หน้า:ประชุมพงศาวดาร (ภาค ๑๕) - ๒๔๖๒.pdf/37

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๒๖

แลครั้งนั้นทรงเห็นว่า เมืองสงขลาเปนเมืองหน้าศึก ควรเปนเมืองสำคัญ จึงนำความกราบบังคมทูล โปรดเกล้าฯ ให้ยกเมืองสงขลาขึ้นเปนเมืองตรีขึ้นต่อกรุงเทพฯ เลื่อนหลวงสงขลา (บุญฮุย) ขึ้นเปนพระสงขลาใน พ.ศ. ๒๓๒๙ (จ.ศ. ๑๑๔๘) กับโปรดให้ยกเมืองจะนะเทพาขึ้นกับสงขลาแต่นั้นมา (ในพงษาวดารสงขลาว่ายังขึ้นนครฯ (จ.ศ. ๑๑๕๓) พระยาสงขลาเปนเจ้าพระยา จึงยกเปนเมืองเอกขึ้นต่อกรุงเทพฯ)

พระยาพัทลุง (คางเหล็ก) ว่าราชการอยู่ ๑๗ ปี ครั้น พ.ศ. ๒๓๓๒ (จ.ศ. ๑๑๕๑) ปีระกา เอกศก ถึงอนิจกรรมในรัชกาลที่ ๑ กรุงเทพฯ อนึ่ง สมัยพระยาพัทลุง (คางเหล็ก) นี้ มีชีพ่อพราหมณ์คณะหนึ่งเปนสกุลพราหณ์รามราช ได้เปนพราหมพิธีสำหรับราชการสืบ ๆ มาแต่โบราณช้านาน (แต่เสียดายที่ไม่ปรากฎว่าพราหมณพวกนี้ได้มาตั้งอยู่ที่เมืองพัทลุงเมื่อศักราชเท่าใด แต่คงไม่ต่ำกว่าเมื่อครั้งเมืองตั้งอยู่ที่จะทิ้งพระ ด้วยมีหลักถานปรากฎว่า ครั้งพระยาวิเชียรคีรี (ชุ่ม) ผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลาได้ค้นพบพระนารายน์เทวะรูปที่เมืองเก่าของพัทลุงที่จะทิ้งพระ เอาไปไว้ที่ศาลเจ้าหลักเมือง ๆ สงขลาซึ่งเปนเทวะรูปหล่อด้วยสำริดประมาณขนาดสูงศอกเศษโต ๓ จับ ยังปรากฎอยู่ทุกวันนี้ พราหมณ์พวกนี้ได้เปนพราหมณ์พิธีสืบบุตรหลานต่อมาจนเดี๋ยวนี้ เวลานี้นับถือพระพุทธสาสนากับพระอินศวรนารายน์ปนกัน ได้ตั้งเทวะสถานอยู่ที่