หน้า:พระราชดำรัสฯ แก้ไขการปกครองแผ่นดิน - ๒๔๗๐.pdf/29

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๑๘

ในตำแหน่งของตัวตลอดไปได้ จึงได้มีตำแหน่งพระมหาราชครูพระราชครูแลปลัด แต่ถึงดังนั้นก็คงยังไม่พอ จึงได้ต้องตั้งเพิ่มขึ้นอีกสำรับหนึ่งเพราะฉนั้นลูกขุนจึงได้เปนสองสำรับอยู่จนบัดนี้ ชื่อของลูกขุนก็ยังปรากฏเปนชื่อพราหมณ์อยู่โดยมาก แลพราหมณ์ซึ่งมีตระกูลอยู่ในกรุงบัดนี้ก็ยังได้รับเปนตำแหน่งในลูกขุน ฤาอยู่ในตำแหน่งพราหมณ์ แต่ไปเข้าที่ปฤกษาเปนลูกขุนทั้งพราหมณ์โหรดาจารย แลพราหมณ์พฤฒิบาศตลอดมาจนกระทั่งถึงพระมหาราชครูพิธีและพระสิทธิไชยเดี๋ยวนี้ก็ได้เคยเป็นลูกขุนทั้งสองคน ตัวลูกขุนทั้งปวงเปนแต่ผู้พิพากษาความชี้ผิดชี้ชอบอย่างเดียว หาได้เป็นผู้พิจารณาความอันใดไม่ ต้องมีตระลาการที่จะพิจารณาความนั้นตลอดแล้วไปขอคำตัดสินอีกชั้นหนึ่ง แต่ตระลาการทั้งปวงเหล่านั้น แต่เดิมจะอยู่ในบังคับลูกขุนทั้งสิ้นฤา ฤาจะจ่ายไปไว้ตามกรมต่างๆดังเช่นเปนอยู่ในทุกวันนี้ ก็ไม่มีอันใดจะยืนยันเปนแน่ได้ ถ้าจะคิดประมาณดูว่า กรมแพ่งกลางกรมหนึ่ง แพ่งเกษมกรมหนึ่ง สองกรมนี้ยังคงอยู่ในกรมลูกขุน ถึงว่าในบัดนี้จะไม่ได้อยู่ในบังคับพระมหาราชครูผู้เปนใหญ่ในกรมลูกขุนอย่างหนึ่งอย่างใด สังกัดหมายหมู่ตัวเลขในกรมเหล่านั้น ก็ยังขึ้นอยู่ในกรมลูกขุน เจ้ากรมแลขุนศาลตระลาการก็รับเบี้ยหวัดอยู่ในกรมลูกขุน น่าที่ของแพ่งกลางแพ่งเกษมทั้งสองกรมนี้ ก็มีศาลที่จะพิจารณาความเปนกระทรวงอันหนึ่งซึ่งเป็นตำแหน่งเดิม แต่ไปมีการอีกแนผกหนึ่ง ซึ่งต้องเป็นผู้วางบทในคำลูกขุนปฤกษา น่าที่ทั้ง๒คือเป็นผู้พิจารณาความอย่างหนึ่งเป็นผู้วางบทอย่างหนึ่งนี้ ถ้าคิดตามความเห็นในเชิงกฎหมาย