ข้ามไปเนื้อหา

ประมวลกฎหมายอาญาทหาร/คำปรารภ

จาก วิกิซอร์ซ

ศุภมัสดุ พระพุทธศาสนกาลเปนอดีตภาคล่วงแล้ว ๒๔๕๔ พรรษา ปัตยุบันกาล จันทรคตินิยม ศุกรสังวัจฉร มาฆมาศ กัณหะปักษ์ ฉดิถี ชีวะวาร สุริยคติกาล รัตนโกสินทร ๑๓๐ กุมภาพันธ์มาส อัฐมาศาหคุณพิเศษ บริเฉทกาลกำหนด

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาวชิราวุธ เอกอรรคมหาบุรุษบรมนราธิราช พินิตประชานารถมหาสมมตวงษ์ อติศัยพงษวิมลรัตน์ วรขัตติยราชนิกโรดม จาตุรันตบรมมหาจักรพรรดิราชสังกาศ อุภโตสุชาตสังสุทธเคราะหณี จักรีบรมนารถ จุฬาลงกรณราชวรางกูร บรมมกุฎนเรนทร์สูรสันตติวงษวิสิฐ สุสาธิตบุรพาธิการ อดุลยกฤษฎาภินิหารอติเรกบุญฤทธิ ธัญลักษณวิจิตรโสภาคยสรรพางค์ มหาชโนตตะมางคประณตบาทบงกชยุคล ประสิทธิสรรพศุภผลอุดมบรมสุขุมาลย์ ทิพยเทพาวตารไพศาลเกียรติคุณอดุลยพิเศษ สรรพเทเวศรานุรักษ์ บุริมศักดิ์สมญาเทพทวาราวดี ศรีมหาบุรุษสุตสมบัติ เสนางคนิกรรัตนอัศวโกศล ประพนธปรีชามัทวสมาจาร บริบูรณคุณสารสยามาทินครวรุตเมกราชดิลก มหาปริวารนายกอนันต มหันตวรฤทธิเดช สรรพวิเศษศิรินธร บรมชนกาดิศรสมมต ประสิทธิวรยศมโหดมบรมราชสมบัติ นพปฎลเสวตฉัตราดิฉัตร ศิริรัตโนปลักษณมหาบรมราชาภิเศกาภิสิต สรรพทศทิศวิชิตไชย สกลมไหสวริยมหาสวามินทร์ มเหศวรมหินทรมหารามาธิราชวโรดม บรมนารถชาติอาชาวไศรย พุทธาทิไตรรัตนสรณารักษ์ อดุลยศักดิ์อรรคนเรศรามาธิบดี เมตตากรุณาสีตลหฤไทย อโนปไมยบุญการ สกลไพศาลมหารัษฎาธิเบนทร์ ปรเมนทรธรรมิกมหาราชาธิราช บรมนารถบพิตร พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว

ทรงพระราชดำริห์ว่า พระธรรมนูญศาลทหารบกแลพระธรรมนูญศาลทหารเรือ ซึ่งโปรดเกล้าฯ ให้ตราเปนพระราชบัญญัติขึ้นไว้เมื่อรัตนโกสินทรศก ๑๒๖ แล ๑๒๗ นั้น เปนแต่พระราชกำหนดสำหรับจัดการแลกำหนดน่าที่แลอำนาจศาลทหารบกแลศาลทหารเรือ แลประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งโปรดเกล้าฯ ให้ตราเปนพระราชบัญญัติขึ้นไว้เมื่อรัตนโกสินทรศก ๑๒๗ นั้น ก็บัญญัติแต่เฉภาะลักษณโทษแห่งความผิดล่วงเลมิดต่อพระราชกำหนดกฎหมายสามัญ

บัดนี้ สมควรจะมีพระราชบัญญัติกำหนดลักษณโทษแห่งความผิดต่าง ๆ อันเปนฐานล่วงเลมิดต่อกฎหมายแลขนบธรรมเนียมฝ่ายทหารขึ้นไว้เปนหลักฐาน แต่ทรงพระราชปรารภว่า การกระทำผิดต่อกฎหมายแลน่าที่ฝ่ายทหารนั้น แม้เปนการซึ่งเกิดจากความประพฤติของบุคคลที่เปนทหารเสียเปนพื้นก็จริง แต่มีบางอย่างที่อาจเกิดขึ้นจากความประพฤติของบุคคลสามัญก็ได้ ในพระราชบัญญัติเช่นนี้ ควรมีบทกฎหมายบางอย่างให้ใช้ได้ตลอดทั้งบุคคลที่เปนทหารแลบุคคลสามัญ แลใช่แต่เท่านั้น บุคคลซึ่งเปนทหารย่อมตั้งอยู่ในใต้บังคับวินัยทหาร

เมื่อกระทำผิดขึ้นต่อพระราชกำหนดกฎหมายอย่างคนสามัญ ความผิดนั้นย่อมมีลักษณะการละเว้นความควรประพฤติในฝ่ายทหารเจือไปด้วย สมควรมีโทษหนักยิ่งกว่าผู้กระทำผิดเช่นเดียวกันซึ่งเปนคนสามัญ

เพราะฉนั้น จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราไว้เปนพระราชบัญญัติสืบไป ดังนี้