"แหม! พ่อแม้น พระที่วัดท่านตาขมึงเอาฉันเข้า พอเดินไปทางป่าช้า ท่านเรียกพระมาอีกหลายองค์เดินตามฉันและมีตะพดเสียด้วยซิ ท่าไม่เป็นการละแฮะ" ตาหิงพูด
"ท่าพระท่านจะคิดว่า พ่อหิงจะไปปลุกไปเซ่นกระมัง" ตาว่า
"ท่าอยู่แฮะ เอาละ ขอค้างสักคืนเถอะ พรุ่งนี้พ่อแม้นช่วยไปบอกพระด้วยกันว่า ฉันมาดี จะมาทำพิธีสะกดและเรียกเอาไป ไม่ได้มาทำให้วุ่นวายหรอก"
"เอา! เอายังงั้นก็เอา พรุ่งนี้จะไปหาท่านพระครู ท่านรำคาญใจ เลยควบคุมคนที่ไปก่อกวนผี" ตาว่า และรู้ว่า แกเห็นดีด้วยที่ตาหิงจะทำพิธีเรียกเอาไป
คืนนั้นเมื่อเสร็จอาหารแล้ว ผมไม่ยอมจะอยู่ฟังเขาคุยให้กลัวเปล่า ๆ รีบนอนเลย เขาคงคุยกันหลายทุ่มหน่อย ผมหลับไปนานโข ท่าจะดึกแล้ว ผมตื่นขึ้นเห็นไฟดับหมด ก็เลยเงี่ยหูฟังเหตุการณ์ตามเคย เสียงต่าง ๆ นอกเรือนมันช่างเงียบสงัดจริง และในครู่นั้นเอง เสียงหมาทางวัดก็หอนขึ้นโหยหวน ผมใจเต้นรัว โกรธตัวเองว่า ดันตื่นขึ้นมาทำไมกันไม่รู้ ตื่นแล้วต้องผจญกับเสียงที่ไม่เป็นมงคล
ทางบ้านเรายังเงียบ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมนอนใจระรัวเงี่ยหูฟังต่อไป แต่ในครู่นั้นเอง เสียงฝีเท้าม้าก็ดังขึ้นที่ชายทุ่งหลังบ้านใกล้ลำกระโดงปลา ผ่านไปผ่านมา นกแสกเจ้ากรรมบินร้องผ่านไปดังแซ้กเข้ากรีดหัวใจ หมาใต้ถุนเราก็หอนรับโหยหวนขึ้นประดังกับเสียงที่ได้ยิน ทั้ง ๆ ที่เสียงหมากำลังหอนทอดยาวทอดสั้นอยู่ ก็มีเสียงอะไรดังแทรกขึ้นมา มันเป็นเสียงใครไม่รู้ร้องเรียกใครฝ่าเสียงหมาขึ้นมา ผมสะท้านสั่นและร้องไห้เลย เสียงนั้นไม่ชัดว่าเป็นเสียงใคร มันแหบ ๆ แห้ง ๆ มันดังอยู่ข้างล่างทางด้านนอกชาน หมายิ่งหอนใหญ่ แน่แล้ว มันมาจากหลุมในวัด ผมสะดุ้ง หัวใจวาบเหมือนใจจะขาดและหยุดเต้น เพราะอยู่ ๆ พี่พุกกระถดตัวเข้ามาชิดโดยไม่ทันรู้ตัว แต่พอรู้ว่าเป็นพี่พุกก็ค่อยคลายใจ แต่ว่าใจมันเต้นแรงเมื่อตอนต้นอย่างสุดขีด ทำให้ทรวงอกปวดเสียวไม่หยุดลงได้ง่าย ๆ ผมเลยเบียดตัวเข้าชิดพี่พุกแน่นเลย มันเป็นคืนสำคัญในชีวิตของผมที่บ้านมาบโพธิ์ เกือบสว่างจึงได้หลับลงอย่างอ่อนเพลีย