หน้า:Karl Marx - Wage Labor and Capital - tr. Harriet E. Lothrop (1902).djvu/15

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
9
บทนำ

พูดถึงหนึ่งในประเด็นสำคัญที่สุดในเศรษฐศาสตร์การเมืองทั้งแขนง และแก่เหล่ากระฎุมพี ให้ยอมรับว่าเหล่าคนงานไร้การศึกษา ผู้สามารถเข้าใจการวิเคราะห์ทางเศรษฐศาสตร์ที่ยากที่สุดได้อย่างง่ายดายนั้น เก่งกาจกว่าเหล่าผู้ “มีวัฒนธรรม” ที่หยิ่งยโส ผู้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่ยุ่งยากเยี่ยงนี้ได้แม้ใช้เวลาทั้งชีวิต

เศรษฐศาสตร์การเมืองแบบคลาสสิก[1] ยืมนิยามปัจจุบันของผู้ผลิตมาจากธรรมเนียมอุตสาหกรรม ว่าซื้อและจ่ายค่าแรงงานให้ลูกจ้าง แนวคิดนี้ใช้ได้พอสมควรสำหรับธุรกิจของผู้ผลิต ไม่ว่าในการทำบัญชีหรือการคำนวณราคา แต่เมื่อถูกยืมมาใช้ในเศรษฐศาสตร์การเมืองอย่างซื่อ ๆ แล้ว ก็ก่อให้เกิดข้อผิดพลาดและความสับสนแสนประหลาดอย่างแท้จริง

ที่ราคาของสินค้าทั้งหลาย หนึ่งในนั้นคือสินค้าที่เรียกว่า “แรงงาน” เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง เศรษฐศาสตร์การเมืองมองว่าเป็นข้อเท็จจริงอันเป็นที่ยอมรับแล้ว ว่ามันขึ้นลงเป็นผลจากพฤติการณ์หลากหลาย ซึ่งมักไม่เกี่ยวข้องกับกระบวนการผลิตสินค้าเองแม้แต่น้อย จึงดูเหมือนเป็นกฎว่าราคาถูกกำหนดโดยความบังเอิญล้วน ๆ ดังนั้น เมื่อเศรษฐศาสตร์การเมืองเสนอตนเป็นวิทยาศาสตร์อีกสาขา ภารกิจแรกคือการแสวงหากฎเกณฑ์เบื้องหลังความบังเอิญดังกล่าว อย่างที่เห็นเป็นสิ่งที่กำหนดราคาสินค้า ซึ่งแท้จริงมันนี่เองที่ควบคุมความบังเอิญนี้ ท่ามกลางราคาของสินค้าต่าง ๆ 

  1. “คำว่าเศรษฐศาสตร์การเมืองแบบคลาสสิก ผมหมายถึงเศรษฐศาสตร์ซึ่ง ตั้งแต่สมัยวิลเลียม เพตตี ได้สอบสวนความสัมพันธ์การผลิตจริงในสังคมกระฎุมพี ตรงข้ามกับเศรษฐศาสตร์แบบหยาบที่จัดการกับภาพลักษณ์เท่านั้น ครุ่นคิดไม่หยุดกับเนื้อหาที่เศรษฐศาสตร์เชิงวิทยาศาสตร์จัดหามาให้แต่ช้านาน และแสวงหาคำอธิบายที่เป็นไปได้ของปรากฏการณ์ที่เด่นชัดอย่างยิ่งสำหรับใช้ในชีวิตประจำวันของชนชั้นกระฎุมพี แต่สำหรับที่เหลือจำกัดตัวเองไว้กับการจัดระบบอย่างอวดรู้ และป่าวประกาศความคิดซ้ำซากของชนชั้นกระฎุมพีที่พอใจในโลกของตัวเอง ซึ่งสำหรับพวกเขา เป็นโลกที่ดีที่สุดท่ามกลางโลกที่เป็นไปได้ทั้งหมด ราวกับเป็นสัจธรรมนิรันดร์” (คาร์ล มาคส์, ทุน, หน้า 53)
    เศรษฐศาสตร์การเมืองแบบคลาสสิกจบลงที่เดวิด ริคาร์โด ผู้แทนผู้ยิ่งใหญ่ของมัน——ผู้แปล