ข้ามไปเนื้อหา

ประชุมพงศาวดาร/ภาคที่ 2 (2457)/เรื่องที่ 2

จาก วิกิซอร์ซ
ดูฉบับอื่นของงานนี้ที่ พงศาวดารเมืองถลาง
พงษาวดารเมืองถลาง

ข้าพเจ้า นายเริก บุตรเจ้าพระยาสุรินทราชา จางวาง นายสึก บุตรพระยาถลาง นายเสือ บุตรพระยาถลาง นายศรีทอง เปนปลัดเมืองถลาง หลวงเพชรคิรีศรีสมุทวิสุทธิสงคราม ปลัดเมืองถลาง ขอเล่าเรื่องราวตามผู้เถ้าเล่ามาแต่ก่อน แลได้รู้ได้เห็นเอง ว่า เมืองถลางแต่ก่อนนั้น จอมร้างบ้านตะเคียนเปนเจ้าเมือง เมียจอมร้างเปนแขกเมืองไทร หม่าเสี้ย ลูกมะหุมเถ้าแต่ก่อน ผัวตายเปนหม้ายอยู่ มะหุม น้องบาก มาเอาเงินมรฎกห้าพันเศษ หม่าเสี้ยขัดใจ ไม่อยู่เมืองไทร มาอยู่เมืองถลาง ได้กับจอมร้างเปนผัว มีลูกชาย ๒ หญิง ๓ รวม ๕ คน หญิงชื่อ จัน เปนท้าวเทพกระสัตรี หญิงน้องถัดมาชื่อ มุก เปนท้าวศรีสุนทร ครั้งต้นแผ่นดินพระบรมไอยกาธิราช น้องหญิงคนหนึ่งชื่อ หมา น้องชายชื่อ อาด เปนพระถลาง น้องชายคนหนึ่งชื่อ เรือง เปนที่พล ขุนนางเมืองถลางนั้น จอมเถ้าอยู่บ้านดอน จอมร้างอยู่บ้านตะเคียน จอมเถ้ากับจอมร้างเปนลูกพ่อเดียวกันคนละมารดา ลูกหลานมะหุมอยู่บ้านดอนได้เปนพระยาถลางเจียดทอง แม่ชื่อ เชียง พระยาปลัดแม่ชื่อ ดำ ตัวชื่อ เรือง เดิมแต่ก่อนบ้านดอนกับบ้านตะเคียนสามัคคีรศกันดี มีชื่อเสียงสืบกูลวงษ์เปนเจ้าเมืองสืบมา ฝ่ายบ้านลี้พอนจอมสุรินคิดมิชอบ จะตั้งตัวเปนใหญ่ มีตราออกมาให้จับจอมสุรินฆ่าเสียเปนโทษกระบถต่อแผ่นดิน สิ้นเชื้อผู้ดีลง เมืองถลางว่า พระยาถลาง คางเซ้ง ชาวกรุง ออกมาเปนเจ้าเมือง พระถลาง อาด เปนเจ้าเมืองขึ้น ผู้ร้ายยิงพระถลางตาย เมืองก็ว่างอยู่ ได้แขกไทรมาเปนเจ้าเมืองอยู่น่อยหนึ่ง พวกถลางคิดรบแขก ตั้งค่ายที่ไม้ขาวปากสาคูดั้งร่อ จึงตั้งตัวขึ้น พอพระยาพิมลเปนพระกระมาอยู่เมืองชุมพร ได้กับท้าวเทพกระสัตรี ๆ นั้น เมื่อหนุ่มสาวเปนเมียหม่อมศรีภักดี ๆ เล่าก็เปนชาวตะกั่วทุ่งลูกคุณชีบุญเกิด ๆ เดิมตะกั่วทุ่งได้กับจอมนายกอง ๆ เปนชาวนครอยู่บ้านใหญ่ลายสาย ออกมาเปนสำเร็จราชการ ได้กับคุณชีบุญเกิดนั้น มีลูกชาย ๑ หญิง ๑ ชายชื่อ หม่อมศรีภักดี มีเมียณเมืองถลาง หญิงคนหนึ่งชื่อ บุญคง ได้กับพระยาประสิทธิสงคราม หม่อมศรีภักดีนั้นได้กับท้าวเทพกระสัตรี มีลูกสองคน หญิงชื่อ แม่ปราง ชายชื่อ เทียน เปนพระยาถลาง หึต ท้าวเทพกระสัตรีเปนหม้ายแล้วได้กับพระยาพิมล มีลูกหญิงใหญ่ชื่อ แม่ทองมา ไปถวายเปนมารดาเจ้าครองอุบล ลูกถัดมาชาย ๒ คนชื่อ จุ้ย ชื่อ เนียม ชื่อ จุ้ย เปนพระยกรบัตร ชื่อ เนียน เปนมหาดเล็กครั้งต้นแผ่นดิน ลูกหญิงชื่อ แม่กิ่ม แม่เมือง ครั้นพระยาพิมลต้องความไปอยู่เมืองพัทลุง พระยาถลาง เทียน ลูกเลี้ยง ฟ้องที่ถลางได้พระยาถลาง เจียดทอง ๆ ต้องโทษเข้าไปตายณกรุง ที่ถลางได้พระยาถลาง หึต เปนเจ้าเมือง ที่ปลัดได้นายเรืองเปนพระยาปลัด ที่ยกรบัตรได้พระยาถลาง ชู เปนพระยายกรบัตร ครั้งนั้น เมืองถลาง เจ้าเมือง ปลัด ยกรบัตร ก็เปนพระยา ฝ่ายเมืองภูเก็จ หลวงภูเก็จข้างคดเปนเจ้าเมือง แล้วได้นายศรีชาย นายเวร เปนพระภูเก็จ แล้วได้มาบิดาหลวงปลัด อุด เขตรแดนเมืองภูเก็จกับเมืองถลางเอาบางคูคต ชื่อตามคลองน้ำ เปนแดน ว่า เมืองภูเก็จเดิมเปนเมืองใหญ่ กลับมาขึ้นกับเมืองถลาง เขตรแดนฝ่ายตวันตก หินชายพลายตะโหนด ฝ่ายตวันออก เกาะมะพร้าว อ่าวตันแก แหลมหง้า แหลมมัตผ้า เปนแขวงเมืองภูเก็จตลอดออกไปเกาะยาว เกาะอลัง เกาะกล้วย แหลมบามู เกาะแรดนาคา เกาะรวะ เกาะนาร เกาะป้าโญ้ย เกาะชงำ อ่าวภารามา เกาะบาหนัต เกาะคุลา ตลอดมาแหลมคอเวน ปากก็หญิก แหลมปากพระ ท่าข้ามปากน้ำหมอน ปากพระคนละฟากฝ่ายเมืองตะกั่วทุ่ง ฝ่ายเมืองตะกั่วทุ่งเล่า ปากพระว่า เจ้าพระยาอินทวงษาตั้งวังปราบที่ปลูกวังขึ้นยังไม่สำเร็จ รู้ว่า จับแผ่นดินตาก เจ้าพระยาอินทวงษาก็ตาย โปรดให้ข้าหลวงออกมา เจ้าพระยาแลพระยาออกมาตั้งอยู่ปากพระหลายนาย เจ้าพระยาฦาราชนิกูล พระยาธรรมไตรโลก พระยาพิพิธโภไคย พระยาธรรมไตร โลกได้รบพม่าที่ปากพระ พระยาธรรมไตรโลกตาย พระยาพิพิธโภไคยหนีมาทางเมืองพังงา จึงเรียกชื่อว่า ด่านพระยาพิพิธ เมืองตะกั่วทุ่งเอาคลองตหงิเปนแดน คลองน้ำลำท่าคดซื่อขึ้นมาเปนฝ่ายตะกั่วทุ่ง ตะกั่วป่าหากกล้ำกลวมเกี่ยวข้องกันไม่ เมืองตะกั่วทุ่งเดิมหลวงเพชรเปนเจ้าเมือง ได้มาพระตะกั่วทุ่งขาหัก จอมพิทักษ์ พระตะกั่วทุ่ง พ่อพระปลัด แม่เมือง แม่พระวิเศษ ชื่อว่า พระตะกั่วทุ่ง ถี แล้วเมืองตะกั่วทุ่งได้มาแก่พระตะกั่วทุ่งชื่อ ขุนดำ มารดาชื่อ นุ้ย บิดาชื่อ เหล็ก ว่า อุกมอน ชาวกรุง ครั้นพระตะกั่วทุ่งตาย ลูกชายชื่อ ถิน เปนบิดาพระตะกั่วทุ่ง อ่อน ได้กินเมืองอยู่ มารดาชื่อ แม่ชีอิน ยายชื่อ เนียว ชาวแร่ไม้แก่น แม่เนียวได้กับจอมนายกอง มีลูกชื่อ ขุนนางแม่ชีอิน เมืองตะกั่วทุ่ง เมืองถลาง คลองปากพระคนละฟากเปนแดน ถ้าพระราชทรัพย์บังเกิดขึ้น เมืองถลางส่งไปเมืองตะกั่วทุ่ง ๆ ส่งไปเมืองตะกั่วป่า เปนอย่างธรรมเนียมต่อกันมาช้านาน เมื่อครั้งเมืองถลางยังไม่เสียกับพม่า ตะกั่วทุ่ง ตะกั่วป่า ไชยา ชุมพร เสียแก่อ้ายพม่า ดีบุกมัดผ้าปืนขนมาค้างอยู่ที่เขาศก หลวงเพชรธนู แสง ชาวนคร ตั้งอยู่บ้านเก่าส้มโอคลองพนม ตั้งกองไปอุกขนเอาพระราชทรัทย์ที่ท่าเขาศก จนมีตราให้ข้าหลวงออกมาชำระหลวงเพชรธนู แสง คนตามลำคลองท่าพนมก็อพยพหนีไปสิ้น ก็เปนป่ารกร้างขึ้น เมื่อครั้งพระตะกั่วทุ่ง บิดาพระตะกั่วทุ่ง ถิน เปนเจ้าเมืองนั้น มีตราโปรดออกมาให้ไปทำผ้ากระบวนเมืองเทศ จัดให้ย่าปู ดำ ขาว ชาวเทศอยู่ณเมืองถลาง กับนายสเภาน้อย พอหลวงพัทวาทีซึ่งไปอยู่ณเมืองตรัง กับหลวงคลังเทศ ชาวกรุง ไปทำได้มากับเครื่องถมยาราชาวดี พระตะกั่วทุ่งคุมเข้าไป ล่องตามคลองท่าเขาศก ถึงเชี่ยวปตู หลงน้ำพะนอง เรือพระตะกั่วทุ่งล่มลง เครื่องถมยาราชวดีหาย หาได้เอาเข้าไปถวายไม่ เมืองตะกั่วป่า จอมภักดีเสนา แขก เปนเจ้าเมือง แล้วได้มาแก่พระวิชิตหูหนวก แล้วได้มากับหลวงตะกั่วป่า จีน แล้วได้มากับหลวงตะกั่วป่าเปนบุตรท่านพระยาประสิทธิสงคราม จางวาง ซึ่งเปนหลวงณรงค์ แล้วเมืองได้มากับพระยาตะกั่วป่า เทศ พอพระตะกั่วป่า ม่วง พระยาตะกั่วป่า เกษ จีน พาไปฆ่าตาย เจ้าพระยาสุรินทราชาบอกขอพระอินทรักษากองนอกเมืองไชยาเปนที่พระยาตะกั่วป่า แล้วเมืองได้มาแก่พระตะกั่วป่า ม่วง ๆ ตาย เมืองได้มาแก่พระตะกั่วป่า อุ เรื่องราวฝ่ายเมืองตะกั่วป่า เมืองตะกั่วทุ่ง เมืองถลาง เมืองภูเก็จ เล่าได้แต่เพียงนี้

จะเล่าเมื่อครั้งตัดทางแต่มรุ่ยปากลาวท่าพนมนั้น เจ้าพระยาสุรินทราชามีตราให้หาเข้าไปณกรุงเทพฯ ว่า จะให้เปนที่อรรคมหาเสนา เมื่อครั้งเจ้าพระยากระลาโหม ปลี ไปเสียทัพทวาย เจ้าพระยาสุรินทราชาเข้าไปถึงกรุงเทพฯ แล้วพระเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค์โปรดพระราชทานเสื้อผ้า จะเอาไว้ให้อยู่ณกรุงเทพฯ เจ้าพระยาสุรินทราชาคิดเห็นว่า อยู่เมืองนอกได้ความศุขมาก จึ่งอ้อนวอนเจ้าคุณพลเทพ บิดาเจ้าพระยาบดินทรเดชา ขอให้กราบทูลพระกรุณาคิดจะไม่อยู่กรุงเทพฯ ว่า ตัวชรา เปนเสนาบดีขึ้น เจ้าชีวิตรเสด็จพระราชดำเนินไปถึงไหน ตัวก็ต้องตามไปถึงนั่น ก็จะมีความบำบาก จึงทำเรื่องราวกราบทูลพระกรุณาว่า จะขอออกมาอยู่เมืองนอกตามเดิม จะจัดแจงทางรับส่งพระราชทรัพย์เมืองพังงา เมืองถลาง เมืองตะกั่วทุ่ง จะขนไปขึ้นเขาศกก็กันดารเชี่ยวแก่งเปนหลายแห่ง พระราชทรัทย์ก็สูญหายเปนอันตรายเสียหลายครั้งมาแล้ว เห็นว่า ทางบก รยะป่าเดินมาช้าแต่สองคืนไม่สู้กันดาร ถึงพนมล่องตลอดลงไปถึงพุนพินตลอดออกไปถึงภุมเรียงที่รับส่งพระราชทรัพย์ไม่สู้กันดาร ขอพระราชทานช้างเกณฑ์บันทุกเมืองนคร ๑๐ ช้าง เมืองไชยา ๑๐ ช้าง รวมช้าง ๒๐ ช้าง ให้หลวงพิพิธคชกรรม์เปนนายกองคุมช้างคอยรับส่งพระราชทรัพย์ พระราชทานช้างแลที่ปากพนม ปากลาว ได้มาตามเรื่องราวเจ้าพระยาสุรินทราชาให้กราบทูลพระกรุณา มีแจ้งอยู่ในท้องตราพระคชสีห์นั้นแล้ว ปากพนม ให้ขุนทิพ ขุนเพชร ขุนศรีสงคราม สามคน ตั้งอยู่ ฝ่ายมรุ่ยปากลาว ตั้งให้หลวงฤทธิสงครามเปนมิแก แลที่มรุ่ยถึงปากพนม ให้กับเจ้าพระยาสุรินทราชา ฝ่ายเจ้าพระยาสุรินทราชากลับออกมาถึงบ้านเมืองแล้ว จึงตั้งให้ขุนทิพเปนหลวงรามพิไชยอยู่ที่ปากพนม ให้หลวงรามพิไชยตัดทางตั้งแต่ปากพนมขึ้นมาถึงเมืองพังงา ให้หลวงฤทธิสงครามตั้งเกลี้ยกล่อมผู้คนอยู่ที่มรุ่ยปากลาวให้คอยรับส่งพระราชทรัพย์ลงไป ให้หลวงรามพิไชยคอยรับอยู่ที่ท่าพนม แล้วเจ้าพระยาสุรินทราชาให้ตั้งด่านที่ตีนเขานางหงษ์ด่านหนึ่ง ด่านปากคาน ด่านทุ่งคา มรุ่ย ด่านหนึ่ง เปน ๕ ด่านทั้งปากพนม แล้วทำ ๆ เนียบไว้ทุกด่านตามระยะทาง แล้วให้ตั้งเกลี้ยกล่อมผู้คนไว้สำหรับป้องกันพระราชทรัพย์ทุกด่าน พระราชทรัพย์เมืองตะกั่วป่าเกิดขึ้น ก็ล่องลงตามคลองทางท่าเขาศก พระราชทรัพย์เมืองพังงา เมืองถลาง เมืองตะกั่วทุ่ง ขนไปค้างอยู่ที่มรุ่ยกว่าจะได้ช้างไปรับบันทุกคอยรับล่อง จัดเอาหลวงนาให้เปนพระวิเศษสงคราม จางวางด่านบก เอาขุนเพชร ขุนอิน เปนปลัดกองคุมไพร่ฝ่ายรับล่องขึ้นมารับพระราชทรัพย์ที่พนม แล้วเจ้าพระยาสุรินทราชาแต่งให้ขุนศรีสมโภชเข้าไปเฝ้าพณหัวเจ้าท่านผู้ครองเนืองนครศรีธรรมราชแต่ก่อนว่า ได้ตั้งนายด่านที่มรุ่ย ที่ปากพนม เจ้าพระยานครศรีธรรมราชมีประสาทสั่งว่า อย่าให้เจ้าพระยาสุรินทราชาตั้งแต่งหลวงขุนหมื่นนายหมวดนายกองเลย พณหัวเจ้าท่านจะตั้งแต่งออกมาแต่เมืองนครเอง อย่าให้เจ้าพระยาสุรินทราชาตั้ง นานไปภายน่า ผู้ใดจะมารั้งเมืองครองเมือง จะว่าเจ้าพระยานครกับเจ้าพระยาสุรินทราชาเปนคนชอบพอรักใคร่ทำให้บ้านเมืองฟั่นเฟือนกล้ำกลวมกันอยู่ เจ้าพระยาสุรินทราชาก็บอกไปว่า อย่าให้พณหัวเจ้าท่านผู้ครองเมืองนครศรีธรรมราชตั้งไปเลย ท่านจะตั้งมาไว้ให้รับให้ส่งพระราชทรัพย์เองตามได้กราบทูลพระกรุณา ด่านมรุ่ย ท่าพนม ก็ได้เปนสิทธิเปนเดิมมาคุ้มเท่าบัดนี้ ครั้นโปรดให้ท่านพระยาถลาง บุญคง ออกมาเปนที่พระยาถลาง พลางส้องสุมรวบรวมผู้คนไว้ได้ตั้งเปนถิ่นฐานบ้านเรือนลง ฝ่ายมรุ่ยตลอดมาถึงบางเคย แต่ก่อนเปนป่าดง ไม่มีผู้คน จึงจัดคนให้ผ่อนไปตั้งทำไร่ทำนาสร้างเรือกสวนลง ครั้งท่านพระยาไกรโกษาออกมาชำระหางเข้าค่านา พณหัวเจ้าท่านโปรดให้นายช่วยออกมาต่อว่าอย่าให้เรียกหางเข้าค่านาที่มรุ่ย ได้มาแต่ฝ่ายณเมืองถลาง ท่านพระยาถลางก็ว่า พระราชทานได้มาแก่เจ้าพระยาสุรินทราชาสืบต่อกันมาอยู่ฉนี้แล้ว ครั้นไม่มีตราโปรดยกออกมา ท่านก็ไม่สู้ยอมให้ หาบัตรค่านาก็ได้เรียกสืบกันมา ฝ่ายพนมตามคลองน้ำลำท่าหนทางรับส่งพระราชทรัพย์เปนสำหรับเมืองพังงา เมืองถลาง เมืองพังงานี้เดิมเปนเมืองช่องแขวงขึ้นเมืองตะกั่วป่า เอาคลองถ้ำแม่น้ำเปนแดนคนละฟาก ฝ่ายเหนือน้ำตลอดเข้าป่าดง ใต้น้ำลงไป ฝ่ายลำคลองถ้ำข้างบูรพ์ ได้กับเมืองพังงา ลำคลองตลอดออกเขาสองพี่น้อง เอาเขาสองพี่น้องเปนแดนคนละฟากตลอดออกไปถึงพระอาดเถ้า เกาะยาง เกาะพิงกัน เปนแขวงเมืองพังงา พระตะกั่วทุ่ง ถิน ซึ่งเปนพระยาตะกั่วทุ่ง เปนน้องเขยพระยาถลาง บุญคง ขอเอาเขารายาบี้หนี ปู่เหล่าป้าหยีเกาะนมสาว ไปเปนช่องแขวงขึ้นเมืองตะกั่วทุ่ง พระยาถลาง บุญคง เห็นว่า พระตะกั่วทุ่งเปนน้องเขย ก็ยอมให้ ฝ่ายอุดรเมืองพังงา เขาเขมาเหล็กเปนแดน เฉียงอิสาณ ก็ราสูง สองแพรก เปนเขตรแดนเมืองพังงา เจ้าพระยาสุรินทราชาซึ่งเปนใหญ่สำเร็จราชการณแปดหัวเมืองนี้ พระยาประสิทธิสงคราม จางวางเล่า ก็เปนจางวางทั้งแปดหัวเมืองเหมือนกัน ชื่อว่า แปดหัวเมือง นั้น เมืองถลาง เมืองภูเก็จ เมืองตะกั่วป่า เมืองตะกั่วทุ่ง เมืองก็รา เมืองพังงา เมืองครุะ เมืองคุรอด ประมวญมาเปนเมืองแปดเมือง เมืองก็รา พังงา ครุะ คุรอด เปนขึ้นกับเมืองตะกั่วป่า รู้เรื่องราวเล่าได้แต่เพียงนี้ แล้วแต่จะโปรด

เรื่องราวนี้เขียนไว้เมื่อปีฉลู ตรีศก ศักราช ๑๒๐๓ ปี

จอมร้างบ้านตะเคียนเปนเจ้าเมือง เมียชื่อ หม่าเสี้ย ลูกมะหุมเมืองไทร มีลูกชายชื่อ อาด เปนพระยาถลาง ๑ ชายชื่อ เรือง เปนที่พล ๑ หญิงชื่อ จัน เปนท้าวเทพกระสัตรี ๑ หญิงชื่อ มุก เปนท้าวศรีสุนทร ๑ หญิงชื่อ หมา ๑ รวม ๕ คน จอมร้างกับจอมเถ้าเปนลูกพ่อเดียวกันคนละมารดา จอมร้างอยู่บ้านตะเคียน จอมเถ้าอยู่บ้านดอน ได้เปนพระยาถลางเจียดทอง แม่ชื่อ เชียง พระยาปลัดแม่ชื่อ ดำ ตัวชื่อ เรือง ฝ่ายบ้านลิพอน จอมไชยสุรินคิดกระบถฆ่าเสีย พระยาถลาง คางเซ้ง ชาวกรุง ออกมาเปนเจ้าเมือง พระถลาง อา เปนเจ้าเมือง ผู้ร้ายยิงตาย แล้วแขกเมืองไทรมาเปนเจ้าเมืองน่อยหนึ่ง พระยาพิมล เดิมเปนพระกระ ได้ด้วยท้าวเทพกระสัตรี จอมนายกอง ชาวนคร บ้านลายสาย ออกมาเปนสำเร็จราชการ ได้กับคุณชีบุญเกิด มีลูกชายชื่อ หม่อมศรีภักดี ลูกหญิงชื่อ คง ได้กับพระยาประสิทธิสงคราม หม่อมศรีภักดีได้กับท้าวเทพกระสัตรี มีลูกชายชื่อ เทียน เปนพระยาถลาง หึต ลูกหญิงชื่อ ปราง ท้าวเทพกระสัตรีเปนหม้าย ได้พระยาพิมล มีลูกหญิงชื่อ แม่ทองคุณ มารดาเจ้าครองอุบล ลูกชายชื่อ จุ้ย เปนพระยกรบัตร ชื่อ เนียม เปนมหาดเล็ก มีลูกหญิงชื่อ กิม ชื่อ เมือง พระยาถลาง เทียน ลูกเลี้ยง ฟ้อง ต้องความ ไปอยู่เมืองพัทลุง พระยาเจียด ทอง เปนพระยาถลาง ที่ปลัดนายเรืองเปนพระยาปลัด พระยาถลาง ชู เปนพระยายกรบัตร

เมืองภูเก็จ หลวงภูเก็จ ข้างคด เปนเจ้าเมือง แล้วนายศรีชาย นายเวร เปนพระภูเก็จ แล้วบิดาหลวงปลัด อุก เปนเจ้าเมือง

เมืองตะกั่วทุ่ง เดิมหลวงเพชรเปนเจ้าเมือง ได้มาพระตะกั่วทุ่งขาหัก ได้มานายถีเปนจอมศรีภักดี เปนเจ้าเมือง เปนพ่อพระปลัด เปนพ่อแม่เมือง แม่พระวิเศษ แล้วได้มาพระตะกั่วทุ่ง ขุนดำ พ่อพระตะกั่วทุ่ง ถิน แล้วได้มาพระตะกั่วทุ่ง ถิน ทุกวันนี้ แล้วได้มาพระตะกั่วทุ่ง อ่อน แล้วได้มาพระตะกั่วทุ่ง กล่อม

เมืองตะกั่วป่า จอมภักดีเสนา แขก เปนเจ้าเมือง แล้วได้มาพระวิชิตหูหนวก ได้มาหลวงตะกั่วป่า จีน ได้มาหลวงณรงค์ บุตรพระยาประสิทธิสงคราม จางวาง ได้มาพระตะกั่วป่า เกษ พ่อพระตะกั่วป่า ม่วง จีนพาไปฆ่าเสีย แล้วพระอินกองนอกไชยามาได้เปนพระตะกั่วป่า แล้วได้มาพระตะกั่วป่า ม่วง แล้วได้มาพระตะกั่วป่า อุ

สำเนาสารตราพระคชสีห์

หนังสือเจ้าพระยาอรรคมหาเสนาธิบดี อภัยพิริยปรากรมพาหุ สมุหพระกระลาโหม มาถึงเจ้าพระยาศรีธรรมาโศกราชชาติเดโชไชย มไหสุริยาธิบดี อภัยพิริยปรากรมพาหุ เจ้าพระยานครศรีธรรมราช พระยาวิชิตเสนามหาพิไชย อภัยพิรียศรีสงคราม พระยาพัทลุง พระยาพิไชยคิรีศรีสมุทสงคราม พระยาสงขลา พระยาวิชิตภักดีศรีพิไชยสงคราม พระยาไชยา พระเพชรคำแหงสงคราม พระชุมพร หลวงเทพคิรีศรีสงคราม หลวงปทิว ด้วยเจ้าพระยาสุรินทราชากราบทูลพระกรุณาว่า จะขอตัดทางขนพระราชทรัพย์แต่ปากลาวมาลงพนม หนทางใกล้กว่าทางท่าเขาศกถึง ๑๔ วัน ๑๕ วัน ท่าพนมเปนที่สำนักมัดผ้าดีบุกพระราชทรัพย์ของหลวง แขวงเมืองนคร แต่เปนดงป่ารกร้างอยู่ หามีบ้านเรือนผู้คนตั้งอยู่เหมือนแต่ก่อนไม่ เปลี่ยวอยู่ จึงจัดให้ขุนทิพ ขุนเพชรคิรี เปนนายกองควบคุมขุนหมื่นไพร่มีชื่อมาให้ตั้งบ้านเรือนเปนภูมสถานลำเนาลงรับรักษาพระราชทรัพย์ มาหลายครั้งแล้ว แต่กำลังขุนหมื่นไพร่มีชื่อทั้งนั้นเห็นเบาบางน้อยตัว ไม่สมควรด้วยพระราชทรัพย์ของหลวง เกลือกผู้มีชื่อหลบหนีมุลนายเข้าอยู่ป่าดงคุมกันได้มากแล้วจะมากระทำร้ายพระราชทรัพย์ของหลวง จะเสียราชการไป แลผู้มีชื่อเปนเลขไพร่หลวงพลเมืองเมืองตะกั่วป่า เมืองพังงา เมืองถลาง เมืองตะกั่วทุ่ง ทั้งแปดหัวเมือง บรรดาที่หนีลงมาอยู่แขวงเมืองนคร พัทลุง สงขลา ไชยา ชุมพร ปทิว หัวเมืองปากใต้นั้น เปนอันมาก ขอรับพระราชทานให้ขุนทิพสมบัติ ขุนเพชรคิรี นายกองที่พนม สืบสาวชักชวนเกลี้ยกล่อมเอาเลขไพร่หลวงพลเมืองเมืองถลาง บางคลี ทั้งแปดหัวเมือง มาให้ตั้งบ้านเรือนทำมาหากินให้มั่งคั่งบริบูรณ์ จะได้รับรักษาพระราชทรัพย์ของหลวงด้วย ประการหนึ่ง ถ้ามีศึกสงครามมาตีติดบ้านเมือง เมืองถลาง ตะกั่วทุ่ง ตะกั่วป่า จะได้ควบคุมกันช่วยอุดหนุนรบพุ่งนั้น ก็ชอบด้วยราชการอยู่แล้ว ทรงพระกรุณาโปรดให้ขุนทิพสมบัติ ขุนเพชรคิรี นายกองพนม สืบสาวชักชวนเกลี้ยกล่อมเอาเลขสักแล้วแลยังมิได้สัก เลขเมืองถลาง แลเลขเมืองนคร พัทลุง สงขลา ไชยา ชุมพร ซึ่งหลบหนีมุลนาย แลเลขตะกั่วทุ่ง ตะกั่วป่า ทั้งแปดหัวเมือง บรรดาซึ่งหลบหนีมุลนายอยู่ป่าดง แลแอบแฝงอยู่ด้วยผู้รักษาเมือง ผู้รั้ง กรมการ ณเมืองนคร พัทลุง สงขลา ไชยา ชุมพร ปทิว หัวเมืองปากใต้ฝ่ายตวันตกทั้งนั้น เอามาให้ตั้งบ้านเรือนทำมาหากินอยู่ที่พนมที่ลาวให้ได้ ๒๐๐ ครัว ๓๐๐ ครัว จะได้รับรักษาพระราชทรัพย์ของหลวง ให้เปนภูมสถานลำเนาจงมั่นคั่งบริบูรณ์ขึ้น จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ทำตามเจ้าพระยาสุรินทราชากราบบังคมทูลพระกรุณานั้นเถิด ถ้าขุนทิพสมบัติ ขุนเพชรคิรี สืบสาวชักชวนเกลี้ยกล่อมได้เลขเมืองใดเท่าใด เปนคนชายหญิงใหญ่น้อย ให้ยื่นหางว่าวไว้แก่เจ้าพระยาสุรินทราชา ผู้สำเร็จราชการทั้งแปดหัวเมือง บอกเข้าไปกราบทูลพระกรุณาให้ทราบ ห้ามอย่าให้ผู้รักษาเมือง ผู้รั้ง กรมการ นายที่ นายอำเภอ แลข้าหลวงผู้ไปมาเอากิจราชการ ทำข่มเหงฉุดคร่าลากเกาะจำขุนทิพสมบัติ ขุนเพชรคิรี นายกอง ขุนหมื่น แลไพร่มีชื่อบรรดาซึ่งเกลี้ยกล่อมได้มาตั้งบ้านเรือนอยู่ที่พนมที่ลาวทั้งนี้ไปใช้ราชการงานโยธาเบ็จเสร็จซึ่งมิได้เปนน่าที่พนักงาน ให้ขุนทิพสมบัติ ขุนเพชรคิรี ขุนหมื่น ไพร่ แตกตื่นได้ความเดือนร้อนแต่สิ่งหนึ่งสิ่งใดเปนอันขาดทีเดียว หนังสือนี้มาถึงวันใด ก็ให้ทำตามหนังสือมานี้ทุกประการ

หนังสือมาณวัน ค่ำ ปีชวด ฉศก จุลศักราช ๑๑๖๖ มาถึงปีเถาะ นพ ๖๓ ปี จุลศักราช ๑๒๒๘ ปี ฯะ

ท้องที่ปากพนม ข้างฝ่ายใต้น้ำลงไปต่อกับเมืองกาญจนดิฐเทียมคลองบางจาก ปากคลองบางจากลงไปข้างใต้น้ำ เปนที่เมืองกาญจนดิฐ อำเภอขัวญ คลองบางจากรยะกับบ้านวังตาขุนลงไปน่อยหนึ่ง ฝ่ายข้างเหนือน้ำตามลำคลองศกขึ้นไปเพียงคลองขนายฤาษี ปลายคลองขนายฤาษีไปจดภูเขาศก ปลายภูเขาศกข้างหัวนอน เปนที่เมืองตะกั่วป่า อำเภอขุนภักดีคงคา ปากภูเขาศกข้างใต้สตีน เปนที่พนม ปากคลองขนายฤาษีข้างเหนือน้ำ เปนที่เมืองคิรีรัฐนิคม อำเภอขุนนราภักดี ปากคลองขนายฤาษีฝ่ายใต้น้ำ เปนที่พนม ปากคลองขนายฤาษีใต้ท่าบ้านศกลงมาน่อยหนึ่ง แลที่พนมจะไปต่อกับที่อำเภอท่าขึ้นสักเพียงไหน ขุนจิตร ทรัพย์ ขุนทิพคิรีบ้านคลองช่อน แลคนแก่ ๆ แต่ก่อนก็หาทราบว่า จะไปต่อกันเพียงไหนไม่ ฯะ


ข้าพเจ้า ขุนช่วยราชการ ขุนภักดีสงคราม ที่พนม บอกมายังขุนอินอักษรขอให้นำขึ้นกราบเรียนใต้เท้ากรุณาเจ้าทราบ ด้วยโปรดให้ข้าพเจ้าสืบเขตรแดนที่พนม สืบได้ใจความว่า ข้างฝ่ายใต้สตีน แดนที่ลมุง กับแดนที่พนม แขวงเมืองนคร เพียงคลองศก ข้างฝ่ายใต้น้ำ แดนเมืองกาญจนดิฐกับแดนที่อำเภอวังตาขุนตรงปากคลองทำเปรียงตัดป่าตรงไปเขาไม้หัก ฝ่ายใต้น้ำเปนที่เมืองกาญจนดิฐ ฝ่ายเหนือน้ำเปนที่อำเภอวังตาขุน เขาไม้หักตรงไปเขาพเนิน ฝ่ายเขาพเนินข้างอาคเณย์เปนที่ท่าขึ้น ฝ่ายเขาพเนินปละหนึ่งเปนที่พนม ๆ กับที่กระบี่เอาคลองเท้าแม่เปนเขตรแดน คลองเท้าแม่ปลายคลองเขาดอนดินแก่งน้ำไหลลงคลองอ่าว ปละหัวนอนเปนที่กระบี่ ปละใต้สตีนคลองเท้าแม่เปนที่พนม ฝ่ายเหนือน้ำลำคลองศกขึ้นไปถึงคลองขนายฤาษี ปลายคลองขนายฤาษีเข้าภูเขาศก ปละคลองขนายฤาษีฝ่ายใต้น้ำเปนที่พนม ฝ่ายเหนือน้ำเปนที่เมืองคิรีรัฐนิคม คลองขนายฤาษีเปนเขตรแดน น้ำไหลลงคลองศก เมืองตะกั่วป่ากับที่พนมเอาภูเขาศกเปนเขตรแดน ฝ่ายหัวนอนเปนที่เมืองตะกั่วป่า ฝ่ายใต้สตีนเปนที่พนมภูเขาศกตัดตรงไปเขาปลายคลองพนม เขาปลายพนมตัดตรงไปดอนดินแดง

บอกมาณวัน ๑๐ ค่ำ ปีรกา สัปต ฯะ