หน้า:Das Kapital Kritik der politischen Oekonomie Erster Band.djvu/49

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
——9——

จึงเห็นแล้วว่า: มีกิจกรรมการผลิตอันมีเป้าหมายจำเพาะหรือแรงงานอันมีประโยชน์สอดอยู่ในมูลค่าใช้สอย มูลค่าใช้สอยไม่สามารถเผชิญหน้ากันในฐานะสินค้าได้หากแรงงานอันมีประโยชน์ข้างในไม่แตกต่างกันเชิงคุณภาพ ในสังคมที่ผลผลิตทั่วไปมีรูปเป็นสินค้า กล่าวคือสังคมของผู้ผลิตสินค้า ความแตกต่างเชิงคุณภาพของแรงงานอันมีประโยชน์ ซึ่งประกอบการไม่ขึ้นต่อกันฉันธุรกิจเอกชนของผู้ผลิตอิสระ จะพัฒนาเป็นระบบหลายแขนง เป็นการแบ่งงานทางสังคม

อย่างไรก็ดี เสื้อคลุมไม่สนใจว่าคนใส่เป็นช่างตัดเสื้อหรือลูกค้าของช่าง ทั้งสองกรณีทำงานเป็นมูลค่าใช้สอย ความสัมพันธ์ระหว่างเสื้อคลุมกับแรงงานที่ผลิตมันในและโดยตัวเองก็ไม่เปลี่ยนไป แม้การตัดเย็บกลายเป็นวิชาชีพเฉพาะหรือแขนงอิสระของการแบ่งงานทางสังคม เมื่อความต้องการเครื่องนุ่งห่มคาดคั้น มนุษย์ตัดเย็บเสื้อผ้ามาหลายพันปีก่อนมีใครเป็นช่างตัดเสื้อเสียอีก แต่การดำรงอยู่ของเสื้อคลุม ผ้าลินิน ทุก ๆ องค์ประกอบของความมั่งคั่งเชิงวัตถุซึ่งไม่พบในธรรมชาติ ในทุกยุคทุกสมัย ต้องสื่อผ่านกิจกรรมการผลิตที่มีเป้าหมายจำเพาะ ซึ่งกลืนกลายวัสดุธรรมชาติที่จำเพาะเข้ากับความต้องการของมนุษย์ที่จำเพาะ ในฐานะผู้สร้างมูลค่าใช้สอย ในฐานะแรงงานอันมีประโยชน์ แรงงานเช่นนี้จึงเป็นเงื่อนไขต่อการมีอยู่ของมนุษย์ โดยไม่ขึ้นกับรูปแบบของสังคม เป็นความจำเป็นสถาพรของธรรมชาติ เพื่อเป็นสื่อกลางให้วัสดุปริณาม[a]ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ และจึงเป็นให้ชีวิตมนุษย์เช่นเดียวกัน

มูลค่าใช้สอยอย่างเสื้อคลุม ผ้าลินิน ฯลฯ โดยย่อว่ากายสินค้า เป็นสารประกอบของธาตุสองชนิด คือวัสดุธรรมชาติกับแรงงาน หากเราถอนแรงงานอันมีประโยชน์ที่แตกต่างกันทั้งสิ้นออกมาจากเสื้อคลุม ผ้าลินิน ฯลฯ ก็จะเหลือไว้เพียงฐานรากที่เป็นวัสดุเสมอ ซึ่งพบเจอในธรรมชาติโดยไม่ต้องพึ่งมนุษย์ ในการผลิต มนุษย์กระทำเฉกเช่นธรรมชาติได้เท่านั้น คือทำได้เพียงเปลี่ยนรูปของวัสดุ[1] ยิ่งกว่านั้น ในแรงงานที่ใช้ก่อรูปเอง 

  1. „ปรากฏการณ์ทั้งปวงในจักรวาล ไม่ว่าจะผลิตด้วยน้ำมือมนุษย์ หรือด้วยกฎสากลของฟิสิกส์ มิได้มอบมโนคติของการสร้างที่แท้จริง แต่เพียงแค่การดัดแปลงสสาร ในการวิเคราะห์มโนคติการผลิตซ้ำ ปัญญามนุษย์พบเพียงองค์ประกอบของการประกบและการแยกออก และเท่ากันในการผลิตซ้ำคุณค่า (มูลค่าใช้สอย แต่ในบทโจมตีพวกฟิซิโอแครต แวร์รีเองก็ไม่รู้แน่ชัดว่าเขากำลังพูดถึงมูลค่าชนิดไหน) และความมั่งคั่ง เมื่อดิน อากาศ และน้ำในทุ่งนาเปลี่ยนสภาพเป็นธัญพืช เมื่อกาวจากแมลงเปลี่ยนสภาพเป็นผ้ากำมะหยี่ด้วยน้ำมือมนุษย์ หรือเมื่อชิ้นส่วนโลหะถูกจัดวางเพื่อประกอบเป็นนาฬิกา“. (ปีเอโตร แวร์รี: „Meditazioni sulla economia politica“ (พิมพ์ครั้งที่หนึ่งปี 1773) ในนักเศรษฐศาสตร์อิตาเลียนฉบับของกุสโตดี, Parte Moderna, เล่ม XV หน้า 22).

  1. Stoffwechsel หมายถึง Metabolism หรือกระบวนการสร้างและสลายในร่างกาย และหมายตรงตัวว่าการเปลี่ยนวัสดุ (สถาปัตยกรรม) การเลือกแปลว่า "วัสดุปริณาม" มาจากคำว่า ปริณาม ซึ่งแปลว่าการเปลี่ยนแปลง และคำว่า ปริณามัคคี ซึ่งหมายถึงไฟย่อยอาหารในการแพทย์แผนไทย จึงเป็นการรักษานัยทั้งสอง (เชิงอรรถของวิกิซอร์ซ)