ข้ามไปเนื้อหา

หน้า:Kotmai Mueang Thai 1882 vol 1.pdf/14

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
13
พระธรรมสาตร

อันว่าตระลาการผู้นั้น ครั้นกระทำกาลกิริยาตายแล้ว ก็จะไปไหม้อยู่ในอบายภูมทนทุกขเวทนาอยู่จิรังกาล เปนปรตมีเล็บมือใหญ่เท่าใบจอบ มีเปลวไฟลุกรุ่งเรือง ควักเอารุธิระมังษแห่งตนบริโภคเปนภักษาหาร ครั้นพ้นจากอบายภูมิแล้ว มาบังเกิดเปนมนุษ ปาปากาวะเสศนั้นจะตามสนอง มีองคอวัยวะวิกลทุพลภาพ มีปากเหมนเปนต้น นับด้วยชาติเปนอันมาก

สำแดงลักษณอะคติ ๔ ประการสำหรับตระลาการพิจารณาความโดยสังเขปก็ยุติแต่เท่านี้ ๚ะ

ทีนี้ จักสำแดงเหตุแห่งตระลาการ ๒๔ ประการโดยพระบาฬีมีในพระธรรมสาตรดังนี้ ติมูลโตติถานะโต ติอัตถะโต ตินาลัสสะยะโต ติทัฬหะอิสสะโร ติธัมมะโตตินัคคะโต จัตุวีสติเหตุโย มะโนสาเรนะกิติตา ๚ะ

เหตุโย อันว่าเหตุแห่งตระลาการทั้งหลาย จัตุวีสะติ ๒๔ ประการ มะโนสาเรนะ อันมะโนสาราจาริย กิตติกา สำแดงไว้ อิติ ดังนี้ ติมูลโต คือมูลคดีมีสามประการ ติถานะโต คือถานคดีมีสามประการ ติอัตถโต คือเจรจาความมีสามประการ ตินาละสะยะโต คือมิได้เกียรคร้านในความมีสามประการ ติทัฬหโต คือให้มั่นในความมีสามประการ ติอิสสะโร คือเปนอิศรภาพในความมีสามประการ ติธัมมะโต คือกล่าวความโดยธรรมมีสามประการ ตินัคะโต คืออุบายแห่งคดีมีสามประการ เยนอรรถติกะมาติกา ครบเหตุ ๒๔ แห่งตระลาการดังนี้ ๚ะ

แต่นี้จะตั้งบทภาชนีแจกตามอรรถติกะมาติกาในบาฬีพระธรรมสาตรนั้น ติมูละโต มูลคดีสามประการนั้น อะฏะมุโล คือคำร้องฟ้องแลคำให้การเปนมูลคดี ๑ อะฏะคาโห คือผู้รับคำร้องฟ้องแลให้การเปนมูลคดี ๑ สามิมุโล คือโจทยจำเลยมิได้วิบัติเปนมูลคดี ๑ ติถานะโตถานะ คดีสามประการนั้น เทวปะติสาวา โจทยจำเลยรับกันในสำนวนเปนถานะคดี ๑ ทเวอัตตาวิโสธะนา คือโจทยจำเลยมิรับกันต่อพิสูตรเปนถานะ