ข้ามไปเนื้อหา

เอกสารตรวจราชการเมืองนครไชยศรีฯ ร.ศ. 117/เรื่อง

จาก วิกิซอร์ซ
เอกสารตรวจราชการเมืองนครไชยศรี
ของ
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ
กรมพระยาดำรงราชานุภาพ

ที่ ๒๐๗/๑๖๒๐๒ ศาลาว่าการมหาดไทย[1]
วันที่ ๒๑ เดือนสิงหาคม ร.ศ. ๑๑๗

ช้าพระพุทธเจ้า ขอพระทานกราบทูล พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นสมมตอมรพันธุ์ ราชเลขานุการ ทรงทราบฝ่าพระบาท

ด้วยข้าพระพุทธเจ้าได้รับลายพระหัตถ์พระเจ้าน้องยาเธอฯ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทยฉบับ ๑ ลงวันที่ ๑๙ สิงหาคม ร.ศ. ๑๑๗ เปนรายงานตรวจราชการเมืองนครไชยศรี มีความพิศดารแจ้งอยู่ในสำเนาลายพระหัดถ์ซึ่งข้าพระพุทธเจ้าได้คัดสอดซองถวายมาพร้อมกับจดหมายฉบับ นี้ด้วยแล้ว แลข้าพระพุทธเจ้าได้รับโทรเลขจากพระเจ้าน้องยาเธอฯ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย อิกฉบับหนึ่งจากเมืองราชบุรี มีความว่า ทรงสบายดีแลจะได้เสด็จจากเมืองราชบุรี ไปเมืองเพชร์บุรีวันนี้ ขอฝ่าพระบาทได้นำทูลเกล้าฯ ถวายด้วย

  • ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด
  • ข้าพระพุทธเจ้า พระยาสฤษดิ์พจนกร

สำเนาที่ ๑๖๑๔๙
รับวันที่ ๒๑ สิงหาคม รัตนโกสินทรศก ๑๑๗
ที่พักเมืองราชบุรี
วันที่ ๑๙ สิงหาคมรัตนโกสินทรศก ๑๑๗
ถึง พระยาสฤษดิ์

วันที่ ๑๒ สิงหาคม เวลาเช้าออกเรือจากบ้านบางลี่ล่องตามคลองสองพี่น้องแลลำน้ำสุพรรณ์ เข้าเขตรแดนเมืองนครไชยศรีต่อลงมาแวะตรวจที่ว่าการอำเภอไผ่นาค การอำเภอเรียบร้อยพอเปนปานกลาง จัดยังไม่ได้เต็มตามแบบ แต่เปรียบเทียบถ้อยความพอใช้ อำเภอไผ่นาดนี้เปนอำเภอคนน้อย ด้วยที่ทางนี้เปนที่เปลี่ยวโดยมาก แต่ก่อนโจรผู้ร้ายชุกชุม เปนทางโจรผู้ร้ายไปมา ในระหว่างมณฑลกรุงเทพ ฯ มณฑลนครไชยศรีแลมณฑลราชบุรี มีท่าซึ่งโจรผู้ร้ายพาสัตว์ข้ามเปนที่ขึ้นชื่อลือนาม คือที่ไผ่อ้ายแบ้ ที่บางขะโมย แลที่บางไผ่นาดนี่ พระยาสุนทรบุรีจึงเอาที่ว่าการอำเภอมาตั้งลงในที่เปลี่ยว แลยังจะจัดพลตระเวนขึ้นไปตั้งสะเตชั่นที่ไผ่อ้ายแบ้อีกแห่งหนึ่ง แต่เวลานี้ฟังดูก็ว่าโจรผู้ร้ายสงบเรียบร้อยดี ถ้าคลองบริสัทซึ่งขุดแต่ลานเทมาทะลุไผ่อ้ายแบ้สำเร็จเมื่อใด ท้องที่ในอำเภอนี้คงจะบริบูรณ์ขึ้นอีกมาก ออกจากบางไผ่นาคล่องลงมาตามลำน้ำ เวลาบ่าย ๒ โมงเสศถึงปากคลองมหาสวัสดิ์ จอดพักนอนคืนหนึ่ง คลองมหาสวัสดิ์เวลานี้มีน้ำพอเรือไฟเล็กไปมาได้ ในคราวน้ำ มีเรือเมล์เดินแต่กรุงเทพ ฯ ถึงพระปฐมเจดีย์ ๓ ลำ เรือแจวเรือพายพ่อค้าไปมาได้ทุกเวลา มีเรือบันทุกเข้าแลน้อยหน่าเข้าไปกรุงเทพ ฯ มาก ที่ปากคลองเจดีย์บูชาแง่ข้างเหนือเปนที่หลวง เดิมเจ้าพระยาภาณุวงษ์มาสร้างสระบัวแลมีเรือนแพเปนที่พักอยู่ ที่นี้มอบให้ขุนด่านรักษา แต่ทอดทิ้งมาเสียช้านาน สระบัวสูญหายกลายเปนนาไปเสียหมด แลเรือนแพนั้นก็หักพัง พระยาสุนทรบุรีพึ่งซ่อมขื้นใหม่ เปนที่เรือจอดพักสบายพอใช้ ด้วยเปนท่าลมพัดเย็นอยู่เสมอ

วันที่ ๑๓ เวลาเช้าออกเรือจากปากคลองมหาสวัสดิ์มาจอดที่ที่วาการเมือง ขึ้นตรวจออฟพีศที่ว่าการเมือง ดูการที่จัดเรียบร้อยพอใช้พอสมควรแก่ที่จะเปนได้ในเวลานี้ เสียแต่พื้นที่ที่ตั้งที่ว่าการเมืองซึ่งเปนที่ว่าการเมืองมาแต่เดิมเปนที่เลวทรามคับแคบยาวตามลำน้ำไม่ถึง ๒ เส้น ยืนขึ้นไปก็ไม่ถึง ๒ เส้น มีวัดแลบ้านล้อมรอบขยายไม่ออก ซ้ำเปนที่ลุ่มระดูนี้น้ำขึ้นท่วมถึงกันด้วย ที่ใช้ได้มีแต่เรือนฝากระแชงอ่อน ๓ ห้อง ๒ ชั้นเฉลียงรอบ ซึ่งพระยาทิพโกษาทำไว้แต่ก่อนหลังหนึ่ง ได้อาไศรย์เปนออฟฟิศอยู่ชั้นล่าง ผู้รักษาเมืองอาไศรย์อยู่ชั้นบน แลมีศาลาโถงเบนศาลแอบอยู่อิกหลังหนึ่ง ได้แวะไปดูชำระความที่ศาลเมือง หลวงอินทร์จ่าเมืองเปนอธิบดีผู้พิพากษา ดูกระบวนพิจารณาก็เปนอย่างตั้งใจจะให้เปนอย่างใหม่ ถามสารบบดูการที่ได้ทำก็พอจัดว่าเปนไม่เลว เพราะจำนวนความที่แล้วทันกับความที่เกิดใหม่ไม่คงค้างรุงรัง ได้ไปตรวจตรางที่ขังนักโทษด้วย ตรางนี้อยู่หลังจวนข้ามฟากถนนที่ใหญ่โตพอแก่การ แต่เปนที่ลุ่มน้ำขัง ตัวตรางนั้น พระยาทิพย์โกษาได้สร้างไว้พื้นสูงแลแขงแรงพอใช้ได้ แต่เวลานี้คนโทษอยู่ข้างจะมากเยียดยัดกันอยู่ มีจำนวนนักโทษ ๑๕๒ คน ตัดสินแล้ว ๗๘ คน ระหว่างพิจารณา ๗๔ คน เพราะมีท้องตราสั่งไม่ให้ส่งนักโทษเข้าไปกรุงเทพ ฯ คนจึงเยียดยัดกันในตรางนี้มาก มีนักโทษยื่นเรื่องราว ๓ ฉบับไม่เปนเรื่องสำคัญอันใด ได้สั่งให้ปล่อยนักโทษ ซึ่งพิเคราะห์เห็นว่าติดพอแก่โทษแล้ว ชาย ๕ หญิง ๒

ที่ว่าการเมืองนครไชยศรีถ้าจะตั้งอยู่ที่นี่ เห็นว่าจะทำอย่างไรให้เรียบร้อยงดงามนั้นไม่ได้ พระยาสุนทรบุรีได้เลือกที่ไว้ข้างเหนือซึ่งอยู่ในหว่างปากคลองเจดีย์บูชากับเมืองเดี๋ยวนี้แห่งหนึ่ง เปนที่ว่างมีเจ้าของ จะต้องซื้อ แต่เห็นว่าเปนที่ดีแลพอแก่การ จึงได้สั่งให้คิดย้ายที่ว่าการเมืองไปตั้งที่ใหม่ในศกน่า

เมืองนครไชยศรีเวลานี้หลวงบรมบาทบำรุงข้าหลวงมหาดไทยเปนผู้รักษาเมืองมาได้ยังไม่ถึงเดือน แต่ไล่เลียงราชการเมืองดูเข้าใจน่าที่แลเอาใจใส่มาก ได้ข่าวว่าผู้คนอยู่ข้างจะนิยม ด้วยเบ่นคนหมั่นแลอาชาไสยซื่อตรง ต่อไปคนนี้เห็นจะเปนราชการได้คนหนึ่ง ออกจากที่ว่าการเมืองไปแวะตรวจที่ว่าการอำเภอเมือง ซึ่งอาไศรย์แพจอดอยู่น่าที่ว่าการเมือง แพหลังนี้ทราบว่าได้มาใช้ราชการโดยปลาด เปนแพดีราคาซื้อขายกว่า ๑๐ ชั่ง ทราบว่าเจ้าของแพเปนหนี้สินเขามาก ทิ้งแพไว้ตัวอพยพหลบหนีไป อำเภอต้องเอามารักษาไว้ จนบัดนี้ก็ยังไม่มีเจ้าเบี้ยนายเงินคนใดมาว่ากล่าว คงได้ใช้แพกลางนี้เปนที่ว่าการอำเภอ แลจะได้ใช้ต่อไปอีกสักเท่าใดยังทราบไม่ได้ อำเภอนี้ก็จัดว่าเปนเรียบร้อยโจรผู้ร้ายอุกฉกรรจ์ไม่มี การลอบลักโคกระบือหรือย่องเบามีบ้างแต่ห่าง ๆ ความแพ่งดูคำที่เปรียบเทียบก็พอใช้ แต่ปลาดอยู่ไม่ค่อยจะตกลงต้องส่งไปศาลเมืองเสียมากกว่าที่จะแล้วได้ ที่อำเภอเห็นเปนเช่นนี้ได้ด้วยเหตุ ๒ อย่าง เพราะศาลอำเภออยู่ห่างศาลเมืองไม่ถึงเส้น จะไปว่าที่ศาลเมืองไม่ลำบากอันใด ข้างแพ้จึงไม่ใคร่ยินยอมในชั้นเปรียบเทียบ หรืออิกอย่างหนึ่งคนจะไม่ใครไว้ใจผู้นายอำเภอ จึงไม่ใคร่ยินยอมตกลง แต่ข้อความข้อนี้รู้ไม่ได้แน่ ด้วยสารบบที่ทำ ทำแต่ความที่ตกลง ทางเมืองนี้ยังหาเข้าใจในการที่ทำสารบบอย่างกรุงเก่าไม่ ถ้ามีสารบบที่ความไม่ตกลงอยู่แล้วก็พอจะตรวจคำเปรียบเทียบพิเคราะห์เอาความจริงได้

ออกจากที่ว่าการอำเภอเมืองไปเข้าคลองเจดีย์บูชา ถึงพระปฐมเจดีย์ เวลาบ่าย ๒ โมง ขึ้นพักอยู่ที่พระราชวัง วังนี้ชำรุดทรุดโทรมมาก ทั้งวังแลบริเวณคงใช้ได้แต่พระที่นั่ง ๒ ชั้นหลังหนึ่ง กับเพิงพลด้านตวันตกแลด้านเหนือ พระที่นั่งแลตำหนักรักษานอกจากนี้เสาขาดเซซวนร้าวรานจวนจะพังหมดทุกหลังไม่มีเว้น ถ้าจะซ่อมแซม จะต้องรื้อลงทำใหม่ทั้งนั้น พิเคราะห์ดูเห็นว่าวังนี้โดยหากว่าจะกล้าลงทุนซ่อมแซมขึ้นใหม่ก็หาประโยชน์อันใดมิได้ ด้วยเปนที่คับแคบซุกซิกโดยจะประทับก็ไม่เปนที่ทรงพระราชสำราญได้ ที่วังนี้ควรรื้อพระที่นั่งแลตำหนกบันดาที่ชำรุดหักพังออกให้หมด แลปลูกสร้างเพิ่มเติมขึ้นเล็กน้อย ทำเปนที่ว่าการมณฑลนครไชยศรีเปนดีกว่าใช้เปนอย่างอื่น ถ้าหากว่าเสด็จพระราชดำเนินประพาศพระปฐมเจดีย์ในภายน่า คิดว่าจะปลูกพลับพลารับเสด็จ ฉันได้ไปเลือกที่ไว้ข้างหลังพระปฐมซึ่งเปนที่บริเวณวังโบราณของกระษัตริย์ซึ่งสร้างพระปฐมเจดีย์ แลได้สั่งให้พระยาสุนทรให้ปักไม้หมายกรุยไว้เปนที่พลับพลารับเสด็จ อย่าให้ราษฎรจับจองทำการอื่น ถ้าทำพลับพลารับเสด็จในที่ที่เลือกใหม่นี้ เข้าใจว่าจะทรงพระราชสำราญกว่าประทับที่พระราชวังเก่า ด้วยเปนที่กว้างใหญ่มีคลองมีโคกแลเปนป่าละเมาะทั่วไป แม้ที่สุดจะสร้างวังในที่นั้นก็สร้างได้ที่วังเก่าในเวลานี้ตอนพระที่นั่ง พระยาสุนทรบุรีได้ ปลูกเรือนไม้แซกขึ้นหลังหนึ่ง แลกันไว้เปนที่รับผู้มีบันดาศักดิ์ไปมา ตอนข้างตำหนักกองทหารอาไศรย์ที่ว่าการมณฑลแลว่าการอำเภอพระปฐมอาไศรย์ตั้งทำการอยู่ที่พระระเบียงชั้นในพระปฐมเจดีย์ ดูเปนการเบียดเบียนพระปฐม ไม่สมควรจะต้องคิดจัดเรื่องที่ว่าการมณฑลนี้โดยเร็วสักหน่อย

ได้ไปตรวจที่ว่าการมณฑลแลที่ว่าการอำเภอพระปฐมเจดีย์ในวันที่ไปถึงนั้น ที่ว่าการมณฑลจัดการเปนหมวดหมู่แลการเรียบเรียงเก็บจดหมายเรียบร้อยดีเพราะขอคนในกระทรวงมาไว้หลายคน แลเห็นได้ว่าถ่ายแบบในศาลากระทรวงมหาดไทยมาจัดแทบทุกอย่างที่จะทำได้ บางอย่างเกินต้องการในที่นี้ก็มีบ้าง เช่นเข้าใบบันทึกจดหมายบันทึกตลอดจนรายงานตีพิมพ์ซึ่งมีกำหนดฉบับแลเวลายื่น ไม่จำเปนเลยจะต้องเข้าบันทึก ดูเหมือนที่กรุงเก่าเก่าก็ยังเปนเช่นนี้ ได้ชี้แจงให้เข้าใจว่า การที่จะเอาอย่างนั้นควรเอาอย่างแต่ที่จำเปน ที่ไม่จำเปนไปเอาอย่างให้เหนื่อยไม่มีประโยชน์อันใด ที่ว่าการมณฑลนี้กระบวนจัดที่ทางก็สอาดสอ้านเสียแต่ไปตั้งในที่วัดเท่านั้น ในเวลานี้การคลังมณฑลกำลังข้าหลวงคลังคนใหม่มารับการจากพระสรรค์ ส่งกันยังไม่เสร็จ ดูเหมือนจะมีการยุ่งเหยิงบ้างเล็กน้อย การคลังมณฑลนี้คงยังเลวกว่ามณฑลกรุงเก่ามาก เพราะยังเปนอย่างเก่าพึ่งจะเปลี่ยนเข้าแบบใหม่

ที่พระปฐมเจดีย์นี้จัดการปกครองเปนท้องที่อำเภอหนึ่งในเมืองนครไชยศรี หม่อมราชวงษ์เล็กเปนนายอำเภอ มีจำนวนราษฎรในท้องที่อำเภอนี้ ๒๓๗๕๒ คน เหตุการโจรผู้ร้ายสงบ มีแต่การย่องเบาลักเล็กน้อยห่าง ๆ หม่อมราชวงษ์เล็กนี้เดิมเปนนายอำเภอเมืองนครไชยศรี ทำการดี พระยาสุนทรบุรีเห็นว่าอำเภอพระปฐมเปนอำเภอสำคัญกว่า อำเภออื่นในเมืองนครไชยศรี จึงย้ายมาว่าอำเภอพระปฐม ฟัง ดูผู้คนก็นิยมมากอยู่

วันที่ ๑๕ เวลาเช้าไปเที่ยวดูตลาด ตลาดพระปฐม เจดีย์นี้ตั้งอยู่ ๒ ฟากคลองเจดีย์บูชา ตั้งแต่บริเวณวัด พระปฐมตลอดลงไปยาวตามลำคลองประมาณ ๑๐ เส้น ปลูก เปนโรงหลังคามุงจากเครื่องผูกบ้างเครื่องสับบ้างฝั่งละ ๒ แถว มีทางเดินกลางกว้างประมาณ ๔ ศอกมีทั้งโรงบ่อนแลโรง สุรา ตลาดของสดเบ็ดเสร็ดอยู่ในนั้น นับว่าเปนตลาดสำคัญ ในหัวเมืองแห่งหนึ่ง เหตุว่าเปนที่มีการค้าขายมาก สิ่งสินค้า ที่จำหน่ายออกจากพระปฐมเจดีย์ไปจำหน่ายในกรุงเทพฯ แล ในหัวเมืองอื่น ๆ นั้น ที่เปนสินค้าใหญ่ คือ เข้าเปลือก เข้า สาร เข้าโภช น้ำตาลทราย น้ำอ้อย ยาสูบ แลผักผลไม้ ต่าง ๆ คือ คราม มะเกลือ หน่อไม้ น้อยหน่า สรรพรศ เผือกมัน กล้วย แลอื่น ๆ ส่วนสินค้าซึ่งพามาแต่กรุงเทพฯ แลที่อื่น ๆ จำหน่ายในที่นี้ คือ เครื่องทองเหลือง ทองขาว ผ้าพรรณนุ่งห่ม แลผักผลไม้ เครื่องบริโภค คือ หมาก พลู ทุเรียน มังคุด มะพร้าว เปนต้น

ลักษณะซื้อสินค้าทั้งปวงนี้ มีเรือใหญ่น้อยหลายร้อยลำรับสินค้าแต่กรุงเทพฯ แลที่อื่น ๆ มาจำหน่ายแก่พวกที่ตั้งร้านอยู่ในตลาดรับไว้ขายแก่ชาวบ้านนอก ถึงเวลาเช้าพวกชาวบ้านนอกต่างหาบหามบันทุกสิ่งสินค้าเข้ามาตั้งขายที่ลานพระปฐมเจดีย์ แลตามบริเวณตลาด พวกชาวเรือพากันไปว่าซื้อ เมื่อตกลงราคากันแล้ว ก็ขนส่งลงเรือที่ริมตลาดนั้นบ้าง ต่ำลงมาบ้าง ตามเรือเล็กเรือใหญ่ที่จะขึ้นไปได้ถึงเพียงใด พวกชาวบ้านนอกขายของได้แล้ว ภอใจต้องการของสิ่งใดก็เที่ยวซื้อหาตามร้านในตลาด หาบหามพากลับออกไปบ้านเปนประเพณีดังนี้ เวลาเช้า ๆ คนแน่นหนาคับคั่งตลอดตลาด ประมาณได้หลายพันคนทุก ๆ วัน พระยาสุนทรบุรีได้ให้ลองเก็บจำนวนแลราคาสินค้าเพียงผลไม้ที่ซื้อขายกันที่ตลาดในเดือนกรกฎาคม ได้จำนวนสินค้าที่จำหน่ายไปจากพระปฐมเจดีย์ คือ

น้อยหน่า ๗๓๗๔๑๕ ผล เปนเงิน ๕๕๓๐ บาท ๓๒ อัฐ
สรรพรศ ๒๒๐๓๑ ผล เปนเงิน ๘๒๖ บาท ๑๐ อัฐ
กล้วย ๓๖๘๙๐๐ ผล เปนเงิน ๙๒๒ บาท ๑๖ อัฐ
ขนุน ๖๑๕ ผล เปนเงิน ๑๕๓ บาท ๔๐ อัฐ
เข้าโภช ๔๘๐๒๐ ผล เปนเงิน ๒๑๑ บาท อัฐ
ฟักทอง ๓๔๖ ผล เปนเงิน ๕๙ บาท ๔๘ อัฐ
ฟักเขียว ๗๖๐๐ ผล เปนเงิน ๓๙ บาท
รวมเป็นเงิน ๗๗๔๒ บาท ๒๒ อัฐ
สินค้ากรุงเทพฯ ที่เอามาจำหน่ายในพระปฐม คือ
ทุเรียน ๑๙๕๖ ผล เปนเงิน ๑๙๙๓ บาท ๔๐ อัฐ
แมงคุด ๕๗๖๑๑ ผล เปนเงิน ๗๒๐ บาท อัฐ
หมาก ๑๑๔๓๕๐ ผล เปนเงิน ๕๗๑ บาท ๔๘ อัฐ
พลู ๔๖๔๔๐ กำ เปนเงิน ๑๖๒๘ บาท ๔๑ อัฐ
มะนาว ๘๖๕๐ ผล เปนเงิน ๒๖ บาท ๓๒ อัฐ
กระท้อน ๒๕๑๑ ผล เปนเงิน ๔๘ บาท
แตงโม ๓๐๐ ผล เปนเงิน ๓๙ บาท
มะพร้าว ๖๓๐๐ ผล เปนเงิน ๔๗๐ บาท
เงาะ ๔๐๕๐ ผล เปนเงิน ๔๙ บาท
ส้มโอ ๔๐๐ ผล เปนเงิน ๑๒ บาท ๒๓ อัฐ
ลำไย ๑๗๐๐ ผล เปนเงิน บาท ๑๖ อัฐ
รวมเป็นเงิน ๕๕๖๓ บาท ๑๖ อัฐ

ยังเครื่องทองเหลืองทองขาวผ้าพรรณนุ่งห่มที่ชาวร้านในตลาดจำหน่ายได้ในเดือนหนึ่งนั้นเปนเงินถึง ๑๓๗๒๓ บาท ๑๐ อัฐ

เพราะเหตุที่การค้าขายในตลาดพระปฐมเจดีย์ดังว่ามานี้พาให้คนต้องการที่ทำโรงร้านขายของมาก ที่ริมคลองฝั่งใต้เปนที่หลวง ก็เปนตลาดไปแต่มุมด้านน่าพระราชวัง คือ มีผู้เข้าอยู่แลต่อพะเพิงทเพิงพลพระราชวังเอาเปนร้านตลาดตลอด ที่ถนนริมฝั่งคลองตรงพระราชวังออกมา ก็มีผู้ปลูกเปนร้านชำทำนองที่น่าวัดสุทัศน์ ขายของบริโภคต่าง ๆ อิกแถว ๑ แต่มุมพระราชวังลงไปตามลำคลองราษฎรปลูกเปนโรงจาก ทำเปนร้านขายของตลอด ร้าน ๑ ยาวประมาณ ๘ ศอก เช่ากันถึงเดือนละ ๑๐ บาท ๑๒ บาท อย่างต่ำเพียง ๕ บาท ราคาขายเสงโรงจากเหล่านี้ขายกันถึงร้านละ ๑๐ ชั่ง ๑๕ ชั่ง ข้างฝั่งคลองฟากเหนือตอนบนเปนที่วัดท่านพระปฐมเจติยานุรักษ์ยอมให้ราษฎรอาไศรย์ปลูกโรงขายของตลอดลงมาจนตะพานช้าง พ้นนั้นลงไปเปนที่พระยาพิพัฒ (ทับ) แลที่ท่านผู้หญิงหนูในเจ้าพระยาทิพากรวงษ์ ซึ่งตกเปนของกรมหมื่นมรุพงษ์ก็ทำเปนโรงจากให้เช่าเปนร้านเปนตลาดแลโรงบ่อนตลอดลงไป แต่ราคาค่าเช่าห้องหนึ่งเพียง ๕ บาท ไม่แรงเท่าผั่งใต้ ที่ตลาดพระปฐมเจดีย์นี้ถึงเปนตลาดใหญ่ก็ดูรุงรังแลโสโครกเพราะปลูกเบียดเสียดเยียดยัดกันไม่เปนท่าทางงดงาม แล้วแต่ใครจะทำก็ทำได้ ไม่มีผู้ใดในรัฐบาลที่จะไต้เอาเปนธุระโดยทางที่ชอบมาแต่แรกจึงเปนไต้เช่นนี้ แต่จะจัดการแก้ไขอย่างใดในเวลานี้ คิดดูก็เห็นว่าไม่มีประโยชน์ เพราะการค้าขายในตลาดที่นี้กำลังเจริญ ถ้าไปขับไล่รบกวนน่าที่จะเกิดความเดือดร้อนพาให้คนท้อถอยในการค้าขายไปได้ ทางอย่างดีที่ควรจะทำเห็นว่าควรจะคิดอ่านสร้างที่แทนขึ้น แลกันให้ตลาดขยายย้ายออกไปภอหลวมตัวกันก่อน แล้วจึงจัดการก่อสร้างแก้ไขในตอนนี้จึงจะไม่เปนการกีดกันความเจริญในที่นี้

การที่จะจัดเรื่องตลาดพระปฐมเจดีย์นี้ เวลานี้เจ้าพนักงานทำแผนที่ซึ่งได้ส่งออกมาทำการร่วมเข้าแล้ว ได้เรียกแผนที่ที่เขาทำมาตรวจดูประมาณอิกสัก ๒ เดือนถึงจะแล้ว จะต้องรอเอาแผนที่นี้เปนหลักกะถนนที่จะตัดในบริเวณพระปฐมเจดีย์ แลกะตลาดที่ควรจะอยู่ในที่ใด การทำถนนไม่ต้องลงทุนอันใดนัก เพราะใช้แรงคนโทษทำได้ ฉันได้สั่งพระยาสุนทรบุรีให้รีบคดทำตรางขึ้นที่พระปฐมเจดีย์ แลให้ส่งคนโทษเมืองสุพรรณ เมืองนครไชยศรีที่มีกำหนดโทษเกิน ๓ เดือน เอาขึ้นมาไว้ใช้ที่พระปฐมเจดีย์นี้ ในการก่อสร้างตลาดนั้นเห็นว่าจะต้องคิดย้ายบ่อนก่อน ถ้ากะในแผนที่เห็นที่ใดเหมาะควรย้ายบ่อนไปตั้งที่นั้น การที่จะสร้างบ่อน ถ้าทำสัญญาให้เขาเก็บสัก ๑๐ ปีจะหาคนลงทุนทำก็เห็นจะหาได้ง่ายไม่ต้องออกเงินหลวง ถ้าบ่อนไปอยู่ไหนตลาดของสดแลร้านชำคงจะตามไป การที่จะสร้างตลาดของสดแลร้านชำนั้นหาผู้มีทุนทำได้ง่าย เพราะค่าเช่าคงจะเปนดอกเบี้ยไม่ต่ำกว่าชั่งละบาท การที่ย้ายบ่อนไปคงจะพาให้ร้านที่มีอยู่ในตลาดเดียวนี้ลดลงพอหายเยียดยัดกัน แบ่งที่สร้างตึกหรือโรงที่มั่นคงขึ้นในที่หลวงแห่งนี้ได้ การที่จะทำ จะทำเปนการหลวงหรือจะขายที่หลวงให้ราษฎรทำก็ได้ทุกอย่าง ถ้าได้กะแผนที่แล้วอยางช้าอิก ๓ ปีที่นี้คงเปนเมือง ด้วยรถไฟจะเปนกำลังใหญ่ที่จะช่วยบำรุง เวลานี้ได้พบพวกมิศเตอร์กิงกำลังปักกรุยรถไฟเข้ามาในตอนคลองเจดีย์บูชาแล้ว ฟั่งเสียงพ่อค้าราษฎรในที่นี้อยู่ข้างจะพากันนิยมเรื่องรถไฟเปนอันมาก มีคนมาขอให้ฉันบอกว่ารถไฟจะแล้วเมื่อใดหลายคน ตามความเห็นของพวกพ่อค้าเห็นว่าถ้ารถไฟสายนี้แล้ว พวกเขาจะได้ความบริบูรณ์ขึ้นอิกมาก เพราะทุกวันนี้การทำไร่ขายสินค้ามีความขัดข้องอยู่หลายอย่าง คือต้องหาบขนสินค้ามาขายที่พระปฐมเปนความลำบากแลเปลืองโสหุ้ย บางที่ในระดูฝนเหมือนอย่างเดียวนี้ ที่ไร่อยู่ไกลก็มาค้าขายไม่ได้ เพราะฝนซุกหนทางเปนหล่มเปนโคลน ใช้เกวียนหรือพาหะนะอย่างใดไม่ได้ อิกประการหนึ่งสินค้าที่เอามาขายที่ตลาดพระปฐมราคายังต่ำเปนต้นว่าน้อยหน่า บางวันถ้ามาขายมากด้วยกัน ขายได้เพียง ๑๐๐ ละ ๒ สลึง ต่อบางวันมีเรือมารับมากหรือคนมาขายน้อย จงขึ้นราคาถึงกว่า ๑๐๐ ละ ๓ สลึง เพราะพวกที่รับคิดเพื่อเสียหายในระหว่างทางที่จะพาไปขายน่านี้พอค่อยยังชั่ว ถ้าน่าแล้งบางทีถึง ๔ วัน ๕ วันจึงจะไปถึงกรุงเทพฯ ถ้ามีรถไฟความลำบากเหล่านี้จะหมดไปคงจะขายสินค้าได้ราคาดีขึ้นกว่าเดี๋ยวนี้ คนจึงหวังใจในรถไฟมากกลับมาจากตรวจตลาดได้มีการประชุมพวกหลงจู๊โรงหีบ แลพวกทำไร่ ในการที่เรียกประชุมเรื่องโรงหีบนั้น เพราะการที่จะเลิกด่านภาษียังติดอยู่ด้วยเก็บภาษีน้ำตาลทราย ในท้องที่เภอพระปฐมเจดีย์มีโรงหีบในเวลานี้ ๑๗ โรง เงินภาษีปีหนึ่งกว่า ๑๐๐ ชั่ง อิกประการหนึ่งความขัดข้องในมณฑลนี้มีอยู่ด้วยเรื่องภาษีอ้อย จะจัดการตามอย่างหัวเมืองฝ่ายเหนือไม่ได้ คือ ข้างหัวเมืองในมณฑลกรุงเก่า มณฑลนครสวรรค์ แลมณฑลพิศณุโลกย์ ราษฎรปลูกอ้อยแลเขี้ยวน้ำอ้อยขายเอง จัดการเก็บภาษีเรียกจากผู้ปลูกอ้อย คิดตามเนื้อที่ไร่ละ ๔ บาท ๒ สลึงเปนการเรียบร้อย แต่ทางนี้ราษฎรที่ปลูกอ้อยปลูกขายโรงหีบทั้งสิ้น ไม่ได้เขี้ยวเองอย่างหัวเมืองข้างเหนือ โรงหีบต้องเสียภาษีน้ำตาลทรายน้ำอ้อยอยู่แล้ว ถ้าจะเอาแบบหัวเมืองข้างเหนือมาเก็บไร่อ้อยอิกชั้นหนึ่งก็เปนภาษี ๒ ซ้ำ อิกประการหนึ่งพระยาสุนทรบุรี ได้ลองทำบาญชีน้ำตาลที่ทำได้ตามโรงหีบเทียบกับจำนวนน้ำตาลที่ได้เสียภาษี จำนวนน้ำตาลที่เสียภาษีต่ำอยู่กว่าครึ่ง เห็นเปนการรั่วไหลรัฐบาลเสียเปรียบอยู่ จำต้องคิดจัดการแก้ไขวิธีเก็บภาษีน้ำตาลทรายทางนี้อย่างใดอย่างหนึ่ง แลวิธีที่จะจัดใหม่นั้น ได้ปฤกษากับพระยาสุนทรบุรีเห็นว่ามีอยู่ ๒ อย่าง คือ เก็บตามเนื้อที่ปลูกอ้อยอย่างหัวเมืองฝ่ายเหนือ แต่เลิกภาษีน้ำตาลทรายน้ำอ้อยเสียทีเดียวอย่างนี้จะเก็บได้ง่ายแลไม่มีทางรั่วไหล แต่มีที่เสียอยู่อย่างหนึ่งด้วยเปนการเก็บจากคนจน คือราษฎรที่ปลูกอ้อย บางทีเห็นต้องเสียภาษีแรงขึ้นจะย่อท้อในการที่จะปลูกอ้อยก็จะเสียประโยชน์ได้ อิกอย่างหนึ่งนั้นเก็บภาษีน้ำตาลน้ำอ้อยแต่ไปเก็บที่โรงหีบเอาตามจำนวนน้ำตาลน้ำอ้อยที่จำหน่ายจากโรงหีบ อย่างนี้ไม่มีใครได้ความเดือดร้อนหรือท้อถอย แต่บางทีจะยากอยู่ในการที่จะตรวจจึงเห็นว่าการเรื่องนี้ควรจะเรียกหลงจู๊โรงหีบมาฟังความเห็นคนพวกนั้นดูเขาจะเห็นประการใด เมื่อพร้อมกันฉันจึงได้ชี้แจงความคิดที่จะแก้ไขวิธีเก็บภาษีน้ำตาลน้ำอ้อยให้ง่ายแลสดวกแก่การค้าขายขึ้นโดยที่จะไม่ให้ต้องมีการตรวจตราที่ด่านดังแต่ก่อน แต่เห็นว่าการนี้เกี่ยวกับผลประโยชน์ของพวกทำโรงหีบ แลเห็นว่าพวกโรงหีบเปนผู้ชำนาญในการนี้ จึงเรียกมาปฤกษาว่ารัฐบาลควรจะจัดการเก็บฉันใด ที่จะได้ประโยชน์เงินภาษีอากรตามสมควรจะได้ แลไม่ลำบากเดือดร้อนแก่การค้าขายดังนี้ พวกหลงจู๊โรงหีบได้ปฤกษากันโดยความเอื้อเฟื้อช้านานตกลงเนื้อเห็นว่า การที่จะเก็บจากราษฎรที่ปลูกอ้อยแลเลิกภาษีน้ำตาลทรายน้ำอ้อยเสียนั้นเปนการสดวกแก่โรงหีบจริงอยู่ แต่เห็นว่าราษฎรจะพากันท้อถอย ถ้าราษฎรไม่ปลูกอ้อยให้พอต้องการของโรงหีบ ๆ ก็จะเสียประโยชน์เหมือนกัน เพราะฉนั้นเห็นพร้อมกันว่า ไปเก็บภาษีน้ำตาลทรายน้ำอ้อยตามโรงหีบดีกว่า พวกหลงจู๊โรงหีบจะรับอุดหนุนในการที่เจ้าพนักงาน จะไปตรวจแลเก็บภาษีน้ำตาลโดยเต็มกำลัง ในการเรื่องนี้ยังจะต้องคิดวิธีที่จะเก็บและจะตรวจ แต่ไม่มีเวลาพอที่จะคิดให้ตลอดในเวลานี้ จึงได้มอบไว้แก่พระยาสุนทรบุรีให้ทำเนื้อเห็นเข้าไปยื่นในเวลาประชุมเทศาภิบาลปีนี้ แต่การคงจะตลอดได้ ด้วยได้ปฤกษาเห็นทางอยู่โดยมากแล้ว

ไต่ถามพวกหลงจู๊โรงหีบต่อไป ได้ความว่าในศก ๑๑๖ โรงหีบมีกำไรแทบทุกโรง การทำโรงหีบมีเครื่องท้อถอยอยู่บัดนี้ แต่ด้วยเรื่องหากระบือไม่ได้พอเทียมหีบด้วยโคกระบือเปนโรคล้มตายเสียปีกลายนี้มาก คนที่เคยรับไปหาโคกระบือหาให้ไม่ใคร่ได้ ความข้อนี้จะต้องเติมอัตโนมัตว่าเพราะเดียวนี้ขะโมยยากกว่าแต่ก่อนต้วย แต่อย่างไรก็ดีเห็นเปนการที่น่าจะต้องช่วยคิดแก้ไข เพราะความต้องการโคกระบือทำไร่นาทุกวันนี้มากขึ้นทุกที เรื่องหาโคกระบือยาก น่าจะเปนเครื่องทำให้เสื่อมสิ้นการทำน้ำตาลทรายได้ เรื่องนี้แต่ก่อนได้มีความคิดอยู่ว่าจะชักชวนให้เปลี่ยนเครื่องมือใช้ทำด้วยเครื่องจักร ได้หาแบบอย่างเข้ามา แลได้ให้กับต้นคาตองออกมาตรวจทำรายงานก็ว่าจะใช้ได้ เปนแต่ยังไม่ได้สั่งเครื่องจักรเข้ามาทดลองเท่านั้น แต่ครั้นมาไต่สวนฟังถึงท้องที่แลได้ไปตรวจดูโรงหีบด้วยตนเองในครั้งนี้ กลับความเห็นเปนอย่างอื่น เห็นว่าที่จะให้ทำด้วยเครื่องสติมนั้นไม่ได้ เพราะคนเหล่านี้ไม่มีทุนพอจะซื้อเครื่องสติมอย่างหนึ่ง ถึงจะมีทุนพอซื้อก็ไม่ได้คุ้มดอกเบี้ยทุนที่ลงเพราะการหีบอ้อยทำแต่เพียงปีละ ๓ เดือน การโรงหีบทางนี้ไม่ได้ทำเปนการใหญ่ ถึงแก่จะปลูกอ้อยให้พอทำตลอดปี แลยังซ้ำต้องอาไศรย์ซื้ออ้อยสุดแต่ราษฎรจะทำมาขายด้วย สังเกตุดูโรงหีบซึ่งได้ไปดูถึง ๒ โรง ในเวลานี้ ทิ้งให้รุงรังจนถึงหลังคาเปนรูโหว่ทั่วไป แต่แรกเห็น ถึงแก้ถามว่าโรงร้างหรือมีเจ้าของทำอยู่ ได้ความว่าเปนของที่ทำอยู่ แต่เปนเวลาระดูว่างจึงทอดทิ้งไว้ดังนี้ แต่ถึงระดูแล้งจึงจะลงมือซ่อมแซมเมื่อจะลงมือหีบอ้อย ได้พิเคราะห์ดูเครื่องหีบที่ใช้อยู่ทุกวันนี้เปนอย่างจีน ซึ่งคิดใช้มานับด้วยร้อยปี หนักแลไม่สนิทสนม ถ้าคิดทำลูกหีบด้วยเหล็กแลให้มีจักรขบช่วยแรงจะเบาแรงขึ้นได้อิกมาก พิเคราะห์ดูเห็นถึงคิดใช้แรงคนหมุนอย่างเครื่องตีพิมพ์หรือเครื่องทำน้ำมะเน็ด ไม่ต้องใช้แรงสัตว์ได้ โดยจะไม่ถึงเช่นนั้น แต่เพียงคิดทำลูกหีบให้เบาแลให้มีจักรช่วยแรงมากขึ้น ก็จะใช้สัตว์น้อยตัวลงได้กว่าที่ใช้อยู่เปนอันมาก แต่จนใจเปนการเหลือความรู้ จะต้องเอาไว้ปฤกษาอินชะเนียดูต่อไป

ได้ปฤกษากับพวกทำไร่ถึงเรื่องวิธีเก็บภาษีสมพักสรแลเรื่องออกใบจองในเรื่องสมพักศรนั้น ความเห็นของพวกทำไร่ยุติเปนอันเดียวกันหมดว่า ถ้าเก็บตามเนื้อที่ดินเสมอไร่ละสลึงเฟื้อง แล้วแต่ราษฎรจะปลูกผลไม้อย่างใด ๆ ไม่ว่าอย่างนี้จะเปนการสดวก แลจะเปนที่มีน้ำใจแก่คนทำไร่มากด้วยไม่มีการที่จะต้องนำตรวจต้นผลไม้ และไม่ลำบากที่จะต้องต่อล้อต่อเถียงกับเจ้าพนักงาน ว่าโดยอัตราที่เก็บทุกวันนี้ ซึ่งเก็บอยู่เปน ๒ อย่าง คือ เก็บตามที่ดินบ้าง เก็บตามต้นผลไม้บ้าง ถ้าคิดถัวตามเงินภาษีที่เก็บก็ลงกัน กล่าวคือ ที่นับต้นบางทีก็เกินไร่ละสลึงเฟื้อง บางทีก็ไม่ถึง ถ้าเห็นเปนที่ดินสดวกกว่า แต่การที่จะให้จองที่นั้นพวกชาวไร่ร้องว่า ถ้าให้จองเปนการเดือดร้อน เพราะที่ดินที่ทำไร่ทำ ๗ ปี ๘ ปี แล้วดินเค็ม หรือหญ้าคาขึ้น ต้องทิ้งที่ไปถางป่าหาที่ทำใหม่ มีที่ซึ่งทิ้งร้างอยู่ในเวลานี้หลายพันไร่ และไม่ใคร่มีการที่จะแย่งชิงที่ดินกัน เพราะที่ป่าเปล่ายังมีมาก ถ้าหากว่าให้จองที่ก็จะต้องเสียค่าจองร่ำไป เปนความเดือดร้อน ถ้าหากว่าจะเรียบร้อยตลอดได้ คือ ถ้าผู้ใดถางป่าทำไร่ ให้ขออนุญาตต่อนายอำเภอ นายอำเภอรางวัดแลกำหนดที่ให้ แลเก็บภาษีแก่คนนั้นตามพระราชบัญญัติต่อไปทุก ๆ ปี กว่าคนนั้นจะทิ้งที่เมื่อใดก็ให้บอกคืนแลขออนุญาตใหม่ดังนี้ ที่ว่านี้ว่าโดยการทำไร่โดยมาก แต่ที่ไร่ซึ่งเจ้าของหวงห้ามตั้งประจำอยู่ เพราะเปนที่อยู่ริมคลองริมหนอง ปลูกหมากมะพร้าวแลทำนาได้ก็มีบ้าง แต่ไม่มากนัก ท้องที่อำเภอพระปฐมนี้ ข้างทิศตวันออกเปนที่ต่ำทำได้ทั้งไร่แลนา มีคนหวงห้ามอยู่ประจำโดยมาก ทางตวันตกเปนที่ดอน ระดูแล้งเหือดแห้งหาน้ำใช้โดยยาก แต่เปนที่ดินอุดม ที่ดอนปลูกผลไม้ต่าง ๆ ไม่ต้องรดน้ำมีผลบริบูรณ์จนกว่าดินจะเค็ม ต้นไม้เหล่านั้นจึงตายแลปลูกไม่งอกงามได้ในที่เช่นนี้ ปลูกได้แต่น้อยหน่า สัปรศ เผือกมัน แลไม้ล้มลุกอย่างอื่น ๆ ซึ่งงอกงามในระดูฝน แต่ต้นไม้ซึ่งอยู่ได้นาน เช่น มะม่วง หมาก มะพร้าว ปลูกในที่ดอนเช่นนี้ ทนความเหือดแห้งในระดูแล้งไม่ได้ ปลูกได้แต่ในที่ลาดปากหนอง ขึ้นงามแลมีราคาดี ที่ว่าเค็มนั้นเปนการปลาด พึ่งรู้ในคราวนี้ว่าที่พระปฐมนี้เปนที่มีเกลือสินเทาอย่างเมืองนครราชสิมา เว้นแต่น้อยกว่าบ่อน้ำที่ขุดบางบ่อก็จืด บางบ่อก็เค็มแลมีส่าห์เกลือขึ้นตามแผ่นดินด้วย

การทำไร่ในเวลานี้ได้ความว่ามากขึ้นกว่าแต่ก่อนเปนอันมาก ที่ป่าถางไร่ตลอดออกไปจนหนองแขม คงจะถึงห้วยกระบอกไม่ช้านัก ที่ทำไร่มากขึ้นได้ความว่า เพราะโจรผู้ร้ายสงบลง คนกล้าออกไปอยู่ที่เปลี่ยวไม่กลัวโจรไภยประการหนึ่ง เพราะมีจีนออกมาจากกรุงเทพฯ เปนอันมากเนือง ๆ ทำได้กำไรดี ในว่าจีนใหม่ออกมาทำการเปนลูกจ้างไม่ถึง ๒ ปี ก็ตั้งตัวทำการของตนเองได้ ได้ความดังนี้ ในการทําไร่ในอำเภอพระปฐมนี้ เห็นว่าเพราะเหตุที่ดินมีมากกว่าคนเท่านั้นเอง จึงได้ทิ้งไปเที่ยวเลือกที่ทำเอาใหม่ ไม่มีใครหวงแหนที่ดังที่นา ได้ลองถามพวกทำไว้ว่า เมื่อที่ไร่เก่าไปเสียแล้ว ทำไมจึงไม่ใช้ปุ๋ย์ช่วยกำลังดิน พวกเหล่านั้นมากันหัวเราะว่าใช้ปุ๋ย์ต้องเปลืองโสหุ้ยมาก แต่น้ำยังไม่รด ถ้าไปลงทุนทำปุ๋ย์ จะเอากำไรที่ไหนมา สู้ถางป่าเอาใหม่ไม่ได้ ดังนี้ เห็นว่าเมื่อรถไฟแล้วสินค้าจำหน่ายได้มากขึ้น ราคาดีขึ้น คงจะมีคนทำไร่มากขึ้น เมื่อคนพอแก่ที่เมื่อไรเมื่อนั้นจึงจะเกิดหวงที่ถึงจะจัดเรื่องการจับจองที่ดินในที่นี้ได้ตลอดไป แต่เรื่องเก็บสมพักศรนั้น ควรต้องคิดเก็บตามเนื้อที่ดิน ไม่ว่าที่พระปฐมนี้หรือที่ใด ๆ ทั่วไป จึงจะเปนการเรียบร้อย แลเชื่อว่าจะได้เงินมากขึ้นด้วย

เวลาบ่ายโมงเสศ พระองค์จีระเสด็จมาถึงได้จัดให้ประทับอยู่ที่วัง ส่วนฉันย้ายขึ้นไปอยู่ที่ระเบียงพระปฐม

เวลาบ่ายได้ขี่ม้าออกไปเที่ยวดูพื้นที่ทางหลังพระปฐมจนถึงตำบลอุหลม ระยะทางประมาณ ๓๐ เส้น ที่ข้างหลังพระปฐมนี้เปนที่ป่าละเมาะทิ้งร้างว่างเปล่าอยู่โดยมาก ทีจะเปนที่เค็มอย่างเขาว่า มีไร่แลสวนอยู่ห่าง ๆ ที่เหล่านี้ เปนชานเมืองโบราณยังมีคูแลเชิงเทินทั้งสระที่ขุดเอาดินขึ้นทำพระปฐมหรืออย่างไร ดูทำเลในระดูนี้เขียวสดแลน้ำเต็มทุก ๆ ห้วย แลสระงามน่าเที่ยวเล่น แต่ระดูแล้งจัดน่ากลัว น้ำแลใบไม้จะแห้ง ด้วยทางนี้เปนป่าแดงตลอดไปจนพระแท่น แต่ก็แล้งอยู่เพียงปีละ ๒ เดือนหรือ ๓ เดือน เปนอย่างมาก

เวลาเย็นได้นิมนต์พระสวดมนต์ในพระวิหารเปนการสมโภชพระปฐมเจดีย์ แลละครเมื่อสวดมนต์จบแล้ว จนเวลา ๕ ทุ่มเลิก

วันที่ ๑๖ เวลาเช้า เลี้ยงพระแล้วลงเรือไปนมัศการพระปโทน กลางวันมีละคร เวลาบ่ายเวียนเทียนสมโภชพระปฐมเจดีย์ เวลาค่ำจุดดอกไม้เพลิง ซึ่งพระสงฆ์มีพระปฐมเจติยานุรักษ์เปนต้นทำมาช่วยบูชาพระปฐมเจดีย์ เปนเสร็จการสมโภช ซึ่งได้กระทำโดยตั้งใจอุทิศถวายพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งได้ทรงปฏิสังขรณ์พระปฐมเจดีย์แลเฉลิมพระเกียรติยศพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระคุณธรรมอันมหาประเสริฐซึ่งทรงตั้งพระราชหฤไทยหวังจะทํานุบำรุงพระราชอาณาจักรแลไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินให้อยู่เย็นเปนสุขแลเจริญรุ่งเรืองขึ้นจึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดการบ้านเมืองแลโปรดให้ตัวฉันออกมาตรวจจัดราชการสนองพระเดชพระคุณในครั้งนี้ ขออานิสงษ์จงเปนผลอันสำเร็จสมดังพระบรมราชประสงค์จงทุกประการ

มาพระปฐมคราวนี้ ได้เอาเปนธุระสืบค้นของโบราณ ได้พระพิมพ์หลายรูป พิเคราะห์ดูรูปพระพิมพ์เปนทํานองฮินดูคล้ายกับที่ได้ในแหลมมลายู แลได้ไปพิจารณาดูศิลาจําหลักที่ตั้งไว้ในลานพระปฐม ท่วงที่ฝีมือคล้ายกับที่มีในเกาะชะวา พอเปนพยานในความสันนิถานได้อย่างหนึ่งว่าพระปฐมเจดีย์ชาวมัชฌิมประเทศคงจะเปนผู้สร้างหรือเปนครูให้สร้าง แต่เทวรูปที่ขุดได้เปนเทวรูปอย่างเดียวกับเขมร เหมือนกับที่มีในเมืองสรรค์ เมืองสิงห์ แลเมืองนครราชสิมา ตลอดจนเมืองเขมร นึก ๆ ดูเห็นว่าบางทีเมื่อครั้งยังถือสาสนาพราหม เมืองเหล่านั้นจะเกี่ยวข้องกับเมืองเขมรอย่างใดอย่างหนึ่ง มาต่างกันเมื่อชั้นถือพระพุทธสาสนา เหตุว่าพระพุทธสาสนาแพร่หลายมาทางบกลงทางเมืองพม่า เช่นนี้บางทีจะเปนได้ ได้พบของสําคัญคราวนี้อย่างหนึ่ง คือ เงินเหรียญโบราณ พวกจีนขุดได้ทางคลองพระปโทน จีนพุกผู้ใหญ่บ้านนํามาให้ดูตราเปนทํานองปราสาทมีรูปปลาอยู่ใต้นั้นด้านหนึ่ง เปนอุณาโลมกับลายรูปอะไรไม่รู้อิกด้านหนึ่ง ไม่เคยเห็นเงินอย่างนี้มาแต่ก่อนได้สั่งให้จีนพุกผู้ใหญ่บ้านผู้เปนเจ้าของ พาเข้าไปคอยอยู่ในกรุงเทพฯ เพื่อจะได้นำเข้าทูลเกล้า ๆ ถวาย

พระปฐมเจดีย์ ที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงปฏิสังขรณ์ขึ้น ซึ่งเที่ยวแลยิ่งดูก็ยิ่งแลเห็นว่าทำดีแลทำงามมาก งามทั้งแบบอย่างแลกะท่วงทีที่จะปลูกสร้างโบถวิหารแลสิ่งอื่น ๆ นึกว่าใคร ๆ มาดูที่จะไม่ชมว่างามเห็นจะไม่ได้ ในเวลานี้ การปฏิสังขรณ์ได้ทอดทิ้งมาช้านาน พระปฐมเจติยานุรักษ์มีความอุสาหะเรี่ยรายปฏิสังขรณ์ได้บ้างเล็กน้อย เพียงปิดทองพระประทานแลพระพุทธรูปตามพระวิหารทิศเกือบสำเร็จไปได้หมด แต่ไม่พอจะป้องกันความชุดโซม ที่สำคัญนั้นคือกระเบื้องที่ประดับองค์พระปฐม ที่ระฆังร่วงลงมาเสียกว่าครึ่ง มีต้นไม้ขึ้น เลขวัดได้ขึ้นแผ้วถางในการเตรียมรับฉันคราวนี้แต่ก็พอแลเห็นได้ว่า เวลาปรกติตามระฆังคงจะมีต้นไม้มาก สิ่งที่ชำรุดสำคัญนอกจากนี้ คือ พระระเบียง ซึ่งสร้างในแผ่นดินปัจจุบันนี้ ข้างด้านตวันตกเฉียงใต้หลังคาพังลงแถวหนึ่ง ประมาณหนึ่งในแปดส่วนของพระระเบียงโดยรอบนอกจากนี้เปนแต่ชำรุดซุดโซมเล็กน้อยทั่วไป พอแก้ไขเยียวยาได้ไม่ยาก คิดดูการที่จะรักษาพระปฐมเจดีย์ไม่ให้ชำรุดซุดโซมหนักไป กล่าวคือให้มีคนคอยซ่อมแซมอยู่เสมออย่างวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ถ้าหากว่าจ่ายเงินหลวงเสมอปีละ ๕๐ ซึ่งเห็นจะพอแก่การ ยังจะเรี่ยรายได้ตามเทศการอิกสักปีละ ๓๐๐๐ บาท แต่เงินเท่านี้ยังไม่พอที่จะประดับกระเบื้ององค์พระปฐมเจดีย์ให้ดีได้ดังเก่า เพราะจะหนักในค่านั่งร้านมาก

ในวันที่ ๑๗ เวลา ๒ โมงเช้าพร้อมกันนมัศการลาพระปฐมเจดีย์ลงเรือกลับออกจากคลองเจดีย์บูชาล่องลำน้ำนครไชยศรีมาแวะดูที่ว่าการอำเภอตลาดใหม่ ซึ่งหลวงบำรุงจีนประชาเปนนายอำเภอ ที่ว่าการอำเภอนายอำเภอได้ปลูกเรือนไม้เปนที่ว่าการอำเภอดูงดงามพอแก่การ การในอำเภอก็เรียบร้อย โจรผู้ร้าย แม้การล้วงลักเล็กน้อยก็น้อยกว่าอำเภออื่น ๆ ถ้อยความที่เปรียบเทียบว่าแล้ว ไปได้มากกว่าต้องส่ง จัดว่าเปนดีกว่าอำเภออื่นในเมืองนครไชยศรี ยังเสียแต่เรียนแบบพิมพ์พลาดอยู่บ้าง ตรวจที่ว่าการอำเภอแล้วเดินไปดูตลาดซึ่งหลวงบำรุงจีนประชาสร้างขึ้น ในที่นี้เก็บค่าเช่าได้ปีละกว่า ๔๐ ชั่ง แล้วไปดูโรงหีบแลบ้านของหลวงบำรุง แล้วจึงลงเรือล่องน้ำต่อมา เวลาบ่าย ๔ โมงเสศ ถึงปากคลองดำเนินสดวก อยุดพักที่นี่คืนหนึ่ง เจ้าพระยาสุรพันธ์พิสุทธิ์ ข้าหลวงเทศาภิบาลมณฑลราชบุรี พระยาอมรินทร์ฤๅไชย ผู้ว่าราชการเมืองราชบุรี หลวงวิเสศภักดี ว่าที่ปลัดเมืองสมุทสาครมาคอยรับอยู่ที่นี่

ลำแม่น้ำในเขตรเมืองนครไชยศรี ดูไม่รู้ครึกครื้นเหมือนในเขตรสุพรรณ์ เห็นจะเปนเพราะกว้างกว่า แลบ้านเรือนมักจะตั้งลึกเข้าไป การทำมาค้าขายตามลำแม่น้ำตอนนี้ ได้ความว่าทำนาเปนพื้น เพราะเข้าเมืองนครไชยศรีมีน้ำหนักมาก ขายตามโรงสีไฟในกรุงเทพฯ ได้ราคาดีกว่าเข้านาเมือง คนจึงพากันมาทำนาแลมารับซื้อเข้าทางเมืองนครไชยศรีมากขึ้น ในเวลานี้ได้ทราบว่ากำลังคนอพยบเข้ามาหานาทำในเมืองนครไชยศรีเปนอันมาก ความในศาลมีแต่เรื่องแย่งที่นากันเปนพื้น นอกจากทำนามีการทำสวนทำไร่ ได้เห็นไร่งาม ๆ หลายแห่ง แต่พวกที่ทำสวนทำไร่ร้องว่าไม่ดีเหมือนแต่ก่อน ด้วยทุกวันนี้น้ำกัดคลองลัดท่าจีนโตออกไป ในระดูแล้งน้ำเค็มขึ้นแรง ทำให้ที่สวนที่ไร่เสียไปมาก แต่นาเค็มทำให้เกิดสวนจากขึ้นเปนสินค้าในลำน้ำนี้ได้อิกอย่างหนึ่ง การทำมาค้าขาย อย่างอื่นมี โรงหีบ ทำน้ำตาลทรายตั้งอยู่ตามลำน้ำ ๓ โรง มีโรงปั้นโอ่งอ่างเครื่องดินเผาประมาณ ๓ แห่ง และที่ตั้งทำการย้อมมะเกลือย้อมครามหลายแห่ง เพราะมะเกลือป่ามีอยู่ข้างหลังพระปฐมเจดีย์ต่อพรมแดนเมืองกาญจนบุรี พวกชาวบ้านนอกเก็บบันทุกเกวียนลงมาขายซื้อได้ราคาถูก จึงมีผู้ตั้งย้อมแพรดำมะเกลือไปจำหน่ายต่างประเทศได้กำไรราคาดี ในการย้อมครามทำนองเดียวกัน ด้วยอาไศรย์ซื้อครามตามไร่ในคลองเจดีย์บูชาแลในที่เหล่านี้ได้ราคาถูก

รวบรวมเนื้อเห็นการที่ได้ตรวจเมืองนครไชยศรีครั้งนี้ เห็นว่า ในส่วนการโจรผู้ร้าย การปราบปรามกรมการ และการจัดกำนันผู้ใหญ่บ้านเรียบร้อยเปนอย่างดีได้จริงดังคำเล่าลือเข้าไปถึงกรุงเทพฯ ฉันได้ตั้งใจไต่ถามอำเภอกำนันแลราษฎรบันดาที่ได้พบปะทุก ๆ แห่ง มีเสียงเปนอย่างเดียวกันว่าเมืองนครไชยศรีใน ๓ ปีมานี้ การโจรผู้ร้ายเรียบร้อยขึ้นทุกที ราษฎรได้ทำมาหากินได้เปนศุข กำนันผู้ใหญ่บ้านไม่มีความเดือดร้อนอย่างใด การที่เลือกอ่านภาษีเปนที่พอใจของราษฎร พากันยินดีถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโดยมาก ความหยุกหยิกในราษฎรเวลานี้มีแต่เรื่องแย่งที่นากันทำ เพราะคนอพยบแต่ที่อื่นเข้ามาทำนาในแขวงเมืองนครไชยศรีเปนอันมาก การออกใบจองยังห้ามไว้ คนจึงเกิดทุ่งเถียงกันด้วยเรื่องแย่งที่นา เรื่องนี้เปนเรื่องสำคัญที่จะต้องคิดรีบจัดเสียโดยเร็ว ช้าไปการวิวาทจะเกิดมากขึ้น

คนในเมืองนครไชยศรีไม่ว่าพระคฤหัศจีนไทยฟังเสียงพากันนิยมต่อพระยาสุนทรบุรีทั่วน่า ไม่มีใครได้กล่าวโทษหรือติเตียนอย่างใด ที่จริงกระบวนความเอื้อเฟื้อต่อผู้น้อย แลการที่ไหวพริบระวังรักษาการตามคำสั่งแลน่า ที่พระยาสุนทรบุรีจัดว่าดีได้จริง ดีกว่าเทศาบางคน ขาดอยู่แต่ความรู้ที่จะคิดอ่านจัดการด้วยลำพังปัญญาตนหรือจะแก้ไขสดร้อนโดยทางดิโปลมาซี เช่นกระบวนที่จะเล่นกับพวกบาดหลวงยังไม่สันทัด ต้องสั่งต้องสอนจึงทำได้ แต่กระนั้นเห็นว่าที่จะหาผู้ใดเปนเทศาภิบาลมณฑลนครไชยศรีในเวลานี้ ให้ดียิ่งกว่าพระยาสุนทรบุรีเห็นว่าหาไม่ได้ ด้วยทรงคุณวุฒิอันสำคัญ กล่าวคือ ที่คนในมณฑลนับถือทั่วไปอย่างเดียวกับพระยาพิไชย แลพระยาสุขุม ถึงกระบวนความสามารถในบางอย่างจะต่ำกว่าข้าหลวงเทศาภิบาลทั้ง ๒ นั้น ก็เล่นที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯ จึงไต่วิ่งถามได้ง่าย จึงเห็นว่าควรเปนที่พอใจอยู่แล้ว


(เซนพระนาม) ดำรงราชานุภาพ

  1. หนังสือนี้ ได้พิมพ์ตามต้นฉบับ มิได้แก้ไขอักขรวิธี