พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพระจักรพรรดิพงศ์ (จาด) (2502)
เนื่องในงานพระราชทานเพลิงศพพลโท พระยากลาโหมราชเสนา (เล็ก ปาณิกบุตร) กำหนดงานวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๐๒ ณ สุสานหลวงวัดเทพศิรินทราวาส หลวงศิริเดชธรรมได้เป็นผู้แทนเจ้าภาพมาแจ้งความแก่เจ้าหน้าที่แผนกค้นคว้า กองวรรณคดีและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร ว่า เจ้าภาพประสงค์จะจัดพิมพ์หนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์แจกเป็นอนุสรณ์ในงานนี้ เจ้าหน้าที่ได้พิจารณาแล้ว จึงแนะนำให้จัดพิมพ์พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพระจักรพรรดิพงศ์ (จาด) เจ้าภาพก็คกลงรับพิมพ์
พระราชพงศาวดา่รต่าง ๆ ที่มีต้นฉบับรักษาไว้ในหอสมุดแห่งชาติ ที่เป็นความเก่าจับเรื่องแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี คือ
(๑)พระราชพงศาวดาร ฉบับหลวงประเสริฐ แต่งในแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราชเมื่อ พ.ศ. ๒๒๒๓ มีบานแผนกบอกไว้ดังนี้
“ศุภมัสดุ ๑๐๒๔ ศก วอกนักษัตร ณ วันพุธ เดือน ๕ ขึ้น ๑๒ ค่ำ ทรงพระกรุณาโปรดเหนือเกล้าเหนือกระหม่อมสั่งว่า ให้เอากฎหมายเหตุของพระโหราเขียนไว้แต่ก่อน และกฎหมายเหตุซึ่งหาได้แต่หอหนังสือ และเหตุซึ่งมีในพระราชพงศาวดารนั้น ให้คัดเข้าดัวยกันเป็นแห่งเดียว ให้ระดับศักราชกันมาคุงเท่าบัดนี้”
พระราชพงศาวดารฉบับนี้ ความขึ้นต้นแต่แรกสถาปนาพระพุทธรูปพระเจ้าแพนงเชิงเมื่อปีชวด จุลศักราช ๖๘๖ (พ.ศ. ๑๘๖๗) และแรกสร้างกรุงเทพทวาราวดีศรีอยุธยาเมื่อปีขาล จุลศักราช ๗๑๒ (พ.ศ. ๑๘๙๓) สืบมาจนถึงปีมะโรง จ.ศ. ๙๖๖ (พ.ศ. ๒๑๔๗) ตอนปลายรัชกาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช พิมพ์แล้วอยู่ในหนังสือประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๑
ต่อมาในชั้นกรุงเก่านั้นเอง เห็นจะเป็นในแผ่นเินสมเด็จพระเจ้าบรมโกศ มีรับสั่งให้แต่งพระราชพงศาวดารขึ้นอีกฉบับหนึ่ง คือ
(๒)พระราชพงศาวดาร ฉบับจำลอง จ.ศ. ๑๑๓๖ (พ.ศ. ๒๓๑๗) กรมศิลปากรได้ปลีกมาเป็นสมุดไทยเล่ม ๑ เป็นฉบับหลวงเขียนครั้งกรุงธนบุรี ว่าด้วยเรื่องราวตอนปลายรัชกาลสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ สำนวนแต่งใกล้เกือบจะถึงสำนวนในฉบับหลวงประเสริฐ พิมพ์แล้วอยู่ในประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๔
และ(๓) พระราชพงศาวดาร ฉบับจำลอง จ.ศ. ๑๑๔๕ (พ.ศ. ๒๓๒๖) เป็นฉบับปลีก รวม ๒ เล่มสมุดไทย เขียนครั้งรัชกาลที่ ๑ กรุงรัตนโกสินทร์ ว่าด้วยเรื่องราวในรัชกาลสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ เล่ม ๑ ในรัชกาลสมเด็จพระมหาธรรมราชา เล่ม ๑ รูปสำนวนเป็นสมัยกรุงเก่า รุ่นเดียวกับฉบับหมายเลข ๒ ยังไม่เคยตีพิมพ์
ในรัชกาลที่ ๑ กรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อ พ.ศ. ๒๓๓๘ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกได้ทรงชำระหนังสือพระราชพงศาวดาร ฉบับกรุงเก่า และแต่งเติมที่บกพร่อง คือ
(๔)พระราชพงศาวดาร ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) มีจำนวนสมุดไทยตามลำดับเป็น ๒๒ เล่ม ขาดในระหว่างบ้างบางเล่ม เริ่มต้นแต่แรกสถาปนากรุงเทพทวาราวดีศรีอยุธยา ต่อมาจนสุดรัชกาลสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี พิมพ์แล้วในประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๖๔ และภาคที่ ๖๕
ต่อมาถึงรัชกาลที่ ๓ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ ทรงอาราธนาสมเด็จกรมพระปรมานุชิตชิโนรสให้ทรงชำระเรื่องพระราชพงศาวดารอีกครั้งหนึ่ง แต่จะชำระในปีใดไม่ปรากฏ คือ
(๕)พระราชพงศาวดาร ฉบับพิมพ์ ๒ เล่ม หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าฉบับหมอบรัดเล เริ่มความตั้งแต่สร้างกรุงเทพทวาราวดีศรีอยุธยาต่อมาจนถึงกรุงรัตนโกสินทร์ สุดความลงเพียง จ.ศ. ๑๑๕๔ (พ.ศ. ๒๓๓๕)
(๖)พระราชพงศาวดารกรุงเก่า ฉบับพระจักรพรรดิพงศ์ (จาด) ข้อความโดยมากยุติกับฉบับหมอบรัดเล เว้นแต่เรื่องในรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์ตอนปลายติดต่อกันมา มีแปลกออกไปหลายแห่ง และความไม่จบถึงปลายสมัยอยุธยา คงกล่าวถึงเพียงราวรัชกาลพระเพทราชา แต่ก็ย่อรวบรัดตัดความลงมาก และในที่บางแห่งก็ลักลั่นต่างกับพระราชพงศาวดารฉบับอื่น เช่น พระราชหัตถเลขา และฉบับพันจันทนุมาศ เฉพาะข้อความที่แปลกจากฉบับอื่นได้เคยพิมพ์แล้วอยู่ในประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๘ นอกนั้นยังไม่เคยพิมพ์
ถึงรัชกาลที่ ๔ ราว พ.ศ. ๒๓๙๘ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ กับกรมหลวงวงสาธิราชสนิท ทรงช่วยกันชำระหนังสือพระราชพงศาวดารอีกครั้งหนึ่ง คือ
(๗)พระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา เคยพิมพ์เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๕ ครบเรื่องเป็นหนังสือ ๓ เล่ม ต่อมาเมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๗ หอพระสมุดพิมพ์เล่ม ๑ อีกครั้งหนึ่ง มีคำอธิบายของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ประกอบ และต่อมากรมศิลปากรได้อนุญาตให้บริษัทโอเดียนสโตร์พิมพ์จำหน่ายอีกครั้งหนึ่งเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๕ แบ่งเป็น ๔ เล่มจบ
เฉพาะพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพระจักรพรรดิพงศ์ (จาด) นั้น ต้นฉบับจารลงในใบลานผูกรวม ๑๗ ผูก มีข้อความส่วนมากยุติต้องกันกับฉบับหมอบรัดเล เว้นแต่เรื่องในรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์ดังได้กล่าวไว้แล้วในข้อ ๖ ในการจัดพิมพ์ครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบชำระกับพระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา และฉบับพันจันทนุมาศ ปรากฏว่ามีสำนวนแตกต่างกับฉบับทั้งสองในที่บางแห่ง แต่เรื่องราวเหตุการณ์ต่าง ๆ คงเหมือนกัน เว้นไว้แต่เรื่องราวในรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์ตอนปลาย ดังได้ทำคำอธิบายเชิงอรรถกำกับลงไว้ด้วยแล้ว และศักราชในที่บางแห่งที่ผิดแปลกจากฉบับหลวงประเสริฐก็ได้ลงเชิงอรรถไว้ด้วย เพื่อผู้สนใจจะได้เปรียบเทียบทั้งสำนวนเนื้อความและศักราช เป็นการสะดวกในการอ่านหรือการศึกษาค้นคว้าต่อไป ทั้งได้เติมหัวข้อแสดงลำดับรัชกาลลงไว้ด้วยเพื่อสังเกตทราบได้สะดวก อนึ่ง การจัดพิมพ์ครั้งนี้เป็นไปในเวลาจำกัดรีบด่วนมาก จึงไม่อาจจัดทำสารบาญได้ทัน
กรมศิลปากรขออนุโมทนากุศลราศีทักษิณานุปทานซึ่งเจ้าภาพได้บำเพ็ญอุทิศแด่พลโท พระยากลาโหมราชเสนา (เล็ก ปาณิกบุตร) ผู้ล่วงลับไปแล้ว และกุศลปณิธานตลอดจนศรัทธาที่ได้ให้จัดพิมพ์หนังสือเล่มนี้เผยแพร่เป็นหิตานุหิตประโยชน์เกื้อกูลการศึกษาค้นคว้าวิทยาการทั้งนี้ จงเป็นปัจจัยอำนวยให้พลโท พระยากลาโหมราชเสนา (เล็ก ปาณิกบุตร) ได้ประสบแต่อิฐคุณมนุญผลถึงซึ่งสุคติและทิพยสมบัติในสัมปรายภพตามควรแก่ฐานะทุกประการเทอญ.
๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๐๓
- ประวัติผู้วายชนม์
- พระราชพงศาวดาร
- รัชกาลสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1
- รัชกาลสมเด็จพระราเมศวร (ครั้งที่ 1)
- รัชกาลสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่
- รัชกาลพระเจ้าทองลัน
- รัชกาลสมเด็จพระราเมศวร (ครั้งที่ 2)
- รัชกาลสมเด็จพระยาราม
- รัชกาลสมเด็จพระอินทราชา
- รัชกาลสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2
- รัชกาลสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ
- รัชกาลสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2
- รัชกาลสมเด็จพระบรมราชาหน่อพุทธางกูร
- รัชกาลสมเด็จพระรัษฎาธิราช
- รัชกาลสมเด็จพระไชยราชาธิราช
- รัชกาลสมเด็จพระยอดฟ้า
- รัชกาลขุนวรวงศาธิราช
- รัชกาลสมเด็จพระมหาจักรพรรดิราชาธิราช (ครั้งที่ 1)
- รัชกาลสมเด็จพระมหินทราธิราช (ครั้งที่ 1)
- รัชกาลสมเด็จพระมหาจักรพรรดิราชาธิราช (ครั้งที่ 2)
- รัชกาลสมเด็จพระมหินทราธิราช (ครั้งที่ 2)
- รัชกาลสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช
- รัชกาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
- รัชกาลสมเด็จพระเอกาทศรถ
- รัชกาลสมเด็จพระศรีเสาวภาค
- รัชกาลสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม
- รัชกาลสมเด็จพระเชษฐาธิราช (1)
- รัชกาลสมเด็จพระอาทิตยวงศ์
- รัชกาลสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง
- รัชกาลสมเด็จเจ้าฟ้าไชย
- รัชกาลสมเด็จพระนารายณ์
- รัชกาลสมเด็จพระเพทราชา
- รัชกาลสมเด็จพระเจ้าเสือ
- รัชกาลสมเด็จพระเชษฐาธิราช (2)
นายพินิจ อู่สำราญ ผู้พิมพ์โฆษณา พ.ศ. ๒๕๐๒
งานนี้ ปัจจุบันเป็นสาธารณสมบัติแล้ว เพราะลิขสิทธิ์ได้หมดอายุตามมาตรา 19 และมาตรา 20 ของพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ซึ่งระบุว่า
- ถ้ารู้ตัวผู้สร้างสรรค์ ในกรณีที่ผู้สร้างสรรค์เป็นบุคคลธรรมดา
- ลิขสิทธิ์หมดอายุเมื่อพ้น 50 ปีนับแต่ผู้สร้างสรรค์ถึงแก่ความตาย
- ถ้ามีผู้สร้างสรรค์ร่วม ลิขสิทธิ์หมดอายุ
- เมื่อพ้น 50 ปีนับแต่ผู้สร้างสรรค์ร่วมคนสุดท้ายถึงแก่ความตาย หรือ
- เมื่อพ้น 50 ปีนับแต่ได้โฆษณางานนั้นเป็นครั้งแรก ในกรณีที่ไม่เคยโฆษณางานนั้นเลยก่อนที่ผู้สร้างสรรค์ร่วมคนสุดท้ายจะถึงแก่ความตาย
- ถ้ารู้ตัวผู้สร้างสรรค์ ในกรณีที่ผู้สร้างสรรค์เป็นนิติบุคคล หรือถ้าไม่รู้ตัวผู้สร้างสรรค์
- ลิขสิทธิ์หมดอายุเมื่อพ้น 50 ปีนับแต่ได้สร้างสรรค์งานนั้นขึ้น
- แต่ถ้าได้โฆษณางานนั้นในระหว่าง 50 ปีข้างต้น ลิขสิทธิ์หมดอายุเมื่อพ้น 50 ปีนับแต่ได้โฆษณางานนั้นเป็นครั้งแรก