พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพระจักรพรรดิพงศ์ (จาด)/คำนำ

จาก วิกิซอร์ซ
คำนำ

เนื่องในงานพระราชทานเพลิงศพพลโท พระยากลาโหมราชเสนา (เล็ก ปาณิกบุตร) กำหนดงานวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๐๒ ณ สุสานหลวงวัดเทพศิรินทราวาส หลวงศิริเดชธรรมได้เป็นผู้แทนเจ้าภาพมาแจ้งความแก่เจ้าหน้าที่แผนกค้นคว้า กองวรรณคดีและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร ว่า เจ้าภาพประสงค์จะจัดพิมพ์หนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์แจกเป็นอนุสรณ์ในงานนี้ เจ้าหน้าที่ได้พิจารณาแล้ว จึงแนะนำให้จัดพิมพ์พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพระจักรพรรดิพงศ์ (จาด) เจ้าภาพก็คกลงรับพิมพ์

พระราชพงศาวดา่รต่าง ๆ ที่มีต้นฉบับรักษาไว้ในหอสมุดแห่งชาติ ที่เป็นความเก่าจับเรื่องแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี คือ

(๑) พระราชพงศาวดาร ฉบับหลวงประเสริฐ แต่งในแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราชเมื่อ พ.ศ. ๒๒๒๓ มีบานแผนกบอกไว้ ดังนี้

"ศุภมัสดุ ๑๐๒๔ ศก วอกนักษัตร ณ วันพุธ เดือน ๕ ขึ้น ๑๒ ค่ำ ทรงพระกรุณาโปรดเหนือเกล้าเหนือกระหม่อมสั่งว่า ให้เอากฎหมายเหตุของพระโหราเขียนไว้แต่ก่อน และกฎหมายเหตุซึ่งหาได้แต่หอหนังสือ และเหตุซึ่งมีในพระราชพงศาวดารนั้น ให้คัดเข้าดัวยกันเป็นแห่งเดียว ให้ระดับศักราชกันมาคุงเท่าบัดนี้"

พระราชพงศาวดารฉบับนี้ ความขึ้นต้นแต่แรกสถาปนาพระพุทธรูปพระเจ้าแพนงเชิงเมื่อปีชวด จุลศักราช ๖๘๖ (พ.ศ. ๑๘๖๗) และแรกสร้างกรุงเทพทวาราวดีศรีอยุธยาเมื่อปีขาล จุลศักราช ๗๑๒ (พ.ศ. ๑๘๙๓) สืบมาจนถึงปีมะโรง จ.ศ. ๙๖๖ (พ.ศ. ๒๑๔๗) ตอนปลายรัชกาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช พิมพ์แล้วอยู่ในหนังสือประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๑

ต่อมาในชั้นกรุงเก่านั้นเอง เห็นจะเป็นในแผ่นเินสมเด็จพระเจ้าบรมโกศ มีรับสั่งให้แต่งพระราชพงศาวดารขึ้นอีกฉบับหนึ่ง คือ

(๒) พระราชพงศาวดาร ฉบับจำลอง จ.ศ. ๑๑๓๖ (พ.ศ. ๒๓๑๗) กรมศิลปากรได้ปลีกมาเป็นสมุดไทยเล่ม ๑ เป็นฉบับหลวงเขียนครั้งกรุงธนบุรี ว่าด้วยเรื่องราวตอนปลายรัชกาลสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ สำนวนแต่งใกล้เกือบจะถึงสำนวนในฉบับหลวงประเสริฐ พิมพ์แล้วอยู่ในประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๔

และ (๓)  พระราชพงศาวดาร ฉบับจำลอง จ.ศ. ๑๑๔๕ (พ.ศ. ๒๓๒๖) เป็นฉบับปลีก รวม ๒ เล่มสมุดไทย เขียนครั้งรัชกาลที่ ๑ กรุงรัตนโกสินทร์ ว่าด้วยเรื่องราวในรัชกาลสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ เล่ม ๑ ในรัชกาลสมเด็จพระมหาธรรมราชา เล่ม ๑ รูปสำนวนเป็นสมัยกรุงเก่า รุ่นเดียวกับฉบับหมายเลข ๒ ยังไม่เคยตีพิมพ์

ในรัชกาลที่ ๑ กรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อ พ.ศ. ๒๓๓๘ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกได้ทรงชำระหนังสือพระราชพงศาวดาร ฉบับกรุงเก่า และแต่งเติมที่บกพร่อง คือ

(๔) พระราชพงศาวดาร ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) มีจำนวนสมุดไทยตามลำดับเป็น ๒๒ เล่ม ขาดในระหว่างบ้างบางเล่ม เริ่มต้นแต่แรกสถาปนากรุงเทพทวาราวดีศรีอยุธยา ต่อมาจนสุดรัชกาลสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี พิมพ์แล้วในประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๖๔ และภาคที่ ๖๕

ต่อมาถึงรัชกาลที่ ๓ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ ทรงอาราธนาสมเด็จกรมพระปรมานุชิตชิโนรสให้ทรงชำระเรื่องพระราชพงศาวดารอีกครั้งหนึ่ง แต่จะชำระในปีใดไม่ปรากฏ คือ

(๕) พระราชพงศาวดาร ฉบับพิมพ์ ๒ เล่ม หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ฉบับหมอบรัดเล เริ่มความตั้งแต่สร้างกรุงเทพทวาราวดีศรีอยุธยาต่อมาจนถึงกรุงรัตนโกสินทร์ สุดความลงเพียง จ.ศ. ๑๑๕๔ (พ.ศ. ๒๓๓๕)

(๖) พระราชพงศาวดารกรุงเก่า ฉบับพระจักรพรรดิพงศ์ (จาด) ข้อความโดยมากยุติกับฉบับหมอบรัดเล เว้นแต่เรื่องในรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์ตอนปลายติดต่อกันมา มีแปลกออกไปหลายแห่ง และความไม่จบถึงปลายสมัยอยุธยา คงกล่าวถึงเพียงราวรัชกาลพระเพทราชา แต่ก็ย่อรวบรัดตัดความลงมาก และในที่บางแห่งก็ลักลั่นต่างกับพระราชพงศาวดารฉบับอื่น เช่น พระราชหัตถเลขา และฉบับพันจันทนุมาศ เฉพาะข้อความที่แปลกจากฉบับอื่นได้เคยพิมพ์แล้วอยู่ในประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๘ นอกนั้นยังไม่เคยพิมพ์

ถึงรัชกาลที่ ๔ ราว พ.ศ. ๒๓๙๘ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ กับกรมหลวงวงสาธิราชสนิท ทรงช่วยกันชำระหนังสือพระราชพงศาวดารอีกครั้งหนึ่ง คือ

(๗) พระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา เคยพิมพ์เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๕ ครบเรื่องเป็นหนังสือ ๓ เล่ม ต่อมาเมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๗ หอพระสมุดพิมพ์เล่ม ๑ อีกครั้งหนึ่ง มีคำอธิบายของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ประกอบ และต่อมา กรมศิลปากรได้อนุญาตให้บริษัทโอเดียนสโตร์พิมพ์จำหน้ายอีกครั้งหนึ่งเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๕ แบ่งเป็น ๔ เล่มจบ

เฉพาะพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพระจักรพรรดิพงศ์ (จาด) นั้น ต้นฉบับจารลงในใบลานผูกรวม ๑๗ ผูก มีข้อความส่วนมากยุติต้องกันกับฉบับหมอบรัดเล เว้นแต่เรื่องในรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์ดังได้กล่าวไว้แล้วในข้อ ๖ ในการจัดพิมพ์ครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบชำระกับพระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา และฉบับพันจันทนุมาศ ปรากฏว่า มีสำนวนแตกต่างกับฉับทั้งสองในที่บางแห่ง แต่เรื่องราวเหตุการณ์ต่าง ๆ คงเหมือนกัน เว้นไว้แต่เรื่องราวในรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์ตอนปลาย ดังได้ทำคำอธิบายเชิงอรรถกำกับลงไว้ด้วยแล้ว และศักราชในที่บางแห่งที่ผิดแปลกจากฉบับหลวงประเสริฐก็ได้ลงเชิงอรรถไว้ด้วย เพื่อผู้สนใจจะได้เปรียบเทียบทั้งสำนวนเนื้อความและศักราชเป็นการสะดวกในการอ่านหรือการศึกษาค้นคว้าต่อไป ทั้งได้เติมหัวข้อแสดงลำดับรัชกาลลงไว้ด้วยเพื่อสังเกตทราบได้สะดวก อนึ่ง การจัดพิมพ์ครั้งนี้เป็นไปในเวลาจำกัดรีบด่วนมาก จึงไม่อาจจัดทำสารบาญได้ทัน

กรมศิลปากรขออนุโมทนากุศลราศีทักษิณานุปทานซึ่งเจ้าภาพได้บำเพ็ญอุทิศแด่พลโท พระยากลาโหมราชเสนา (เล็ก ปาณิกบุตร) ผู้ล่วงลับไปแล้ว และกุศลปณิธานตลอดจนศรัทธาที่ได้ให้จัดพิมพ์หนังสือเล่มนี้เผยแพร่เป็นหิตานุหิตประโยชน์เกื้อกูลการศึกษาค้นคว้าวิทยาการทั้งนี้ จงเป็นปัจจัยอำนวยให้พลโท พระยากลาโหมราชเสนา (เล็ก ปาณิกบุตร) ได้ประสบแต่อิฐคุณมนุญผลถึงซึ่งสุคติและทิพยสมบัติในสัมปรายภพตามควรแก่ฐานะทุกประการเทอญ.

  • กรมศิลปากร
  • ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๐๓