หน้า:ไทยสถาปนากษัตริย์เขมร - สนร - ๒๕๐๕.pdf/27

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๑๒

องค์หนึ่งนั้น เมื่อยังอยู่กรุงเทพฯ ได้ประสูติพระองค์เจ้าเป็นพระราชบุตรีในพระเจ้าอยู่ หัวกรมพระราชวังสองพระองค์มีความรักในพระองค์เจ้าซึ่งเป็นพระบุตรีมากนัก ไม่สมัครออกไป จึ่งต้องค้างอยู่ในกรุงเทพฯ ครั้นเมื่อองค์สมเด็จพระอุทัยราชาธิราชจันได้เจ้าผู้หญิงเขมรพวกนั้นออกไปอยู่ด้วยแล้ว คิดถึงพระเดชพระคุณพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก จึ่งได้เข้ามาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทในกรุงเทพฯ ครั้งหนึ่งโดยอย่างองค์พระนารายน์รามาธิบดีผู้พระบิดา เมื่อเวลาจะกราบถวายบังคมลากลับไปนั้น พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกทรงพระประชวรอยู่ หาได้เสด็จออก ณ พระที่นั่งจักรพรรดิพิมานเป็นสถานที่ขุนาเฝ้าโดยปกติไม่ เป็นแต่ลางเวลาเสด็จออกพระแกลทอดพระเนตรต้นไม้กระถางที่ชาลาสนามจันท์ เวลาเสด็จออกนั้นเป็นเวลาว่าง ไม่มีขุนนางเฝ้า.

สมเด็จพระอุทัยราชาธิราชจันมีความรอนใจจะใคร่กลับไปเร็ว ครั้นทราบว่า เสด็จออกพระแกล ก็พาพระยาพระเขมรเข้าไปกราบทูลถวายบังคมลาเอง ไม่มีเจ้าพนักงานกรมมหาดไทยกราบทูลถวายบังคมลาให้ตามอย่างธรรมเนียม จึ่งทรงพระราชดำริติเตียนว่า นักองค์จันนี้เห็นทีจะเสียจริตเสียแล้ว ตัวก็เกิดในกรุงเทพฯ ควรจะรู้การสูงต่ำผิดชอบควรแลไม่ควร ก็บัดนี้มีกิริยาอันทลึ่งเกินการไป พาเอาพระยาพระเขมรเป็นคนห่างคนไกลเข้ามาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทกราบทูลถวายบังคมลาเอง ไม่ให้เจ้าพนักงานนำนั้น มิชอบเลย เมื่อสมเด็จพระอุทัยราชาธิราชจันต้องพระราชดำริดังนี้ ความก็อึงมี่ไปในข้าราชการ มีผู้ต่อว่าต่อขานมากมายหลายปากด้วยดัน สมเด็จพระอุทัยราชาธิราชจันได้ความอัปยศเป็นอันมาก เมื่อจะกลับไปได้ออกปากว่า ในกรุงเทพฯ นี้ เห็นจะไม่ได้กลับเข้ามาเห็นต่อไปอีกแล้ว ครั้น