สามก๊ก/ตอนที่ ๕

จาก วิกิซอร์ซ
แม่แบบผิดพลาด: มีการลบช่องที่ไม่ได้ใช้ออก โปรดเติมกลับเข้าไป (โปรดดูเอกสารกำกับแม่แบบ)

สารบัญ ลง



สารบัญ


หน้า
เรื่อง
  ตั๋งโต๊ะกับลิโป้ออกรบพวกหัวเมือง
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
๖๗
  เล่าปี่ กวนอู เตียวหุย รบกับลิโป้
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
๖๙
  ตั๋งโต๊ะไปตั้งเมืองเตียงฮันเป็นเมืองหลวง
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
๗๑
  โจโฉติดตามไปเสียทีตั๋งโต๊ะ
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
๗๔
  ซุนเกี๋ยนได้ตราหยกสำหรับแผ่นดิน
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
๗๗
  พวกหัวเมืองยกทัพกลับ
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
๗๙
  เล่าเปียวเจ้าเมืองเกงจิ๋วชิงตราหยกซุนเกี๋ยน
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
๘๐
รูป
  รูปที่   ๓๒   ตั๋งโต๊ะเผาเมืองลกเอี๋ยง
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
๗๕
  รูปที่   ๓๓   ซุนเกี๋ยนได้ตราหยกจากศพหญิง
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
๗๕
 



หน้า ๖๗–๘๑ ขึ้นลงสารบัญ



ตอนที่ ๕



ฝ่ายทหารฮัวหยงที่เหลือตายนั้นก็ชวนกันกลับไป ณ ด่านกิสุยก๋วน จึงบอกเนื้อความแก่ลิซก ลิซกก็บอกหนังสือไปถึงตั๋งโต๊ะ ตั๋งโต๊ะแจ้งก็ตกใจ จึงปรึกษาแก่ลิยู ลิโป้ว่า บัดนี้ ฮัวหยงตายแล้ว เราจะคิดประการใด ลิยูจึงว่า ซึ่งฮัวหยงเป็นทหารเอกตายเสียฉะนี้ดังท่านเสียทหารเลวสิบหมื่นก็ไม่เท่า แลในกองทัพซึ่งยกมาทำการครั้งนี้ ข้าพเจ้าแจ้งว่าอ้วนเสี้ยวเป็นนายทัพใหญ่ แลอ้วนหงุยซึ่งเป็นอาอ้วนเสี้ยวนั้นเป็นขุนนางอยู่ในเมืองนี้ เกลือกว่าจะคบคิดกันเป็นไส้ศึก ขอให้จับอ้วนหงุยฆ่าเสีย ตั๋งโต๊ะเห็นชอบด้วย จึงสั่งลิฉุย กุยกีให้คุมทหารห้าร้อยไปจับอ้วนหงุยกับพรรคพวกหญิงชายทั้งนั้นฆ่าเสียให้สิ้น แล้วให้ตัดเอาศีรษะไปเสียบไว้ ณ ด่านกิสุยก๋วนให้อ้วนเสี้ยวผู้หลานเห็น แล้วให้ลิฉุย กุยกีคุมทหารห้าหมื่นตั้งมั่นรักษาด่านกิสุยก๋วนไว้ให้จงได้ ลิฉุย กุยกีก็คุมทหารไปตามตั๋งโต๊ะสั่ง

ฝ่ายตั๋งโต๊ะ กับลิยู ลิโป้ หวนเตียว เตียวเจ คุมทหารสิบห้าหมื่นยกไปรักษาด่านเฮาโลก๋วนซึ่งใกล้เมืองลกเอี๋ยงทางประมาณห้าร้อยเส้น แล้วตั๋งโต๊ะให้ลิโป้คุมทหารสามหมื่นออกไปตั้งค่ายใหญ่อยู่นอกกำแพงด่าน

ม้าใช้เห็นดังนั้นจึงเอาเนื้อความไปแจ้งแก่อ้วนเสี้ยว อ้วนเสี่ยวจึงปรึกษาแก่หัวเมืองทั้งปวงว่า ตั๋งโต๊ะยกออกมาตั้งอยู่ด่านเฮาโลก๋วนนี้ เราจะคิดประการใด โจโฉจึงว่า ซึ่งตั๋งโต๊ะยกออกตั้งอยู่ ณ ด่านนั้นหวังจะสกัดต้นทางไว้ เราจำจะแบ่งเอานายทัพนายกองทั้งปวงคนละครึ่งยกไปตีอย่าให้ตั๋งโต๊ะอยู่ได้ อ้วนเสี้ยวเห็นชอบด้วยจึงให้อองของ หนึ่ง เตียวเมา หนึ่ง เปาสิ้น หนึ่ง อ้วนอุ๋ย หนึ่ง ขงเล่ง หนึ่ง เตียวเอี๋ยง หนึ่ง โตเกี๋ยม หนึ่ง กองซุนจ้าน หนึ่ง คุมทหารซึ่งเกณฑ์คนละครึ่งนั้นก็ยกไป แล้วให้โจโฉเป็นกองสอดแนมให้เอาข่าวดีแลร้ายมาแจ้ง ขณะนั้น อองของคุมทหารไปถึงด่านเฮาโลก๋วนก่อน

ฝ่ายลิโป้รู้ก็ยกทหารเอกสามพันออกมาจะรบอองของ อองของจึงให้พลตั้งเป็นหน้ากระดานแล้วขับม้าขึ้นไปที่หน้าทหารทั้งปวง แลไปเห็นลิโป้แต่งตัวโอ่โถงในกระบวนสงครามแล้วถือทวนขี่ม้า อองของจึงคิดว่า ลิโป้รูปร่างเป็นทหาร ขี่ม้าก็สมตัว อองของจึงถามแก่ทหารทั้งปวงว่า ผู้ใดจะอาสาออกรบด้วยลิโป้ได้ หองหยก ทหารเอกอองของ จึงรับอาสาแล้วขี่ม้าถือทวนออกรบด้วยลิโป้ได้ห้าเพลง ลิโป้เอาทวนแทงหองหยกตกม้าตาย แล้วลิโป้กับทหารทั้งนั้นรำทวนขับม้าไล่แทงตะลุมบอนทหารอองของล้มตายแตกตื่นไป พอเตียมเมา อ้วนอุ๋ย สองกองนี้ยกมาเห็นอองของแตกมาก็ขับทหารหนุนเข้าไป ลิโป้เห็นทัพหนุนมาเป็นอันมากก็ยกทหารกลับเข้าค่าย ฝ่ายอองของ กับเตียวเมา อ้วนอุ๋ยเห็นดังนั้นก็ยกทหารถอยมาตั้งมั่นอยู่ใกล้ค่ายลิโป้ประมาณสามสิบเส้น อองของตรวจดูพลก็รู้ว่าเสียทหารเป็นอันมาก

ขณะนั้น นายทัพทั้งห้ากองก็มาถึง จึงตั้งค่ายมั่นอยู่ด้วยกัน ครั้นเวลารุ่งเช้า นายทัพทั้งแปดคนจึงปรึกษากันว่า ลิโป้มีกำลังห้าวหาญ เราจะเห็นผู้ใดซึ่งมีฝีมือไปรบด้วยลิโป้ได้ เมื่อปรึกษายังมิทันตกลงกัน พอม้าใช้มาบอกว่า ลิโป้ยกมาตั้งอยู่หน้าค่าย นายทัพทั้งแปดคนได้ฟังดังนั้นก็ขึ้นดูบนหอคอย เห็นเหล่าทหารลิโป้เต้นรำคะนองโห่ร้องกำเริบเป็นอันมาก ขณะนั้น ทหารเตียวเอี๋ยงชื่อ บอกสุ้น ขี่ม้ารำทวนออกไปสู้กับลิโป้ ลิโป้แทงถูกบอกสุ้นตกม้าตาย นายทัพทั้งแปดคนเห็นก็ตกใจ แลบู่อันก๊ก ทหารขงเล่ง จึงขี่ม้าถือกระบองเหล็กใหญ่ออกไปจะสู้กับลิโป้ ลิโป้เห็นก็ขับม้าเข้ารบได้สิบสองเพลง ลิโป้หวดด้วยทวนถูกมือบู๋อันก๊กขาด กระบองเหล็กกระเด็นไป จึงขับม้าหนี นายทัพทั้งแปดคนเห็นก็ลงจากหอคอยแล้วก็ขับทหารทั้งปวงออกช่วยรบป้องกันบู๋อันก๊กกลับเข้าค่ายได้ แล้วปรึกษากันว่า ลิโป้นี้การรบกล้าหาญนัก ฝีมือก็เข้มแข็ง ซึ่งจะทำศึกไปด้วยนั้นจะเอาชัยชนะยาก ผู้ใดจะคิดเห็นประการใด

โจโฉจึงว่า จำจะไปบอกถึงอ้วนเสี้ยวแลนายทัพทั้งปวงให้ปรึกษากันว่า ผู้ใดจะคิดอ่านกลศึกประการใดจึงจะได้ตัวลิโป้ ถ้าได้ตัวลิโป้แล้วก็จะได้ตัวตั๋งโต๊ะโดยง่าย

ขณะนั้น ม้าใช้ไปบอกแก่นายทัพทั้งแปดกองว่า ลิโป้ยกทหารมาตั้งอยู่หน้าค่าย แลนายทัพทั้งแปดกองจัดแจงทหารยกออกไปตั้งดากันอยู่ แต่กองซุนจ้านนั้นขี่ม้าถือง้าวเข้าไปรบด้วยลิโป้ได้สิบเพลง แลลิโป้นั้นขี่ม้ามีฝีเท้าชื่อ เซ็กเธาว์ มีกำลังแลฝีเท้ารวดเร็วนัก กองซุนจ้านนั้นสิ้นกำลังก็ขับม้าหนี ฝ่ายลิโป้ก็ขับม้าไล่ตาม ครั้นใกล้เข้า เงื้อทวนขึ้นจะแทง พอเตียวหุยควบม้าเข้าสกัดม้าลิโป้ไว้แล้วร้องตวาดด้วยเสียงอันดัง ม้าลิโป้นั้นตกใจถอยทรุดออกไปเป็นหลายก้าว เตียวหุยจึงร้องด่าว่า อ้ายลูกสามพ่อ กูจะมารบกับมึง เหตุใดมึงจึงชักม้าถอยไป ลิโป้ได้ยินก็โกรธ จึงขับม้าเข้ารบกับเตียวหุยถึงสิบห้าเพลงก็มิได้แพ้ชนะกัน กวนอูเห็นดังนั้นกลัวว่ากำลังเตียวหุยจะน้อยกว่าลิโป้ จึงขับม้าเข้ารบด้วยลิโป้ได้สามสิบเพลง เล่าปี่จึงขับถ้าถือกระบี่สองมือเข้าช่วยรบ แลม้าเล่าปี่ กวนอู เตียวหุยล้อมม้าลิโป้ไว้เป็นสามเส้า ลิโป้รบป้องกันไว้เป็นสามารถแล้วแทงเล่าปี่ด้วยทวน เล่าปี่เอากระบี่ปัดทวนเสียแล้วขับม้าสะอึกเข้าไปจะฟันลิโป้ ลิโป้เห็นเป็นกระบวนศึกกระหนาบหนักมาจึงขับม้าพาทหารทั้งปวงเข้าในด่านเฮาโลก๋วน

ฝ่ายเล่าปี่ กับกวนอู เตียวหุย แลนายทัพทั้งแปดกองก็คุมทหารยกเข้าไปถึงเชิงกำแพงด่าน ให้ทหารเข้าหักโหมเป็นสามารถ ลิโป้ขึ้นอยู่บนเชิงเทินก็ให้ทหารทั้งปวงยิงเกาทัณฑ์ทิ้งก้อนศิลาลงไปดังห่าฝน นายทัพทั้งปวงเห็นจะหักเอามิได้ก็ยกทหารกลับมา ณ ค่าย แล้วปรึกษากันแต่งหนังสือบอกไปถึงอ้วนเสี้ยว อ้วนเสี้ยวแจ้งดังนั้นก็มีความยินดี จึงให้แต่งหนังสือไปถึงซุนเกี๋ยนว่า ให้เร่งยกทหารเข้าตีด่านกิสุยก๋วนให้จงได้

ฝ่ายซุเกี๋ยนครั้นแจ้งในหนังสือนั้นแล้วก็รู้ข่าวว่า มีผู้ยุยงอ้วนสุดมิให้เอาเสบียงมาส่ง จึงให้ทหารทั้งปวงรักษาค่ายอยู่ แล้วพาเทียเภากับอุยกายไปหาอ้วนสุดซึ่งเป็นกองลำเลียง ณ ค่าย ซุยเกี๋ยนจึงว่าแก่อ้วนสุดว่า ตั๋งโต๊ะทำการหยาบช้าตั้งตัวเป็นใหญ่ ใช่จะทำสิ่งใดให้เราขัดเคืองก็หามิได้ ซึ่งเราจะมาทำการด้วยอ้วนเสี้ยวครั้งนี้ก็เพราะความซื่อตรงต่อแผ่นดิน แล้วจะคิดแก้แค้นตั๋งโต๊ะซึ่งฆ่าอ้วนหงุยอาท่านเสียนั้น อุตส่าห์ทรมานเอากายเข้าสู้ลูกเกาทัณฑ์แลอาวุธทั้งปวง มิได้คิดชีวิต เราก็ให้บอกมาขอเสบียง เป็นไฉนท่านจึงฟังคำคนยุยงมิให้เอาเสบียงไปส่ง ทหารในกองทัพเราจึงอดอยากอิดโรยกำลังจนเสียทีแก่ข้าศึก แลอ้วนสุดได้ยินดังนั้นก็มีความละอายนัก จึงให้เอาตัวทหารซึ่งยุยงมิให้ส่งเสบียงนั้นมาฆ่าเสียต่อหน้าซุนเกี๋ยน

ฝ่ายม้าใช้อยู่ ณ ค่ายซุนเกี๋ยนมาบอกแก่ซุนเกี๋ยนว่า บัดนี้ ลิฉุยขี่ม้าออกมาจากค่ายกิสุยก๋วนว่าจะมาหาท่าน ซุนเกี๋ยนได้ฟังก็ลาอ้วนสุดกลับมา ณ ค่าย จึงให้หาลิฉุยเข้ามาถามว่า ท่านมานี้ด้วยกิจธุระสิ่งใด ลิฉุยจึงบอกว่า มหาอุปราชให้เรามาว่าแต่บรรดาหัวเมืองซึ่งคบคิดกันมาทำการทั้งนี้ มหาอุปราชจะได้ย่อท้อต่อผู้ใดนั้นหามิได้ คิดจะให้ฆ่าเสียจงสิ้น บัดนี้ มีความเมตตาแต่ท่านผู้เดียวจะพลอยตายเสียด้วยเขา ครั้นจะให้ผู้ใดมาเจรจาด้วยประการใด ท่านก็จะเข้าใจว่าให้มาเกลี้ยกล่อม มหาอุปราชจึงให้เรามาห้ามท่านอย่าให้คบคิดทำการด้วยหัวเมืองทั้งปวง มหาอุปราชจะยกลูกสาวให้ซุนเซ็กผู้บุตรท่าน จะได้เป็นไมตรีกันสืบไป

ฝ่ายซุนเกี๋ยนได้ฟังดังนั้นจึงตวาดเอาแล้วว่า ตั๋งโต๊ะนั้นเป็นขบถ แผ่นดินร้อนทุกเส้นหญ้า เราคิดอ่านกับหัวเมืองทั้งปวงยกมาทำการ หวังจะฆ่าตั๋งโต๊ะเสียให้สิ้นทั้งเจ็ดชั่วโคตร อาณาประชาราษฎรทั้งปวงจะได้อยู่เย็นเป็นสุข ซึ่งตั๋งโต๊ะจะเอาลูกสาวมายกให้เป็นภรรยาซุนเซ็กผู้บุตรเรา ซึ่งเราจะเป็นเกี่ยวดองด้วยตั๋งโต๊ะศัตรูราชสมบัตินั้น เรามีความละอายนัก แลโทษซึ่งท่านออกมาเกลี้ยกล่อมเรานั้นเราจะยกไว้ครั้งหนึ่ง ท่านจงเร่งกลับเข้าไปชักชวนทหารทั้งปวงให้เป็นใจด้วยเราเปิดประตูด่านออกไว้รับเถิด แล้วเราจะยกทหารเข้าไปจับตั๋งโต๊ะฆ่าเสีย ถ้าท่านกับทหารทั้งปวงมิทำตามดังนี้ เรายกเข้าหักเอาเมืองได้ก็จะให้ฆ่าเสียจงสิ้น ลิฉุยได้ฟังก็ตกใจกลัว ก็ลาซุนเกี๋ยนรีบกลับไปบอกแก่ตั๋งโต๊ะ ตั๋งโต๊ะแจ้งดังนั้นก็โกรธ จึงปรึกษาแก่ลิยูว่า ซึ่งเกลี้ยกล่อมซุนเกี๋ยนมิลงใจด้วยเรานั้น ลิยูจะคิดประการใด

ฝ่ายลิยูจึงว่า ซึ่งลิโป้เสียทีมา บัดนี้ เห็นทหารทั้งปวงชักย่อท้อลง ขอให้ท่านยกทหารกลับขึ้นไปเมืองหลวงก่อน แล้วเชิญเสด็จพระเจ้าเหี้ยนเต้ไปตั้งอยู่เมืองเตียงฮัน ด้วยข้าพเจ้าได้ยินเด็กชาวเมืองทำเพลงว่า "ตังเทาอิดโกฮัน ไซเทาอิดโกฮัน หลกเจ้าหยิบเตียงฮัน ห้องโกบ่อชูลัน" แปลภาษาไทยว่า ตะวันตกก็มีเมืองเตียงฮันเมืองหนึ่ง ตะวันออกก็มีเมือง ถ้ากวางวิ่งเข้าในเมืองเตียงฮันแล้วก็หาภัยอันตรายมิได้ แลข้าพเจ้าคิดดูในคำเด็กนั้นเห็นว่า แต่ก่อน พระเจ้าฮั่นโกโจได้สร้างเมืองเตียงฮัน พระมหากษัตริย์ได้เสวยราชย์ต่อ ๆ กันมาถึงสิบสองพระองค์ ฝ่ายพระเจ้าฮั่นกองบู๊ได้สร้างเมืองลกเอี๋ยงเป็นฝ่ายตะวันออก พระมหากษัตริย์ได้เสวยราชย์ต่อ ๆ มาจนถึงพระเจ้าเหี้ยนเต้นี้ก็ได้สิบสองพระองค์ ข้าพเจ้าคิดเห็นว่า เชื้อพระวงศ์พระเจ้าฮั่นกองบู๊จะสูญเสียครั้งนี้แล้ว ราชสมบัตินั้นเห็นจะได้แก่ท่านเป็นมั่นคง ถ้าท่านได้ไปสร้างเมืองอยู่ ณ เมืองเตียงฮันก็จะหาอันตรายมิได้ดุจคำเด็กทำเพลงเป็นศุภนิมิตนั้น ตั๋งโต๊ะได้ฟังดังนั้นมีความยินดีนักจึงว่าแก่ลิยูว่า ซึ่งท่านกล่าวมาเราพึ่งแจ้งบัดนี้ แล้วก็ยกกองทัพกลับไปเมืองหลวง

ครั้นเวลารุ่งเช้า ตั๋งโต๊ะจึงให้ขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยเข้ามาพร้อมกันในที่เฝ้าแล้วว่า เราดูในตำราเห็นชะตาเมืองลกเอี๋ยงนี้เห็นเป็นฝ่ายตะวันออกจะร่วงโรยสูญเสียแล้ว ฝ่ายเมืองตะวันตกจะวัฒนาการเจริญรุ่งเรืองไปภายหน้า เราจะเชิญเสด็จพระเจ้าเหี้ยนเต้ไปสร้างเมืองอยู่ ณ เมืองเตียงฮัน ให้ขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยทั้งปวงพากันอพยพไปตั้งอยู่ด้วย

ฝ่ายเอียวปิวจึงว่า อันเมืองลกเอี๋ยงนี้ พระเจ้าฮั่นกองบู๊สร้างเมืองสั่งสมราชสมบัติมาเป็นช้านานถึงสิบสองพระองค์แล้ว แลท่านให้ทิ้งเมืองลกเอี๋ยงเสีย แลจะไปตั้งเมืองเตียงฮันนั้น ข้าพเจ้าเห็นว่า บ้านเมืองยังมิสงบ อาณาประชาราษฎรจะได้ความเดือดร้อนนัก อันคำโบราณกล่าวไว้ว่า อุปมาดังเรือน ถ้าจะรื้อลงนั้นง่าย ซึ่งจะปลูกสร้างนั้นยากนัก ถ้าไม่ฟังข้าพเจ้า จะขืนยกไปตั้งอยู่ ณ เมืองเตียงฮันนั้น เห็นราษฎรทั้งปวงจะแตกตื่นไป กว่าจะเกลี้ยกล่อมซ่องสุมเข้าได้ก็ยากนัก ซึ่งข้าพเจ้าว่าทั้งนี้ขอท่านดำริดูจงควร

ตั๋งโต๊ะได้ฟังดังนั้นก็โกรธจึงว่า ตัวเราเป็นมหาอุปราช จะสั่งข้อราชการสิ่งใดก็เป็นสิทธิ เราดูตำราเห็นว่าดีแลร้ายแล้วจึงสั่ง แลตัวบังอาจขัดไว้ฉะนี้ไม่ชอบ

อุยอ๋วนจึงว่าแก่ตั๋งโต๊ะว่า ซึ่งเอียวปิวทัดทานนั้นชอบอยู่ เหมือนครั้งอองมังเป็นขบถชิงเอาราชสมบัติแล้วเผาเมืองเสีย แล้วเมืองนั้นก็ยังเป็นป่าอยู่ ซึ่งท่านจะละเมืองนี้เสีย จะไปเอาป่าเป็นเมืองนั้น ข้าพเจ้าเห็นไม่ควร

ตั๋งโต๊ะจึงตอบว่า เราเห็นข้างฝ่ายตะวันออกนี้เกิดจลาจล โจรทำอันตรายต่าง ๆ มาเป็นหลายครั้ง แลเมืองเตียงฮันก็เป็นเมืองหลวงอยู่แต่ก่อน เราเห็นภูมิลำเนาชอบกลอยู่ แล้วก็มีภูเขาแลศิลาซึ่งจะทำการเมืองนั้นใกล้ ทำเดือนหนึ่งก็สำเร็จการ จะได้เป็นสุขด้วยกัน แลขุนนางทั้งปวงอย่าได้ขัดขวางสืบไปเลย

ฝ่ายซุนซองจึงห้ามตั๋งโต๊ะดังคำอุยอ๋วน ตั๋งโต๊ะจึงตอบว่า เราจะทำนุบำรุงราชสมบัตินี้เป็นการใหญ่หลวง อุปมาเหมือนโค่นต้นไม้ทำไร จะคิดเสียดายต้นไม้อยู่แล้วก็ไม่ได้ข้าวกิน แล้วตั๋งโต๊ะจึงให้ถอดเอียวปิว อุยอ๋วน ซุนซองออกเสียจากที่ขุนนาง ตั๋งโต๊ะก็ขึ้นเกวียนจะไปที่อยู่ ครั้นออกมานอกประตูวัง พบเอียวปีกับเหงาเค่งเข้ามาคำนับอยู่ตรงหน้าเกวียน ตั๋งโต๊ะจึงถามว่า ท่านทั้งสองจะว่าราชการสิ่งใดกับเราหรือ เอียวปีกับเหงาเค่งจึงว่า ข้าพเจ้าได้ยินกิตติศัพท์ว่า ท่านจะเทเมืองนี้ไปสร้างอยู่ ณ เมืองเตียงฮัน ข้าพเจ้าเห็นไม่ควร จึงเข้ามาหวังว่าจะห้ามท่าน ตั๋งโต๊ะได้ฟังดังนั้นก็โกรธจึงว่า ตัวท่านทั้งสองแต่ก่อนนั้นได้ว่ากล่าวให้เราตั้งอ้วนเสี้ยวเป็นเจ้าเมือง เราก็ทำตาม บัดนี้ อ้วนเสี้ยวกลับมาทำร้ายแก่เรา แลตัวทั้งสองคนนี้คบคิดเป็นสายสนกลในกับอ้วนเสี้ยวเป็นมั่นคง แล้วจึงสั่งบู๋ซูให้เอาเอียวปีกับเหงาเค่งไปฆ่าเสีย แล้วตั๋งโต๊ะก็ไปถึงที่อยู่ จึงสั่งกำหนดวันซึ่งจะยกไปตั้งอยู่ ณ เมืองเตียงฮัน

ฝ่ายลิยูจึงว่า ซึ่งท่านยกไปสร้างเมืองนั้น อาหารแลเงินทองในท้องพระคลังยังมีอยู่น้อยเห็นจะไม่พอทำการ ในเมืองลกเอี๋ยงนี้ผู้ซึ่งเป็นเศรษฐีพ่อค้าย่อมมีเงินทองข้าวของเป็นอันมาก ขอให้ท่านไปริบเอามาเข้าท้องพระคลัง จึงจะได้เอาไปทำการสะดวก อนึ่ง แต่บรรดาพรรคพวกอ้วนเสี้ยวซึ่งอยู่ในเมืองหลวงก็มีอยู่เป็นอันมาก ขอให้ท่านจับฆ่าเสียให้สิ้นแล้วริบเอาทรัพย์สิ่งสินมาเข้าท้องพระคลังไว้ ตั๋งโต๊ะก็เห็นชอบด้วย จึงจัดทหารห้าพันไปเที่ยวริบอาณาประชาราษฎรซึ่งมีเงินทอง แลพรรคพวกอ้วนเสี้ยวจับเอาตัวมาแล้วมัดไว้ จึงให้เอาธงปักไว้บนศีรษะเขียนตัวอักษรสองตัวว่า เป็นขบถ แล้วก็เอาไปฆ่าเสีย แลริบเอาเงินทองมาให้ตั๋งโต๊ะเป็นอันมาก แล้วตั๋งโต๊ะจึงให้ลิฉุย กุยกี ขับต้อนอาณาประชาราษฎรในเมืองลกเอี๋ยงไปตั้งอยู่ ณ เมืองเตียงฮันให้สิ้นเชิง

ขณะนั้น ลิฉุย กุยกีก็ต้อนอาณาประชาราษฎรไป แลคนทั้งหญิงทั้งชายเด็กเล็กได้ประมาณหกร้อยเจ็ดร้อยหมื่น แลทหารตั๋งโต๊ะอพยพเป็นกอง ๆ อาณาประชาราษฎรเหยียบกันตายเป็นอันมาก เหล่าทหารก็เข้าช่วงชิงเอาทรัพย์สิ่งสินของราษฎร แล้วฉุดลากภรรยาของชาวเมืองแลลูกสาวซึ่งพ่อแม่พี่น้องไปด้วยมาทำอันตราย บรรดาประชาราษฎรได้ความเดือดร้อนเป็นอันมาก เสียงร้องไห้อึงคะนึงไป

ฝ่ายตั๋งโต๊ะเตรียมการทั้งปวงพร้อมก็ให้ทหารเอาเพลิงจุดในเมืองลกเอี๋ยงไหม้สิ้น แล้วให้ลิโป้คุมทหารไปขุดศพพระมหากษัตริย์ซึ่งฝังไว้แต่ก่อนต่อ ๆ มา แล้วให้เก็บเอาทรัพย์สิ่งของซึ่งฝังไว้กับศพนั้นได้เงินทองเป็นอันมาก แลทหารทั้งปวงก็ปลอมขุดเอาเงินทองซึ่งใส่ศพอาณาประชาราษฎรที่ฝังไว้มาเป็นอาณาประโยชน์ ตั๋งโต๊ะจึงให้ขนทรัพย์สิ่งของทั้งปวงขึ้นบรรทุกเกวียนเป็นหลายพันเกวียน แล้วเชิญเสด็จพระเจ้าเหี้ยนเต้กับนักสนมทั้งปวง พร้อมแล้วให้ยกไป

ขณะนั้น เตียวหงิมซึ่งออกไปตั้งอยู่ ณ ด่านกิสุยก๋วนกับฮัวหยงซึ่งตายนั้น แลทหารซึ่งรักษาด่านเฮาโลก๋วน ครั้นรู้ว่าตั๋งโต๊ะเทเมืองลกเอี๋ยงเสีย เตียวหงิมจึงคุมทหารไปตามตั๋งโต๊ะ

ฝ่ายซุนเกี๋ยนครั้นเห็นด่านกิสุยก๋วนสงัดเงียบ แลนายทัพทั้งสิบแปดหัวเมือง กับเล่าปี่ กวนอู เตียวหุย รู้ข่าวดังนั้น ก็ยกทหารขึ้นไปเมืองลกเอี๋ยง เห็นเพลิงไหม้อยู่สิ้นทั้งเมือง มิได้มีผู้คน จึงให้ทหารเข้าดับเพลิงสงบ แล้วจึงตั้งทัพอยู่ในเมืองนั้น

โจโฉจึงว่าแก่อ้วนเสี้ยวว่า ตั๋งโต๊ะให้เผาเมืองเสียแล้วยกหนีไปข้างตะวันตก แลพระเจ้าเหี้ยนเต้นั้นเราก็ยังไม่รู้ว่าดีแลร้าย ซึ่งตั๋งโต๊ะยกไปนั้นเห็นอาณาประชาราษฎรจะได้ความเดือดร้อนนัก เป็นไฉนท่านมานิ่งอยู่ฉะนี้ ขอให้ยกกองทัพไปทำการ เห็นจะจับตั๋งโต๊ะได้สะดวก

อ้วนเสี้ยวกับหัวเมืองทั้งปวงจึงตอบว่า ทหารเรายังอิดโรยนัก จำเราจะพักพลให้มีกำลังขึ้นก่อนจึงค่อยคิดการสืบไป โจโฉได้ฟังดังนั้นจึงคิดแต่ในใจว่า ซึ่งจะทำการใหญ่กับหัวเมืองทั้งปวงนี้อุปมาดังคิดกับเด็กเลี้ยงโค จึงจัดทหารพรรคพวกของตัวได้ประมาณหมื่นเศษ แล้วพาแฮหัวตุ้น แฮหัวเอี๋ยน โจหอง โจหยิน ลิเตียน งักจิ้น กับทหารทั้งปวงรีบตามตั๋งโต๊ะไปทั้งกลางวันกลางคืน

ฝ่ายตั๋งโต๊ะครั้นยกมาถึงเมืองเอ๊งหยง แลซีเอ๋งซึ่งเป็นเจ้าเมืองรู้ข่าวก็ออกมารับตั๋งโต๊ะ ลิยูจึงว่าแก่ตั๋งโต๊ะว่า ซึ่งยกมาจากเมืองหลวงครั้งนี้ เกลือกพวกศัตรูจะยกตามมา ฝ่ายทัพเราจะต้านทานมิทันจะเสียท่วงที ขอให้ซีเอ๋งคุมทหารไปซุ่มอยู่บนเขาใหญ่ต้นทาง ถ้ากองทัพสิบแปดหัวเมืองยกมาตามก็ให้ซีเอ๋งออกรบ ถ้ากองทัพนั้นล่วงขึ้นมาได้รบกับทัพเราแล้ว จึงให้ซีเอ๋งออกตีกระหนาบหลัง ทัพซึ่งตามมาก็จะเสียทีเป็นมั่นคง ตั๋งโต๊ะเห็นชอบด้วย จึงให้ซีเอ๋งคุมทหารยกไปซุ่มอยู่ ณ เขาต้นทาง แล้วให้ลิโป้ กับลิฉุย กุยกี คุมทหารลงไปเดินเป็นกระบวนทัพหลัง

ฝ่ายโจโฉก็ยกทัพล่วงตามเข้าต้นทางขึ้นไป ขณะนั้น ลิโป้ได้ยินเสียงรี้พลตามอื้ออึงมาจึงคิดว่า ลิยูนี้เป็นคนมีสติปัญญา คิดสิ่งใดก็มิได้ผิด ครั้นเห็นทัพโจโฉยกมาใกล้ ลิโป้จึงให้กลับหน้าทหารเข้ารับไว้ โจโฉจึงขับม้าขึ้นไปหน้าทหารแล้วร้องว่า อ้วยพวกขบถ มึงจะพาเสด็จพระเจ้าเหี้ยนเต้ไปแห่งใด ลิโป้ได้ยินดังนั้นก็โกรธจึงร้องตอบว่า ตัวมึงเป็นคนอกตัญญู มหาอุปราชชุบเลี้ยงให้มีความสุขยังหารู้จักคุณไม่ กลับทรยศทำร้าย ครั้นไม่สมคิดแล้วหนีไปคบกันมาทำฉะนี้อีกเล่า แฮหัวตุ้นได้ฟังดังนั้นก็โกรธ ขับม้าขึ้นไปรบด้วยลิโป้ได้ห้าเพลง ลิฉุยก็ขับม้าคุมทหารเข้ารบด้านทางขวา โจโฉจึงให้แฮหัวเอี๋ยนคุมทหารเข้ารบด้วยลิฉุย แลกุยกีก็ขับม้าคุมทหารเข้ารบด้านทางซ้าย โจโฉจึงให้โจหยินคุมทหารเข้ารบด้วยกุยกีเป็นสามารถ เสียงทหารทั้งสองฝ่ายอื้ออึงเอิกเกริกดังแผ่นดินจะถล่ม แฮหัวตุ้นเห็นว่ากำลังนั้นน้อยกว่าลิโป้ก็ขับม้าหนี ฝ่ายลิโป้ก็ขับม้าไล่ตาม ฟันทหารโจโฉแตกตื่นล้มตายเป็นอันมาก แลโจโฉกับทหารซึ่งเหลือนั้นถอยหลังไปถึงเขาต้นทาง พอเวลาสองยาม แสงเดือนสว่าง เห็นรี้พลอิดโรยนัก จึงให้หยุดอยู่หุงอาหาร ยังมิทันกิน

ฝ่ายซีเอ๋งซึ่งซุ่มอยู่เห็นดังนั้นก็ยกทหารออกโจมตี ทหารโจโฉมิทันรู้ตัวก็ตกใจตื่นแตกกระจายไป โจโฉนั้นขึ้นม้าหนีไปพบซีเอ๋งเข้าก็ตกใจ ชักม้าบ่ายหน้าจะหนีไปทางอื่น ซีเอ๋งยิงเกาทัณฑ์ไปถูกติดไหล่โจโฉ โจโฉก็ขับม้าหนีผ่านเขาไป ฝ่ายทหารซีเอ็งก็เอาทวนแทงถุกม้าโจโฉล้มลงแล้วเข้าจับโจโฉไว้ ฝ่ายโจหองพอมาทันเข้า เห็นทหารซีเอ๋งจับโจโฉไว้ ก็ขับม้าเข้าไล่ฟันทหารนั้นล้มตายเป็นหลายคน เหลือนั้นตกใจทิ้งโจโฉเสียหนีไป โจโฉถูกเกาทัณฑ์เจ็บปวดเป็นสาหัส จึงว่าแก่โจหองว่า ตัวเราเห็นจะตายเสียแล้ว ท่านเร่งไปเอาชีวิตรอดเถิด โจหองจึงว่า ท่านป่วยหนักอยู่ จงขึ้นม้า ข้าพเจ้าจะเดินรบป้องกันไป โจโฉตอบว่า ซึ่งท่านเดินเท้าจะต่อรบได้เหมือนขี่ม้าหรือ โจหองจึงว่า แผ่นดินเป็นจลาจลครั้งนี้หาผู้ใดจะคิดทำนุบำรุงไม่ หากท่านเป็นต้นคิด หัวเมืองทั้งปวงจึงพลอยมาทำการด้วย ถ้าชีวิตข้าพเจ้าจะตายก็ตายเสียเถิด ขอให้ท่านอยู่รอด จะได้คิดการบำรุงแผ่นดินสืบไป โจโฉได้ฟังดังนั้นจึงว่า ขอบใจท่านนัก แล้วโจโฉก็ขึ้นม้า โจหองจึงถอดเกราะทิ้งเสียถือง้าวเดินตามไป ครั้นเพลาประมาณสามยามเศษก็ถึงแม่น้ำอันหนึ่ง พอได้ยินเสียงทหารตามมาข้างหลัง โจโฉจึงว่าแก่โจหองว่า จะหนีไป แม่น้ำก็กั้นหน้าอยู่ ศัตรูก็ตามมา เห็นชีวิตเราจะตายอยู่ที่นี่เป็นมั่นคง โจหองจึงว่า ข้าพเจ้าจะพาท่านไปให้ตลอด จึงถอดเสื้อทิ้งเสียแล้วให้โจโฉขี่ โจหองก็พาข้ามแม่น้ำไปถึงฝั่ง เหล่าทหารซีเอ๋งครั้นมาถึงริมแม่น้ำเห็นโจโฉข้ามไปถึงฟาก ก็ชวนกันเอาเกาทัณฑ์ยิงระดมไป ฝ่ายโจหองก็ค่อยพาโจโฉเดินไปได้ประมาณสามสิบเส้น พอรุ่งขึ้นจึงเข้าหยุดพักข้างเนินเขาแห่งหนึ่ง แลซีเอ๋งนั้นคุมทหารข้ามน้ำตามไป เห็นโจโฉกับโจหองหยุดอยู่ จึงให้ทหารทั้งปวงเข้าล้อมไว้

ฝ่ายแฮหัวตุ้นกับแฮหัวเอี๋ยนคุมทหารม้าได้สิบหกสิบเจ็ดม้าก็ข้ามแม่น้ำตามโจโฉไป พอเห็นทหารล้อมโจโฉ โจหองอยู่ จึงขับม้าผ่านหน้าซีเอ๋งไป แล้วร้องตวาดว่า พวกอ้ายขบถ มึงอย่าทำอันตรายนายกู ซีเอ๋งได้ยินก็โกรธ จึงขับม้าเข้ารบกับแฮหัวตุ้นได้สิบเพลง แฮหัวตุ้นเอาทวนแทงถูกซีเอ๋งตกม้าตาย แล้วไล่ฟันทหารทั้งนั้นแตกกระจายไปสิ้น

ขณะนั้น โจหยิน กับลิเตียน งักจิ้น สามคนคุมทหารได้ประมาณสามร้อยเศษ พอมาพบแฮหัวเอี๋ยนเข้า จึงพากันไปหาโจโฉ ครั้นโจโฉเห็นทหารเอกคุมทหารเลวมาได้บ้างก็ค่อยคลายใจขึ้น แล้วโจโฉก็ยกทหารไปเมืองโห้ลาย

ฝ่ายหัวเมืองทั้งปวงซึ่งอยู่ ณ เมืองลกเอี๋ยงต่างตั้งชุมนุมพักทหารอยู่ แลซุนเกี๋ยนนั้นเข้าไปตั้งชุมนุม ณ พระที่นั่งเกียนเซียงเตี้ยง แล้วไปดูที่กุฏิพระมหากษัตริย์ซึ่งตั๋งโต๊ะให้ขุดขึ้นนั้น จึงให้ทหารกลบเสียแล้วปลูกโรงขึ้น จึงบอกนายทัพนายกองทั้งปวงมาจุดธูปเทียนทำสักการบูชา แล้วต่างคนต่างกลับไปที่ชุมนุม ครั้นเวลากลางคืน แสงเดือนสว่าง ซุนเกี๋ยนจึงถือกระบี่ออกไปนั่งอยู่กลางแจ้ง จึงแลขึ้นไปเห็นดาวสำหรับพระมหากษัตริย์เศร้าหมองนัก ซุนเกี๋ยนจึงคิดว่า ครั้งนี้ พระมหากษัตริย์มิได้เป็นสุข อาณาประชาราษฎรจึงได้รับความเดือดร้อน เพราะตั๋งโต๊ะเป็นขบถต่อราชสมบัติจนเมืองนั้นเป็นป่า ดาวนั้นจึงวิปริตไปดังนี้ ซุนเกี๋ยนดูพลางก็น้ำตาไหล แลทหารคนหนึ่งเห็นแสงประหลาดจึงชี้บอกซุนเกี๋ยนว่า ข้างพระที่นั่งฝ่ายทิศใต้เห็นสว่างอยู่ ซุนเกี๋ยนแลไปดูเห็นรัศมีประหลาดดังนั้น จึงเดินไปให้ทหารจุดคบเพลิงส่องดูก็เห็นบ่ออันหนึ่ง จึงให้ทหารลงไปสักดู พบศพหญิงผู้หนึ่งก็ให้ยกขึ้นมา แลศพนั้นยังสดอยู่มิได้เปื่อยพัง รัดประคดผูกคออยู่ จึงให้แก้ออกดู เห็นหีบน้อยลั่นกุญแจอยู่ จึงให้คัดออก เห็นตราหยกสี่เหลี่ยมจัตุรัสดวงหนึ่งหน้าแปดนิ้ว ยอดนั้นจำหลักติดประจำเป็นมังกรห้าตัวเกี่ยวกัน แต่เหลี่ยมข้างหนึ่งนั้นลิอยู่ เอาทองคำตีเหลี่ยมเข้าไว้ ตรานั้นแกะเป็นอักษรว่า เทพดาประสิทธิ์ให้ ถ้าผู้ใดได้ไว้แล้วครองราชสมบัติก็จะจำเริญพระชันษาสืบไป ซุนเกี๋ยนเห็นประหลาดจึงถามเทียเภาว่า ตราหยกนี้จะเป็นของผู้ใด เทียเภาจึงตอบว่า ตราสำหรับราชสมบัติ แลหยกซึ่งแกะตรานี้[1] ครั้งเบ๊งโหเห็นหงส์จับอยู่บนภูเขา ครั้นหงส์บินไปแล้ว เบ๊งโหจึงเอาศิลาที่หงส์จับนั้นมาต่อยออก จึงได้หยก แล้วเอาไปถวายพระเจ้าโซบูอ๋อง พระเจ้าโซบูอ๋องก็ดับสูญ ครั้นพระเจ้าจิ๋นซีอ๋องได้เสวยราชย์ จึงให้หาช่างมาทำเป็นตราสำหรับพระมหากษัตริย์ แล้วให้หลีสูจึงแกะเป็นอักษรแปดตัว ครั้งหนึ่ง พระเจ้าจิ๋นซีอ๋องเสวยราชสมบัติได้ยี่สิบหกปี (พ.ศ. ๒๓๑) จึงเสด็จไปประพาสโดยทางชลมารค พอเกิดพายุหนักคลื่นใหญ่ พระเจ้าจิ๋นซีอ๋องกลัวเรือพระที่นั่งจะล่ม จึงเอาตราหยกนี้ทิ้งลงในแม่น้ำ พายุแลคลื่นก็สงบไป ครั้นอยู่มาอีกแปดปี พระเจ้าจิ๋นซีอ๋องเสด็จไปประพาสโดยทางสถลมารค มีผู้หนึ่งเอาตราหยกนี้มาถวายพระองค์แล้วผู้นั้นก็หายไป ครั้นพระเจ้าจิ๋นซีอ๋องเสด็จกลับเข้ามาถึงวังก็สวรรคต[2] จูเอ๋งจึงเอาตรานี้มาถวายพระเจ้าฮั่นโกโจ ครั้นอองมังเป็นขบถ นางตังไทฮอจึงเอาตรานี้ทิ้งเอาอองสิม โซเสียม ทหารอองมัง ไปถูกผนังตึก เหลี่ยมนั้นจึงลิไป แล้วให้เอาทองคำทำเลี่ยมตราเข้าไว้ ครั้นพระเจ้าฮั่นกองบู๊ได้ดวงตรานี้ จึงได้เสวยราชย์ต่อ ๆ มา ครั้นเพลิงไหม้วัง พวกขันทีจึงพาหองจูเปียนกับหองจูเหียบหนีเพลิงไป ครั้นกลับเข้ามา จึงให้คนค้นดูทรัพย์สิ่งของในท้องพระคลังก็ยังดีอยู่สิ้น แต่ตราหยกดวงนี้หายไป ก็ซึ่งท่านมาได้ตราสำหรับราชการนี้เห็นว่า ราชสมบัติจะได้แก่ท่านเป็นมั่นคง ขอให้ท่านยกกลับไปเมืองกังตั๋ง จะได้คิดการใหญ่สืบไป

ฝ่ายซุนเกี๋ยนได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดีนัก จึงว่า พรุ่งนี้เราจะลาอ้วนเสี้ยวว่าป่วยจะกลับไป แล้วกำชับทหารทั้งปวงว่า อย่าให้บอกกล่าวแก่ผู้ใดให้ปรากฏ ในขณะเวลากลางคืนนั้น ทหารซุนเกี๋ยนคนหนึ่งซึ่งรู้เห็นคิดเอาใจออกหากซุนเกี๋ยน จึงเอาเนื้อความไปบอกแก่อ้วนเสี้ยว อ้วนเสี้ยวจึงเอาตัวทหารนั้นไว้แล้วปูนบำเหน็จให้เป็นอันมาก ครั้นเวลารุ่งเช้า ซุนเกี๋ยนจึงไปบอกแก่อ้วนเสี้ยวว่า ข้าพเจ้าป่วย จะขอลาไปอยู่รักษาตัว ณ เมืองเตียงสา อ้วนเสี้ยวหัวเราะแล้วตอบว่า ข้าพเจ้าทราบแล้ว ซึ่งว่าป่วยจะไปรักษาตัวนั้นเพราะได้ตราหยกสำหรับราชสมบัติหรือ

ซุนเกี๋ยนได้ฟังดังนั้นทำเป็นตกใจจึงถามว่า ผู้ใดมาแจ้งเนื้อความแก่ท่านฉะนี้ อ้วนเสี้ยวจึงตอบว่า เราทั้งปวงคิดกันมาหวังจะล้างศัตรูราชสมบัติเสีย ซึ่งท่านได้ตราหยกสำหรับพระมหากษัตริย์ไว้ จงเอามาให้เราซึ่งเป็นนายทัพผู้ใหญ่ ถ้าสำเร็จราชการแล้วจะได้ถวายพระเจ้าเหี้ยนเต้ให้เสวยราชสมบัติสืบไป ซึ่งท่านได้ตราไว้แล้วปิดเนื้อความเสียจะพาเอาไปนั้น ท่านคิดจะเอาราชสมบัติหรือ ซุนเกี๋ยนจึงว่า ข้าพเจ้าไม่ได้ตราไว้ เป็นไฉนท่านมาขืนว่าดังนี้เล่า อ้วนเสี้ยวจึงตอบว่า เรารู้ว่าได้มาเป็นมั่นคง จงเร่งเอามาให้เราเสีย ถ้ามิฟังก็จะวุ่นวายกันขึ้น

ฝ่ายซุนเกี๋ยนจึงเอามือชี้ฟ้าแล้วสาบานว่า ถ้าข้าพเจ้าได้ตราหยกไว้แล้ว ขอให้ข้าพเจ้าตายด้วยสายฟ้าแลอาวุธต่าง ๆ เถิด หัวเมืองทั้งปวงจึงห้ามอ้วนเสี้ยวว่า ซุนเกี๋ยนสาบานแล้วก็แล้วไปเถิด อ้วนเสี้ยวจึงให้เอาทหารซุนเกี๋ยนซึ่งมาบอกเนื้อความนั้นออกมา แล้วจึงถามซุนเกี๋ยนว่า เมื่อท่านให้ทหารทั้งปวงลงไปสักในบ่อนั้นได้ตราขึ้นมานี้ ทหารคนนี้ได้ไปด้วยท่านหรือไม่ ซุนเกี๋ยนเห็นทหารของตัวก็รู้ว่าเอาเนื้อความมาบอกแก่อ้วนเสี้ยว ซุนเกี๋ยนก็โกรธ ชักกระบี่ออกจะฟันทหารคนนั้นเสีย อ้วนเสี้ยวเห็นดังนั้นจึงชักกระบี่ออกยืนขวางหน้าไว้แล้วว่า ถ้าตัวท่านฆ่าทหารคนนี้เสีย เราก็จะฆ่าตัวท่านเสียเหมือนกัน

ฝ่ายงันเหลียง กับบุนทิว ทหารอ้วนเสี้ยว ซึ่งยืนอยู่ข้างหลังเห็ยดังนั้นก็ถอดกระบี่ออกไว้ ข้างเทียเภา อุยกาย ฮันต๋ง ทหารฝ่ายซุนเกี๋ยน ก็ชักกระบี่ออกคอยทีอยู่

ฝ่ายหัวเมืองทั้งปวงเห็นดังนั้นก็ออกไปห้ามเสียทั้งสองข้าง แลซุนเกี๋ยนก็ขึ้นม้ากลับมา ณ ที่ชุมนุม ก็จัดแจงทหารทั้งปวงพร้อมแล้วจึงยกออกจากเมืองลกเอี๋ยง

ครั้นอ้วนเสี้ยวรู้ดังนั้นก็แต่งหนังสือบอกเนื้อความนั้นให้ม้าใช้ถือไปถึงเล่าเปียว เจ้าเมืองเกงจิ๋ว ว่า ให้เล่าเปียวคุมทหารออกสกัดรบชิงเอาตราหยกซึ่งซุนเกี๋ยนพาหนีไปนั้นไว้ถวายพระเจ้าเหี้ยนเต้จงได้ ครั้นเวลารุ่งเช้า กองม้าใช้ซึ่งขึ้นไปสอดแนมนั้นกลับมาบอกอ้วนเสี้ยวว่า บัดนี้ ทัพโจโฉซึ่งยกไปตามตั๋งโต๊ะนั้นแตกไปอยู่เมืองโห้หลาย อ้วนเสี้ยวแจ้งดังนั้นจึงแต่งทารให้ไปรับโจโฉมา ณ เมืองลกเอี๋ยง แล้วให้แต่งโต๊ะเชิญโจโฉกับหัวเมืองทั้งปวงกินโต๊ะ ต่างคนถามข่าวโจโฉ โจโฉทอดใจใหญ่แล้วว่า เดิมข้าพเจ้าคิดอ่านเกลี้ยกล่อมผู้คน แลบอกไปถึงท่านทั้งปวงว่าจะทำนุบำรุงการแผ่นดิน ท่านทั้งปวงเห็นด้วยจึงยกมาช่วยทำการ บัดนี้ ตั๋งโต๊ะทิ้งเมืองหลวงเสีย พาพระเจ้าเหี้ยนเต้แลอาณาประชาราษฏรไปข้างทิศตะวันตก ข้าพเจ้าได้ว่าให้ท่านทั้งปวงยกตามไป ท่านก็ไม่ยอม ข้าพเจ้ายกทหารตามไป ได้รบพุ่งกันเป็นสามารถ จนข้าพเจ้าเสียทีมาครั้งนี้ ข้าพเจ้าได้ความอัปยศนัก ท่านทั้งปวงจะคิดประการใดจงช่วยกันคิดเถิด อ้วนเสี้ยวแลหัวเมืองทั้งปวงมิได้ตอบประการใด โจโฉจึงคิดว่า บรรดาหัวเมืองทั้งนี้เห็นจะคิดเอาใจออกหากกันเป็นมั่นคง ถึงจะคิดการด้วยสืบไปก็เห็นจะไม่ตลอด โจโฉโกรธจึงออกมาจัดแจงทหารแล้วยกไปเมืองเอ๊งจิ๋ว แลหัวเมืองทั้งนั้นก็กลับไปยังที่ชุมนุม แลกองซุนจ้านจึงว่าแก่เล่าปี่ กวนอู เตียวหุยว่า อ้วนเสี้ยวนี้ซึ่งจะคิดการใหญ่นั้นไม่ได้ นานไปเห็นจะมีอันตราย จะพากันได้ความลำบากเสีย เราจงพากันยกไปเมืองจะดีกว่า เล่าปี่ กวนอู เตียวหุยเห็นชอบด้วยกองซุนจ้าน ก็ยกทหารไปถึงเมืองเพงงวนก๋วน เล่าปี่ก็ลาเข้าอยู่รักษาเมืองดังก่อน กองซุนจ้านก็ยกไปเมืองปักเป๋ง

ฝ่ายเล่าต้ายขาดเสบียงจึงให้ทหารไปยืมเสบียงเตียวเมา เตียวเมาไม่ให้ เล่าต้ายโกรธ ครั้นเวลากลางคืนก็ยกทหารเข้าตีค่ายฆ่าเตียวเมาตาย แลทหารเตียวเมานั้นก็มาเข้าด้วยเล่าต้ายสิ้น อ้วนเสี้ยวเห็นหัวเมืองทั้งปวงแก่งแย่งทำร้ายแก่กัน ที่ยกกลับไปก็มีบ้าง เห็นการจะทำไม่ตลอด อ้วนเสี้ยวก็คุมทหารยกไปเมืองโห้ลาย แลหัวเมืองซึ่งยังอยู่นั้นต่างคนต่างยกกลับไปเมือง

ฝ่ายเล่าเปียว เจ้าเมืองเกงจิ๋วนั้น เป็นเชื้อพระเจ้าฮั่นโกโจมาแต่ก่อน แลเล่าเปียวนั้นมีที่ปรึกษาเจ็ดคน ชื่อ ตัวเสียง ชาวเมืองยีหลำ หนึ่ง คงหลิบ ชาวเมืองโลก๊ก หนึ่ง ห้วนขง ชาวเมืองปุดไฮ หนึ่ง เตียงลี ชาวเมืองซันหยง หนึ่ง เตียวเคียน ชาวเมืองซันหยง หนึ่ง หงิมติด ชาวเมืองลำหยง หนึ่ง ห้วนหง ชาวเมืองยีหลำ หนึ่ง ทั้งเจ็ดคนนี้เป็นเพื่อนสนิทกันกับเล่าเปียวมาแต่ก่อน แลมีทหารเอกสามคนชื่อ เก๊งเหลียง เก๊งอวด ชัวมอ สามคนนี้เป็นชาวเมืองเอี้ยงเบ๋ง

แลเล่าเปียวครั้นแจ้งหนังสืออ้วนเสี้ยวซึ่งให้มานั้น จึงให้เก๊งอวดกับชัวมอคุมทหารหมื่นหนึ่งยกไปสกัดทางซึ่งซุนเกี๋ยนมา แลเก๊งอวดขึ้นไปยืนอยู่หน้าทหารทั้งปวง ซุนเกี๋ยนจึงถามเก๊งอวดว่า ซึ่งท่านยกทหารมาสกัดทางไว้ทั้งนี้จะปรารถนาสิ่งอันใด เก๊งอวดจึงตอบว่า ตัวท่านเป็นข้าพระเจ้าเหี้ยนเต้ ตัวก็ได้กินเบี้ยหวัดอยู่ แลตัวพาเอาตราหยกสำหรับพระมหากษัตริย์มานั้น จะเอาไปคิดประการใด จงเอาตราส่งมาให้เรา เราจะเอาไปถวายพระเจ้าเหี้ยนเต้ ถ้าตัวมิให้ เราก็ไม่เปิดทางให้ไป ซุนเกี๋ยนได้ฟังดังนั้นก็โกรธ จึงให้อุยกายออกไปจะรบด้วยเก๊งอวด แลชัวมอเห็นก็ขับม้าออกรบกับอุยกายได้เจ็ดเพลง อุยกายจึงเอากระบองเหล็กสี่เหลี่ยมตีถูกชัวมอ ชัวมอชักม้าหนี ซุนเกี๋ยนจึงไล่ฟันทหารชัวมอถึงหน้าเมืองเกงจิ๋ว ซุนเกี๋ยนได้ยินเสียงม้าล่อบนเนินเขาจึงแลเห็นเล่าเปียวยกทหารมาเป็นอันมาก ซุนเกี๋ยนคำนับเล่าเปียวแล้วจึงว่า ท่านเชื่อฟังหนังสืออ้วนเสี้ยวแลยกทหารมาทำการดังนี้เหมือหนึ่งไม่เอ็นดูข้าพเจ้า เล่าเปียวจึงตอบว่า ซึ่งท่านพาเอาตราหยกมานี้จะคิดเป็นขบถต่อแผ่นดินหรือ ซุนเกี๋ยนจึงว่า ถ้าข้าพเจ้าได้ตรายหกมาเหมือนอ้วนเสี้ยวว่ามานั้น ขอให้ข้าพเจ้าตายด้วยอาวุธต่าง ๆ เถิด เล่าเปียวจึงว่า ถ้าท่านจะให้เราสิ้นสงสัย จงเรียกทหารซึ่งสนิทของท่านมาให้เราค้นดูจงสิ้นทุกคน เราจึงจะเชื่อ ซุนเกี๋ยนได้ยินดังนั้นก็โกรธจึงว่า เราสาบานตัวแล้วยังไม่เชื่อเล่า ท่านจะมีฝีมือกล้าหาญประการใด เราจะขอลองดู เล่าเปียวได้ฟังดังนั้นก็ยกทหารทำเป็นถอยมา ซุนเกี๋ยนขับม้าไล่ไปถึงเขาสองข้างทาง แลทหารเล่าเปียวซึ่งซุ่มอยู่นั้นก็ออกรบกระหยาบ แลชัวมอ เก๊งอวดซึ่งหนีซุนเกี๋ยนั้นก็ขับม้าคุมทหารอ้อมทางขึ้นไปตีกระหนาบหลังซุนเกี๋ยนลงมา เล่าเปียวก็ให้ทหารตีเป็นหน้ากระดานขึ้นไป ซุนเกี๋ยนนั้นรบอยู่กลางทหารเล่าเปียว แลอุยกาย เทียเภา ฮันต๋งเห็นเสียทหารเป็นอันมากแล้วทหารเล่าเปียวล้อมซุนเกี๋ยนไว้ อุยกาย เทียเภา ฮันต๋งจึงรบหักเข้าไปแก้ซุนเกี๋ยนออกมาได้ แล้วก็พาทหารซึ่งเหลือมานั้นยกไปเมืองกังตั๋ง แต่นั้นมา เล่าเปียวกับซุนเกี๋ยนก็มีใจพยาบาทกัน



เชิงอรรถ[แก้ไข]

  1. มีในเรื่องเลียดก๊ก
  2. พระเจ้าจิ๋นอ๋องกับพระเจ้าจิ๋นซีอ๋ององค์เดียวกัน




ตอนที่ ๔ ขึ้น ตอนที่ ๖