ประชุมพงศาวดาร/ภาคที่ 4/เรื่องที่ 2

จาก วิกิซอร์ซ
ดูฉบับอื่นของงานนี้ที่ พงศาวดารเมืองละแวก จ.ศ. 1158
พงษาวดารเมืองลแวก
บานแพนก

 วัน ค่ำ จุลศักราช ๑๑๕๘ ปีมโรง อัฐศก พระรามาธิบดี (นักพระองค์เอง) ถวายพระราชพงศาวดาร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หลวงพจนาพิจิตร แปล ขุนสาระประเสริฐ ขุนมหาสิทธิ นายชำนิโวหาร แปลออกเปนคำไทยไว้ณหอหลวง ๚

ตัวพงษาวดารเมืองลแวก

 ศักราช ๑๒๖๘ ปีจอ อัฐศก สมเด็จพระมหานิพานเสวยราชสมบัติพระนครศรีโสทรราชธานี ทรงพระราชศรัทธาทำนุบำรุงพระสาสนา ขณะนั้น สมเด็จพระรามาธิบดี ผู้เปนพระราชบุตรสมเด็จพระมหาจักรพัตราธิราช ได้เสวยราชสมบัติกรุงพระนครศรีอยุทธยา สมเด็จพระรามาธิบดีมีพระราชโองการตรัสให้เจ้าไส้เจ้าเทวดาจำทูลพระราชสาสนเปนทางพระราชไมตรีมายังกรุงกัมพูชาธิบดี สมเด็จพระมหานิพานมิไว้พระไทย ให้จับเจ้าไส้เจ้าเทวดาฆ่าเสีย ครั้นอยู่มา ๕ ปี สมเด็จพระมหานิพานสวรรคต พระญาติวงษ์เสนาบดีแต่งการพระบรมศพถวายพระเพลิงแล้ว นักพระไถล ผู้เปนน้องเขย ได้เสวยราชสมบัติ ทรงพระราชศรัทธาสร้างพระวิหารกุฎี สร้างพระพุทธรูปทองคำสองพระองค์ ปิดทองคำเปลว ๒๒ พระองค์ เสวยราชย์อยู่ ๑๑ ปีสวรรคต ราชวงษ์เสนาบดีถวายพระเพลิงแล้ว นักพระศรีครู ผู้เปนพระอนุชา ได้เสวยราชสมบัติ ทรงพระราชศรัทธาสร้างกุฎีถวายเปนสงฆทาน แลสร้างพระวิหารบนเนินเขายังมิสำเร็จ เสวยราชสมบัติได้ ๕ ปีสวรรคต แต่งการถวายพระเพลิงแล้ว พระราชนัดดาได้เสวยราชสมบัติ ทรงพระนาม พระบรมถาเขมาราชา สร้างพระวิหารกุฎี สร้างพระพุทธรูป ๑๘ พระองค์ ให้เอาพลอยเพชรเจียรไนประดับพระพุทธรูป เสวยราชย์ได้ ๓ ปีสวรรคต แต่งการถวายพระเพลิงเสร็จ พระอนุชาได้เสวยราชสมบัติ ทรงพระนามชื่อ สมเด็จพระลำพังบรมราชาธิราช มีเดชานุภาพเปนอันมาก เสวยราชย์ได้ ๕ ปีแล้ว ๚

 ฝ่ายสมเด็จพระรามาธิบดีพระนครศรีอยุทธยา กับพระบากระษัตร พระบาอัฐ พระดำบองพิท ผู้เปนพระราชบุตร ยกทัพออกมาล้อมเมืองพระนครหลวง พระเจ้าลำพังราชาธิราชให้รบต้านทานเปนสามารถ กำหนดปีหนึ่งก็ยังมิได้เมือง สมเด็จพระลำพังราชาธิราชสวรรคต พระอนุชาเสวยราชย์ได้ ๓ เดือนสวรรคต นักพระลำพังได้เสวยราชสมบัติ ให้รบพุ่งป้องกันพระนครไว้ได้เดือนหนึ่ง นักพระลำพังก็สวรรคตในปีรกา สมเด็จพระรามาธิบดีก็ได้พระนครหลวง ดำรัสให้พระบากระษัตร ผู้เปนพระราชบุตรผู้ใหญ่ อยู่ครองพระนครหลวง พระบาอัฐ พระลำบองพิท ผู้น้อง อยู่ช่วยราชการ จึงให้กวาดครัวอพยพได้เก้าหมื่น แล้วยกกลับเข้าไปกรุงศรีอยุทธยา แลพระเจ้าบากระษัตรเสวยราชย์อยู่กรุงกัมพูชาธิบดีได้ ๓ ปีสวรรคต พระบาอัฐได้เสวยราชสมบัติ ๓ ปีก็สวรรคต พระลำบองพิทเสวยราชย์ได้เดือนหนึ่งสวรรคต ๚

 ฝ่ายนักโพรก ผู้เปนเจ้าพญากลเมฆ หลานพระบรมถาเขมาราชา แลเจ้าพญากลเมฆได้เสวยราชสมบัติ มีพี่นางหนึ่ง น้องสัตรีหนึ่ง พี่นางมีราชบุตรองค์หนึ่งชื่อ เจ้าพญาอินทราชา น้องสัตรีนั้นมีพระราชบุตรสององค์ ชื่อ เจ้าพญาคำขัด หนึ่ง ชื่อ เจ้าพญาแก้วฟ้า หนึ่ง เจ้าพญากลเมฆยกนางสันทนิตรา ผู้บุตร ให้ครองรักกันกับอินทราชา ผู้หลาน แล้วจะให้เจ้าพญาอินทราชาเสวยราชย์แทนพระองค์ เจ้าพญาคำขัดลอบฆ่าเจ้าพญาอินทราชาเสีย จึงเอานางสันทนิตรามาเปนภรรยา เจ้าพญากลเมฆทรงพระโกรธ มิให้เจ้าพญาคำขัดเสวยราชย์ จะให้ขุนเทพมนตรีเสวยราชย์แทนพระองค์ ครั้นขุนเทพมนตรีมาถึงกลางทาง เจ้าพญาคำขัดกับพรรคพวกฆ่าขุนเทพมลตรีเสีย แลเสนาบดีทั้งปวงกราบทูลอ้อนวอนเจ้าพญากลเมฆจะขอให้พญาคำขัดเสวยราชย์ เจ้าพญากลเมฆก็หายโกรธ เสวยราชย์มากำหนดได้ ๓ ปี จะยกราชสมบัติให้พญาคำขัด ทรงพระนาม รามาธิบดี แลนางสันทนิตรานั้นเปนพระมเหษี ทรงพระนาม สมเด็จพระภควดีศรีสันทนิตรา แล้วมีพระมเหษีองค์หนึ่งเปนบุตรเจ้าเมืองบางคาง มีพระราชบุตรสองพระองค์ องค์หนึ่งชื่อ เจ้าพญาคามยาต องค์หนึ่งชื่อ นางสันทนิตรา พระเจ้าคำขัดมีเดชานุภาพ แลพระนครนั้นเคยขึ้นพระนครศรีอยุทธยาก็มิได้ไปอ่อนน้อม พระเจ้าคำขัดก็ยกกองทัพเข้ามาจะตีเอาพระนครศรีอยุทธยา ครั้นมาถึงคลองสมรรถไชยแล้ว ยกล่วงเข้าไปถึงด่านสำโรง แขวงเมืองจันทบูรร บางคาง กวาดได้ครัวอพยพเปนอันมาก แล้วยกกลับมาถึงกลางทาง ๚

 ขณะนั้น เจ้าแขกจามยกกองทัพเรือมาตีเมืองจัตุรมุข ได้พระพุทธรูปทองเงิน แล้วให้นายทหารแขกจามคุมพลยกขึ้นมารบถึงคลองพระเพ็ชร ๚

 ฝ่ายพระเจ้าคำขัดยกกลับมาถึงพระนครหลวง จึ่งแต่งกองทัพออกรบทัพจามเปนสามารถ แขกจามก็มิได้พ่ายแพ้ พระเจ้าคำขัดอาราธนาขอไชยชะนะแก่พระธรณี ครั้นเพลาค่ำ เข้าที่พระบรรทม ทรงพระสุบินว่า นางพระธรณีเสด็จมาตรงพระภักตร์แล้วประกาศว่า พระองค์อย่าทรงพระวิตกเลย จะมีไชยชะนะแก่ข้าศึกเปนมั่นคง ครั้นเพลารุ่งเช้า พระเจ้าคำขัดยกกองทัพออกไปจะรบด้วยข้าศึก พระธรณีนิมิตรเปนอสรพิศม์เลื้อยมาตรงพระภักตร์ โหราถวายพยากรณ์ทำนายว่า พระองค์จะมีไชยชะนะแก่ข้าศึก พระเจ้าคำขัดก็ทรงเรือพระที่นั่งนราชลธีพิมาน พร้อมด้วยเรือมุขมนตรีซ้ายขวาน่าหลังโดยกระบวนยกเข้าไป พระองค์ทรงเกาทัณฑ์ยิงข้าศึก เรือรบต่อเรือรบได้รบกันเปนสามารถ ฝ่ายเจ้าเมืองจามกับนายทัพนายกองทั้งปวงแลเห็นพระเจ้าคำขัดเปนสี่กร ให้สดุ้งตกใจกลัวเดชานุภาพมิได้เปนใจรบพุ่ง แลนายทัพนายกองพระเจ้าคำขัดก็ให้แจวเรือรบเข้าไล่ฆ่าฟันเหล่าแขกจามล้มตายเปนอันมาก แลอศพนั้นเกลื่อนไปทั้งคลองพระเพ็ชร เจ้าเมืองจามก็แตกไป ทแกล้วทหารเขมรจับได้จามเชลยเปนอันมาก พระเจ้าคำขัดก็ให้รับพระพุทธรูปทองเงินมา แล้วยกกองทัพเข้าเมือง แล้วพาเจ้าพญาแก้วฟ้า ผู้เปนพระอนุชา ยกกองทัพเข้ามาจะตีกรุงพระนครศรีอยุทธยา ครั้นยกมาถึงเมืองพิศนุโลก จึ่งให้สร้างพระวิหารทิศอาคเณย์ แล้วยกล่วงเข้าถึงปลายแดนพระนครศรีอยุทธยา รบพุ่งตีปลายแดนเห็นไม่ได้ทีแล้วก็กวาดเอาครัวอพยพกลับออกมาใกล้เมืองพิศนุโลก ให้สร้างเมืองรมยบุรี ให้เจ้าพญาแก้วฟ้าเปนเจ้าเมือง แล้วยกเข้าเมือง ครั้นอยู่มา พระสนมใส่ยาพิศม์ให้พระเจ้าคำขัดเสวยเสด็จสวรรคต พระญาติวงษ์แลเสนาบดีแต่งการถวายพระเพลิงแล้ว พระราชมารดาให้ลงไปรับเจ้าพญาแก้วฟ้าขึ้นมาเสวยราชสมบัติ ทรงพระนาม สมเด็จพระศรีธรรมโศกราชธิราชรามาธิบดี พระองค์เสวยราชย์ทรงทศพิธราชธรรมมาได้ ๓ ปี แลข่าวนั้นขจรไปถึงสมเด็จพระบรมราชาธิราชผู้ผ่านพระนครศรีอยุทธยา จึงให้เตรียมช้างม้ารี้พลเสด็จยกกองทัพออกมาล้อมเมืองพระเจ้าศรีธรรมโศกราชไว้ได้ประมาณ ๗ เดือน พระเจ้าศรีธรรมโศกราชจึงนิมนต์พระสงฆ์ราชาคณะสององค์ ๆ หนึ่งชื่อ พระธรรมกิจ องค์หนึ่งชื่อ พระสุคนธ์ กับขุนมโนรถ ขุนมงคล ออกไปถวายพระนครแก่พระบรมราชาธิราช พระเจ้าศรีธรรมโศกก็สวรรคต สมเด็จพระบรมราชาธิราชให้แต่งการพระศพพระราชทานเพลิงแล้ว แลเมืองพิศณุโลกนั้น ให้สร้างวัดถวายพระธรรมกิจ ชื่อ วัดพระเชตุพน สร้างวัดน้อยถวายพระสุคนธ จึ่งให้เจ้าพญาแพรด ผู้เปนราชบุตร อยู่ครองเมืองพระนครหลวง ทรงพระนามชื่อ พระอินทราชา แล้วกวาดครัวอพยพได้ประมาณสี่หมื่นยกกลับไปพระนครศรีอยุทธยา ๚

 ฝ่ายพญาคามยาต ขณะเมื่อเสียเมืองนั้น หนีไปอาไศรยอยู่ณบ้านตันหัก แลนายบ้านนั้นชื่อ ขุนพลาไชย พาพรรคพวกมาพิทักษ์รักษาพญาคามยาต ครั้นอยู่มาปีหนึ่ง พญาคามยาตแต่งกลอุบายเอาดาบใส่ในแงสุราผนึกปลอมเข้าไปกับของทั้งปวงเข้าไปถวายพระอินทราชา ๆ ให้เปิดแงออก ผู้ซึ่งเอาของนั้นก็ชักเอาดาบในแงเข้าฟันพระอินทราชาตาย จับพระมเหษีหนึ่ง พระสนมหนึ่ง พญาคามยาตได้เสวยราชย์ณเมืองพระนครหลวง ทรงพระนาม สมเด็จพระบรมราชาธิราชรามาธิบดีศรีธรรมิกราช พระมเหษีฝ่ายขวาทรงพระนาม สมเด็จพระสันทมิตรา มีราชบุตรสามองค์ ๆ หนึ่งชื่อ เจ้าพญาคำขัด องค์หนึ่งชื่อ นางพระเกษ องค์หนึ่งชื่อ นางลุดทอง ยกพระสนมไทยชื่อ นางเกษร เปนพระมเหษีฝ่ายซ้าย ทรงพระนาม พระอินทมิตรา แลพระอินทมิตรานี้เปนน้องร่วมพระราชบิดากับพระอินทราชา พระมเหษีโทชื่อ ท้าวอรรคราช มีราชบุตรีชื่อ พระเทพกัลยา มเหษีโทอิกองค์หนึ่งชื่อ ท้าวเทพเดชะ เปนบุตรเจ้าเมืองไศล มีบุตรชื่อ เจ้าพญาศรีราชา พระสนมชื่อ แม่นางคง มีบุตร ๓ องค์ ชื่อ นักนางปราบ ชื่อ เจ้าพญาบันดิษราช หนึ่ง ชื่อ เจ้าพญาโทก พระสนมชื่อ แม่นางวรมาลา มีบุตรชื่อ นักนางเทพสาขา พระสนมชื่อ แม่นางสุก มีบุตรชื่อ เจ้าพญาราม แลเจ้าพญาเดียรราชา ราชบุตรพระมเหษีฝ่ายซ้ายนั้น ครองกันกับนักนางพศรี ผู้บุตรขุนทรงพระอินท์ มีบุตรคลอดปีเถาะชื่อ เจ้าพญาธรรมราชา แลนักนางพศรี กับนางเกสร ซึ่งเปนพระมเหษีฝ่ายซ้ายนั้น เปนญาติพญาศรีราชเดโชไทย แลนักนางปราบ ราชบุตรี มีบุตรชื่อ เจ้าพญาจัน แลนักนางเทพสาขา ราชบุตรี มีบุตรชื่อ นักนางท้าวพทอง ๚

 ครั้นอยู่มา สมเด็จพระบรมราชาธิราชเสด็จยกลงไปอยู่เมืองจัตุรมุข ได้ช้างเผือกไว้เปนมงคลช้างหนึ่ง แล้วได้ไม้กฤษณาลอยมาแต่แม่น้ำลาว เอามาทำตลุงช้างเผือก ๚

 ครั้นอยู่มา สมเด็จพระบรมราชาธิราชยกกองทัพไปตั้งอยู่ตำบลท่าระกา แล้วยกล่วงไปตีเมืองจันทบูรรได้ด้วยพระเดชานุภาพ แล้วยกกลับมาเสวยราชย์อยู่ช้านานเสด็จสวรรคต พระญาติวงษ์แลเสนาบดีแต่งการถวายพระเพลิงแล้ว เจ้าพญาคำขัด ราชบุตร ขึ้นไปเสวยราชสมบัติอยู่ณเมืองพระนครหลวง ทรงพระนาม สมเด็จพระนารายน์รามาธิบดี พระมเหษีทรงพระนาม สมเด็จพระภควดีศรีพระเกษ มีพระราชบุตรหนึ่ง สมเด็จพระนารายน์รามาธิบดีเสวยราชย์ได้ ๒๕ ปี พระองค์ทรงศีลเปนปขาวอยู่แล้วสวรรคต แต่งการถวายพระเพลิงแล้ว ฝ่ายเจ้าพญาศรีราชา เจ้าพญาเดียรราชา พี่น้อง รบชิงราชสมบัติกัน เจ้าพญาศรีราชา ผู้พี่ แตกไปตั้งอยู่ณเมืองเชอระโยง เจ้าพญาเดียรราชาได้เสวยราชย์อยู่เมืองพระนครหลวง ทรงพระนาม สมเด็จพระศรีโสไทย ฝ่ายเจ้าพญาศรีราชายกกองทัพมารบพระศรีโสไท ผู้น้อง ๆ จับเจ้าพญาศรีราชาได้ ให้ฆ่าเสียตำบลโพล้างดาว ๚

 ขณะเมื่อสมเด็จพระศรีโสไทเสวยราชย์มานั้น มิได้ไว้พระไทยพระธรรมราชา จะให้ฆ่าเสีย นางเกสร ผู้เปนพระอัยกี รู้เหตุ ให้ลอบทูลเจ้าพญาธรรมราชา ๆ หนีไปอาไศรยณบ้านตรันอาก ซ่องสุมผู้คนได้เปนอันมาก แล้วยกกองทัพมารบพระศรีโสไทย พระศรีโสไทยทานมิได้ หนีไปอยู่บ้านจงระนัก ซ่องสุมรี้พลได้เปนอันมาก ยกกลับมารบเจ้าพญาธรรมราชา เจ้าพญาธรรมราชาหนีไปอยู่บ้านทำเลอม เหนือเขาพนมรุ้ง เกลี้ยกล่อมชาวบ้านชาวเมืองตะวันออกได้พร้อมมูล ยกกองทัพกลับมารบได้เมือง พระศรีโสไทยหนีมาอยู่ตำบลปรำบีโฉม เมืองลแวก จึงให้เจ้าใชยมนตรี ขุนนาง ยกกองทัพไปตั้งอยู่ตำบลตรวยลังว้า ฝ่ายพระธรรมราชา ขณะเมื่อหนีไปอยู่ทำเลอมนั้น ได้เปนมิตรสันถวะกันกับเจ้ากวย ครั้นได้พระนครหลวงแล้ว จึงให้มีหนังสือกำหนดไปขอกองทัพเจ้ากวยณเมืองตบงขมุมให้ยกมาช่วยรบพระศรีโสไทยณเมืองลแวก ครั้นได้กำหนด กองทัพเจ้าพญาธรรมราชากับกองทัพกวยก็ยกไปรบพระศรีโสไทย พระศรีโสไทยทานมิได้ก็ทิ้งครัวเสียหนีไป กองทัพพระธรรมราชาจับได้พระสนมแลพรรคพวกพระศรีโสไทยเปนอันมาก แลเจ้าไชยมนตรีนั้นนำนักนางพระเกษ มเหษีพระนารายน์รามาธิบดี หนีไปอยู่เมืองโพธิสัตว พระศรีโสไทยนั้นหนีเข้าไปพระนครศรีอยุทธยา แลเจ้าพญาราชบุตรนักนางพระเกษนั้นขึ้นเสวยราชย์อยู่ณเมืองโพธิสัตว ฝ่ายพระธรรมราชายกกองทัพตามไปรบถึงเมืองโพธิสัตว เจ้าพญายกออกรบต้านทาน เจ้าพญาธรรมราชาเห็นเหลือกำลังก็ถอยมาตั้งอยู่เมืองบริบูรณ์ ฝ่ายมหาพัน กะเหรี่ยง ขุนครุธพาพรรคพวกมาอยู่รักษาเจ้าพญาเมืองโพธิสัตว ๚