หน้า:Das Kapital Kritik der politischen Oekonomie Erster Band.djvu/47

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
——7——

ไร่อ้อยหรือไร่กาแฟที่บราซิล แม้ว่าจะแสดงถึงแรงงานที่มากกว่า และจึงมีมูลค่ามากกว่า ในเหมืองที่อุดมสมบูรณ์กว่า แรงงานปริมาณเดียวกันจะแสดงอยู่ในเพชรที่มีจำนวนมากกว่าและมูลค่าจะลดลง หากเราแปรรูปถ่านหินเป็นเพชรได้สำเร็จด้วยแรงงานอันน้อยนิด มูลค่าของมันอาจตกลงต่ำกว่าของอิฐ โดยทั่วไปนั้น: ยิ่งพลังการผลิตของแรงงานสูงขึ้นเท่าใด เวลาแรงงานที่ต้องใช้ในการประดิษฐ์สิ่งของอย่างหนึ่งยิ่งน้อยลงเท่านั้น มวลของแรงงานที่ตกผลึกอยู่ข้างในก็ยิ่งน้อยลงเท่านั้น มูลค่าก็ยิ่งน้อยลงเท่านั้น ในทางผกผัน ยิ่งพลังการผลิตของแรงงานต่ำลงเท่าใด เวลาแรงงานอันจำเป็นในการประดิษฐ์สิ่งของอย่างหนึ่งยิ่งมากขึ้นเท่านั้น มูลค่าก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ขนาดของมูลค่าของสินค้าจึงแปรผันตรงกับปริมาณ และแปรผกผันกับพลังการผลิต ทั้งสองของแรงงานซึ่งกลายเป็นจริงอยู่ในสินค้า

สิ่งหนึ่งสามารถเป็นมูลค่าใช้สอยโดยไม่ได้เป็นมูลค่า กรณีนี้ ถ้ามีประโยชน์กับมนุษย์โดยไม่อาศัยแรงงานเป็นสื่อกลาง เช่นอากาศ ดินบริสุทธิ์ ทุ่งหญ้าธรรมชาติ ป่าดิบ ฯลฯ สิ่งหนึ่งสามารถมีประโยชน์และเป็นผลผลิตของแรงงานมนุษย์โดยไม่ได้เป็นสินค้า ใครที่สนองความต้องการของเขาด้วยผลผลิตของตัวเอง เขาสร้างมูลค่าใช้สอยขึ้นมาจริง แต่ไม่ใช่สินค้า การจะผลิตสินค้า เขาต้องไม่ผลิตเพียงมูลค่าใช้สอย แต่มูลค่าใช้สอยสำหรับผู้อื่น มูลค่าใช้สอยทางสังคม [และไม่ใช่สำหรับผู้อื่นแค่นั้น ชาวนายุคกลางผลิตธัญพืชมาจ่ายค่าเช่าให้เจ้าศักดินาและถวายทศางค์ให้พระสงฆ์ แต่ไม่ว่าค่าเช่าหรือทศางค์ก็ไม่ใช่สินค้าถึงจะผลิตมาให้ผู้อื่นก็ตาม การจะเป็นสินค้า ผลผลิตต้องทำหน้าที่เป็นมูลค่าใช้สอยสำหรับผู้อื่น และต้องถ่ายโอนให้เขาผ่านการแลกเปลี่ยน][1] สุดท้าย ไม่มีสิ่งใดเป็นมูลค่าได้หากใช่มูลค่าใช้สอย ถ้าไร้ประโยชน์ แรงงานข้างในนั้นก็ไร้ประโยชน์ ไม่นับเป็นแรงงาน และจึงไม่ประกอบสร้างมูลค่า

2) ทวิลักษณะของแรงงานซึ่งแสดงอยู่ในสินค้า

เดิมทีสินค้าปรากฏต่อเราเหมือนสิ่งกำกวมระหว่างมูลค่าใช้สอยกับมูลค่าแลกเปลี่ยน ต่อมาพบว่า


  1. หมายเหตุในฉบับที่ 4 —— ผมแทรกวงเล็บลงไป เพราะจากการละเลยทำให้เกิดความเข้าใจผิดเป็นประจำว่า มาคส์นับผลผลิตทั้งหมดในโภคยกรรมของใครก็ตามที่ไม่ใช่ผู้ผลิตเป็นสินค้า —— ฟรีดริช เอ็งเงิลส์