เสนาอำมาตย์รี้พลคนหาญทั้งหลาย นับว่าได้เก้าล้านเก้าแสนแล้วก็เสด็จยาตราออกจากเวียงเหรัญญนครเงินยัง เชียงแสน ไปภายตวันออกเปนอันไกลนัก ไม่นานเท่าใดก็ไปถึงเมืองแมนตาตอกขอกฟ้าตายืนนั้นแล ฯ
๏ด้วยพระยาแมนตาตอกนั้น ครั้นให้พ่อค้าแกวนำเอาข่าวสารแห่งตนไปกราบทูลแก่พระยาเจืองฟ้าธรรมิกราชแล้ว ก็ บอกป่าวเสนาโยธาให้แต่งสพานหินสพานผา ชานหินชานผาก่ายหวีดไว้ท่าพระยาเจืองฟ้าธรรมิกราชนั้นแล พระยา เจืองฟ้าธรรมิกราช ครั้นไปถึงเมืองแมนตาตอกแล้ว ก็พิจารณาโผล่เล็งดูยังเมืองที่นั้นก็เห็นเปนแต่หินซาผาคมนัก ทางจักเข้าหาเวียงหลวงนั้นก็มีแต่เส้นเดียว ที่เข้าหาก็ร้ายนัก เวียงก็อยู่ที่สูงนัก ไม่หวังจะมีไชยชนะเพื่อนได้ อนึ่ง ช้างก็เถ้าโรยแรง ตนก็เถ้าแก่เสียแล้ว ก็จึงแก้เอาเสื้อแลผ้าคาดศีศะใส่ในกระอูบคำแล้ว ก็แต่งให้คนใช้เอาคืนมา หาบุตรแลภรรยาอันอยู่เมืองภายหลัง ว่าให้สูบดมเสื้อผ้านี้ต่างพระองค์เราเถิด ว่าดังนั้นแล้วแล ฯ
๏เมื่อนั้นนางเทวีอันเปนต้น แลนางนาฎสนมทั้งหลาย อันอยู่ภายหลังพระยาเจ้านั้น ก็เห็นยังนิมิตรเหตุใหญ่ ๑๒ ประการดังนี้ ๑ คือกี่อยู่ยังเรือนเต้นตกล่างกลายเปนกระบือชนกัน ๒ ถ้วยชามอยู่ยังเรือนเต้นตกล่างกลายเปน ปลาฝา ๓ เรือนกลายเปนหลิ่มแล่นไปลี้อยู่แต่ตีนผา ๔ ชายคากลายเปนต่อแตนบินคืนเค้า ๕ ผึ้งฉาบติดหมอนข วานหมอนอิงพระยา ๖ ฝนพรำเดือนยี่สิบวันไม่สิ้น