สามก๊ก/ตอนที่ ๖
สารบัญ ลง
หน้า | ||
เรื่อง | ||
| ||
| ||
| ||
| ||
รูป | ||
| ||
| ||
ขณะเมื่ออ้วนเสี้ยวยกทหารมาอยู่เมืองโห้หลายนั้นขาดเสบียง ฝ่ายฮันฮก เจ้าเมืองกิจิ๋วนั้น รู้ข่าวก็จัดแจงเสบียงให้ทหารคุมไปให้แก่อ้วนเสี้ยว แลห้องกีจึงว่าแก่อ้วนเสี้ยวว่า คนทั้งปวงก็ปรากฏอยู่ว่าท่านเป็นเชื้อขุนนางมาแต่ก่อน แลท่านมาทำการทำนุบำรุงแผ่นดินครั้งนี้ ซึ่งจะมานั่งคอยกินให้ผู้อื่นส่งเสบียงนั้นเห็นไม่ควร ถ้าเขามิส่งก็จะขัดสนอยู่ แลในเมืองกิจิ๋วนั้นทรัพย์สิ่งสินก็มั่งคั่ง อาหารก็บริบูรณ์ ขอให้ยกทหารไปตีเอาเมืองกิจิ๋ว ถ้าได้แล้วท่านจงตั้งอยู่ในเมืองนั้น จะได้คิดราชการสืบไป อ้วนเสี้ยวได้ยินดังนั้นจึงตอบว่า เราก็คิดอยู่ แต่ยังหาทีที่จะทำมิได้ ห้องกีจึงว่า ถ้าท่านคิดดังนั้นแล้ว ขอให้มีหนังสือลับไปถึงกองซุนจ้านให้ทหารเข้าตีเมืองกิจิ๋วด้านหนึ่ง ท่านจงยกเข้าตีกระหนาบด้านหนึ่ง ถ้าได้เมืองแล้วแบ่งทรัพย์สินแลเมืองให้กองซุนจ้านกึ่งหนึ่ง แลฮันฮกนั้นเป็นคนหามีความคิดไม่ ถ้ารู้กิตติศัพท์ว่ากองซุนจ้านจะยกมาตี เห็นจะมีหนังสือมาถึงท่านให้ยกทหารไปช่วย ถ้าสมคิด เห็นเราจะได้เมืองกิจิ๋วโดยง่าย อ้วนเสี้ยวเห็นชอบด้วย จึงให้แต่งหนังสือลับไปให้กองซุนจ้านตามห้องกีว่า
ฝ่ายกองซุนจ้านรู้หนังสือนั้นก็มีความยินดี จึงบอกกำหนดซึ่งจะยกไปตีเมืองกิจิ๋วไปถึงอ้วนเสี้ยว แล้วจัดแจงเตรียมทหารไว้พร้อม อ้วนเสี้ยวแจ้งแล้วก็ให้แต่งหนังสือไปถึงฮักฮกว่า บัดนี้ กองซุนจ้านมีหนังสือมาปรึกษาเราว่าจะยกไปตีเมืองกิจิ๋วจงได้ ฮันฮกแจ้งในหนังสืออ้วนเสี้ยวแล้ว จึงปรึกษากับซุนซิม ซินเป๋ง ว่า กองซุนจ้านจะยกมาตีเมืองเรานี้ จะคิดประการใด
ซุนซิมจึงว่า ซึ่งกองซุนจ้านจะตีเอาเมืองเรานั้น เห็นจะยกทหารมาเป็นอันมาก แล้วเล่าปี่ กวนอู เตียวหุยก็จะมาด้วย กำลังทหารเรานั้นน้อย เห็นจะสู้ไม่ได้ แล้วอ้วนเสี้ยวนั้นประกอบไปด้วยสติปัญญา แล้วมีทหารเอกทหารเลวเป็นอันมาก ขอให้มีหนังสือไปเชิญอ้วนเสี้ยวมาอยู่รักษาเมือง จะได้ช่วยกันคิดอ่านป้องกัน เห็นอ้วนเสี้ยวจะมีความเมตตาแก่ท่าน ซึ่งกองซุนจ้านจะยกมากระทำย่ำยีเมืองเรานั้นก็เกรงอ้วนเสี้ยวอยู่ ฮันฮกเห็นชอบด้วยจึงแต่งหนังสือให้กวนกีถือไปเชิญอ้วนเสี้ยวตามคำซุนซิม แลเกกก๋งบูจึงว่าแก่ฮันฮกว่า อ้วนเสี้ยวนั้นเป็นคนสิ้นความคิดอยู่แล้ว ซึ่งได้ตั้งตัวเลี้ยงทหารอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะท่านให้ส่งเสบียง อุปมาเหมือนทารกถ้ามารดามิให้นมกินแล้ว ทารกนั้นก็จะสิ้นแรงไป ซึ่งท่านจะให้อ้วนเสี้ยวมาช่วยรักษาเมือง เหมือนจับเอาเสือมาปล่อยไว้ในฝูงเนื้อ ฝูงเนื้อทั้งปวงก็จะมีอันตรายเป็นมั่นคง ขอท่านดำริดูจงควร ฮันฮกจึงตอบว่า ตัวเราเมื่อแรกจะได้เป็นขุนนางก็เพราะแซ่อ้วนว่ากล่าวจึงได้มาเป็นเจ้าเมือง เราเห็นว่า สติปัญญาอ้วนเสี้ยวดีกว่าเรา อนึ่ง โบราณว่าไว้ ถ้าเห็นผู้ใดมีสติปัญญาก็ให้ผู้มีความคิดน้อยคำนับผู้มีปัญญา แลท่านมาทักเราให้ผิดโบราณดังนี้เราไม่เห็นด้วย แล้วก็สั่งให้กวนกีถือหนังสือไปเชิญอ้วนเสี้ยวมา เก๋งบูได้ยินดังนั้นก็ทอดใจใหญ่แล้วว่า เมืองกิจิ๋วจะสูญเสียครั้งนี้เป็นมั่นคง เก๋งบูกับขุนนางสามสิบสองคนก็ลาออกจากราชการ แต่เก๋งบู ก้วนซุนนั้นไปยืนแอบประตูเมืองคอยอ้วนเสี้ยวอยู่
ฝ่ายอ้วนเสี้ยวครั้นแจ้งในหนังสือฮันฮกนั้นแล้วก็จัดแจงทหารแล้วยกไปถึงเมืองกิจิ๋ว แลอ้วนเสี้ยวนั้นจะเข้าประตูเมือง เก๋งบู ก้วนซุนชักกระบี่ออกจะฟันอ้วนเสี้ยว งันเหลียง บุนทิวเห็นดังนั้นจึงถอดกระบี่วิ่งเข้ารับ แล้วฟันเก๋งบูกับก้วนซุนตาย อ้วนเสี้ยวก็ยกทหารเข้าไปในเมือง ฮันฮกจึงออกมารับแล้วพาเข้าไปที่อยู่ อ้วนเสี้ยวจึงตั้งฮันฮกเป็นบูจงกุ๋น แปลภาษาไทยว่า เป็นนายทหารเอก แล้วให้ถอดขุนนางในเมืองเสีย จึงให้เอาเตียนห้อง หนึ่ง โจสิว หนึ่ง เคาสิว หนึ่ง ห้องกี หนึ่ง ซึ่งเป็นทหารของอ้วนเสี้ยวนั้นมาเป็นขุนนาง ในขณะนั้น ราชการในเมืองกิจิ๋วก็สิทธิ์ขาดอยู่ในอ้วนเสี้ยวสิ้น แลฮันฮกเห็นดังนั้นก็คิดสะดุ้งใจว่า ซึ่งอ้วนเสี้ยวมาทำทั้งนี้ก็เพราะเราคิดผิด ซึ่งจะอยู่ในเมืองนี้กับอ้วนเสี้ยวสืบไปเมื่อหน้า เห็นจะเกิดอันตรายเป็นมั่นคง ฮันฮกก็ทิ้งบุตรภรรยาเสีย หนีไปเมืองตันลิวแต่ตัวผู้เดียว
ฝ่ายกองซุนจ้านครั้นรู้ข่าวว่าอ้วนเสี้ยวได้เมืองกิจิ๋วแล้วก็ให้กองซุนอวดผู้น้องไปว่าแก่อ้วนเสี้ยวว่า จะปันเอาทรัพย์สิ่งสินแลเมืองกึ่งหนึ่งตามซึ่งให้หนังสือมาสัญญาไว้นั้น อ้วนเสี้ยวจึงตอบว่า ให้ไปเชิญกองซุนจ้านผู้พี่ท่านมาเถิด กองซุนอวดกลับไปถึงกลางทางพอพบทัพสองข้างทางร้องว่า กูเป็นทหารมหาอุปราช แล้วเอาเกาทัณฑ์ยิงถูกกองซุนอวดตาย แลทหารกองซุนอวดซึ่งมาด้วยกองซุนอวดนั้นก็หนีเอาเนื้อความทั้งปวงไปบอกกองซุนจ้าน กองซุนจ้านได้ฟังดังนั้นก็โกรธแล้วว่า อ้วนเสี้ยวได้เมืองกิจิ๋ว แล้วแต่งเป็นกลอุบายให้ทหารมาซุ่มคอยฆ่ากองซุนอวดผู้น้องเราเสีย แล้วแกล้งประกาศว่าเป็นทหารตั๋งโต๊ะ แลอ้วนเสี้ยวทำทั้งนี้กูมีความแค้นนัก ถ้ากูแก้แค้นอ้วนเสี้ยวไม่ได้ก็เหมือนหนึ่งมิใช่ชาติทหาร แล้วกองซุนจ้านจัดแจงทหารสิ้นทั้งเมือง พร้อมก็ยกไปรบด้วยอ้วนเสี้ยว
ฝ่ายอ้วนเสี้ยวรู้ข่าวดังนั้นก็ให้ตรวจตราทหาร เสร็จแล้วก็ยกออกจากเมืองไปตั้งรับอยู่ ณ ตำบลแม่น้ำพวนโห้ฟากตะวันตก แลแม่น้ำนั้นมีสะพานศิลาอยู่ กองซุนจ้านเห็นกองทัพอ้วนเสี้ยวยกมาจึงขี่ม้าขึ้นสะพานแล้วร้องว่าแก่อ้วนเสี้ยวว่า ตัวมึงไม่รักษาสัตย์ มาล่อกูแล้วซ้ำฆ่ากองซุนอวดผู้น้องกูเสีย อ้วนเสี้ยวได้ยินดังนั้นจึงขี่ม้าขึ้นสะพานแล้วจึงตอบว่า ฮันฮกเป็นคนโฉดหาความคิดมิได้ ยกเมืองกิจิ๋วให้แก่เรา แลท่านจะมาชุบเมืองเอาส่วนนั้นไม่ควร กองซุนจ้านจึงตอบว่า หัวเมืองทั้งปวงปรึกษากันเห็นว่ามึงสัตย์ซื่อจึงตั้งให้เป็นนายทัพผู้ใหญ่ บัดนี้ กูเห็นใจมึงดังสัตว์เดียรัจฉาน ซึ่งอยู่ในบ้านเมืองนั้นไม่ควร อ้วนเสี้ยวได้ยินก็โกรธจึงถามว่า ใครจะอาสาออกไปจับกองซุนจ้านมาให้เราได้บ้าง บุนทิวก็รับอาสารำทวนขับม้าข้ามสะพานไป กองซุนจ้านชักม้าถอยลงมายืนอยู่ที่แผ่นดิน ครั้นบุนทิวมาถึงก็เข้ารบกันได้เก้าเพลงสิบเพลง กองซุนจ้านกำลังน้อยก็ขับม้าหนีเข้าปนอยู่กบัพวกทหาร บุนทิวจึงขับม้าไล่เข้าไป แลทหารทั้งปวงแตกกระจายไป แลทหารเอกกองซุนจ้านสี่คนข้าม้าประดากันเข้ารบด้วยบุนทิว บุนทิวเอาทวนแทงถูกทหารตกม้าตายคนหนึ่ง ทหารสามคนก็ขับม้าหนี บุนทิวขับม้าไล่ตามแล้วผละเสีย จึงขับม้าตรงเข้าจะแทงเอากองซุนจ้าน กองซุนจ้านขับม้าหนีฝ่าเข้าป่าไปเป็นหลายตำบล บุนทิวขับม้าตามแล้วร้องว่า เร่งลงจากม้า เราจะจับเอาเป็นไป ชีวิตท่านจะรอดอยู่ ถ้าจะขืนควบม้าหนีไป เราจะเอาทวนแทงให้ตกม้าตาย กองซุนจ้านได้ยินดังนั้นก็ขับม้าหนี เกาทัณฑ์แลอาวุธกับหมวกที่ใส่นั้นก็พลัดตกไปสิ้น ครั้นมาถึงเนินเขาแห่งหนึ่ง ม้านั้นก็สะดุดเอาก้อนศิลาล้มลง บุนทิวเงื้อทวนจะแทงกองซุนจ้าน ฝ่ายจูล่งเห็นดังนั้นก็ขับม้ารำทวนออกสกัดหน้าบุนทิวไว้ แลกองซุนจ้านนั้นก็หนีเข้าซ่อนอยู่ในเงื้อมเขาได้ จูงล่งกับบุนทิวรบกันถึงหกสิบเพลงมิได้แพ้ชนะกัน พอเหล่าทหารกองซุนจ้านซึ่งแตกมานั้นคุมกันไล่ตามมาทันเข้าล้อมบุนทิวไว้ บุนทิวเห็นจะเสียทีก็ขับม้าฝ่าออกมาได้แล้วหนีกลับไป กองซุนจ้านจึงออกมาจากเงื้อมเขา เห็นทหารคนนั้นสูงประมาณหกศอก หน้าผากแลคิ้วใหญ่ ตาโต จึงถามว่า ท่านนี้ชื่อใด มาช่วยเรานี้ขอบใจนัก จูล่งย่อตัวลงคำนับแล้วว่า ข้าพเจ้าชื่อ จูล่ง แซ่เตียว อยู่ ณ เมืองเสียงสัน แต่ก่อนั้นข้าพเจ้าอยู่ด้วยอ้วนเสี้ยว ข้าพเจ้าเห็นว่าอ้วนเสี้ยวเป็นคนมีพยศหยาบช้ามิได้รักษาสัตย์ ข้าพเจ้าจึงหนีมาพึ่งอยู่ด้วยท่าน พอมาพบที่กลางทางนี้ กองซุนจ้านได้ฟังดังนั้นมีความยินดีนัก จึงขึ้นขี่ม้าตัวหนึ่งแล้วพาจูล่งกับทหารทั้งปวงยกกลับไป ณ ค่ายริมแม่น้ำ
ฝ่ายอ้วนเสี้ยวครั้นเห็นดังนั้นก็ให้งันเหลียง บุนทิวคุมทหารเกาทัณฑ์นายละพัน ให้แยกเป็นสองกองซุ่มอยู่ต้นสะพาน ถ้าได้ยินเสียงประทัดสัญญาณแล้วก็ให้ยิงระดมทั้งซ้ายขวา แลให้จ๊กยี่คุมทหารเกาทัณฑ์แปดร้อยกับทหารเลวหมื่นห้าพันเป็นกองหน้าออกรบล่อ อ้วนเสี้ยวนั้นคุมทหารประมาณห้าหมื่นเป็นกองหลวง ครั้นจัดแจงเสร็จก็ให้ทหารทั้งปวงสงบอยู่
ฝ่ายกองซุนจ้านให้ยำก๋งคุมทหารเป็นกองหน้า แล้วให้จัดทหารเป็นปีกซ้ายปีกขวา แลกองซุนจ้านนั้นยังไม่รู้จักน้ำใจจูล่ง จึงให้จูล่งคุมทหารเป็นกองหลังแล้วให้เอาธงเป็นตัวอักษรปักทองว่า ชวยกี้ ภาษาไทยว่า ธงสำหรับแม่ทัพ แล้วก็ยกทหารขึ้นตั้งเป็นขบวนอยู่บนสะพานศิลานั้น จึงให้ทหารทั้งปวงตีฆ้องกลองม้าล่อแล้วโห่ร้องแต่เช้าจนเที่ยง ทหารให้กองทัพอ้วนเสี้ยวนั้นยังสงอยู่ ยำก๋งซึ่งเป็นกองหน้ากองซุนจ้านเห็นดังนั้นก็ยกทหารรุกจะข้ามไป
ฝ่ายจ๊กยี่ กองหน้าอ้วนเสี้ยว คุมทหารรบล่อถอยมาถึงต้นสะพาน เห็นได้ทีแล้วจึงจุดประทัดสัญญาณขึ้น แลทหารเกาทัณฑ์แปดร้อยนั้นก็ยิงระดมเป็นสามารถ ยำก๋งเห็นจะต้านทานมิได้ แลทหารทั้งปวงก็รวนจะถอยออกมา จ๊กยี่เห็นดังนั้นจึงขับม้ารำง้าวเข้าไล่รบด้วยยำก๋งได้ห้าเพลงก็เอาง้าวฟันถูกยำก๋งตกม้าตาย ปีกซ้ายปีกขวากองซุนจ้านยกทหารจะเข้าช่วยรุมแก้กัน งันเหลียง บุนทิวคุมทหารซ้ายขวาซึ่งซุ่มอยู่ต้นสะพานนั้นก็ให้ทหารยิงเกาทัณฑ์กราดไว้ ทหารกองซุนจ้านเข้าช่วยมิได้ จ๊กยี่คุมทหารทั้งปวงไล่ฟันไปถึงหน้าม้ากองซุนจ้าน แล้วจึงเอากระบี่ฟันธงนั้นหักลง กองซุนจ้านเห็นจะทานมิได้ก็คุมทหารกลับหน้าลงจากสะพานหนีไป จ๊กยี่นั้นขับม้าคุมทหารไล่ฟันตะลุมบอน ทหารกองซุนจ้านแตกกระจัดกระจายไป
ขณะนั้น จูล่งซึ่งเป็นกองหลังเห็นดังนั้นจึงขับม้าเข้ารบด้วยจ๊กยี่ได้ห้าเพลงก็เอาทวนแทงจ๊กยี่ตกม้าตาย แล้วจูล่งขับม้าเข้าไล่แทงอยู่ในกลางทหารจ๊กยี่ จูล่งขับม้าไปข้างขวาก็ขวาแตก ไปข้างซ้ายก็ซ้ายแตก หาผู้ใดต้านทานมิได้ กองซุนจ้านเห็นดังนั้นก็คุมทหารกลับเข้ามาช่วยจูล่งรบ ทหารจ๊กยี่ก็แตกไป
ขณะเมื่อจ๊กยี่ฟันธงสำหรับแม่ทัพหัก กองซุนจ้านแตกลงไปจากสะพานพัน มีทหารคนหนึ่งมาบอกอ้วนเสี้ยวว่า ทัพกองซุนจ้านแตกแล้ว อ้วนเสี้ยวได้ยินดังนั้นมีความยินดีนัก จึงพาเตียวห้อง กับทหารถือทวนประมาณสามร้อย ถือเกาทัณฑ์ห้าสิบ ออกมาแลดูนอกค่าย เห็นสมคำทหารมาบอก อ้วนเสี้ยวก็ตบมือหัวเราะแล้วว่า กองซุนจ้านนั้นเป็นคนหาชำนาญศึกไม่ แต่เราคิดทำเพียงนี้ก็รบแตก อ้วนเสี้ยวก็มีใจประมาท
ฝ่ายจูล่งกับกองซุนจ้านรีบยกทหารข้ามสะพานไป แต่จูล่งนั้นขับม้าเข้าไล่แทงทหารอ้วนเสี้ยวตายเป็นหลายคน กองซุนจ้านก็รีบยกทหารเข้าวกหลังอ้วนเสี้ยวไว้แล้วยิงเกาทัณฑ์ระดมไป
เตียนห้องเห็นดังนั้นก็ตกใจจึงว่าแก่อ้วนเสี้ยวว่า ครั้งนี้จะเสียแก่ศัตรู ท่านจงเข้าแอบอยู่ริมตลิ่งหนีให้พ้นภัย อ้วนเสี้ยวจึงตอบว่า เป็นชาติทหารจะกลัวตายไย แล้วร้องให้ทหารทั้งปวงเข้ารบพุ่งต้านทานไว้ เหล่าทหารทั้งปวงนั้นก็รบพุ่งป้องกันเป็นสามารถ แลงันเหลียงเห็นกองซุนจ้านกับจูล่งเข้ารบอยู่ก็คุมทหารตีกระหนาบหลังเข้าด้านหนึ่ง ทหารอ้วนเสี้ยวที่แต่งให้รบล่อซึ่งแตกไปนั้นครั้นกลับมาเห็นก็คุมกันเข้าตีกระหนาบไว้อีกด้านหนึ่ง จูล่งรบอยู่ในทัพกระหนาบ เห็นจะทานมิได้ ก็พากองซุนจ้านกับทหารรบฝ่าออกมาจะข้ามสะพานไป อ้วนเสี้ยวแลงันเหลียงก็คุมทหารไล่ไปถึงต้นสะพาน ได้ฆ่าฟันทหารกองซุนจ้านตกน้ำตายเป็นอันมาก อ้วนเสี้ยวกับงันเหลียงคุมทหารข้ามสะพานไล่กองซุนจ้าน จูล่ง ไปทางประมาณห้าสิบเส้น
ขณะนั้น เล่าปี่รู้ข่าวจึงพากวนอู เตียวหุย กับทหารทั้งปวงยกมาจะช่วยกองซุนจ้าน พอเห็นอ้วนเสี้ยวไล่กองซุนจ้านมาถึงเนินเขา เล่าปี่ กวนอู เตียวหุยก็ขับม้ารบสกัดหน้าม้าอ้วนเสี้ยวไว้ ฝ่ายอ้วนเสี้ยวเห็นเล่าปี่ กวนอู เตียวหุยขวางหน้าม้าเข้ารบดังนั้นก็ตกใจหาสติมิได้ ง้าวซึ่งถืออยู่นั้นก็พลัดตกลงมามือ แล้วขับม้าถอยหลังข้ามไป ณ ค่าย
ฝ่ายกองซุนจ้านครั้นเห็นเล่าปี่ กับกวนอู เตียวหุยมาช่วยก็มีความยินดี จึงพากันกลับมาถึงค่าย แล้วกองซุนจ้านจึงบอกแก่เล่าปี่ว่า ครั้นหนึ่ง บุนทิวทหารอ้วนเสี้ยวไล่เรามา หากว่าจูล่งออกช่วยจึงรอด ครั้งนี้ อ้วนเสี้ยวไล่เรามา หากว่าท่านมาทันได้รบพุ่งป้องกันไว้ เราจึงได้รอดชีวิตเพราะท่าน แล้วเรียกจูล่งมาให้รู้จักกับเล่าปี่ไว้ เล่าปี่เห็นรูปร่างจูล่งนั้นสมเป็นทหาร ก็มีความรักใคร่จูล่งเป็นอันมาก แล้วกองซุนจ้านกับอ้วนเสี้ยวก็ให้ทหารตั้งมั่นประชิดกันอยู่คนละฟากน้ำประมาณเดือนเศษ
ขณะนั้น มีคนหนึ่งเอาข่าวขึ้นไปบอกลิยู ณ เมืองเตียงฮันตามซึ่งอ้วนเสี้ยวกับกองซุนจ้านตั้งรบกันอยู่นั้นทุกประการ ลิยูจึงเอาเนื้อความนั้นแจ้งแก่ตั๋งโต๊ะ ตั๋งโต๊ะรู้ดังนั้นจึงว่าแก่ลิยูว่า ซึ่งอ้วนเสี้ยวกับกองซุนจ้านต่างมีกำลังรบกันอยู่ดังนี้ เราจะคิดประการใด ลิยูจึงว่า อ้วนเสี้ยวกับกองซุนจ้านนั้นก็มีฝีมือรบพุ่งเข้มแข็งตั้งรบกันอยู่ตำบลแม่น้ำพวกโห้ ถ้าผู้ใดมีชัยชนะ ผู้นั้นก็จะกำเริบขึ้น นานไปก็จะเคืองใจท่าน ขอให้มีหนังสือรับสั่งพระเจ้าเหี้ยนเต้ไปห้ามเสียทั้งสองฝ่ายให้เป็นไมตรีกัน นานไปอ้วนเสี้ยวกับกองซุนจ้านก็จะอยู่ในบังคับบัญชาท่าน ตั๋งโต๊ะเห็นชอบด้วย จึงแต่งเป็นหนังสือรับสั่งพระเจ้าเหี้ยนเต้สองฉบับตามคำลิยูว่า แล้วให้เตียวกีกับหม้าหยิดถือไปให้แก่อ้วนเสี้ยว กองซุนจ้าน
ฝ่ายอ้วนเสี้ยวครั้นรู้ข่าวจึงออกมาคำนับหนังสือรับสั่งแล้วรับเข้าไปในค่าย ครั้นดูแจ้งในหนังสือรับสั่งพระเจ้าเหี้ยนเต้แล้วก็ทำตามรับสั่ง แลเตียวกีกับม้าหยิดก็พากันเอาหนังสือฉบับหนึ่งข้ามไปให้กองซุนจ้าน ณ ค่าย กองซุนจ้านเห็นหนังสือก็ฟังตามรับสั่ง แล้วกองซุนจ้านให้ทหารเอาข้อรับสั่งไปเจรจาแก่อ้วนเสี้ยว อ้วนเสี้ยวก็ยอม แล้วเตียวกีกับม้าหยิดเอาเนื้อความลับขึ้นไปแจ้ง ณ เมืองเตียงฮัน อ้วนเสี้ยวก็ยกทหารกลับเข้าเมือง
ฝ่ายกองซุนจ้านจัดแจงทหารแล้วพาเล่าปี่ จูล่งเลิกทัพกลับไปเมือง ครั้นถึงเมืองเพงงวนก๋วนจึงให้เล่าปี่เข้าอยู่รักษาเมืองดังแต่ก่อน เล่าปี่ กวนอู เตียวหุยก็ลากองซุนจ้านจะเข้าไปในเมือง จูล่งจึงว่าแก่เล่าปี่ว่า แต่ก่อนข้าพเจ้าเห็นว่าอ้วนเสี้ยวเป็นคนหยาบช้า ข้าพเจ้าจึงมาอยู่ด้วยกองซุนจ้าน บัดนี้ ก็เห็นว่ากองซุนจ้านนี้หาความคิดมิได้ ข้าพเจ้าจึงมีความลำบากใจ ครั้นมาเห็นท่านค่อยมีสติปัญญา คิดว่าจะทำราชการด้วย ก็ต่างคนต่างอยู่ มิรู้ที่จะทำประการใด เล่าปี่จึงตอบเอาใจจูล่งว่า ท่านกับเรารู้จักกันไว้ครั้งนี้ก็เป็นคนสนิทกัน จงค่อยอยู่กับกองซุนจ้านก่อนเถิด ถ้าชีวิตมิตาย สืบไปภายหน้าท่านจะได้ทำราชการด้วยเราเป็นมั่นคง จงจำคำนี้ไว้อย่าลืม แล้วเล่าปี่ยึดมือจูล่งเข้าแล้วก็มีใจเศร้าโศก จูล่งนั้นก็ร้องไห้รักเล่าปี่ แล้วเล่าปี่ลาจูล่งยกทหารเข้าไปเมืองเพงงวนก๋วน กองซุนจ้านก็พาจูล่งยกไปเมืองปักเป๋ง
ฝ่ายอ้วนสุด เจ้าเมืองลำหยง ครั้นรู้ข่าวว่าอ้วนเสี้ยวผู้พี่ได้เมืองกิจิ๋ว จึงแต่งหนังสือให้ทหารถือไปขอม้าแก่อ้วนเสี้ยวพันหนึ่ง อ้วนเสี้ยวมิได้ยอมให้ดังปรารถนา อ้วนสุดโกรธพยาบาทอ้วนเสี้ยวผู้พี่ แล้วอ้วนสุดให้มีหนังสือไปขอเสบียงเล่าเปียว เจ้าเมืองเกงจิ๋ว เล่าเปียวมิได้ให้เสบียงมา อ้วนสุดโกรธมีใจพยาบาทเป็นอันมาก แล้วอ้วนสุดก็แต่งหนังสือไปถึงซุนเกี๋ยนซึ่งอยู่ ณ เมืองกังตั๋งว่า เล่าเปียวคุมทหารออกสกัดรบชิงเอาตราหยกนั้นก็เพราะอ้วนเสี้ยวพี่เราให้หนังสือไป บัดนี้ อ้วนเสี้ยวกับเล่าเปียวคิดกันจะไปตีเอาเมืองกังตั๋งชิงเอาตราหยกให้จงได้ ซึ่งท่านจะนอนใจอยู่นั้นไม่ควร จงเร่งยกทหารไปตีเมืองเกงจิ๋ว เราจะช่วยแก้แค้นท่าน เราจะยกไปตีเมืองกิจิ๋วซึ่งอ้วนเสี้ยวอยู่นั้น
ฝ่ายซุนเกี๋ยนแจ้งในหนังสือนั้นแล้วก็มีความยินดี จึงปรึกษาด้วยทหารทั้งปวงว่า ผู้ใดจะเห็นประการใด เทียเภาจึงว่า ซึ่งอ้วนสุดให้หนังสือมาทั้งนี้จะเชื่อฟังยังมิได้ ด้วยอ้วนสุดนั้นเป็นคนหยาบช้ามักยุยงแต่จะให้ผู้อื่นผิดกัน แล้วอ้วนสุดก็เป็นน้องอ้วนเสี้ยว ซึ่งจะยกไปรบเมืองกิจิ๋วนั้นข้าพเจ้าเห็นไม่จริง ซุนเกี๋ยนจึงตอบว่า ซึ่งเทียนเภาว่าทั้งนี้ก็ชอบอยู่ อันเล่าเปียวเป็นศัตรูเรา ถึงมาตรว่าอ้วนสุดจะไม่มีหนังสือมาถึงเรา เราก็คิดอยู่ว่าจะยกทหารไปรบ แลการทั้งนี้ใช่จะเห็นแก่ผู้ช่วยนั้นหามิได้ แล้วให้อุยกายไปจัดแจงเรือรบสรรพไปด้วยเครื่องศัสตราวุธ กับเรือใหญ่บรรทุกม้าแลเสบียงอาหารให้พร้อมไว้จงมาก ถึงวันดีเมื่อใดจะได้ยกไปทำการสะดวก
ฝ่ายเรือกองตระเวนเมืองเกงจิ๋วรู้กิตติศัพท์ดังนั้นก็เอาเนื้อความทั้งปวงไปแจ้งแก่เล่าเปียว เล่าเปียวจึงปรึกษาแก่ทหารทั้งนั้นว่า ซึ่งซุนเกี๋ยนจะยกทัพเรือมานั้น ใครยังจะเห็นประการใดบ้าง เก๊งเหลียงจึงว่า ซึ่งซุนเกี๋ยนจะยกทัพเรือข้ามทะเลมานั้น เห็นจะไม่สู้กับเราซึ่งอยู่บกได้ ด้วยส่งเสบียงกันยาก ขอให้เกณฑ์ทัพหองจอ เจ้าเมืองกังแฮ ซึ่งขึ้นแก่เรานั้น เป็นทัพหน้า ท่านจงยกทหารเป็นทัพหลวง เล่าเปียวเห็นชอบด้วย ก็ให้เกณฑ์ทัพหองจอไปตั้งอยู่ปากน้ำฮวนเสียแล้วจัดแจงทหารในเมืองเกงจิ๋วเกณฑ์ไว้ตามคำเก๊งเหลียงว่า
ฝ่ายซุนเกี๋ยนนั้นมีภรรยาสองคนเป็นพี่น้องร่วมท้องกัน พี่นั้นชื่อ นางงอฮูหยิน น้องชื่อ งอยี่ฮูหยิน แลนางผู้พี่นั้นมีบุตรชายสี่คน ชื่อ ซุนเซ็ก หนึ่ง ชื่อ ซุนกวน หนึ่ง ซุนเสียง หนึ่ง ซุนของ หนึ่ง นางผู้น้องนั้นมีบุตรชื่อ ซุนลอง หนึ่ง บุตรหญิงชื่อ ซุนหยิน หนึ่ง บุตรเลี้ยงนั้นชื่อ กองเล หนึ่ง น้องซุนเกี๋ยนชื่อ ซุนเจ้ง หนึ่ง ขณะเมื่อวันดีซุนเกี๋ยนลงเรือนั้น ซุนเจ้งผู้น้องพาบุตรซุนเกี๋ยนทั้งเจ็ดคนตามลงไปห้ามซุนเกี๋ยนว่า ครั้งนี้ พระเจ้าเหี้ยนเต้ได้เสวยราชสมบัติ ราชการบ้านเมืองก็เป็นสิทธิ์ขาดอยู่กับตั๋งโต๊ะ ตั๋งโต๊ะทำการหยาบช้า หัวเมืองทั้งปวงเกิดจลาจลแข็งเมืองขึ้น อาณาประชาราษฎรได้ความเดือดร้อนทั้งแผ่นดิน แลในเมืองกังตั๋งนี้พึ่งจะสงบลง ซึ่งท่านจะยกทัพไปรบแก่เล่าเปียวนั้น ขอท่านจงตรึกตรองดูก่อน ซุนเกี๋ยนจึงตอบว่า แต่ก่อนมาตัวเราผู้เดียวก็ยังคิดตั้งตัวมาได้ ครั้งนี้ เราได้ทหารไว้เป็นกำลังมาก แลเล่าเปียวเป็นศัตรูเรา ครั้นเราจะนิ่งเสียไม่ไปทำการแก้แค้นก็ดูเหมือนชายชาติทหารไม่มีฝีมือ
ฝ่ายซุนเซ็กจึงว่า ซึ่งบิดามิฟังจะยกไปให้ได้ ข้าพเจ้าจะขอไปด้วย ซุนเกี๋ยนมีความรักรับซุนเซ็กลงเรือ แล้วยกทหารข้ามอ่าวทะเลไปถึงปากน้ำเมืองฮวนเสียต่อกันกับเมืองกังแฮ
ฝ่ายหองจอ เจ้าเมืองกังแฮ แจ้งในหนังสือซึ่งเล่าเปียวให้มา จึงจัดแจงทหารพร้อมแล้วก็ยกมาตั้งอยู่ปากน้ำเมืองฮวนเสีย ครั้นเห็นซุนเกี๋ยนยกทัพเรือมาก็ให้ทหารทั้งปวงยิงเกาทัณฑ์เป็นอันมาก ซุนเกี๋ยนให้ทหารบังตัวลอยเรือล่อให้ยิงรบสามวันสามคืน ทหารกองทัพเรือมิได้เป็นอันตราย หองจอนั้นได้ยิงระดมไปจนสิ้นลูกเกาทัณฑ์
ฝ่ายซุนเกี๋ยนเห็นเกาทัณฑ์สงบลง จึงให้ทหารชักเอาลูกเกาทัณฑ์ซึ่งติดเรือรบทั้งปวงนั้น นับได้ลูกเกาทัณฑ์ประมาณสิบห้าหมื่น
ขณะนั้น ลมแปรเข้าฝั่ง ซุนเกี๋ยนจึงให้แจวเรือรบทั้งปวงเข้าไปถึงตลิ่งแล้วเอาเกาทัณฑ์ระดมยิง ทหารหองจอสิ้นลูกเกาทัณฑ์แล้วเห็นจะต้านทานมิได้ก็ยกถอยหนีเข้าเมืองฮวนเสีย แลเทียเภา อุยกายเห็นดังนั้นก็คุมทหารเป็นสองกองไล่ฟันเข้าถึงประตูเมืองฮวนเสีย ซุนเกี๋ยนกับฮันต๋งคุมทหารหนุนขึ้นไปเป็นอันมาก ครั้นเห็นหองจอหนีเข้าในเมืองก็ขับทหารไล่ตาม หองจอจึงพาทหารหนีออกจากเมืองฮวนเสียไปเข้าเมืองเตงเซีย
ฝ่ายซุนเกี๋ยนเห็นดังนั้นจึงให้อุยกายกลับลงมารักษาเรือรบไว้ แล้วซุนเกี๋ยนก็รีบยกทหารตามหองจอไป
ฝ่ายหองจอเห็นซุนเกี๋ยนตามมาจะใกล้ถึงเชิงกำแพงก็ยกทหารออกมาตั้งรับอยู่นอกประตูเมือง แลซุนเกี๋ยนกับซุนเซ็กผู้บุตรขี่ม้าตามกันขึ้นไปยืนอยู่หน้าทหาร หองจอนั้นก็ขับม้าออกมายืนอยู่หน้าพลทั้งปวง แลทหารสองคนชื่อ เตียวเฮา ชื่อ ตันเสง ตามออกมายืนอยู่ด้วย หองจอจึงร้องด่าซุนเกี๋ยนว่า มึงนี้อ้ายพวกโจรเมืองกังตั๋ง เป็นไฉนจึงบังอาจรุกล่วงมาถึงแดนพระเจ้าฮั่นโกโจ มึงไม่กลัวตายหรือ แล้วใช้ให้เตียวเฮาขับม้าออกรบ ซุนเกี๋ยนให้ฮันต๋งออกรบด้วยเตียวเฮาได้สามสิบเพลง ตันเสงจึงขับม้าออกช่วยเตียวเฮา ซุนเซ็กเห็นดังนั้นจึงยิงด้วยเกาทัณฑ์ไปถูกหน้าผากตันเสงตกม้าตาย เตียวเฮาเห็นตันเสงตายก็สลดใจ เสียทีฮันต๋งเอาง้าวฟันถูกเตียวเฮาตาย เทียเภาก็ขับม้าควบตรงไปจะจับหองจอ หองจอตกใจถอดหมวกทิ้งเสียแล้วโจนจากม้าหนีเข้าปลอมอยู่กับพวกทหาร ซุนเกี๋ยนก็คุมทหารทั้งปวงไล่ฟันทหารหองจอไปถึงตำบลฮั่นซุย หองจอหนีไปได้ ซุนเกี๋ยนจึงให้ทหารไปสั่งอุยกายให้คุมทหารเรือรบทั้งปวงขึ้นไปรับตำบลท่ษฮั่นกั่ง
ฝ่ายหองจอนั้นเสียทหารเป็นอันมากก็รีบหนีไปถึงเมืองเกงจิ๋ว จึงเอาเนื้อความไปบอกเล่าเปียว เล่าเปียวได้ฟังดังนั้นก็ตกใจ จึงปรึกษาแก่เก๊งเหลียง เก๊งเหลียงจึงว่า ซึ่งหองจอแตกมานั้น ฝ่ายทหารซุนเกี๋ยนก็มีใจกำเริบ ครั้นเราจะยกออกรบ บัดนี้ ก็เหมือนหนึ่งหักไฟหัวลม จำเราจะให้รักษาค่ายประตูหอรบไว้จงมั่นคงก่อน แล้วจึงให้มีหนังสือไปขอกองทัพอ้วนเสี้ยวยกมาช่วย เห็นซุนเกี๋ยนจะไม่ทำสิ่งใดได้
ชัวมอจึงว่า ซึ่งเก๊งเหลียงว่านั้นไม่ชอบ ด้วยทัพซุนเกี๋ยนยกมาจะใกล้ถึงกำแพงอยู่แล้ว แล้วจะให้ขึ้นรักษาหน้าที่อยู่ จะให้มีหนังสือไปขอกองทัพอ้วนเสี้ยวมาช่วยนั้นเห็นไม่ทันที ข้าพเจ้าจะขออาสายกทหารออกไปตีทัพซุนเกี๋ยน เล่าเปียวเห็นชอบด้วยจึงเกณฑ์ทหารให้หมื่นหนึ่ง ชัวมอก็คุมทหารไปถึงเขาฮีสันแล้วจึงให้หยุดทัพตั้งมั่นไว้
ฝ่ายซุนเกี๋ยนมิได้รู้ว่าชัวมอมาตั้งอยู่ก็ยกทหารรีบมาถึงเขาฮีสันข้างหนึ่ง ชัวมอรู้ก็ขี่ม้าถือง้าวขึ้นมายืนอยู่หน้าทหาร ซุนเกี๋ยนเห็นชัวมอมาตั้งอยู่ดังนั้นจึงว่าแก่ทหารทั้งปวงว่า ผู้ใดจะอาสาไปจับชัวมอ พี่ภรรยาเล่าเปียว มาให้เราได้
เทียเภาจึงรับอาสาแล้วขับม้ารำทวนออกไปรบด้วยชัวมอได้สิบเพลง ชัวมอเห็นสู้มิได้ก็ขับม้าหนี ซุนเกี๋ยนคุมทหารไล่แทงฟันทหารชัวมอล้มตายเป็นอันมาก แลชัวมอนั้นหนีเข้าในเมืองได้จึงเอาเนื้อความแจ้งแก่เล่าเปียว เก๊งเหลียงจึงว่าแก่เล่าเปียวว่า เพราะท่านไม่ฟังคำข้าพเจ้าจึงเสียทีแก่ข้าศึก ซึ่งชัวมอขันอาสาออกไปแล้วแตกเข้ามาให้เสียทหารเป็นอันมากนั้น ขอให้ตัดศีรษะชัวมอเสียบไว้จึงจะควร เล่าเปียวได้ยินดังนั้น เพราะมีความรักนางชัวฮูหยินซึ่งเป็นภรรยา ก็มีใจเมตตามิได้เอาโทษชัวมอ
ฝ่ายซุนเกี๋ยนจึงเกณฑ์ทหารทั้งปวงยกเข้าล้อมเมืองเกงจิ๋วไว้ ครั้นอยู่มาวันหนึ่ง เกิดพายุใหญ่พัดธงชัยสำหรับทัพซุนเกี๋ยนหัก ฮันต๋งเห็นดังนั้นจึงว่าแก่ซุนเกี๋ยนว่า บัดนี้ บังเกิดอัศจรรย์เป็นลางในกองทัพเรา ธงชัยจึงหัก ครั้นจะตั้งล้อมเมืองเกงจิ๋วไว้ฉะนี้ เหตุใหญ่ก็จะมีแก่ท่านเป็นมั่นคง ขอให้เลิกทัพกลับไปเมืองกังตั๋ง ภายหลังจึงจะค่อยคิดการสืบไป ซุนเกี๋ยนตอบว่า ซึ่งเรายกมาทำการสงครามครั้งนี้ก็มีชัยชนะเป็นหลายครั้ง จวนจะได้เมืองเกงจิ๋วอยู่วันนี้พรุ่งนี้แล้ว ซึ่งท่านจะสงสัยว่าเกิดลมพัดมาธงชัยจึงหักไปนั้นไม่ชอบ แล้วก็เร่งให้ทหารทั้งปวงทำลายกำแพงเมืองเกงจิ๋วให้ได้แต่ในเวลาค่ำวันนี้ ครั้นเวลาค่ำ เก๊งเหลียงเห็นดาวตกลงมา ก็ดูในตำราแจ้งแล้ว จึงบอกแก่เล่าเปียวว่า ข้าพเจ้าเห็นดาวดวงหนึ่งเศร้าหมองตกลงมา ครั้นดูในตำราเห็นว่าจะมีอันตรายแก่ซุนเกี๋ยนเป็นมั่นคง ขอให้เร่งหนังสือไปขอกองทัพอ้วนเสี้ยวยกมาตีซุนเกี๋ยนเป็นทัพกระหนาบ เล่าเปียวจึงว่า ซึ่งจะให้ไปขอกองทัพอ้วนเสี้ยว เราก็เห็นชอบด้วย แต่บัดนี้ ทัพซุนเกี๋ยนล้อมเมืองอยู่ จะหาผู้ใดซึ่งเข้มแข็งจะได้ถือหนังสือรบหักกองทัพซุนเกี๋ยนออกไปได้
ลีก๋ง ทหารเล่าเปียวคนหนึ่ง รับอาสา เก๊งเหลียงจึงตอบว่า ซึ่งท่านจะอาสานั้นเราขอบใจนัก แต่ท่านจงทำตามคำเรา เราจะเกณฑ์หารถือเกาทัณฑ์ให้ไปด้วยห้าร้อย ถ้าท่านรบหักออกไปได้แล้ว จงจัดทหารสองร้อย ให้รีบไปซุ่มอยู่ท้ายเขาฮีสันร้อยหนึ่ง ร้อยหนึ่งให้ขึ้นไปซุ่มอยู่เนินเขา เก็บเอาก้อนศิลาเตรียมไว้จงมาก ถ้ากองทัพซุนเกี๋ยนตามรบ ท่านกับทหารสามร้อยนั้นให้สู้พลางหนีพลางกว่าจะถึงเขาฮีสัน ทหารสองกองซึ่งซุ่มอยู่บนเนินเขาแลป่าท้ายเขานั้นได้ยิงเกาทัณฑ์ทิ้งก้อนศิลาแล้วเมื่อใด ท่านจึงจุดประทัดใหญ่ขึ้นสามนัด เราได้ยินเสียงประทัดแล้วจะยกทหารออกตามตีกระหนาบไป ถ้าข้าศึกมิได้ติดตาม ท่านจงรีบเอาหนังสือไปให้แก่อ้วนเสี้ยวจงได้ แลในเวลากลางคืนวันนี้ก็เป็นเดือนมืด ท่านจงคุมทหารรีบออกไป ลีก๋งก็รับคำเก๊งเหลียงแล้วลาเล่าเปียวคุมทหารถือเกาทัณฑ์ห้าร้อยเปิดประตูฝ่ายตะวันออกรบหักออกไป แล้วให้ทหารสองร้อยนั้นไปซุ่ม ณ เขาฮีสันเป็นสองกองตามคำเก๊งเหลียงสั่ง
ฝ่ายซุนเกี๋ยนเห็นทหารในเมืองยกหักออกไป จึงขึ้นม้าถือง้าว แลพาทหารซึ่งสินทนั้นสามสิบม้ายกตามไป แลม้าซุนเกี๋ยนนั้นรีบไปทันม้าลีก๋งเข้า จึงร้องว่า มึงออกมาจากเมืองนี้จะหนีไปแห่งใด ลีก๋งได้ยินดังนั้นก็ชักม้ากลับหน้ามารบด้วยซุนเกี๋ยนได้ห้าเพลง แล้วขับม้าหนีไปทางที่ซุ่มทหารไว้สองกองนั้น ซุนเกี๋ยนก็ขับม้าตามไปถึงซอกเขา ครั้นไม่เห็นลีก๋งจึงชักม้ากลับหลังมาหาทหารสามสิบ พอได้ยินเสียงม้าล่อแลทหารบนเนินเขาก็ทิ้งก้อนศิลาลงมา ทหารซึ่งซุ่มอยู่ท้ายเขาก็ยิงเกาทัณฑ์ระดมไป แลซุนเกี๋ยนกับม้านั้นถูกเกาทัณฑ์แลก้อนศิลาโลหิตไหลลงมาโซมกาย ทั้งม้าทั้งคนก็ถึงแก่ความตายในซอกเขา เมื่อซุนเกี๋ยนตายนั้นอายุได้สามสิบปี
ลีก๋งเห็นดังนั้นก็ขับทหารทั้งปวงมาสกัดฆ่าทหารซุนเกี๋ยนเสียทั้งสามสิบคน แล้วให้จุดประทัดใหญ่สัญญาณขึ้นสามนัด ฝ่ายเก๊งเหลียงได้ยินเสียงประทัดสัญญาณก็ให้เก๊งอวด หนึ่ง หองจอ หนึ่ง ชัวมอ หนึ่ง คุมทหารตีออกไปเป็นสามด้าน แลทหารซุนเกี๋ยนมิทันรู้ก็แตกตื่นล้มตายเป็นอันมาก
ฝ่ายอุยกายซึ่งอยู่รักษาเรือรบนั้นครั้นได้ยินเสียงโห่ร้องอื้ออึงก็คุมทหารขึ้นมาจะช่วยรบ พอพบหองจอ เจ้าเมืองกังแฮ ก็เข้ารบกันได้หกเพลง อุยกายจับหองจอได้
ฝ่ายเทียเภา ซุนเซ็ก ไปตามซุนเกี๋ยน พอมาพบลีก๋งกับเทียเภารบกันได้ห้าเพลง เทียเภาเอาทวนแทงถูกลีก๋งตกม้าตาย ในเวลากลางคืนนั้น ทหารเล่าเปียวกับทหารซุนเกี๋ยนรบกันล้มตายเป็นอันมาก ทหารซึ่งลีก๋งคุมมานั้นก็เอาศพซุนเกี๋ยนเข้าไปให้แก่เล่าเปียว ครั้นเวลาเช้า ทหารเล่าเปียวก็พากันกลับเข้าเมือง
ฝ่ายซุนเซ็กกับเทียเภาครั้นมิได้พบซุนเกี๋ยนแล้วก็พาทหารใหญ่น้อยซึ่งแตกตื่นไปนั้นตั้งอยู่ที่ตำบลฮั่นซุย ในขณะนั้น ทหารเลวคนหนึ่งเอาเนื้อความมาบอกแก่ซุนเซ็กว่า ซุนเกี๋ยนผู้เป็นบิดานั้นถูกเกาทัณฑ์ตายที่ซอกเขาฮีสัน ศพนั้นทหารเมืองเกงจิ๋วเอาเข้าไปให้แก่เล่าเปียวแล้ว
แลซุนเซ็กได้ฟังดังนั้นก็ร้องไห้รักบิดา ครั้นคลายโศกแล้วจึงว่าแก่ทหารทั้งปวงว่า บัดนี้ ศพบิดาเราอยู่ในเมืองเกงจิ๋ว ซึ่งเราจะละเสียมิรบเอาเมืองนี้ให้ได้ ก็ดูเหมือนหามีกตัญญูต่อบิดาเราไม่ อุยกายจึงว่า ข้าพเจ้าจับหองจอ เจ้าเมืองกังแฮ ไว้ได้ จำจะแต่งคนเข้าไปว่าแก่เล่าเปียวให้ส่งศพบิดาท่านออกมา เราจะส่งหองจอไปให้แก่เล่าเปียว แลการซึ่งรบพุ่งกันนั้นก็จะประนอมยอมเป็นไมตรีกัน เราจึงจะยกกลับไปยังเมืองกังตั๋ง
ฮวนกายจึงว่า ข้าพเจ้ากับเล่าเปียวได้รู้จักกันมาแต่น้อย ข้าพเจ้าจะขออาสาไปว่าแก่เล่าเปียวตามคำอุยกาย ซุนเซ็กได้ฟังก็มีความยินดีนักจึงให้ฮวนกายไป แลฮซวนกายจึงเข้าไปหาเล่าเปียวแล้วจึงบอกแก่เล่าเปียวว่า บัดนี้ ซุนเซ็กจะไม่ทำการสงครามกับท่านสืบไป ขอเอาศพซุนเกี๋ยนซึ่งเป็นบิดา ถ้าท่านยอมให้แล้ว ตัวหองจอซึ่งจับไว้ได้นั้นจะส่งเข้ามาให้ท่าน ซุนเซ็กก็จะเลิกทัพกลับไปเมือง เล่าเปียวจึงตอบว่า ศพซุนเกี๋ยนซึ่งพวกทหารเอาเข้ามาให้เรานั้น เราให้ตกแต่งไว้ตามประเพณี ซึ่งซุนเซ็กให้มาว่านั้นเราก็จะยอม แต่สืบไปภายหน้าอย่าให้คิดล่วงเข้ามาทำอันตรายแก่เราเลย
เก๊งเหลียงจึงว่าแก่เล่าเปียวว่า ซึ่งท่านจะยอมให้ศพซุนเกี๋ยนไปนั้น ข้าพเจ้าไม่เห็นด้วย แลซุนเกี๋ยนล่วงมาทำการครั้งนี้เพราะเป็นคนใจหยาบช้าจึงถึงแก่ความตาย แลซุนเซ็กผู้บุตรนั้นก็ยังอ่อนความคิดอยู่ แลทหารทั้งปวงก็เห็นจะย่อท้อฝีมือทหารเรา ถ้าท่านฟัง ข้าพเจ้าจะคิดมิให้ทหารทั้งปวงเหลือกลับไปเมืองกังตั๋งได้แต่สักคนหนึ่งเลย ขอให้ท่านจับฮวนกายฆ่าเสียเถิด แล้วยกทหารออกไปตี แลเมืองกังตั๋งนั้นก็จะได้เป็นสิทธิ์แก่ท่าน ถ้าท่านมิฟังข้าพเจ้า แลจะให้ศพซุนเกี๋ยนไปนั้นเห็นจะมีอันตรายแก่ท่านเป็นมั่นคง เล่าเปียวจึงตอบว่า ซึ่งท่านคิดดังนี้จะมิเสียหองจอไปหรือ เก๊งเหลียงจึงว่า จะคิดการใหญ่เอาเมืองสิจะเสียดายหองจอคนเดียวนั้นไม่ควร เล่าเปียวจึงตอบว่า หองจอกับเราได้รักใคร่ไว้ใจกันมาแต่ก่อน ครั้นเราจะทำดังนั้นก็เหมือนหนึ่งแกล้งฆ่าหองจอเสีย ความซึ่งเราว่าไว้แต่ก่อนนั้นก็จะเสียวาจาไป แล้วเล่าเปียวจึงว่าแก่ฮวนกายให้เร่งกลับออกไปเถิด เวลาพรุ่งนี้ ให้เอาตัวหองจอมาส่งให้เราที่ประตูเมือง เราจะส่งศพซุนเกี๋ยนไปให้ ฮวนกายก็เอาเนื้อความกลับไปบอกแก่ซุนเซ็ก ซุนเซ็กก็มีความยินดี ครั้นเวลารุ่งเช้า จึงให้ทหารทั้งปวงคุมเอาตัวหองจอไปส่งให้เล่าเปียว ณ ประตูเมือง แล้วรับเอาศพซุนเกี๋ยนมาลงเรือยกกลับไปเมืองกังตั๋ง จึงให้แต่งการศพไว้ตำบลขยกโอ๋ ในขณะนั้น ซุนเซ็กได้เป็นใหญ่ ชาวเมืองอยู่ในบังคับบัญชาทั้งสิ้น ถ้าเห็นผู้ใดมีสติปัญญากล้าหาญ ซุนเซ็กก็คำนับยำเยงเกลี้ยกล่อมเข้าไว้เป็นอันมาก