![]() | แม่แบบ {{หัวสลับ 2}} ถูกยกเลิกแล้ว กรุณาใช้แม่แบบ {{หัวสลับ}} ทดแทน |
ว่า นักกฎหมายชาวอังกฤษคนหนึ่ง ซึ่งเป็นที่ปรึกษาให้แก่รัฐบาลญี่ปุ่น เอาพระปรมาภิไธยจักรพรรดิมาใช้ในคำให้การของตนเองในคดีของศาลกงสุลอังกฤษที่โยโกฮามะ!
รัฐธรรมนูญกล่าวอย่างเด็ดขาดอีกว่า
"จักรพรรดิทรงเป็นประมุขของจักรวรรดิ ทรงนำสิทธิทั้งหลายในความเป็นรัฏฐาธิปัตย์มารวมไว้ในพระองค์เอง และทรงใช้สิทธิเหล่านั้น ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้"[1]
ในอรรถกาถาว่าด้วยมาตรานี้ อิโตระบุถึงจักรพรรดิว่า
"ผู้ทรงความสูงส่งเป็นที่สุดผู้นี้ ผู้ที่ทรงกุมเส้นใยอันแตกแขนงทั้งหลายของชีวิตทางการเมืองแห่งประเทศเอาไว้ในเงื้อมพระหัตถ์ จะว่าดั่งนั้นก็ได้ เสมือนสมองในกายคนซึ่งเป็นแหล่งที่มาแรกสุดของมโนกรรมทั้งปวงที่ปรากฏผ่านแขนขาทั้ง 4 และภาคส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย"[2]
ใช่แต่จักรพรรดิจะทรงใช้อำนาจบริหารแห่งรัฐ แต่ตามมาตราอันเฉพาะเจาะจงมาตราหนึ่ง[3] "จักรพรรดิ[ยัง]ทรงใช้อำนาจนิติบัญญัติด้วยความยินยอมของสภานิติบัญญัติแห่งจักรวรรดิ" และตามมาตรา 6 โดยที่จักรพรรดิ "ทรงอนุมัติกฎหมาย และทรงบัญชาให้นำกฎหมายไปประกาศใช้และบังคับใช้" สิ่งที่สืบเนื่องมาตามธรรมดาและตามตรรกะแล้ว ก็คือ "ทรงมีอำนาจที่จะไม่อนุมัติก็ได้ด้วย" ตามความเห็นของอิโต[4] อูเอฮาระเขียนถึงประเด็นนี้ว่า
"การที่องค์อธิปัตย์จะทรงอนุมัติร่างกฎหมายนั้น เป็นจุดสุดท้ายในกระบวนการนิติบัญญัติญี่ปุ่น จักรพรรดิทรงมีอิสระอย่างเต็มที่ที่จะอนุมัติหรือไม่อนุมัติก็ได้ เพราะฉะนั้น ท่านอาจกล่าวได้ว่า จักรพรรดิทรงยับยั้งกฎหมายทั้งปวงได้อย่างเต็มที่ ไม่มีวิธีใดในทางรัฐธรรมนูญที่สภานิติบัญญัติจะลบล้างการยับยั้งของจักรพรรดินี้ได้เลย"[5]
ประการหนึ่ง การที่จักรพรรดิจะทรงควบคุมองค์กรนิติบัญญัติ คือ สภานิติบัญญัติแห่งจักรวรรดิ นั้น ปรากฏจริงอยู่ในมาตรา 7 ที่ว่า "จักรพรรดิทรงเรียกประชุมสภานิติบัญญัติแห่งจักรวรรดิ ทรงเปิด ปิด และเลื่อนประชุม และทรงยุบสภาผู้แทนราษฎร"
ข้อที่ว่า รัฐธรรมนูญสงวนอำนาจบางอย่างไว้ให้จักรพรรดิ