หน้า:ปัญญาส (๑๙) - ๒๔๗๑.pdf/28

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
15
๓ สุวรรณสังขชาดก

ไม่ให้เราไปสวนด้วยเหตุอย่างไร คิดดังนี้แล้ว ครั้นถึงเวลาเย็น ก็ดำเนินไปชมสวนเล่น เห็นกระดูกที่ยักษินีกินเนื้อแล้วกองอยู่เกลื่อนกลาด ก็เกิดความสลดจิตต์ยิ่งนัก พระโพธิสัตวกลับจากสวนแล้วก็เลยขึ้นไปยังปราสาทชั้นบน เห็นบ่อเงินบ่อทองล้วนเป็นน้ำทิพใส และได้เห็นเกือกทองทั้งคู่ กับเกราะรูปคนป่า (รูปเงาะ) อันน่าเกลียดน่ากลัว กับเห็นพระขรรค์ด้ามแก้ว แล้วคิดว่า ทิพาภรณ์ที่เราประดับนี้เป็นของเลว คิดแล้วจึ่งสวมรูปเงาะป่าเข้ากับกาย แล้วเหน็บพระขรรค์เข้าเอ็ว เอาเกือกทองสวมเข้ากับเท้า ทำเหมือนท่ากุมาร เหาะเล่นในปราสาทนั้น เมื่อจะกลับจึ่งเปลื้องเครื่องประดับเสียแล้วเดินออกมาทางเก่า จึ่งเอานิ้วก้อยจุ่มลงในบ่อน้ำทอง นิ้วก้อยนั้นก็เป็นสีทองไป ขัดสีเท่าใดก็หาหายสีทองไม่ ยิ่งถูก็ยิ่งผ่องหนักไป พระโพธิสัตวจึ่งเอาผ้าขี้ริ้วพันนิ้วก้อยไว้ ประสงค์จะไม่ให้คนอื่นรู้ แล้วก็ลงจากปราสาทชั้นบนไปยังที่อยู่ของตน

ครั้นถึงเวลาเย็น ยักขเทวีกลับมาแต่ป่า จึ่งถามสตรีพี่เลี้ยงว่า แน่ะพวกสาวใช้ เมื่อเราไปแล้ว กุมารลูกของเราไปเที่ยวที่ไหนบ้างหรือไม่ ฯ ข้าแต่แม่เจ้า กุมารนี้กล้าหาญนัก ตั้งแต่แม่เจ้าไปแล้ว ก็เที่ยวไปในที่ต่าง ๆ กุมารนี้เกรงกลัวแม่เจ้าผู้เดียวเท่านั้น พวกข้าพเจ้าห้ามเท่าไรก็ไม่ฟังเสียง นางยักขเทวีจึ่งเรียกพระสุวรรณสังข์เข้ามา เห็นนิ้วก้อยพันผ้าขี้ริ้วอยู่ จึ่งถามว่า เหตุไรพ่อจึ่งเอาผ้าขี้ริ้วพันนิ้วก้อยไว้ ฯ นิ้วของข้าพเจ้าถูกมีดน้อยบาด จึ่งเอาผ้าขี้ริ้วพันไว้ ฯ ไหนจงแก้ออกดูที ความทุกขเวทนาอันใดมี เราจักพิจารณาดูทุกขเวทนานั้น