หน้า:พระราชพงศาวดารกรุงธนบุรีสังเขป.pdf/24

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว

๑๓. พม่าก็ติดตามกองทัพไป แลกองซึ่งรั้งหลังก็รอสกัดรปต้านทานที่กลางทางเปนสามารถ พม่าก็ถอยกลับไปเมือง เจ้าพระยาทั้งสองก็เร่งเดินทัพไปถึงเมืองเพรชบูรณ อยุดทัพอยู่ที่นั้น ฝ่ายกองทัพเจ้าพระจักกรี เจ้าพระยาสุรสีห์ซึ่งตั้งอยู่ ณ เมืองเพชรบูรณ์ ได้สเบียงอาหารเลี้ยงไพร่พลบริบูรณแล้ว ก็บอกลงมากราบทูลว่า จขอยกติดตามตีทัพพม่าซึ่งเลิกถอยไป แล้วยกกองทัพกลับมาทางเมืองสรบุรี ขึ้นทางฝั่งพระพุทธบาท ยกติดตามทัพพม่าไปทางเมืองศุไขไทย ฯ ๑๓ ฯ

"เรื่องนี้อยู่ห้องข้างขวามือ"

๑๔. แลกองทัพไทยทั้งปวงไล่รบทัพพม่าแตกไปทุกหัวเมือง ครั้น ณ วันเสาร เดือนเจด ขึ้นสิบสี่ค่ำ ปีวอก อัฐศก จึ่งเสดจ์ยาตรานาวาทัพหลวงมาโดยทางชลมารคกลับยังกรุงธนบุรีมหานคร แล้วมีพระราชโองการให้มีท้องตราให้กองทัพทั้งปวงกลับยังพระนครธนบุรี

ในเดือนหก ปีรกา นพศพ ศักราช ๑๑๓๙ ปี จึ่งทรงพระกรุณาโปรดปูนบำเนจ์เจ้าพระยาจักกรี ตั้งให้เปนสมเดจ์เจ้าพระยามหากระษัตริยศึก พิฤกมหิมา ทุกนครารอาเดช นเรศวรราชสุริยวงษ องคอัคบาทมุลิกากร บวรรัตนปรินายก ณ กรุงเทพมหานครบวรทวารวดีศรีอยุทธยา ฯ ๑๔ ฯ

๑๕. แล้วพระราชทารภานทองเครื่องยศเหมือนอย่างเจ้าต่างกรม ใหญ่กว่าท้าวพระยาข้าทูลอองธุลีพระบาททั้งปวง

ครั้นถึง ณ เดือนอ้าย ปีจอ สมฤทธิศก จึ่งมีพระราชตำรัสให้สมเดจ์เจ้าพระยามหากระษัตริยศึกเปนแม่ทัพ กับเจ้าพระยาสุรสีห์ พลทหารสองหมื่น สรัพด้วยช้างม้าเครื่องสรรพาวุธพร้อมเสรจ์ ให้ยกกองทัพไปตีกรึงศรีสัตตนาคนหุต ครั้นได้ฤกษ ยกขึ้นไปตีศรีสัตตนาคนหุตได้ จึ่งให้เชิญพระปฏิมากรแก้วมรกฎกับพระบางลงมาถวาย โปรดให้ช่างปลูกโรงอันวิจิตร ณ เบื้องหลังพระอุโบสถวัดอรุณราชวรารามภายในพระราชวังแล้วบริบูรณ จึ่งให้อัญเชิญพระแก้วมรกฎขึ้นประดิษฐานไว้ในโรงอันนั้น ฯ ๑๕ ฯ