หน้า:รายงานการประชุม สร (๒๕๐๓-๐๘-๒๕).pdf/15

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๓๐๖๕

กับการค้าประเวณีหรอก แต่ก็ไม่ใช่ผู้บริสุทธิ์ผุดผ่องเสียทีเดียว ข้าพเจ้ามองร่างพระราชบัญญัตินี้ทั้งในทรรศนะนักนิติศาสตร์และในทรรศนะคนธรรมดาสามัญ ก็รู้สึกว่า เป็นการจำเป็นที่จะต้องขอวิจารณ์ร่างพระราชบัญญัตินี้ ทั้งในด้านติและด้านชม ถ้าหากจะมีอะไรที่ติ ก็ขอได้โปรดเล็งเห็นว่า เป็นการติเพื่อก่อเท่านั้น เพราะว่า โดยหลักการแห่งพระราชบัญญัตินี้แล้ว ข้าพเจ้าคิดเห็นว่า เป็นชิ้นโบว์แดงของรัฐบาลคณะนี้ที่พยายามเข็นหลักการแห่งร่างพระราชบัญญัตินี้มาสู่สภาได้ และข้าพเจ้าไม่มีความสงสัยเลยว่า สภานี้จะไม่รับหลักการ เหตุที่ข้าพเจ้าว่า เป็นชิ้นโบว์แดงของรัฐบาลคณะนี้ชิ้นหนึ่งนั้น เพราะว่า พระราชบัญญัติเกี่ยวกับการค้าประเวณี จะชื่ออะไรก็ตาม ที่ใช้อยู่แต่ก่อนและจนถึงปัจจุบันนั้นมันล้าสมัยจริง ๆ และการปฏิบัติตามกฎหมายที่ใช้อยู่นั้น บางทีทำให้ประชาชนคนไทยรู้สึกขายหน้าคนต่างชาติที่ได้มาพบมาเห็น แม้แต่คนไทยเราเองไปเห็น บางทีก็สะอิดสะเอียนเป็นกำลัง เพราะฉะนั้น การที่รัฐบาลตั้งรูปพระราชบัญญัตินี้มาในรูปใหม่ ซึ่งข้าพเจ้าจะขอกล่าวถึงความเข้าใจของข้าพเจ้าต่อไปว่า ร่างพระราชบัญญัตินี้มีสาระสำคัญอย่างไร และจะเป็นประโยชน์เพียงใด แต่ถ้าความเข้าใจนั้นผิดพลาด ก็ขอความกรุณาท่านรัฐมนตรีได้ชี้แจงมาด้วยเพื่อความเข้าใจอันถกต้องของข้าพเจ้า และยิ่งกว่านั้น เพื่อความเข้าใจอันถูกต้องของประชาชนเกี่ยวด้วยพระราชบัญญัติที่มาใหม่นี้ ในประการแรก ข้าพเจ้าสังเกตว่า ร่างพระราชบัญญัตินี้ใช้คำว่า “ปราม” ซึ่งทีแรกข้าพเจ้าฟังดูก็รู้สึกว่า เอ นี่มันภาษาไทยหรืออะไร เพราะคำว่า “ปราม” นี้เรามักใช้ควบคู่กับคำว่า “ปราบปราม” หรือ “ห้ามปราบ” แต่เมื่อได้ไตร่ตรองดูก็เห็นว่า ท่านใช้คำว่า “ปราม” นี้ เห็นว่า จะถูกต้องดี เพราะไม่ใช่การปราบแน่ ถ้าปราบ มันต้องว่ากันให้เรียบไปหมด ไม่ให้มีเหลือ ปรามนี้คงเป็นแต่เพียงกดเอาไว้ไม่ให้ฟุ้งเฟ้อ ก็ไม่ใช่ห้ามปราม คือ ไม่ได้ห้ามทีเดียว เราจะสังเกตเห็นได้ว่า จากบทบัญญัติต่าง ๆ ในพระราชบัญญัตินี้ เป็นการมุ่งประสงค์ที่จะยับยั้งหรือกดเอาไว้ซึ่งการกระทำอันเป็นการจุ้นจ้านเปิดเผยในที่ไม่สมควร หาได้ห้ามการค้าประเวณีโดยเด็ดขาดไม่ เกี่ยวด้วยการค้าประเวณีนี้ ถ้าว่ากันอย่างยอมรับข้อเท็จจริง ยอมสู้ข้อเท็จจริงกันแล้ว ทั้งโลกย่อมยอมรับกันว่า โลกนี้มีอยู่ตราบใด การค้าประเวณีเป็นเงาตามตัวซึ่งไม่มีผู้วิเศษคนไหนจะมาห้ามเสียได้ ยกเลิกเสียได้ ถ้าเราดูในประวัติศาสตร์ ค้นไปตั้งแต่คัมภีร์ไบเบิล หรือว่าตั้งแต่ประวัติศาสตร์ครั้งอียิปต์ ครั้งกริ๊ก ครั้งโรมัน หรือเปอร์เซียอะไร เมืองจีนที่ไหนก็ตามที่มีนับเป็นพัน ๆ ปี คำว่า “หญิงคนชั่ว” ซึ่งเรียกกันในภาษาต่าง ๆ อะไรก็แล้วแต่ มี

๒๘๕