลคดีวิวาทด้วยทาษสินไถ่ทาษชะเลย ชาย
หญิง
เปนต้นที่จะให้เกิดคดีตามคำภีรพระธรรมสาตรว่า ทาสี จ ทาสํ ทาษอันควรจะใช้ได้มี ๗ ประการโดยพระบาฬี ดั่งนี้
  • ขนอธเนน วิกิเนยฺยวา ปุตฺตาทาสา มาตาปิตา
  • ชาติทาสา จ[2] ทินฺนกา อฏฺฏ[3] ทาสา จ ภตฺตกา
  • ธชาหตา จ ทาสกา ทาสวณฺณา ปิ สตฺตมา
 อธิบายว่า ทาสวฺณณา[4] อันว่าปรเพศแห่งทาษทังหลาย สตฺตมา มีเจตจำพวก อันควรจะใช้ได้นั้น ธเนน วิกิเนยฺยวา คือทาษไถ่มาด้วยทรัพย ๑ ปุตฺตทาสา คือลูกทาษเกิดในเรือนเบี้ย ๑ มาตาปิตา จ ทาสกา คือทาษได้มาแต่ฝ่ายข้างบิดามานดา ๑ ทินฺนกา จ คือทาษมีผู้ให้ ๑ อฏฺฏทาสา จ คือทาษอันได้ด้วยช่วย[5] กังวลทุระทุกขแห่งคนอันต้องทันธโทษ ๑ ภตฺตกา จ คือทาษอันได้เลี้ยงไว้ในกาลเมื่อเข้าแพง ๑ ธชาหตา จ ทาสกา คือนำธงไชยไปรบศึกแล้วแลได้มาเปนทาษชะเลย ๑ ทาษ ๗ ประการดั่งนี้ควรจะใช้ได้
 อนึ่ง ทาษอันมิควรจะใช้ได้นั้น ๖ ประการ มีบาฬีดังนี้
  • มุญฺจนา ภิกฺขุทาสา จ พฺราหฺมณทานทาสกา[6]
  • ทาโส เม ติ ภิกฺขุํ อตฺถิสิลา อญฺเญชนา
  • เขตฺตทาสา ติ ฉฏฺเฐว ทาสกมฺเม น ลพฺภเร
 อธิบายว่า ฉฏฺฐ เอว ทาสา อันว่าทาษไม่ควรจะว่า ทาษไม่ควรจะใช้ มี ๖ ประการ มุญฺจนา[7] คือทาษอันโปรดเสียมิได้ใช้ ๑ ภิกฺขุทาสา จ คือทาษอันตนโปรดให้บวดเปนสมณ ๑ พฺราหฺมณทานทาสกา[8] คือทาษอันตนโปรดให้ไปแก่พราหมณหนึ่ง ทาโส เม ติ ภิกฺขุํ ภิกฺขุ คือภิกษุต่อภิกษุจะว่ากัน[9] เปนทาษนั้นมิได้ ๑ อตฺถิสิลา อญฺเญชนา คือผู้อื่นอันมั่นในศิลาธิคุณมาพึ่งพำนักอยู่ จะว่าเปนทาษนั้นมิได้ ๑ เขตฺตทาสา คือผู้มาอาไศรยอยู่ในคามเขดที่เรือนสวนไร่นาแห่งตน ตนจะว่าผู้นั้นเปนทาษมิได้ ๑ เปน ๖ ประการด้วยกัน ทาษ ๖ ปรการนี้ ทาสกมฺเม น ลพฺภเร อันบุทคนมิควรจะพึ่งใช้ในทาษกรรมกรแห่งตนได้
 ทีนี้ จะกล่าวสาขคดีอันมีตามมูลคดีวิวาท โดยพระราชบัญญัติจัดเปนบทมาตราสืบมาดั่งนี้
 ศุภมัศดุ ๑๓๕๙ มะแมนักสัตว อาสาทมาศ ศุกขปักษย เอกาทัศมีดฤษถี จันทวาร พระบาทสมเดจพระเจ้ารามาธิบดินทรนะรินทรบรมมหา[วซ 1] จักระพรรดิราเมศวรราชเดโชไชยะ พรหมเทพาดิเทพตรีภูวนาธิเบศ บรมบพิตรพระพุทธิเจ้าอยู่หัว เสดจณพระธินั่งบุษบกมาลามหาไพชยณปราสาทโดยบูรรพาพิมุกข ทรงพระอนุสรคำนึงตามคำภีรพระธรรมสาตรแล้ว มีพระราชโองการมาณพระบันทูล[10] สุรสีหนาทพระราชบัญญัตไว้ว่า
 ทาษควรจะใช้ในทาษกรรมมี ๗ ปรการในคำภีรพระธรรมสาตร คือข้าสีนไถ่ปรการ ๑ คือลูกทาษเกิดในเรือนเบี้ย[11] ปรการ ๑ คือทาษได้มาแต่ บิดา
มารดา
ปรการ ๑ คือทาษท่านให้ปรการ ๑ คือทาษอันได้ด้วยช่วยกังวลแห่งคนอันต้องทันธโทษประการ[12] ๑ คือทาษอันได้เลี้ยงมาเมื่อกาลทุภิกขะปรการ ๑ คือทาษอันได้ด้วยชะเลยปรการ ๑ เปนเจตปรการดั่งนี้
2
 จักกล่าวลักษณทาษสีนไถ่ก่อน ไถ่ทาษมี ๓ ปรการโดยพระธรรมสาตรกล่าว ดั่งนี้ ประการหนึ่ง ไถ่มิได้ขาดข้า (ประการหนึ่งไถ่ขาดข้า)[13] ปรการหนึ่งไถ่มิได้ใช้ อันว่าไถ่มิได้ขาดคานั้น คือว่า ไถ่ฝากมีผู้ฃายนายประกัน ถ้ามันหลบลี้หนีหาย เอาแก่ผู้ฃายนายประกันได้ อันว่าข้าไถ่ขาดค่านั้น คือว่า ไถ่เตมค่า แลท่านมิได้ปรกัน มันหลบหลีกหนีหาย จะเอาแก่ผู้ฃายนั้นมิได้ อันว่าไถ่ทาษมิได้ใช้นั้น คือว่า ไถ่แล้วให้ผูกดอกเบี้ยไปก็ดี แลทาษนั้น[14] ฃอผูกดอกไปเองก็ดี ผู้[15] ไถ่มิได้ไช้
3
  มาตราหนึ่ง ถ้าผัวแลพ่อแม่นายเงินเอาชื่อลูกเมียข้าคนใส่ในกรมธรรมฃาย ท่านว่า เปนสิทธิ แม้นว่าเจ้าสีนบอกก็ดี มิได้บอกก็ดี แก่ตัวเรือนเบี้ยซึ่งมีชื่ออยู่ในกรมธรรม์นั้น ท่านว่า เปนสิทธิได้โดยกระบิลเมืองท่าน เหดุว่าเจ้าผัวพ่อแม่นายเงินนั้นเปนอิศรภาพแล
4
  มาตราหนึ่ง เมียก็ดีลูกก็ดีเอาชื่อ พ่อ
แม่
แลผัวใส่ในกรมธรรม์ฃาย ท่านว่า มิเปนสิทธิเลย เหดุว่า เมีย
ลูก
นั้นมิได้เปนอิศระแก่ผัวแลพ่อแม่นั้นเลย
5
  มาตราหนึ่ง ผู้ใดขาดแคลนมีอาสนเอา พี่น้อง
ลูกหลาน
ญาติไปฃายฝากประจำเชิงกระยาเบี้ย[16] แสนหนึ่ง 
แสนขึ้นไป ให้ค่อยใช้ค่อยสอย อย่าให้ทำร้ายแก่ผู้คนท่าน ถ้ามันหมีดี ให้เอาไปเวนแก่ผู้ฃายคืนเรียกเอาเงิน ถ้าเจ้าเบี้ยมีคดีประการใด ๆ เอามันผู้ทาษให้ไปต่างตัว แลมันต้องตีจำ โซ่
ตรวน
ขื่อคา
ทวนด้วยหนังจำตากแดดตากฝนแช่น้ำทาระกรรมต่างตัวก็ดี ต่าง บุตรภรรยา

พี่น้อง
พ้องพันธุตนก็ดี ท่านว่า เจ้าเบี้ยนั้นมิชอบ ให้ผูกโทษแก่เจ้าเบี้ย เบี้ยค่าคนนั้นเท่าใด ให้ลดเสียกึ่งหนึ่ง ถ้าเอามันไปทวนด้วยลดหนังไซ้ จะเอาค่าตัวทาษนั้นมิได้เลย ถ้าฃายขาดค่า เจ้าเบี้ยนายเงินผิดระแวงราชการพระเจ้าอยู่หัวประการใด ถ้าต้องโทษแทนนายเงิน ท่านว่า หาโทษแก่เจ้าเบี้ยนายเงินมิได้ เพราว่าขาดค่าเปนสิทธิแล้ว ถ้าหนีหายตายไซ้ ตกแก่นายเงิน
6
  มาตราหนึ่ง ผู้ใดขายคนลูกเมียสิงอันใดแก่ท่าน แลทำสารกรมธรรม์ให้เจ้าสีน ๆ ก็ภาซื่อให้เงินแก่ผู้ฃาย ๆ เอาเงินท่านไป แล้วมิได้เอาสิ่งอันฃายมาให้แก่ท่าน ๆ ว่า ลวงท่าน ถ้าพิจารณาเปนสัจ ให้เอาต้นสีนตั้งใหมทวีคูน ยกทุนให้เจ้าของ เหลือนั้นเปน สีนไหม
พิไนย
กึ่ง
7
  มาตราหนึ่ง ฃายทาษฝากประจำเชิงกระยาเบี้ย แลผู้ฝากรับเอาเงินไป ผู้ไถ่มิเตมใจเอาคนไปเวนแก่ผู้ฃายฝาก ๆ มิรับเอาคน มิคืนเงินให้เจ้าเงิน ๆ เอาคนนั้นไปไว้แก่กระลาการ ๆ เรียกผู้ฃายมาให้รับเอาคนคืนแล้วให้ส่งเงินแก่เจ้าเงิน ถ้าผู้ฃายบังอาจมิรับเอาคนไป ตกอยู่ในกลางกระลาการ มีผู้มาช่วยไถ่ส่งเงินทุนให้แก่เจ้าเงิน คนนั้นเปนสิทธิแก่ผู้ไถ่ ถ้าคนนั้นต้องพิภาษหายหนีเมื่อหน้า ให้ผู้ฃายฝากคนก่อนนั้นใช้ต้นเงินท่านจงถ้วนตามฃายก่อนนั้น อย่าให้ลด
8
  มาตราหนึ่ง ผู้ใดคึ่งเคียดแก่ข้าคนตนไซ้ ท่านให้ตีแต่ภอให้หลาบ ปราบแต่ภอให้กลัว ท่านมิให้ล้มตายเลย ถ้ามันคนร้ายสั่ง[17] สอนมิได้ ให้ฃายมันเสีย ถ้าตีมันตาย ให้ไหมโดยศักดิ มือ
ไม้
เหลก
นั้นแล
9
  มาตราหนึ่ง เขนใจขาดแคลนเอา บุตรภรรยา
พี่น้อง
พ้องพันธุญาติทาษ ชาย
หญิง
ไปฃายฝากไว้แก่ท่านให้ใช้ประจำเชิงกระยาเบี้ย[18] ถ้า หญิง
ชาย
ค่าตัวต่ำกว่า ๑๒
๑๔
แสน ให้ค่อย ใช้
สอย
ผิดพลั้งสิ่งใด ทำแต่ภอควร อย่าให้เจ้าสีนข่มเหงใส่ ฃื่อ[19] คา
โซ่ตรวน
ตีจำทำโดยอุก มีบาดเจบค้นหักบอดประการใด ท่านว่า เจ้าสีนมิชอบ แลให้ใหมผู้ทำนั้นเปนส่วน ทาษ
ไท
ให้ยกแต่เบี้ยส่วนทาษนั้นไว้ เอาส่วนไทนั้นใหมผู้ทำเปน สีนใหม
พิไนย
กึ่ง
10
  มาตราหนึ่ง มีอาสนฃายตัวฝากไว้แก่ท่านก็ดี ฃายเมียลูกหลานไว้แก่ท่านก็ดี เอาเงินท่านไป[20] มิได้ให้สารกรมธรรม์แก่ท่านมาให้ท่านใช้อยู่ ครั้นท่านตักเตือนจะเอาสารกรมธรรม์แก่มัน แต่มันผัด วัน
คืน
อยู่ได้ 
๑๐
เดือนปีหนึ่ง ให้สิทธแก่เจ้าทาษเหมือนไถ่มาแต่ท้องสำเภา ถ้าเกิดลูก ชาย
หญิง
ไซ้ ให้เอาเสมอลูกทาษเปนสิทธิ เพราะมันดูบงเหดุแก่ท่าน
11
  มาตราหนึ่ง ผู้ใดฃาดแคลนเอาลูกเมียญาติพี่น้องหลานเหลนผู้คนทาษไท ไปฃายฝากไว้แก่ท่าน ๆ จะให้เบี้ยเงินแก่ผู้ฝาก ๆ ว่ายังมิเอา แลผู้ฝากว่าให้เอาคนไว้ก่อน แลผู้จะช่วยเอาตัวคนฝากไว้ใช้ มันทำให้ของท่านแตกหักหาย ท่านว่า ยังมิให้เบี้ยเงินแก่ผู้ฃายมักง่ายใช้คน ถ้าของนั้นแต่แสนหนึ่งลงมา ท่านมิให้มันใช้เลย ถ้าของนั้นมากกว่าแสน[21] หนึ่งขนไป ให้ทำเปนสามส่วน ให้มันใช้ส่วนหนึ่ง สองส่วนนั้นเปนพับแก่เจ้าของ
 ถ้าแลเจ้าเงินได้ให้เงินแก่ผู้ฃาย ๆ ไดทำสารกรมธรรม์ให้แล้ว คนฝากมันทำให้ฃองท่านแตกหักหายไซ้ ให้มันใช้ของท่านจงถ้วน ถ้าเจ้าเงินใช้ให้มันเลี้ยงโคกระบือช้างม้าสัตวมีชีวิตร มันมิได้นำภาปล่อย[22] ปละละโคกระบือช้างม้า[23] นั้นไว้ ทำให้ของท่านหาย ให้ใช้ของท่านจงถ้วน ถ้ามันติดตามโคกระบือท่านไป แลโจรผู้ร้ายตีด่า[24] มัดผูกมันผู้ทาษแล้วเอาวัวควายช้างม้านั้นไป ท่านมิให้มันไช้เลย ถ้าช้างม้าโคกระบือนั้นมากเหลือที่จะเลี้ยงรักษาแลหายด้วยประการใด ให้ทำเปนสองส่วนให้มันใช้ส่วนหนึ่ง ส่วนหนึ่งเปนพับแก่เจ้าเงิน ถ้าแลมีโจรผู้ร้ายปล้นตีชิงเอาช้างม้าโคกระบือ ในบ้างแลกลาง ทุ่ง
นา
กลาง ป่า
ดง
กลาง วัน
คืน
เปนสัจไซ้ ท่านมิให้มันใช้เลย เพราะเหลือกำลังมันที่จะพิทักรักษาไว้
12
 ๑๐ มาตราหนึ่ง ทาษฝากเจ้าเงินให้เลี้ยง ช้างม้า
โคกระบือ
สัตวให้เลี้ยงนั้นตาย เจ้าเงินจะคิดเอาค่าสัตวแก่ทาษนั้นมิได้
13
 ๑๑ มาตราหนึ่ง ฃายพี่น้องผู้คนไว้แก่ท่าน ๆ ใช้อยู่ ถ้าแต่สามขวบลงมา แลมันเปนผู้ร้ายคุมพวกพ้องปล้นสดมฆ่าฟันท่านตายให้เปนจุลาจลในแผ่นดินท่าน เอามาพิจารณาเปนสัจ ให้ผู้เปน[25] เชิงเบี้ยใช้จงเตมค่า เพราะมันฬ่อลวงเอาผู้ร้ายให้ท่านใช้ ถ้าพ้นสามขวบขึ้นไป จะเอาค่าคนคืนมิได้เลย เปนพับแก่นายเงินแล
14
 ๑๒ มาตราหนึ่ง ผู้ใดมีทาษทาษี แลทรัพยอันจะคิดเอาแก่ทาษทาษีนั้นก็ยังมาก แลถ้อยความอันจะว่าแก่ทาษทาษีนั้นก็หลายกะทงแต่ยังอยู่ที่ตนนั้น มิได้ว่ากล่าวแลจะคิดเอาสิ่งของ[26] นั้น ครั้นฃายไปอยู่แก่ท่านผู้อื่นแล้ว แลจะคิดเอาสิ่งของนั้น แลจะว่าความนั้น มิพึงให้คิดเอาแลว่ากล่าวเลย
15
 ๑๓ มาตราหนึ่ง บุทคนผู้ใดเอาทาษแลบุตรไปฃายฝากไว้แก่ท่านมิขาดข้า แลนายเงินกุมเกาะประสมให้มีผัว มันหน้า:ประมวลกฎหมาย รัชกาลที่ ๑ (๒) - ๒๔๘๑.pdf/82หน้า:ประมวลกฎหมาย รัชกาลที่ ๑ (๒) - ๒๔๘๑.pdf/83หน้า:ประมวลกฎหมาย รัชกาลที่ ๑ (๒) - ๒๔๘๑.pdf/84หน้า:ประมวลกฎหมาย รัชกาลที่ ๑ (๒) - ๒๔๘๑.pdf/85หน้า:ประมวลกฎหมาย รัชกาลที่ ๑ (๒) - ๒๔๘๑.pdf/86หน้า:ประมวลกฎหมาย รัชกาลที่ ๑ (๒) - ๒๔๘๑.pdf/87หน้า:ประมวลกฎหมาย รัชกาลที่ ๑ (๒) - ๒๔๘๑.pdf/88หน้า:ประมวลกฎหมาย รัชกาลที่ ๑ (๒) - ๒๔๘๑.pdf/89หน้า:ประมวลกฎหมาย รัชกาลที่ ๑ (๒) - ๒๔๘๑.pdf/90หน้า:ประมวลกฎหมาย รัชกาลที่ ๑ (๒) - ๒๔๘๑.pdf/91หน้า:ประมวลกฎหมาย รัชกาลที่ ๑ (๒) - ๒๔๘๑.pdf/92หน้า:ประมวลกฎหมาย รัชกาลที่ ๑ (๒) - ๒๔๘๑.pdf/93หน้า:ประมวลกฎหมาย รัชกาลที่ ๑ (๒) - ๒๔๘๑.pdf/94หน้า:ประมวลกฎหมาย รัชกาลที่ ๑ (๒) - ๒๔๘๑.pdf/95หน้า:ประมวลกฎหมาย รัชกาลที่ ๑ (๒) - ๒๔๘๑.pdf/96หน้า:ประมวลกฎหมาย รัชกาลที่ ๑ (๒) - ๒๔๘๑.pdf/97หน้า:ประมวลกฎหมาย รัชกาลที่ ๑ (๒) - ๒๔๘๑.pdf/98หน้า:ประมวลกฎหมาย รัชกาลที่ ๑ (๒) - ๒๔๘๑.pdf/99หน้า:ประมวลกฎหมาย รัชกาลที่ ๑ (๒) - ๒๔๘๑.pdf/100หน้า:ประมวลกฎหมาย รัชกาลที่ ๑ (๒) - ๒๔๘๑.pdf/101หน้า:ประมวลกฎหมาย รัชกาลที่ ๑ (๒) - ๒๔๘๑.pdf/102หน้า:ประมวลกฎหมาย รัชกาลที่ ๑ (๒) - ๒๔๘๑.pdf/103หน้า:ประมวลกฎหมาย รัชกาลที่ ๑ (๒) - ๒๔๘๑.pdf/104หน้า:ประมวลกฎหมาย รัชกาลที่ ๑ (๒) - ๒๔๘๑.pdf/105หน้า:ประมวลกฎหมาย รัชกาลที่ ๑ (๒) - ๒๔๘๑.pdf/106หน้า:ประมวลกฎหมาย รัชกาลที่ ๑ (๒) - ๒๔๘๑.pdf/107หน้า:ประมวลกฎหมาย รัชกาลที่ ๑ (๒) - ๒๔๘๑.pdf/108หน้า:ประมวลกฎหมาย รัชกาลที่ ๑ (๒) - ๒๔๘๑.pdf/109หน้า:ประมวลกฎหมาย รัชกาลที่ ๑ (๒) - ๒๔๘๑.pdf/110หน้า:ประมวลกฎหมาย รัชกาลที่ ๑ (๒) - ๒๔๘๑.pdf/111หน้า:ประมวลกฎหมาย รัชกาลที่ ๑ (๒) - ๒๔๘๑.pdf/112หน้า:ประมวลกฎหมาย รัชกาลที่ ๑ (๒) - ๒๔๘๑.pdf/113หน้า:ประมวลกฎหมาย รัชกาลที่ ๑ (๒) - ๒๔๘๑.pdf/114หน้า:ประมวลกฎหมาย รัชกาลที่ ๑ (๒) - ๒๔๘๑.pdf/115หน้า:ประมวลกฎหมาย รัชกาลที่ ๑ (๒) - ๒๔๘๑.pdf/116หน้า:ประมวลกฎหมาย รัชกาลที่ ๑ (๒) - ๒๔๘๑.pdf/117หน้า:ประมวลกฎหมาย รัชกาลที่ ๑ (๒) - ๒๔๘๑.pdf/118หน้า:ประมวลกฎหมาย รัชกาลที่ ๑ (๒) - ๒๔๘๑.pdf/119หน้า:ประมวลกฎหมาย รัชกาลที่ ๑ (๒) - ๒๔๘๑.pdf/120หน้า:ประมวลกฎหมาย รัชกาลที่ ๑ (๒) - ๒๔๘๑.pdf/121หน้า:ประมวลกฎหมาย รัชกาลที่ ๑ (๒) - ๒๔๘๑.pdf/122หน้า:ประมวลกฎหมาย รัชกาลที่ ๑ (๒) - ๒๔๘๑.pdf/123หน้า:ประมวลกฎหมาย รัชกาลที่ ๑ (๒) - ๒๔๘๑.pdf/124หน้า:ประมวลกฎหมาย รัชกาลที่ ๑ (๒) - ๒๔๘๑.pdf/125

  1. ฉะบับหลวงสูญหายทั้งสามฉะบับ จึงพิมพ์ตามฉะบับรองทรง
  2. ต้นฉะบับว่า: คำว่า จ ตกไป
  3. ต้นฉะบับ: อฏ
  4. ต้นฉะบับ: ทาวณฺณา
  5. ต้นฉะบับ: คำว่า ช่วย ตกไป
  6. ต้นฉะบับ: พฺรหฺมณทาสตา
  7. ต้นฉะบับ: มญฺจนา
  8. ต้นฉะบับ: พฺราหฺมณทาสกา
  9. ต้นฉะบับ: คำว่า กัน ตกไป
  10. ต้นฉะบับ: พระทูล
  11. ต้นฉะบับ: เบีย
  12. ต้นฉะบับ: คำว่า ประการ ตกไป
  13. ในต้นฉะบับ คำในวงเล็บตกไป เพิ่มตามฉะบับพิมพ์ ปี จ.ศ. ๑๒๑๑
  14. ต้นฉะบับ: นัน
  15. ต้นฉะบับ: คำว่า ผู้ ตกไป
  16. ต้นฉะบับ: กระเบี้ย
  17. ต้นฉะบับ: สัง
  18. ต้นฉะบับ: เบีย
  19. ต้นฉะบับ: ฃือ
  20. ต้นฉะบับ: เอาเงินเงินไป
  21. ต้นฉะบับ: คำว่า แสน ตกไป
  22. ต้นฉะบับ: ปลอย
  23. ต้นฉะบับ: มา
  24. ต้นฉะบับ: ดา
  25. ต้นฉะบับ: คำว่า เปน ตกไป
  26. ต้นฉะบับ: ข้อง
เชิงอรรถของวิกิซอร์ซ
  1. มีใบบอกแก้คำผิดว่า ตรงนี้ "ควรมีเชิงอรรถว่า ต้นฉะบับ: บรมหา"