ประชุมพงศาวดาร/ภาคที่ 4/เรื่องที่ 1

จาก วิกิซอร์ซ
พระราชพงษาวดาร ความเก่า
ตามต้นฉบับหลวงเขียนครั้งกรุงธนบุรีเมื่อจุลศักราช ๑๑๓๖

 ในขณะพระแก้วฟ้าพระราชบุตรีพระเจ้าช้างเผือกปราสาททองเธอส่งให้ไปถวายแก่พระยาล้านช้างนั้น ครั้นพระแก้วฟ้าราชบุตรีไปถึงเมืองล้านช้าง พระยาล้านช้างก็ว่า เราจำเพาะใช้ให้ไปขอพระเทพกระษัตรี แลพระแก้วฟ้าราชบุตรีนี้เรามิได้ให้ไปขอ แลเราจะส่งพระแก้วฟ้าราชบุตรีคืนไปยังพระนครศรีอยุทธยา แลจะขอพระเทพกระษัตรีซึ่งจำเพาะแต่ก่อนั้น ครั้นเสร็จการศึกช้างเผือก พระยาล้านช้างก็แต่งพระยาแสน ๑ พระยานคร ๑ พระยาทิพมนตรี ๑ ให้มาส่งพระแก้วฟ้าราชบุตรี แลพระยาล้านช้างให้แต่งราชสาสนมาถวายว่า จะขอพระเทพกระษัตรี พระเจ้าช้างเผือกก็ตรัสบัญชาตาม จึงตกแต่งการที่จะส่งพระเทพกระษัตรีไปแก่พระยาล้านช้าง ๚

 ครั้นถึงเดือนห้า ชวดศก ศักราช ๙๒๖ พระเจ้าช้างเผือกตรัสให้พระยาแมนไปส่งพระราชธิดาไปแก่พระยาล้านช้างอันมานั้น ส่งไปโดยทางสมอสมอ ๚

 ขณะนั้น รู้ข่าวไปถึงพระเจ้าหงษา ๆ ก็แต่งพระตะบะเป็นนายกองยกพล ๕๐๐๐ รุดมาซุ่มอยู่ในตำบลมะเริงนอกด่านเพ็ชรบูร แลสกัดออกตีทัพชาวล้านช้างซึ่งมารับพระเทพกระษัตรีนั้นแตกฉาน แลได้พระเทพกระษัตรีไปถวายแก่พระเจ้าหงษา จึงพระยาล้านช้างบันดาลโกรธว่า ซึ่งพระเจ้าหงษาแต่งรี้พลมาสกัดรบพุ่งแลเสียพระเทพกระษัตรีไปหงษานั้นเพราะกรุงพิศณุโลก พระยาล้านช้างก็บำรุงช้างม้ารี้พล ว่าจะยกมาเมืองพิศณุโลกนั้น ๚

 ขณะนั้น พระเจ้าช้างเผือกก็ตรัสให้ไปห้ามพระยาล้านช้าง ๆ ก็งดตามพระราชโองการพระเจ้าช้างเผือกนั้น ๚

 ถึงปีฉลูศก ศักราช ๙๒๗ เดือน ๑๒ พระเจ้าช้างเผือกก็อัญเชิญสมเด็จพระมหินทราธิราชหน่อพระพุทธิเจ้าเสด็จขึ้นผ่านพิภพเสวยราชสมบัติครองแผ่นดินกรุงพระนครศรีอยุทธยา แลพระเจ้าช้างเผือกเสด็จออกไปอยู่เปนวังหลัง ขณะนั้น พระชนม์พระเจ้าช้างเผือกได้ ๕๙ พระวัสสา สมเด็จพระมหินทราธิราชพระเจ้าแผ่นดินเมื่อเสด็จขึ้นเสวยราชสมบัติพระชนม์ได้ ๒๕ พระวัสสา พระเจ้าช้างเผือกเวนราชสมบัติแล้ว ถึงเดือน ๓ ก็เสด็จขึ้นไปเมืองลพบุรี ตรัสให้บุรณอารามพระมหาธาตุลพบุรีให้บริบูรณ์ แลแต่งผขาวนางชี ๒๐๐ แลข้าพระให้อยู่รักษาพระมหาธาตุนั้น แล้วก็เสด็จลงมา ๚

 ในขณะนั้น เมืองเหนือทั้งปวงเปนสิทธิ์แก่พระมหาธรรมราชา อนึ่ง การแผ่นดินในกรุงพระนครศรีอยุทธยาพระมหาธรรมราชาก็ช่วยบำรุง แลบังคับบัญชาลงมาเปนประการใดไซร้ สมเด็จพระมหินทราธิราชเจ้าแผ่นดินก็ตรัสให้ทำตามกฎให้ลงมานั้นทุกประการ อยู่มาก็แค้นพระราชหฤไทยพระเจ้าช้างเผือกแลสมเด็จพระมหินทราธิราชพระเจ้าแผ่นดิน ในขณะนั้น พระยารามออกจากที่กำแพงเพ็ชรแลเอามาเปนพระยาจันทรบูร แลสมเด็จพระมหินทราธิราชพระเจ้าแผ่นดินก็ตรัสคิดการทั้งปวงด้วยพระยารามเปนคุยระหัศ แล้วก็ส่งข่าวไปแก่พระยาล้านช้างให้ยกมาเอาเมืองพิศณุโลก จึงพระยาล้านช้างก็บำรุงช้างม้ารี้พลสรรพ จะยกมาเอาเมืองพิศณุโลก พระมหาธรรมราชาตรัสรู้ข่าวว่า พระยาล้านช้างจะยกทัพมา ก็ให้ส่งข่าวลงมาทูลแก่สมเด็จพระมหินทราธิราชพระเจ้าแผ่นดิน ๆ ก็ให้พระยาศรีราชเดโชแลพระท้ายน้ำขึ้นไปให้ช่วยกันเมืองพิศณุโลก ครั้นพระยาศรีราชเดโชแลพระท้ายน้ำขึ้นไปถึงเมืองพิศณุโลก พระมหาธรรมราชาก็ตรัสคิดการทั้งปวงด้วยพระยาศรีราชเดโช พระยาศรีราชเดโชได้ทราบการซึ่งพระยารามทูลแก่สมเด็จพระมหินทราธิราชเจ้าแผ่นดินเปนคุยระหัศนั้น พระยาศรีราชเดโชเอากิจเนื้อคดีทั้งปวงนั้นทูลแถลงแก่พระมหาธรรมราชาทุกประการ ๚

 จึงพระยาล้านช้างก็ยกช้างม้ารี้พลประมาณยิบแสนมาโดยทางนครไทยมายังเมืองพิศณุโลก พระมหาธรรมราชาตรัสรู้ข่าวว่า พระยาล้านช้างยกมา ก็ตรัสให้ข้าหลวงเอาข่าวนั้นรุดขึ้นไปทูลแก่พระเจ้าหงษา แล้วก็ให้เอาครัวเมืองนอกทั้งปวงเข้าเมืองพระพิศณุโลก แลแต่งการที่จะกันเมือง ๚

 ฝ่ายพระยาล้านช้างก็ยกมาถึงเมืองพระพิศณุโลกเดือนญี่ แรม ๑๓ ค่ำ ปีเถาะศก นั้น พระยาล้านช้างก็ตั้งทัพในตำบลโพเรียงตรงประตูสวรรค์ไกลออกไปประมาณ ๕๐ เส้น ทัพพระยาแสนสุรินทรคว่างฟ้าตั้งตำบลเตาไห พระยามือไฟตั้งตำบลวัดเขาพราหมณ์ ทัพพระยานครตั้งตำบลสระแก้ว ทัพพระยามือเหล็กตั้งตำบลบางสแก แลทัพทั้งนี้เปนละกอง ๆ ๚

 ขณะนั้น สมเด็จพระมหินทราธิราชเจ้าแผ่นดินกรีธาพลเสด็จขึ้นไปโดยทางเรือ ตั้งทัพหลวงตำบลบางพัง จึงแต่งพระยาราม แลพระยาจักรี แลขุนหมื่นทั้งหลาย ยกพลขึ้นไป ๒๐๐๐ ไปถึงตำบลพิง แลเพโทบายว่า จะเข้าไปช่วยกันเมืองพระพิศณุโลก พระมหาธรรมราชาตรัสทราบการซึ่งเปนคุยหรหัสย์นั้นก็ตรัสให้ออกมาห้ามมิให้เข้าไป พระยารามแลพระยาจักรีตั้งอยู่ในตำบลแห่งหนึ่ง ฝ่ายพระยาล้านช้างก็ให้ยกเข้ามาปล้นเมืองเปนหลายครั้ง พระมหาธรรมราชาแต่งป้องกันเปนสามารถ แลชาวล้านช้างตายมากนัก จึงพระยาล้านช้างยกพลเข้ายืนช้างที่นั่งแฝงพระวิหารอยู่แทบริมคูเมือง แลแต่งพลทหารห่มเสื้อเหลืองสามพันเข้ามายืนรบพุ่งเปนสามารถ แลต้อนพลเข้าไปขุดกำแพงเมือง แลเอาทุบทูบังตัว ขุดกำแพงเมืองเกือบหัก ผู้อยู่บนกำแพงพุ่งศัสตราวุธลงมิต้อง จึงพระมหาธรรมราชาก็เสด็จไปยืนช้างพระที่นั่ง ก็ตรัสให้ขุนศรีเอาพลอาสา ๕๐๐ ออกทะลวงฟัน จึงชาวล้านช้างก็พ่ายออกไป พระยาล้านช้างก็ถอยไปยังทัพ แต่พระยาล้านช้างตั้งประชิดเมืองพระพิศณุโลกอยู่นั้นได้เดือนหนึ่ง จึงพระเจ้าหงษาก็ใช้ท้าวพระยาจีนบกยกพลทัพม้ารุดมาช่วยกันเมืองพระพิศณุโลก พระยาภุกาม พระยาเสือหาญ มาเปนนายกอง ม้า ๑๐๐๐ พล ๑๐,๐๐๐ พระยาภุกาม พระยาเสือหาญ ก็ยกทัพม้ามาถึงเมืองพระพิศณุโลก ก็รบทัพพระยามือเหล็กซึ่งตั้งในบางสแกนั้น ได้รบพุ่งกับชาวล้านช้าง ๆ ก็พ่ายแก่พระยาภุกามแลพระยาเสือหาญ ๆ ก็หักเข้าได้เมืองพระพิศณุโลก พระยาภุกาม แลพระยาเสือหาญ แลลูกทัพทั้งปวง ก็เข้าถวายบังคมแก่พระมหาธรรมราชา ก็ตรัสให้รางวัลแก่ผู้มาช่วยทั้งปวงมากนัก พระยารามแลพระยาจักรีรู้ว่า พระเจ้าหงษาแต่งมาช่วย ก็ยกทัพคืนลงมาหาทัพหลวง สมเด็จพระมหินทราธิราชเจ้าแผ่นดินก็เสด็จคืนลงมายังพระนครศรีอยุทธยา ๚

 ฝ่ายพระยาล้านช้างคิดเห็นว่า จะเอาเมืองพระพิศณุโลกมิได้ ก็เลิกทัพจากเมืองพระพิศณุโลกคืนไปล้านช้าง ครั้นพระยาล้านช้างยกทัพคืนไป จึงพระยาภุกาม พระยาเสือหาญ ทูลแก่พระมหาธรรมราชาว่า ข้าพเจ้าขอยกออกไปตามตีทัพพระเจ้าล้านช้างอันเลิกไปนั้น พระมหาธรรมราชาก็ตรัสห้ามพระยาภุกามแลพระยาเสือหาญว่า การศึกใหญ่มิได้พ่ายแลเลิกไปเอง แลจะยกไปตามทัพนั้นหาธรรมเนียมมิได้ จึงพระยาทั้งสองทูลว่า พระเจ้าหงษาใช้ข้าพเจ้าทั้งปวงมาครานี้ยังไม่ได้รบพุ่งเปนสามารถ ครั้นข้าพเจ้าทั้งหลายแลมิยกไปตามไซร้ เห็นว่า พระเจ้าหงษาจะให้ลงโทษหนักแก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย จึงพระยาทั้งสองถวายบังคมลา แล้วก็ยกทำไปตามข้าศึกล้านช้าง ๚

 ฝ่ายพระยาล้านช้างเมื่อเลิกทัพไปนั้นก็แต่งพระยาแสนสุรินทรคว่างฟ้า พระยานคร ทัพพระยามือไฟ ทั้งสามทัพนี้ให้อยู่รั้งหลัง ครั้นถึงตำบลวารี แลทางนั้นแคบ พระยาแสนสุรินทรคว่างฟ้า พระยานคร พระยามือไฟ แต่งพลทหารซุ่มไว้สองข้างทาง แล้วก็ตั้งช้างม้ารับอยู่ท่าทัพอันไปตามนั้น จึงพระยาภุกามแลพระยาเสือหาญยกไปถึงตำบลวารี มิทันรู้ว่า ชาวล้านช้างตั้งรับในที่นั้นเปนใหญ่หลวง ฝ่ายชาวล้านช้างเอาพลม้าออกมายั่วชาวหงษา ๆ ก็ยกพลวางไล่เข้าไป ครั้นเห็นเกือบเข้าไป ชาวล้านช้างก็ยกทัพใหญ่ทั้งช้างม้ารี้พลออกมายั่วพระยาภุกาม พระยาเสือหาญ ฝ่ายพลทหารชาวล้านช้างอันซุ่มไว้นั้นก็ออกโจมแทงสองข้างทัพ พระยาภุกามแลพระยาเสือหาญก็แตกฉานพ่ายแก่พระยาล้านช้าง ชาวล้านช้างได้ฟันแทงชาวหงษาตายในที่นั้นมากนัก นายม้าผู้ขี่ตายหลายคน อนึ่ง เสียตัวม้าแก่ชาวล้านช้างมากนัก พระยาทั้งสองก็พ่ายคืนมาเมืองพิศณุโลก ครั้นเสร็จการศึกล้านช้างนั้น พระยาศรีราชเดโชไซร้มิได้ล่วงมา ก็เฝ้าพระมหาธรรมราชา แต่พระท้ายน้ำมิได้ถวายบังคมลา ก็หนีล่วงมายังพระนคร ๚

 อยู่ถึงเดือน ๘ พระเจ้าช้างเผือกเสด็จทรงพระผนวช แลพระสงฆ์ทั้งปวงบริวรรตออกบวชโดยเสด็จครานั้นมาก ๚

 ในขณะนั้น พระมหาธรรมราชาก็ตรัสรู้ว่า สมเด็จพระมหินทราธิราชพระเจ้าแผ่นดินคิดอ่านการทั้งปวงด้วยพระยาราม แลพระยารามพิดทูลยุยงแลสัญญาแก่พระยาล้านช้างให้ยกมาเอาเมืองพระพิศณุโลก พระมหาธรรมราชาก็ตรัสให้กฎลงมาให้เอาพระยารามเปนพระยาพิไชย เร่งให้พระยารามขึ้นไป แลจะมอบที่พิไชยแก่พระยาราม จึงสมเด็จพระมหินทราธิราชเจ้าแผ่นดินครั้นตรัสทราบซึ่งกฎลงมานั้นก็แค้นพระหฤไทย ฝ่ายพระยารามก็กลัวพระมหาธรรมราชาจะส่งตัวไปหงษา พระยารามก็ทูลแก่สมเด็จพระมหินทราธิราชเจ้าแผ่นดินว่า ข้าพเจ้าได้ฟังกิจการในเมืองพระพิศณุโลกนั้นว่า พระมหาธรรมราชาคิดการทั้งปวงเปนฝ่ายข้างพระเจ้าหงษา แลเอาเมืองเหนือทั้งปวงไปขึ้นแก่พระเจ้าหงษาแล้ว บัดนี้ จะย้ายเอาท้าวพระยาผู้ใหญ่ในพระนครไปยังหงษาเล่า แลซึ่งพระมหาธรรมราชาบังคับบัญชาลงมาเปนสิทธิ์แก่พระองค์ดังนี้ ข้าพเจ้าเห็นมิควรที่จะเปนไมตรีด้วยพระเจ้าหงษา ถ้าแลศึกหงษามาถึงพระนครก็ดี ข้าพเจ้าขอประกันตกแต่งการป้องกันพระนครให้ได้ สมเด็จพระมหินทราธิราชเจ้าแผ่นดินก็ตรัสบัญชาตามพระยาราม ครั้นคิดการนั้นเปนมั่นแม่นสรรพเสร็จ สมเด็จพระมหินทราธิราชเจ้าแผ่นดินแลพระยารามก็เอาเนื้อคดีซึ่งคิดทั้งปวงนั้นทูลแก่พระเจ้าช้างเผือก แลอัญเชิญพระองค์เสด็จออกมาครองราชสมบัติ พระเจ้าช้างเผือกตรัสมิได้บัญชา จึงสมเด็จพระมหินทราธิราชพระเจ้าแผ่นดินแลพระยารามก็ทูลวิงวอนเปนหลายคราว่า บัดนี้ ภัยจะมาถึงประชาราษฎรทั้งหลาย แลขอทรงพระกรุณาเสด็จมาครองราชสมบัติเอาประชาราษฎรทั้งหลายให้รอด พระเจ้าช้างเผือกก็ตรัสบัญชาตามสมเด็จพระมหินทราธิราชพระเจ้าแผ่นดินทูลนั้น ก็เสด็จลาพระผนวชในเดือน ๕ แรม ๑๓ ค่ำ ศักราชได้ ๙๓๐ ปีมะโรงศก (พ.ศ. ๒๑๑๐) นั้น ๚

 ขณะนั้น จึงพระยาภุกามแลพระยาเสือหาญอันพระเจ้าหงษาใช้มาให้ช่วยกันเมืองพระพิศณุโลกเมื่อศึกล้านช้างยกไป แลพระยาภุกาม พระยาเสือหาญ ยกออกตามแลพ่ายแก่ชาวล้านช้าง แลเสียม้าเสียผู้ดีแลไพร่พลเปนอันมาก จึงรู้ข่าวไปถึงพระเจ้าหงษา ๆ ก็ทรงพระโกรธ แลให้มาหาพระยาภุกามแลพระยาเสือหาญไปจะลงโทษ จึงพระมหาธรรมราชาก็ทรงพระกรุณาแก่พระยาภุกามแลพระยาเสือหาญ ก็เอาพระยาทั้งสองนั้นเสด็จขึ้นไปถึงเมืองหงษา ขอโทษพระยาภุกามแลพระยาเสือหาญทั้งสองนั้นแก่พระเจ้าหงษา ๆ จึงมิได้ลงโทษแก่พระยาภุกามแลพระยาเสือหาญทั้งสองนั้นแล (ฉบับขาด) ขุนอินท์เสนาแลขุนต่างใจข้าหลวงซึ่งตั้งไปแต่พระพิศณุโลกนั้นก็ตรวจจัดรี้พลแต่งคนเมืองกำแพงเพ็ชร ขุนอินท์เสนาแลขุนต่างใจก็แต่งพล (ฉบับลบ) ออกหักค่ายพระยาศรี ๆ ก็พ่ายแก่ชาวเมืองกำแพงเพ็ชร จึงพระยาศรีราชเดโชก็แต่งการที่จะปล้นเมืองกำแพงเพ็ชร ก็จัดคนชาวอาสาในหมวดพันตรีไชยศักดิพันหนึ่ง ตกแต่งการสรรพก็ให้ยกเข้าปล้นเมือง เมื่อแรกยกเข้าไปนั้น ชาวในเมืองสงบอยู่ แลละให้เข้าไปถึงกำแพงเมือง ครั้นเห็นเข้าไปตีโอบ ชาวกำแพงเพ็ชรก็วางปืนไฟแล (ฉบับลบ) ศัสตราวุธมาต้องชาวอาสาข้างนอก (ฉบับลบ) ก็พ่ายออกมา แล (ฉบับลบ) เข้าปล้นนั้นถึงสามวัน รี้พลตายมาก แลปล้นเอาเมืองกำแพงเพ็ชรมิได้ สมเด็จพระมหินทราธิราชเจ้าแผ่นดินก็เลิกทัพหลวงคืนลงมายังนครสวรรค์ พระเจ้าช้างเผือกแลสมเด็จพระมหินทราธิราชเจ้าแผ่นดินเสด็จล่วงลงมายังพระนครศรีอยุทธยา ๚

 ส่วนพระยารามอยู่รั้งพระนคร ก็แต่งการทั้งปวงซึ่งจะกันพระนครนั้นสรรพ แลในหน้าที่กำแพงรอบพระนคร พระยารามให้แต่งป้อมเพ็ชรแลหอรบระยะไกลกันแต่เส้นหนึ่ง วางปืนใหญ่ใส่ไว้ระยะแต่สิบวา ปืนบะเรียมจ่ารงค์มณฑกใส่ระยะไกลกันแต่ห้าว่า แลตั้งสิบซ่องสิบปืนใหญ่ (ฉบับลบ) เปนช่องสามชั้น อนึ่ง กำแพงพระนครขณะนั้นตั้งโดยขบวนเก่าแลยังไป่มิรื้อลงตั้งในริมน้ำ พระยารามก็ให้ตั้งค่ายในริมน้ำเปนชั้นหนึ่ง มีแลแห่งเปนเชิงจำบังมีฝาหับฝาเผย แลไว้ปืนจ่ารงค์มณฑกสำหรับค่ายนั้นก็มาก แล้วพระยารามก็ให้ตั้งหอโทนในกลางน้ำไกลริมฝั่งออกไป ๕ วารอบพระนคร มิให้ข้าศึกเอาเรือเข้ามาตีริมพระนครได้ ๚

 จึงพระเจ้าหงษารู้ข่าวไปว่า พระเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค์เสด็จขึ้นไปเอาเมืองเหนือ แลแต่งการที่จะกันพระนคร พระเจ้าหงษาก็ให้บำรุงช้างม้ารี้พล ถึงเดือน ๑๒ ปีมะโรงศกนั้น พระเจ้าหงษาก็ยกช้างม้ารี้พลมาโดยทางกำแพงเพ็ชร แลให้พระเจ้าแปรเปนนายกองทัพเรือ แลยกลงมาทั้งบกทั้งเรือ ชุมพลทั้งปวงในพระนครสวรรค์ แลพลพระเจ้าหงษายกมาครานั้น คือ พลพม่ามอญในหงษา, อังวะ, ตองอู, เมืองปรวนแลไทยใหญ่ แลเมืองปแสนิว เมืองกอง, เมืองยาง, เมืองมิด, เมืองตาละ, เมืองน่าย, เมืองอุมวง, เมืองสพัวบัวแส แลสรอพเมืองไทยใหญ่ว่า เมืองสรอบ เมืองไทยใหญ่ อนึ่ง เชียงใหม่หาตัวมหาราชพระยาเชียงใหม่มิได้ แลพระแสนหลวงพิงไชยเปนนายกองถือพลลาวเชียงใหม่ทั้งปวงมาด้วยพระเจ้าหงษาเปนทัพหนึ่ง แลพลพระเจ้าหงษาอันยกมาครานั้นมีบัญชีเก้าแสน สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชเจ้าเปนนายกองถือพลเมืองเหนือทั้ง ๗ เมืองมาด้วยพระเจ้าหงษาเปนทัพหนึ่ง พระเจ้าหงษายกพลทั้งปวงลงมายังพระนครศรีอยุทธยา พระเจ้าช้างเผือกแลสมเด็จพระมหินทราธิราชพระเจ้าแผ่นดินก็ให้ขับพลเมืองนอกทั้งปวงเข้าพระนคร แลได้แต่ในแขวงจังหวัดซึ่งอยู่ใกล้พระนครทั้งสี่แขวงนั้นได้แต่ส่วนหนึ่งเข้ามายังพระนคร แลซึ่งมิได้เข้ามายังพระนครแลเขาออกอยู่ป่ามากนัก อนึ่ง พลเมืองเล็กน้อยทั้งปวงไซร้มิได้เข้าพระนครแลเขาออกอยู่ป่า แลได้แต่ตัวเจ้าเมือง (ฉบับลบ) เจ้าเมืองนั้นเข้ามาพระนคร พระเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค์ก็ให้พระยารามตรวจจัดทั้งปวงขึ้นประจำหน้าที่กำแพงรอบพระนครแลหน้าค่ายริมทั้งปวงเปนหนั่นหนานัก แล้วก็แต่งกองแล่นไว้ทั้ง ๔ ด้านรอบพระนครนั้นด้านละห้ากอง ส่วนพระยารามไซร้ตั้งทัพในท้องสนามหลวงเปนกองกลางซึ่งจะยกไปช่วยทั้ง ๔ ด้าน อนึ่ง หน้าที่ใดซึ่งเปนหน้าที่กวดขัน พระเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค์ก็ไว้พระกลาโหม และพระพลเทพ เมืองไชยนาท, เมืองสุพรรณบุรี, เมืองลพบุรี, เมืองอินทบุรี, เมืองเพ็ชรบุรี, เมืองราชบุรี, เมืองนครนายก, เมืองสระบุรี, เมืองพรหมบุรี, เมืองสรรคบุรี, เมืองสิงคบุรี, เมืองนครไชยศรี, เมืองธนบุรี, เมืองมฤท, ทั้งนี้อยู่ประจำหน้าที่แต่มุมหอรัตนไชยลงไปเกาะแก้วซึ่งมีแต่คูหาแม่น้ำกั้นมิได้ แลหน้าที่ทั้งสามด้านไซร้ แต่ในค่ายไปถึงประตูไชย ขุนหลวงพระคลังเปนนายกองใหญ่ แต่ประตูไชยไปถึงวังไชย พระอินทรานครบาลเปนนายกองใหญ่ แต่มุมวังไชยไปถึงประตูชีขัน พระท้ายน้ำเปนนายกองใหญ่ แต่ประตูชีขันไปถึงมุมศาลหลวง พระยาศรีราชเดโชเปนนายกองใหญ่ แต่มุมศาลหลวงมาพระราชวัง แต่พระราชวังไปถึงขื่อหน้า พระยาธรรมาเปนนายกองถือพลทหารในทั้งปวงรักษาหน้าที่ทั้งปวง ๚

 พระเจ้าหงษายกทัพมาถึงกรุงพระนครศรีอยุทธยาในวัน ค่ำ ตั้งทัพมั่นในตำบลลุมพลี จึงพระยารามก็ให้ (ฉบับลบ) ดังนี้ก็แต่งการที่จะป่ายปีนปล้นเอาให้ได้ด้วยฉับพลัน แลแผ่นดิน (ฉบับลบ) ราชธานีใหญ่หลวง แลเอาสมุทร (ฉบับลบ) หน้าด้านเดียว แลเราจะแต่งการปล้น (ฉบับลบ) เหมือนเมืองทุกแห่งนั้นมิได้ แลซึ่งจะเอาอยุทธยา (ฉบับลบ) แต่งการเปนงานปี จึงจะปล้นเอาอยุทธยาได้ แลให้พระยาทั้งหลายกำหนดให้แก่นายทัพนายกองทั้งหลายกำหนดให้ (ฉบับลบ) ทั้งปวงอย่าเพ่อออกรบพุ่ง ให้แต่งกัน (ฉบับลบ) ไว้เปนเสบียงไพร่พลทั้งปวงให้ครบปีหนึ่ง แลจะให้สำรวจให้ถ้วนตัวคนจงทุกหมู่ทุกกอง ถ้านายทัพนายกองผู้ใดเสบียงพลนั้นมิครบถึงปีไซร้ จะให้ลงโทษแก่นายทัพนายกองผู้นั้นถึงสิ้นชีวิต จึงท้าวพระยาทั้งหลายก็แต่งพลไว้ประจำค่ายทั้งปวงแต่พอรบพุ่งป้องกันหน้าค่ายนั้น ก็แต่งพลออกไปลาดหาข้าวทุกหมู่ทุกกองตามกำหนดพระเจ้าหงษาสั่งนั้น ก็ปลูกยุ้งฉางใส่เสบียงทั้งปวงนั้นไว้ ครั้นถึงกำหนดที่จะสำรวจ พระเจ้าหงษาแต่งให้สำรวจทุกทัพทุกกอง แลเสบียงพลทั้งปวงนั้นก็ครบกำหนดปี ๑ ดุจกำหนดพระเจ้าหงษาสั่งนั้น แต่ทัพผู้ใดเสบียงพลซึ่งลาดได้มานั้นมิครบปี พระเจ้าหงษาก็ให้ลงโทษถึงสิ้นชีวิต ครั้นพระเจ้าหงษาให้สำรวจเสบียงพลทั้งปวงสรรพแล้ว พระเจ้าหงษาให้แต่งการที่จะเข้าปล้นพระนคร ให้พูนถนนเข้ามาในขื่อหน้าเปนสามแห่ง หน้าที่พระอุปราชาพูนเข้ามาถึงวัดฝางแห่งหนึ่ง บางเอียนแห่งหนึ่ง หน้าที่พระเจ้าอังวะพูนเข้ามาในมุมเกาะแก้วแห่งหนึ่ง พูนดินเข้ามานั้น ชาวหงษาทำเปนทุบทูตั้งเข้ามากันปืนไฟ ซัดดินข้ามทุบทูเข้ามา ชาวในพระนครเอาปืนใหญ่ทแยงยิงต้องทุบทูทลาย แลพลอันเข้ามานั้นตายมากนัก ชาวหงษาเอาโตนดแต่งทุบทูเปนดาดฟ้ามาตั้งเปนหลายชั้นแลซัดดินเข้ามา แลชาวพระนครยิงปืนออกไปต้องทุบทูเปนดาดฟ้านั้นเตลิดขึ้นไป แลต้องพลนั้นเปนอันน้อย จึงชาวในพระนครแต่งพลทหารออกมาทะลวงฟันแลลักเอาดินซึ่งซัดเข้ามานั้นเปนหลายครั้ง แลพลซึ่งซัดดินออกมานอกทุบทูมิได้ ก็ตั้งทุบทูออกมาให้ไกล แลซัดดินแต่ในทุบทู แล้วแต่งพลรบเอาทุบทูออกมาตั้งแซงสองข้างที่ถมนั้นกันพลทั้งปวงให้พูนถนนเข้ามา ๚

 ในขณะนั้น พระเจ้าช้างเผือกทรงพระประชวรหนักประมาณ ๒๕ วันก็สวรรคตในวันศักราช ๙๓๑ ปี เมื่อพระเจ้าช้างเผือกสวรรคตแล้ว สมเด็จพระมหินทราธิราชพระเจ้าแผ่นดินมิได้นำพาซึ่งการศึก แลเสด็จอยู่แต่ในพระราชวัง แลไว้การทั้งปวงแก่พระยารามให้บังคับบัญชาตรวจทหารทั้งปวงผู้รักษาหน้าที่รอบพระนคร ขณะนั้น พระยารามขี่คานหามทองเลียบหน้าที่ มีมยุรฉัตรประดับซ้ายขวา แลธงชัยกระบี่อาวุธแห่หน้า แลพลทหารอาสาแห่หน้าหลังเปนหนั่นหนา แลพลถือปืนนกสับนั้น ๗๐๐ แลพระยารามเลียบหน้าที่ทุกวัน ก็เห็นพลทหารออกรบชาวหงษาซึ่งพากันเข้ามานั้น ๚

 ขณะนั้น พระยาจักรรัตนถือพลทหารออกไปหักค่ายข้าศึกในท้ายคู แลเผาค่ายหน้าที่พระยาเกียรดิได้ประมาณเส้นหนึ่ง พลศึกอันประจำหน้าค่ายพ่ายลงไป จึงพระยาเกียรดิยกพลออกมารบพระยาจักรรัตน เสียตัวพระยาจักรรัตน แลชาวอาสาทั้งปวงก็พ่ายเข้ามา พระยาเกียรดิจับเอาพระยาจักรรัตนไปถวายแก่พระเจ้าหงษา ๆ ทรงพระโกรธแก่พระยาเกียรดิว่า ชาวพระนครออกเผาค่ายได้ พระเจ้าหงษาตรัสแก่พระอุปราชาว่า ซึ่งพระยาเกียรดิอุเบกษามิได้ป้องกันหน้าค่าย ให้ชาวพระนครออกเผาค่ายได้ มิลงโทษพระเกียรดิด้วยประการใด จึงพระอุปราชาทูลแก่พระเจ้าหงษาว่า ซึ่งพระยาเกียรดิได้นายกองซึ่งถือพลออกมาเผาค่ายนั้น เห็นว่า โทษพระยาเกียรดิแต่พอ (ฉบับลบ) มิได้ลงโทษแก่พระยาเกียรดิ พระเจ้าหงษาทรงพระโกรธ (ฉบับลบ) พระอุปราชา (ฉบับลบ) ได้นายกองก็ดี (ฉบับลบ) แลซึ่งว่า ชาวพระนครออกมาเผาค่าย (ฉบับลบ) พระอุปราชาว่า พระยาเกียรดิเปนโทษแล้ว แลมิได้ลงโทษพระยาเกียรดิ แลเห็นว่า พระอุปราชามิได้เอาใจใส่ลงในการศึก แลอย่าให้พระอุปราชาอยู่บังคับการศึกในทัพนั้นเลย แลพระอุปราชาจะไปแห่งใดไซร้ให้ไปตามใจ ให้พระอุปราชาเอาแต่ช้างตัวหนึ่งคนขี่ท้ายกลางไปด้วยกัน กว่านั้นอย่าให้เอาไป พระเจ้าหงษาก็ให้ขับพระอุปราชาเสียแล้วก็ให้ลงโทษแก่พระยาเกียรดิถึงสิ้นชีวิต พระอุปราชามายังทัพ พระเจ้าหงษาก็ใช้สนองพระโอษฐ์มาขับพระอุปราชาเร่งให้ไปจากทัพจงพลัน ขณะนั้น พระเจ้าแปร พระเจ้าอังวะ กลัวอาญาพระเจ้าหงษา มิอาจทูลขอโทษพระอุปราชาแก่พระเจ้าหงษา พระอุปราชาก็ให้มาทูลแก่พระมหาธรรมราชาว่า พระเจ้าหงษาทรงพระโกรธขับเสียจากทัพ แลพระเจ้าแปร พระเจ้าอังวะ จะทูลขอโทษแก่พระเจ้าหงษาไซร้ พ้นกำลังพระเจ้าแปร พระเจ้าอังวะ จะทูลมิได้ แลซึ่งจะช่วยเราครานี้เห็นแต่พระเจ้าพี่เราเอง เห็นจะทูลแก่พระเจ้าหงษาขอโทษเราได้ เมื่อพระอุปราชาให้มาทูลแก่พระมหาธรรมราชานั้น สนองพระโอษฐ์พระเจ้าหงษาใช้ซ้ำมาเล่าว่า ให้เร่งพระอุปราชาไปจงพลัน จึงพระอุปราชาแต่งตัวที่จะไป แลจะขึ้นช้างจะออกจากทัพตามอาญาพระเจ้าหงษา จึงพระมหาธรรมราชาตรัสให้ข้าหลวงไปห้ามพระมหาอุปราชาว่า ให้งดอยู่ แลจะไปขอโทษแก่พระเจ้าหงษาก่อน พระมหาธรรมราชาก็เสด็จมายังพระเจ้าหงษา ก็ทูลขอโทษพระอุปราชาแก่พระเจ้าหงษา ๆ ก็ให้โทษพระอุปราชาแก่พระมหาธรรมราชา ๚

 ขณะนั้น พระเจ้าหงษาก็ให้พระเจ้าแปรยกทัพเรือลงไปโดยคลองสะพานขายเข้าไปออกบางไทร แลขึ้นมาตั้งท้ายคูกันมิให้เรือขึ้นล่องเข้ายังพระนคร แล้วพระเจ้าแปรก็แบ่งทัพเรือลงไปลาดถึงเมืองนนทบุรี เมืองธนบุรี เมืองสาครบุรี จึงสำเภาจีนจังจิวมิทันรู้ว่า ศึกหงษาเข้ามาล้อมพระนคร จีนจังจิวก็ใช้สำเภาเข้ามาถึงหลังเต่าในปากน้ำพระประแดง จึงพระเจ้าแปรยกทัพเรือออกไปเอาสำเภาจีนจังจิว ๆ ก็รู้ข่าว ด้วยชาวปากน้ำบอกว่า ศึกมาล้อมพระนคร แต่งทัพเรือลงมาลาด จีนจังจิวก็ใช้สำเภาออกไป แลทัพเรือพระเจ้าแปรยกออกไปไซร้ สำเภาจีนจังจิวคลาดออกไปลึกแล้ว จะตามเอามิได้ พระเจ้าแปรยกทัพคืนมา จึงพระเจ้าหงษาก็โกรธแก่พระเจ้าแปรว่า สำเภาจีนเข้ามาถึงปากน้ำแล้ว แลมิได้ติดตามออกไปเอาจงฉับพลัน แลให้สำเภาจีนหนีรอดไป พระเจ้าหงษาก็ว่า บรรดาจะลงโทษแก่พระเจ้าแปรโดยอาญาศึก แลครั้งนี้งดไว้ แลแต่เอาตัวตระเวนนั้นก่อน แลพระเจ้าหงษาให้เอาตัวพระเจ้าแปรไปตระเวนรอบทัพ แลยกให้เปนนายกองทัพเรือดุจเก่า ๚

 ในขณะนั้น พลศึกหงษาพูนถนนเข้ามาเปนช้านาน พระยาราม แลพระกลาโหม พระอินทรา พระมหาเทพ พระมหามนตรี แลพระหัวเมืองขุนหมื่นทั้งหลาย ช่วยกันเอาใจลงในราชการ รบพุ่งป้องกันมิให้ชาวหงษาพูนถนนเข้ามาได้ แลพระมหาเทพแต่งพลอาสาออกทะลวงฟันชาวหงษาซึ่งเข้ามาพูนดินแตกฉานเปนหลายครั้ง แล้วพระมหาเทพแต่งให้ออกไปลักเอาดินซึ่งชาวหงษาพูนนั้น แลการซึ่งพูนถนนั้นมิเปลือง จึงพระเจ้าหงษาทรงพระโกรธ ก็ให้เอานายทัพนายกองซึ่งพูนถนนนั้นลงโทษจงหนัก พระเจ้าหงษาก็ว่า ซึ่งการศึกแลเปนอันแหล้ดังนี้อันใด พระเจ้าแปรเปนน้องก็ดี พระอุปราชาเองก็ดี พระเจ้าอังวะอันเปนลูกเขยก็ดี ทั้งสามนี้จะลงอาญาถึงสิ้นชีวิตคนหนึ่งจึงจะได้แผ่นดินอยุทธยา พระเจ้าหงษาก็เร่งให้พระยาเกียรดิแลแต่งการที่จะปล้นนั้นจงฉับพลัน จึงพระอุปราชา พระเจ้าอังวะ พระเจ้าแปร แลท้าวพระยาผู้ใหญ่ มายืนบังคับบัญชาเอง แลต้อนพลทั้งปวงเอาทุบทูดาดฟ้ามาตั้งเปนหลายชั้น แล้วแต่งพลทหารแซงสองข้างถนนเข้ามารบพุ่งป้องกันให้พูนถนนนั้นเข้ามาให้ได้ ฝ่ายชาวในพระนครเอาปืนใหญ่มาตั้งจังก้าไว้ ซึ่งถนนอันพูนเข้ามาทั้งสามแห่งนั้น แลวางปืนใหญ่ออกไปต้องพลหงษาอันพูนถนนเข้ามานั้นตายก่ายกองอยู่ที่พูนถนนทั้งสามแห่งนั้น แลชาวหงษาก็เร่งขับกันเข้ามาพูนถนนั้น แลพูนถนนนั้นทำถึงสามเดือนจึงถึงชานกำแพงเสมอกำแพงพระนคร แลถนนซึ่งพูนนั้น (ฉบับลบ) จึงพระยาราม พระกลาโหม พระมหาเทพ ก็ให้ตั้งค่ายในกำแพงพระนครเปนวงพาด ก็เอาปืนใหญ่ปืนมณฑกมาตั้งดาไว้ในหน้าค่ายนั้น ฝ่ายพลอันอยู่หน้าที่กำแพงเชิงเทินนั้นก็รบพุ่งป้องกันอยู่ จึงพระเจ้าหงษาให้ยกพลเข้ามาโดยถนนมุมเกาะแก้วนั้น แลเอาทัพเรือมากระหนาบ เอาปืนจ่ารงค์มณฑกนกสับรุมยิงทั้งทัพบกทัพเรือชิงเอามุมเกาะแก้วนั้น จึงชาวทหารอาสาซึ่งอยู่หน้าที่มุมเกาะแก้วนั้นจะยิงรบพุ่งป้องกันมิได้ ก็พ่ายลงมายังค่ายซึ่งตั้งไว้นั้น ชาวหงษารุกเข้ามาทลายกำแพงมุมเกาะแก้วนั้นได้ ครั้นเสียมุมเกาะแก้วนั้น พระยารามก็สลดใจ จะบังคับบัญชาการศึกนั้นมิเปนสิทธิดุจก่อน ก็คิดด้วยท้าวพระยามุขมนตรีทั้งหลายว่า จะป้องกันสืบไปเห็นพ้นกำลัง แลจะแต่งออกเจรจาเปนไมตรี ท้าวพระยามุขมนตรีทั้งหลายก็ว่า ซึ่งจะเปนไมตรีไซร้แต่ยังมิได้รบกันเปนสามารถ แลซึ่งได้รบพุ่งเปนสามารถแลเสียรี้พลพระเจ้าหงษาเปนอันมากแล้วดังนี้ พระเจ้าหงษายังจะรับเปนไมตรีฤๅ ท้าวพระยาทั้งหลายก็มิฟังพระยารามซึ่งจะชวนเปนไมตรีนั้น แต่นั้นไป ท้าวพระยามุขลูกขุนผู้ทหารทั้งปวงมิฟังบังคับบัญชาพระยาราม แลต่างคนต่างรบพุ่งข้าศึก สมเด็จพระมหินทราธิราชพระเจ้าแผ่นดินก็มิเอาพระไทยลงในการศึก แลละให้แต่มุขมนตรีทั้งหลายรบพุ่ง ขณะนั้น พระมหาเทพถือพลอาสาอยู่รักษาน่าค่ายในมุมเกาะแก้วกำแพงซึ่งทลายนั้น ข้าศึกหงษายกเข้ามาปล้นค่ายนั้นเปนหลายครั้ง แลพระมหาเทพป้องกันเปนสามารถ อนึ่ง พระเจ้าลูกเธอพระศรีเสายกพลอาสามายืนช้างที่นั่งให้พลอาสาช่วยพระมหาเทพรบพุ่ง แลแต่งพลอาสาออกทลวงฟัน แล้วก็วางปืนใหญ่ยิงทแยงออกไปต้องข้าศึกหงษาตายมากนัก ข้าศึกจะปล้นเอาค่ายนั้นมิได้ก็ตั้งประชิดกันอยู่ อนึ่ง จวนเทศกาลฟ้าฝน พระเจ้าหงษาก็คิดด้วยพระมหาธรรมราชาซึ่งจะเพโทบายเอาตัวพระยารามผู้เปนเจ้าการป้องกันพระนครนั้นแล้วแลจะปล้นเอาพระนครจงได้ จึงพระมหาธรรมราชาแต่งนายก้อนทองข้าเดิมให้ถือหนังสือลอบเข้ามาถึงขุนสนมข้าหลวงซึ่งเขาลงมาแต่พิศณุโลกนั้น ขุนสนมก็ส่งหนังสือนั้นเข้าไปถวายพระเจ้าอยู่หัวฝ่ายใน ลักษณหนังสือนั้นว่า พระเจ้าช้างเผือกตรัสคิดด้วยพระยาราม จึงแต่งการรบพุ่งป้องกันพระนคร ละให้เสียสัตย์คลองพระราชไมตรีนั้น บัดนี้ พระเจ้าช้างเผือกเสด็จสวรรคตแล้ว แลยังแต่พระยาราม แลพระไทยพระเจ้าหงษาไซร้ยังไป่เสียคลองพระราชไมตรีนั้น แลพระเจ้าหงษาตรัสว่า ถ้าแลพระเจ้าแผ่นดินส่งตัวพระยารามผู้ก่อให้เปนเภทนั้นออกไปถวายแก่พระเจ้าหงษาไซร้ พระเจ้าหงษาก็จะเปนไมตรีมิให้ยากแก่สมณพราหมณาจารย์ประชาราษฎรทั้งหลาย ครั้นพระเจ้าหงษาได้ตัวพระยารามแล้ว พระเจ้าหงษาก็จะเลิกทัพทั้งปวงคืนไปเมืองหงษา จึงสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฝ่ายในก็เอาหนังสือนั้นมาแถลงแก่สมเด็จพระมหินทราธิราชเจ้าแผ่นดิน ๆ ได้ฟังโดยลักษณหนังสือนั้น ก็ให้หาท้าวพระยาพฤฒามาตย์แลพระสงฆ์มหานาคทั้งปวงมาชุมกันพิพากษาว่า ซึ่งพระเจ้าหงษาว่า ให้ส่งพระยารามออกไปแลจะเปนไมตรีนั้น ยังเห็นควรที่จะส่งพระยารามออกไปฤๅ ๆ มิชอบส่ง จึงพระสงฆ์มหานาคแลท้าวพระยาพฤฒามาตย์ทั้งปวงพิพากษาว่า ถ้าพระเจ้าหงษาจะเปนพระราชไมตรีเปนมั่นแม่นไซร้ เห็นควรที่จะส่งพระยารามออกไปแก่พระเจ้าหงษา อย่าให้ได้ยากแก่ประชาราษฎรทั้งหลาย สมเด็จพระมหินทราธิราชพระเจ้าแผ่นดินก็ตรัสให้แต่งหนังสือตอบออกไปว่า ถ้าพระเจ้าหงษาจะเปนไมตรีเปนสัตย์ดุจให้เข้ามานี้ไซร้ ก็จะส่งพระยารามออกไป จึงนายก้อนทองเอาหนังสือออกไปถวายแด่พระมหาธรรมราชา ๆ ก็ตรัสใช้นายก้อนทองเข้ามาเล่าว่า พระเจ้าหงษาจะเปนพระราชไมตรีเปนมั่นแม่น แลจะเปนได้แก่พระยารามผู้เดียวนั้น ซึ่งจะเอาพระยารามไว้จะให้ได้ยากแก่อาณาประชาราษฎรทั้งปวงดูมิควร แลเร่งส่งพระยารามออกไปถวายแก่พระเจ้าหงษา อย่าให้ได้ยากแก่อาณาประชาราษฎรทั้งหลาย ท้าวพระยามุขมนตรีทั้งหลายรู้มิถึงการซึ่งพระเจ้าหงษาแต่งสารเพโทบายนั้น ยินดีว่า พระเจ้าหงษาจะเอาแต่ตัวพระยารามผู้ก่อการให้เปนเหตุนั้นแล้วจะยกทัพคืนไป ท้าวพระยามุขมนตรีทั้งหลายก็ทูลแก่สมเด็จพระมหินทราธิราชพระเจ้าแผ่นดินให้ส่งพระยารามออกไปแก่พระเจ้าหงษา จึงสั่งนายก้อนทองออกไปทูลแด่พระมหาธรรมราชาว่า จะส่งพระยารามออกไปเปนมั่นแม่น แลให้แต่งข้าหลวงมารับเอาในน่าค่าย แลพระสังฆราชในพระศรีรัตนมหาธาตุ แลภิกษุอันดับ ๔ องค์ เอาพระยารามออกไปถวายแด่พระมหาธรรมราชาถึงในพระตำหนักในวัดช้าง สมเด็จพระมหาธรรมราชาก็ตรัสให้ถอดจำคงพระยาราม แลเอาพระยารามไปถวายบังคมแก่พระเจ้าหงษา ๆ ก็ให้เบิกพระสังฆราชเข้าไป (ฉบับลบ) จึงพระเจ้าหงษาให้หาพระอุปราชาแลท้าวพระยาผู้ใหญ่ทั้งปวงมาชุมในน่าพลับพลา พระเจ้าหงษาก็ตรัสแก่ท้าวพระยาทั้งหลายว่า พระเจ้ากรุงเทพพระมหานครศรีอยุทธยาให้พระสังฆราชเอาพระยารามผู้ก่อให้เปนเภทแขงเมืองนั้นมาส่งแก่เรา แลว่า จะขอเปนเปนพระราชไมตรีด้วยเราดุจก่อน แลให้ท้าวพระยาทั้งหลายจงพิพากษา ยังจะชอบรับเปนพระราชไมตรีฤๅมิชอบเปนไมตรี ท้าวพระยาทั้งหลายก็ทูลแด่พระเจ้าหงษาว่า ซึ่งได้พระยารามออกมาแล้วดังนี้เสมอได้แผ่นดินอยุทธยา แลขอพระเจ้ารับเปนพระราชไมตรีตามพระเจ้ากรุงเทพพระมหานครศรีอยุทธยาให้พระสังฆราชมานั้น จึงพระเจ้าหงษาสั่งให้ห้ามพลรบทั้งปวง พลศึกทั้งปวงมิได้รบพุ่งมิได้ยิงปืน อนึ่ง พลทหารข้างในพระนครก็มิได้ออกรบพุ่งมิได้วางปืนใหญ่ออกไป ต่างคนต่างสงบทั้งสองฝ่ายถึง ๗ วัน จึงพระเจ้าหงษาก็ส่งพระสังฆราชเข้ามาแลสั่งพระสังฆราชว่า ถ้าพระเจ้ากรุงพระนครศรีอยุทธยาจะเปนพระราชไมตรีด้วยเราไซร้ ให้พระเจ้าแผ่นดินแลท้าวพระยาผู้ใหญ่ทั้งปวงมาถวายบังคม จึงจะรับเปนพระราชไมตรีด้วย ครั้นพระสังฆราชเข้าถึงกรุง ถวายพระพรแก่สมเด็จพระมหินทราธิราชพระเจ้าแผ่นดินโดยคำพระเจ้าหงษาสั่งเข้ามานั้น จึงท้าวพระยาทั้งหลายทูลแก่พระมหินทราธิราชพระเจ้าแผ่นดินว่า การทั้งนี้พระเจ้าหงษาก็เพโทบายล่อลวงให้ออกไป แล้วจะกุมเอาท้าวพระยาผู้ใหญ่ทั้งปวงไว้ แล้วพระเจ้าหงษาก็จะให้เข้ามาเทเอาครัวอาณาประชาราษฎรทั้งหลายอพยพไปเปนชเลย แลศึกครั้งนี้ข้าพเจ้าทั้งหลายขอถวายชีวิตรรบพุ่งป้องกันจนถึงขนาด เมื่อพระสังฆราชเข้ามานั้น จึงสมเด็จพระมหินทราธิราชพระเจ้าแผ่นดินก็ตรัสให้ท้าวพระยาทั้งหลายพิพากษาเปนหลายยกหลายเกน แลท้าวพระยาทั้งปวงลงด้วยกันเปนคำเดียวว่า อาสาจะรบพุ่ง แต่พระยาธรรมาไซร้มิได้ลงด้วยท้าวพระยาทั้งปวง ๚

 ฝ่ายพระเจ้าหงษาก็ท่าฟังทูตซึ่งจะออกไปแต่พระนครก็ช้าอยู่ถึงสามวัน พระเจ้าหงษาคิดด้วยสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชเจ้าว่า กรุงพระนครศรีอยุทธยามิให้ทูตออกมาเจรจาด้วยความเมืองให้ช้าอยู่ดังนี้ ก็เห็นว่า มิเปนพระราชไมตรี แลเราจะให้แต่งการที่จะปล้นเมืองนั้นดุจเก่า สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชก็ทูลแก่พระเจ้าหงษาว่า ขอพระเจ้าให้งดก่อน แลจะขอเข้าไปเอง จะแถลงการทั้งปวงให้พระเจ้าแผ่นดินแลท้าวพระยาผู้ใหญ่เห็นซึ่งจะเปนไมตรี อย่าให้ยากแก่สมณพราหมณ์ประชาราษฎรทั้งหลาย พระเจ้าหงษาก็ตรัสบัญชาโดยสมเด็จพระมหาธรรมราชาเจ้า ๆ ก็เสด็จด้วยพระราชยานเข้ามาโดยถนน ๚