หน้า:ปัญญาส (๑๖) - ๒๔๗๑.pdf/10

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
7
๕๐ พากุลชาดก

ฝ่ายพากุลกุมารนั้นเอาเชือกผูกกระโหลกศีร์ษะของบิดาลากไปในที่นาต่าง ๆ ตามคำที่บิดาสั่งไว้ แต่ลากมาลากไปถึง ๓ วันล่วงแล้ว หัวกระโหลกบิดาก็มิได้ติดข้องอยู่ในที่นาใด ๆ พากุลกุมารก็ลากต่อไป จนถึงประเทศที่อันดอนสูงประมาณได้ ๑๐๐ วา หัวกระโหลกศีร์ษะบิดาก็ข้องอยู่ในที่นั้น พากุลกุมารจึงคิดว่า ประเทศที่นี้เปนที่สูงเกินประมาณนัก เราไม่ควรจะถากไถทำไร่เข้าสาลีเลย แต่ทว่า เราจะละทิ้งถ้อยคำของบิดาที่สั่งไว้ก็ไม่เปนการสมควร เพราะฉนั้น เราควรจะพากเพียรถากไถที่อันนี้แลทำให้เปนที่นาจนกว่าจะหว่านเข้าสาลีลงให้จงได้ คิดดังนี้แล้วจึงยกกระโหลกศีร์ษะบิดาขึ้นวางไว้ณที่ข้างหนึ่ง จึงกระทำความเคารพกราบไหว้แล้วกลับมาเรือน ครั้นรุ่งขึ้น ก็รีบบริโภคอาหารแต่เช้า จึงเรียกลูกสุนัขด้วยเสียงว่า หุหุ แล้วก็พาลูกสุนัขไปสู่ที่อันดอนสูงนั้น พอไปถึงก็แผ้วถางถากทำที่นั้นสิ้นวันยังค่ำ แล้วก็กลับมาเรือน อาบน้ำ บริโภคอาหาร แล้วก็เข้าที่นอน รุ่งเช้าก็พาลูกสุนัขไปแผ้วถางที่นั้นอีก เวลาเย็นก็กลับบ้าน กระทำอาการโดยนัยนี้อยู่สามวัน

ในกาลนั้น พิภพของท้าวสักกเทวราชก็แสดงความร้อนผิดปรกติ ท้าวสักกเทวราชจึงดำริห์ว่า ผู้ใดที่จะทำเราให้เคลื่อนจากเทวสถานหนอ ครั้นพิจารณาดูแล เห็นพากุลกุมารหน่อพุทธางกูรซึ่งประกอบการงารอยู่อย่างนั้น จึงพาเทพบริษัทลงไปสู่มนุษยโลก ช่วยกันแผ้วถางชำระที่ดอนนั้นให้สำเร็จดี แล้วจึงเขียนหนังสือปักไว้ว่า เราคือท้าวสักกเทวราช