หน้า:พระราชดำรัสฯ แก้ไขการปกครองแผ่นดิน - ๒๔๗๐.pdf/53

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๔๒

สมบัติ เปนพนักงานที่จะเก็บเงินอากรสวนตามน่าโฉนด แต่ไปเกิดผลประโยชน์ตั้งนายระวางคล้ายตั้งข้าหลวงเสนาในกรมนา เงินอากรสวนก็ค้างอยู่กัยนายระวางสูญไปโดยมาก แต่สวนจากนั้นแยกไปไว้คลังราชการตามน่าที่ที่เปนพนักงานจ่าย แลยังมีคลังอื่นๆอีกหลายคลังซึ่งเปนพนักงานซึ่งจะจัดซื้อสิ่งของจ่าย แลเปนผู้ที่จะรับของส่วยทั้งปวงเหล่านี้บางทีพระเจ้าแผ่นดินก็มอบให้ผู้ใดผู้หนึ่งมีอำนาจตรวจตราประทับตราในฎีกาเบิกด้วยรวมหลายๆคลัง เพื่อจะมิให้เจ้าพนักงานในคลังนั้นๆตั้งเบิกสิ่งของเกินราคาแลซื้อของไว้เกินที่ต้องการ แต่ก็ไม่เห็นมีประโยชน์อันใดเพราะการฟั่นเฝือมาเสียมากแล้ว

ครั้นภายหลังเมื่อการพระคลังมหาสมบัติแลคลังสินค้าร่วงโรยลงด้วยมิได้มีผู้มีอำนาจบังคับบัญชาพอที่จะป้องกันมิให้แบบอย่างร่วงโรยไปได้ จำเดิมแต่แผ่นดินประจุบันนี้มา เงินที่เปนจำนวนขึ้นในพระคลังทั้งสองกรมนั้นต้องลดหย่อนลงไปเกือบครึ่งหนึ่งทุกภาษีอากร ด้วยความคิดของท่านผู้เปนประธานแผ่นดินแวดงให้เห็นปรากฎว่า เพราะพวกจีนประมูลเงินเกินกว่าที่จะเก็บได้ เพื่อจะได้เอาเงินไปใช้ทำทุน เพราะถือว่าไม่ต้องเสียดอกเบี้ยแลไม่ต้องส่งเงินเต็มตามที่ว่าจึงได้ลดเงินลงแต่พอเต็มภูมภาษี แต่การที่จะให้ได้เงินซึ่งลดลงพอควรแก่ภูมภาษีแล้วนั้นเข้ามาในคลังหาได้จัดการฤาอุดหนุนอย่างหนึ่งอย่างใดไม่ เงินค้างก็คงค้างไปอย่างเดิม แต่จำนวนเงินนั้นลดลง เมื่อเปนดังนี้เงินที่ได้มาใช้ในราชการก็ลดลงทุกปีๆ จนเงินแผ่นดินที่ได้เกือบจะไม่พอใช้การประจำเดือน ส่วนการจรมีมาก็ทำไป คลังต้องเปนหนี้ปีหนึ่งนับด้วย