ข้ามไปเนื้อหา

หน้า:Phlae Kao 2479.djvu/51

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร

​เดือนขึ้นแสงจันทร์ลอดเข้ามาทางน่าต่างตึกเรียมสดุ้งขนลุกเกรียวคล้ายวิญญานเจ้าขวัญมากระซิบเตือนที่ข้างหูว่า เรียมเอ๋ย เดือนขึ้นแล้ว พี่มาคอยเจ้าอยู่นานแล้ว

เรียมไม่สามารถจะทนอยู่บนตึกอีกต่อไปได้ แม่นายกำลังหลับอย่างสบาย เพราะอ่อนเพลียเมื่อยล้าที่ต้องนั่งมาในเรือนาน ๆ เรียมลงจากตึกตรงมาศาลาท่าน้ำซึ่งเปนที่สำราญตั้งใจว่าจะนั่งตากลมพอให้ง่วงและลืมคิดถึงสิ่งต่าง ๆ แล้วกลับขึ้นนอน

แสงเดือนเตือนใจยิ่งขึ้นทุกขณะทำให้วิญญาณเธอล่องลอยกลับบางกะปิอิก ป่านนี้เจ้าขวัญกำลังคอยเธอ มันคงอิ่มอกอิ่มใจนักที่มันจะได้พบเธอไปตามนัด เมื่อนึกถึงเจ้าขวัญก็ทำให้เรียมมองเห็นภาพลำน้ำสายเล็กคดคุ้ง มีกอเข้าขึ้นอยู่ริมฝั่งที่เปนนา ร่มไทรรากไทรเมื่อครั้งโน้นทำให้เธอคิดไม่วายเลย เจ้าขวัญกำลังกอดเธอพลอดพร่ำฝากรักด้วยความจริง ชายแพรแดงกำลังหวั่นไหวด้วยลมปลิว ศาลเทพารักษ์กลาดเกลื่อนด้วยตุ๊กตาและเครื่องเส้นสังเวยเจ้าพ่อ สิ่งเหล่านี้ผุดขึ้นให้เธอคิดอีก และที่ติดหูติดตายิ่งกว่านี้คือ ธูปเทียนของเจ้าขวัญที่ปักไว้คู่กับเธอ และคำสาบาลของมันซึ่งเธอน่าจะลืมเสียแล้วนาน กลับฟื้นหูขึ้นมาอีก

เรียมเศร้า ยิ่งคิดแล้วยิ่งเศร้า เจ้าขวัญใช่อื่นไกลเลยแม้จะเปนชาวไร่ชาวนามันก็รักจริง หัวใจรักของมันหลักแหลมแก่กล้า มิเพราะมันรักหรือพี่เริญกับพ่อจึงอยู่โดยสวัสดี ส่วนนายจ้อยต้นเรื่องถูกฟันอย่างหนำใจ เรียมคิดขนลุกขนพองถึงคืนหลัง๓ปีโน้น ขวัญมอมหน้าตัดฝาเข้าไปในโรงนา มันมาหาด้วยความรักที่ซื่อสัตย์ฝ่าอันตราย แล้วเธอเล่า ขณะนั้นรู้สึกเช่นไร รักมัน หลงมัน โธ่ เอ๋ย ขวัญ เอ๋ย ฉันผิดเสียแล้วที่หลอกลวงทรมานให้คอยฉันจนป่านนี้ โอ้ พี่ขวัญ ฉันผิดลึกนัก ฉันลืมแผลเก่าของฉันเพราะกรุงเทพฯ แท้ ๆ กรุงเทพฯ ให้ความเพลิดเพลินซึ่งฉันไม่เคยพบเลยในทุ่งบ้านเรา ฉันหลับอยู่ทุ่ง

๔๗