ประมวลกฎหมายรัชกาลที่ 1/เล่ม 1/เรื่อง 1
ไปยังการนำทาง
ไปยังการค้นหา
ประกาศพระราชปรารภ[1]
ศุภมัสดุ ๑๑๖๖ มุสิกะสังวัจฉะระมาฆะมาศ ศุกะ |
ปักษยปาฎิบท[วซ 2] ดฤษถีคุรุวาระ บริเฉทะกาลกำหนด พระบาท |
สมเดจ์พระบรมราชาธิราชรามาธิบดี ศรีสินทรบรมมหา |
จักรพรรดิราชาธิบดินทรธรนินทราธิราช รัตนากาศภาศ |
กระวงษองคบรมาธิเบศ ตรีภูวเนศวรนารถนายกดิลกรัตน |
ราชชาติอาชาวะไศรยสมุทยดโรมนต์สกลจักรวาฬาธิเบนทร |
สุริเยทราธิบดินทรหริหรินทราธาดาธิบดี ศรีสุวิบุลคุณ |
อักขนิตฤทธิฤทธีราเมศวรธรรม์มิกราชาธิราชเดโชไชยะพรหมเท |
พาดิเทพตรีภูวนาธิเบศโลกะเชษฐวิสุทธิมกุฎประเทศคะตา |
มหาพุทธางกูร บรมบพิตรพระพุทธิเจ้าอยู่หัว อันเสดจ์ปราบ |
ดาภิเศกผ่านพิภพกรุงเทพทวาราวดีศรีอยุทธยา มหาดิลก |
ภพนพรัตนราชธานีบุรีรมย เสดจ์ออกพระธี่นั่งบุษบกมาลามหา |
จักรพรรดิพิมาน พร้อมด้วยหมู่มุกขมาตยามนตรีกระวิชาติ |
ราชสุริวงษพงษพฤฒาโหราจารย เฝ้าเบี้องบาทบงกชมาศ จึ่ง |
เจ้าพญาศรีธรรมราชเดชะชาติอำมาตยานุชิตรพิพิทวรวงษ[2] |
พงษภักตยาธิเบศวราธิบดี ศรีรัตนราชโกษาธิบดีอภัย |
พีรียบรากรมภาหุ กราบบังคมทูลพระกรรุณาด้วยข้อ |
ความนายบุญศรี[3] ช่างเหลกหลวงร้องทุกข[4] ราชกล่าวโทษ |
|
ใจความว่า อำแดงป้อม ภรรยานายบุญศรี ฟ้อง |
หย่านายบุญศรี ๆ ให้การแก่พระเกษมว่าอำแดงป้อมนอก |
ใจทำชู้ด้วยนายราชาอรรถแล้วมาฟ้องหย่านายบุญศรี ๆ ไม่ |
หย่า พระเกษมหาพิจารณาตามคำให้การนายบุญศรีไม่ |
พระเกษมพูดจาแพละโลมอำแดงป้อม แลพิจารณาไม่ |
เปน |
|
เข้าด้วยอำแดงป้อม แล้วคัดข้อความมาให้ลู |
กขุนสานหลวงปฤกษา ๆ ว่า เปนหญิงหย่าชาย ให้อำแดงป้อม |
กับนายบุญศรีขาดจากผัวเมียกันตามกฎหมาย จึ่งทรงพระ |
กรรุณาตรัสว่า หญิงนอกใจชายแล้วมาฟ้องหย่าชาย ลูกขุน |
ปฤกษาให้หย่ากันนั้นหาเปน |
|
ไม่ จึ่งมีพระราชโองการ |
ตรัสสั่ง ให้เจ้าพญาพระคลังเอากฎหมายณสานหลวงมาสอบ |
กับฉบับ |
|
ได้ความว่า ชายหาผิดมิได้ หญิงขอหย่า |
ท่านว่า เปนหญิงหย่าชาย หย่าได้ ถูกต้องกันทังสามฉบับ |
จึ่งมีพระราชโองการมานพระบันทูลสูรสิงหนาทดำรัสว่า ฝ่าย |
พุทธจักรนั้น พระไตรยปิฎกแปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์ |
อันสมเดจ์พระพุทธิเจ้าทรงพระมหากรรุณาประดิษฐานไว้ต่าง |
พระองคได้เปนหลักโลกยสั่งสอนบรรพชิตบริษัษยแลฆราวาศ |
บริษัษยได้ประฏิบัดิ[วซ 3] รู้ซึ่งทางศุคติภูมแลทุคติภูม แลพระ |
ไตรยปิฎกธรรมนั้นฟั่นเฟีอนวิปริตผิดเพี้ยนไปเปนอันมาก ยาก |
ที่จะเล่าเรียนเปนอายุศมพระพุทธสาศนาสืบไป ก็ได้อาราธนา |
ประชุมเชีญพระราชาคณะทังปวง มีสมเดจ์พระสังฆราชแล |
พระธรรมอุดมพระพุทธโฆษาจารยเปนประธาน ฝ่ายราชบัณ |
ฑิตยนั้น พญาธรรมปรีชาเปนต้น ให้ทำสังคายนายชำระพระ |
ไตรยปิฎกสอบใส่ด้วยอรรฐกะถาฎีกาให้ถูกต้องตามพระพุทธ |
บัญหญัติ พระไตรยปิฎกจึ่งค่อยถูกถ้วนผ่องใสขึ้นได้ เปน |
ที่เล่าเรียนง่ายใจแก่กลบุตรสืบไปภายหน้า ก็เปนพุทธ |
การกธรรมกองการกุศลอันประเสริฐแล้ว แลฝ่ายข้างอาณา |
จักรนี้ กระษัตรผู้จดำรงแผ่นดินนั้นอาไศรยซึ่งโบราณราชนิติ |
กฎหมายพระอายการอันกระษัตรแต่ก่อนบัญหญัติไว้ได้เปน |
บันทัดถาน จึ่งพิภากษาตราสีนเนี้อความราษฎรทังปวงได้โดย |
ยุติธรรม แลพระราชกำหนดบทพระอายการนั้นก็ฟั่นเฟีอน |
วิปริตผิดซ้ำต่างกันไปเปนอันมาก ด้วยคนอันโลภหลงหา |
ความลอายแก่บาปมิได้ ดัดแปลงแต่งตามชอบใจไว้พิภากษาภา |
ให้เสียยุติธรรมสำหรับแผ่นดินไปก็มีบ้าง จึ่งทรงพระ |
กรรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมจัดข้าทูลลอองทุลี |
พระบาทที่มีสะติปัญญา ได้ |
อาลักษณ | ขุนสุนทรโวหารผู้ว่าที่พระอาลักษณ | ๑ | ๔ | ๑๑ คน[5] | ||
ขุนสาระประเสรีฐ | ๑ | |||||
ขุนวิเชียรอักษร | ๑ | |||||
ขุนวิจิตรอักษร | ๑ | |||||
ลูกขุน | ขุนหลวงพระไกรสี | ๑ | ๓ | |||
พระราชพินิจใจราชบหลัด[6] | ๑ | |||||
หลวงอัถยา | ๑ | |||||
ราชบัณฑิตย | พระมหาวิชาธรรม | ๑ | ๔ | |||
ขุนศรีวรโวหาร | ๑ | |||||
นายพิม | ๑ | |||||
นายด่อนบาเรียน[7] | ๑ |
ชำระ[8] พระราชกำหนดบทพระอายการอันมีอยู่ในหอหลวง |
ตั้งแต่พระธรรมสาตรไป ให้ถูกถ้วนตามบาฬี แลเนี้อความมิให้ |
ผิดเพี้ยนซ้ำกันได้ จัดเปนหมวดเปนเหล่าเข้าไว้ แล้ว |
ทรงพระอุสาหทรงชำระดัดแปลงซึ่งบทอันวิปลาดนั้นให้ชอบ |
โดยยุติธรรมไว้ ด้วยพระไทยทรงพระมหากรรุณาคุณจให้ |
เปนประโยชน์แก่กระษัตรอันจดำรงแผ่นดินไปในภายหน้า |
ครั้นชำระแล้ว ให้อาลักษณชุบเส้นมึก[9] สามฉบับ ไว้ห้องเครื่อง |
ฉบับหนึ่ง ไว้หอหลวงฉบับหนึ่ง ไว้ณสานหลวงสำหรับลูกขุน |
ฉบับหนึ่ง ปิดตรา |
|
ทุกเล่มเปนสำคัญ ถ้าพระ |
|
เชีญพระสมุดพระราชกำหนดบทพระอายการออกมา |
พิภากษากิจคดีใดใด ลูกขุนทังปวงไม่เหนปิดตรา |
|
สามดวงนี้ใซ้[วซ 4] อย่าให้เชื่อฟังเอาเปนอันขาดทีเดียว |
- ↑ ประกาศพระราชปรารภนี้ปรากฎมีอยู่ในหน้าต้นแห่งฉะบับหลวงทุกฉะบับ เว้นแต่ฉะบับใดมีตัวบทกฎหมายยืดยาวซึ่งต้องเขียนเป็นหลายเล่มต่อ ๆ กันแล้ว ประกาศนี้จึ่งเขียนฉะเพาะในตอนต้นแห่งเล่มที่ ๑ แต่เล่มเดียว ณ ที่นี้พิมพ์ตามต้นฉะบับหลวง L1 คือ ตามฉะบับที่มีพระธรรมสาตรเขียนไว้ด้วย
- ↑ บางฉะบับว่า พิพิธวงษ หรือ พิพิทธวรวงษ
- ↑ บางฉะบับเขียนว่า บุญสี
- ↑ ต้นฉะบับเขียนว่า ทุคราช ฉะบับอื่นว่า ทุกขราช บ้าง ทุกคราช บ้าง
- ↑ บางฉะบับว่า เข้ากัน ๑๑ คน
- ↑ บางฉะบับว่า ราชรักษาบลัด
- ↑ บางฉะบับว่า บเรียน
- ↑ บางฉะบับว่า ให้ชำระ
- ↑ บางฉะบับว่า หมึก
- เชิงอรรถของวิกิซอร์ซ
- ↑ สำนักงานราชบัณฑิตยสภา. (2558). กฎหมายตราสามดวง: พระธรรมสาตร และหลักอินทภาษ ฉบับราชบัณฑิตยสภา. กรุงเทพฯ: สำนักงานราชบัณฑิตยสภา. ISBN 9786163890160. น. 40.
- ↑ มีใบบอกแก้คำผิดให้แก้เป็น "ปาฏิบท"
- ↑ มีใบบอกแก้คำผิดให้แก้เป็น "ประฏิบัดิ"
- ↑ มีใบบอกแก้คำผิดให้แก้เป็น "ไซ้"