ข้าพเจ้าเป็นผู้ช่างพูด และทางเดินตั้งแต่ที่นี้ไปถึงป่าช้าซึ่งเพื่อนของพระองค์นั่งทำดนตรีอยู่นั้นกินเวลาชั่วโมงเศษ ในเวลาเดินทางนั้น ข้าพเจ้าจะเล่านิทานเล่น เพราะปราชญ์ผู้มีความรู้ย่อมใช้เวลาของตนในเรื่องหนังสือ มิใช่ใช้เวลาในการนอนและการขี้เกียจอย่างคนโง่ ในเวลาเล่านิทานนั้น ข้าพเจ้าจะตั้งปัญหาถามพระองค์ และพระองค์ต้องสัญญาข้อนี้เสียก่อน ข้าพเจ้าจึ่งจะยอมไปด้วย คือ เมื่อข้าพเจ้าตั้งปัญหา ถ้าพระองค์ตอบ จะเป็นด้วยกรรมในปางก่อนบันดาลให้ตอบ หรือด้วยแพ้ความฉลาดของข้าพเจ้าเพราะข้าพเจ้าล่อให้ทรงแสดงความเย่อหยิ่งว่ามีความรู้ก็ตาม ถ้าตรัสตอบปัญหาข้าพเจ้าเมื่อใด ข้าพเจ้าจะกลับไปที่อยู่ของข้าพเจ้า ต่อเมื่อพระองค์ไม่ตอบปัญหาเพราะได้สติหรือด้วยความโง่เขลาของพระองค์ก็ตาม ข้าพเจ้าจึ่งจะยอมไปด้วย ข้าพเจ้าขอทูลแนะนำเสียแต่ในบัดนี้ว่า พระองค์จงสงบความหยิ่งในพระหฤทัยว่า เป็นผู้มีความรู้ เมื่อเกิดมาเป็นคนโง่แล้ว ก็จงยอมโง่เสียเถิด มิฉะนั้น พระองค์จะไม่ได้ประโยชน์ซึ่งนอกจากข้าพเจ้าแล้วไม่มีใครจะอำนวยได้"
พระวิกรมาทิตย์ได้ทรงฟังดังนั้นก็คิดขัดเคืองในพระหฤทัย เพราะพระราชาไม่เคยฟังใครดูหมิ่นว่าโง่ แต่ครั้นจะไม่ยอมสัญญาตามคำเวตาล ก็จะไม่ได้ตัวไปดังประสงค์ ทรงดำริห์เช่นนี้แล้ว มิได้ตรัสตอบประการใด
พระวิกรมาทิตย์ได้ทรงฟังดังนั้นก็คิดขัดเคืองในพระหฤทัย เพราะพระราชาไม่เคยฟังใครดูหมิ่นว่าโง่ แต่ครั้นจะไม่ยอมสัญญาตามคำเวตาล ก็จะไม่ได้ตัวไปดังประสงค์ ทรงดำริห์เช่นนี้แล้ว มิได้ตรัสตอบประการใด ทรงจับเวตาลใส่ลงในย่าม ยกขึ้นสพาย แล้วตรัสให้พระราชบุตรรีบตามให้ทัน พลางเสด็จออกรีบทรงดำเนิรไป
ฝ่ายเวตาล ครั้นออกเดิรได้สักครู่หนึ่ง ก็ทูลถามปัญหาสั้น ๆ กล่าวด้วยลม และฝน และโคลนในถนน พระราชามิได้ตรัสตอบประการใด