หน้า:ปัญญาส (๑๖) - ๒๔๗๑.pdf/8

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
5
๕๐ พากุลชาดก

รักษาศีลห้าแลอุโบสถศีล ทั้งประคับประคองเลี้ยงรักษาบุตรนั้นโดยชอบธรรม

เบื้องหน้าแต่นั้น ครั้นพากุลกุมารอายุได้ ๑๐ ปี ฝ่ายมารดาก็ทำกาลกิริยาตาย ขึ้นไปบังเกิดในวิมานทองในดาวดึงสเทวพิภพ ครั้นพากุลกุมารมีอายุได้ ๑๕ ปี เศรษฐีผู้เปนบิดาก็เกิดพยาธิป่วยไข้ เมื่อได้รับทุกขเวทนาเพราะพยาธิบีบคั้น จึงเรียกบุตรนั้นเข้ามาใกล้แล้วสั่งว่า ดูกรพ่อผู้เปนลูกรัก บิดานี้เห็นจะตายเปนแน่ ถ้าบิดาตายแล้ว เจ้าอย่าเผาทรากศพของบิดาเสียเลย จงนำทรากศพของบิดาไปให้นอนหงายอยู่ในป่าช้า แล้วจงตั้งอ่างน้ำไว้ในใกล้ที่ศพนั้น บิดาตั้งใจจะให้เนื้อในสริระเปนทานแก่สัตว์ทั้งหลาย ก็เมื่อสัตว์ทั้งปวงกินเนื้อหมดเหลือแต่กระดูกแล้ว เจ้าจงนำเอากระโหลกศีร์ษะของบิดามารักษาไว้ ถ้าหากว่าเจ้าจะไถนาหว่านเข้าในที่ใด เจ้าจงเอาเชือกผูกกระโหลกศีร์ษะของบิดาลากไปในที่นั้น ถ้ากระโหลกศีร์ษะของบิดามิได้ติดข้องอยู่ในที่นั้น เจ้าจงอย่าทำไร่ไถนาในที่นั้นเลย ถ้ากระโหลกศีร์ษะของบิดาติดข้องอยู่ในที่ตำบลใด เจ้าจงไถนาหว่านเข้าลงในที่ตำบลนั้น ครั้นเศรษฐีสั่งบุตรดังนี้แล้ว ก็กระทำกาลกิริยาตายไปเกิดในดาวดึงสพิภพ

ฝ่ายพากุลกุมารนั้น ครั้นบิดาตายแล้ว ก็ทำตามคำสั่งของบิดา แล้วเก็บกระโหลกศีร์ษะของบิดารักษาไว้ จำเติมแต่นั้นมา ก็อยู่แต่ผู้เดียว ไม่มีญาติแลสหายเปนเพื่อนสอง ครั้นอยู่มาอายุได้ ๑๖ ปี จึงคิดว่า ตัวเรานี้เปนคนผู้เดียว อยู่ครอบครองเรือนอันใหญ่โต มิได้มีผู้ใดเปนเพื่อนสอง อย่ากระนั้นเลย เราจะไปแสวงหาสัตว์สักตัวหนึ่งมาเลี้ยงไว้เปน