หน้า:ประชุมพงศาวดาร (ภาค ๑๕) - ๒๔๖๒.pdf/47

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๓๖

หลวง ก็ขึ้นตั้งอยู่ที่เมืองสงขลา จัดการทั้งเมืองไทรแลเมืองกลันตัน ซึ่งเวลานั้นพระยากลันตันกับพระยาจางวางเกิดวิวาทรบกันระหว่างญาติพี่น้อง พระยาศรีพิพัฒน์แม่ทัพจึงแต่งให้ข้าหลวงยกทัพบกทัพเรือออกไปว่ากล่าวห้ามปราม พระยากลันตันกับพระยาจางวางก็เลิกรบกัน ฝ่ายทางเมืองไทรเห็นว่า พระยาไทรบุรี พระเสนานุชิต เปนไทย จะรักษาเมืองไทรบุรีต่อไป บุตรหลานเจ้าพระยาไทรจะมารบกวนอิก จึงนำความกราบบังคมทูล โปรดเกล้าฯ ให้แยกเมืองไทรบุรีออกเปน ๓ เมือง คือ เมืองไทรบุรี ๑ เมืองกะบังปาสู ๑ เมืองปลิศ ๑ รวมเปน ๔ ทั้งเมืองสตูน แบ่งท้องที่ออกเปนมุเกม มีนายมุเกมเปนผู้บังคับการงาน (ทำนองนายอำเภอทุกวันนี้) โปรดให้ต่วนกูอาหนุ่มซึ่งเปนที่รักใคร่นับถือของพลเมืองมากนั้นว่าราชการเมืองไทร ต่วนกูอาสันว่าราชการเมืองกะบังปาสู ต่วนกูเสดอุเซ็นว่าราชการเมืองปลิศ ต่วนกูหมัดอาเก็บว่าราชการเมืองสตูน ให้คงขึ้นกับเมืองนครศรีธรรมราชต่อไปทั้ง ๔ เมืองโปรดเกล้าฯ ให้พระยาไทร (แสง) กับพระเสนานุชิตปลัดนั้นกลับกรุงเทพฯ ภายหลังโปรดเกล้าตั้งให้พระยาไทร (แสง) เปนพระยาบริรักษภูธรผู้ว่าราชการเมืองพังงา ตั้งพระเสนานุชิต (นุด) เปนพระยาเสนานุชิตผู้ว่าราชการเมืองตะกั่วป่า พระยาพิพัฒน์จัดราชการอยู่ที่เมืองสงขลา ๒ ปี ได้ก่อพระเจดีย์ไว้ที่เขาแดงอิกองค์หนึ่งเคียงกับเจดีย์ของเจ้าพระยาพระคลังผู้พี่ แล้วจึงกลับกรุงเทพฯ ครั้ง