ข้ามไปเนื้อหา

เรื่องความรู้เบ็ดเตล็ด 3 เรื่อง/เรื่อง 1

จาก วิกิซอร์ซ
อธิบายด้วยประโยชน์ของการเที่ยวเตร่

การที่เที่ยวเตร่นี้ ว่าที่จริง ใคร ๆ ก็ดูเหมือนจะได้เคยด้วยกันแทบทุกคน จะต่างกันก็ที่ได้ไปไกลบ้างใกล้บ้าง แลได้เที่ยวน้อยบ้างมากบ้าง ที่ว่านี้ประสงค์ว่าเที่ยวเตร่ไปต่างบ้านต่างเมือง หรือไปบ้านนอกคอกนา มิใช่เที่ยวเสเพลตามบ่อนเบี้ย หรือไปเที่ยวนอนเสียตามศาลาวัดพอกันเขาใช้

การเที่ยวเตร่นี้ ประโยชน์ว่ารวมยอดก็มี ๒ ประการ คือ ได้ความสุขสำราญ ประการ ๑ ได้ความรู้ ประการ ๑ ที่ว่าได้ความสุขสำราญนั้น ความสนุกสนานรื่นเริงซึ่งได้ไปดูแลพบเห็นภูมิ์ประเทศแลผู้คนสิ่งของซึ่งยังไม่เคยพบเคยเห็นจะมีฉันใด ไม่ต้องพรรณาชี้แจงก็พอจะเข้าใจอยู่แล้ว อันส่วนความสุขนั้นก็เปนสิ่งซึ่งอนุโลมต่อกัน แม้แต่คนไข้ได้แปรสถานในเวลาอันสมควร หมอก็ย่อมถือว่า เปนทางที่จะหายได้เร็ว ถึงคนซึ่งไม่มีอาการป่วยเจ็บ คนที่ประจำการมีกิจธุระต่าง ๆ อยู่เปนนิจ ก็ย่อมมีเวลาเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า เมื่อได้ละกิจกังวลแปรสถานไปเที่ยวเตร่ตามอำเภอใจเสียได้ครั้งหนึ่งคราวหนึ่ง ก็ย่อมชื่นบานสำราญกายตลอดจนจิตรใจ กลับมาตั้งหน้าทำการงานได้แขงแรงดีขึ้นกว่าเก่า เปรียบอย่างต่ำ ๆ เหมือนกับม้าที่เขาแก้เครื่องอานปละปล่อยให้ได้โลดโผนไปตามสบายเสียคราวหนึ่งพอหายเมื่อยล้าแล้วเอามาใช้สอยอิก ย่อมหายซบเซาเหงาเงื่องฉันใด คนเราก็เหมือนกัน เพราะม้าก็ดี คนก็ดี ร่างกายมิใช่ทำด้วยเหล็กด้วยไหล ผิดกันอย่างใด ความข้อนี้จะอธิบายไปไยให้ป่วยกาย ท่านผู้ใดยังสงสัยก็จงลองหาวันว่าง ๆ สักวันหนึ่งเอาเสบียงอาหารบรรทุกเรือแจวไปเที่ยวจอดหุงเข้าต้มแกงกินตามเรือกสวน ก็จะออกสนุก กินเข้าเอร็ดอร่อยได้มากกว่ากินที่บ้านเมื่อวันก่อน

ในข้อที่ว่า ได้ความรู้ นั้น เปนข้อสำคัญควรจะอธิบายให้ชัดเจน แต่จะต้องขอยกความข้อต้นให้เปนอันเข้าใจกันเสียว่า "มีความรู้ย่อมเปนทางที่จะได้ความดี" ดังนี้ อย่าให้ต้องอธิบายเปลืองกระดาษ จะตั้งต้นแต่ว่า การอย่างใด ๆ ที่ควรเราจะรู้นั้น อาศรัยเหตุ ๓ อย่าง รู้ได้โดยรู้สึกเอง กล่าวคือ ที่ได้เห็นได้ยินได้ถูกต้องแลชิมรสเปนต้น อย่าง ๑ รู้ได้โดยความรู้สึกของผู้อื่น กล่าวคือ ได้ฟังคำหรือได้อ่านหนังสือที่ผู้อื่นเขาได้รู้สึกมาเองแล้วมาพรรณนาให้เข้าใจ อย่าง ๑ แลคิดตริตรองตามด้วยสติปัญญาของตน อิกอย่าง ๑ ที่ว่า ตริตรองตามด้วยสติปัญญานั้น เพราะความคิดย่อมต้องอาศรัยความรู้สึกอย่างใดอย่างหนึ่งซึ่งได้ว่ามาก่อนนั้นเปนเหตุ

การสิ่งใด ถ้าคิดด้วยความรู้สึกของผู้อื่น ยากที่จะถูกต้องตามความจริงได้ จะยกตัวอย่างที่เข้าใจง่าย ๆ เหมือนหนึ่งพระพุทธบาทที่เขาสัจพันธ์นี้เอง เมื่อแรกเรายังไม่ได้เคยไป ได้ยินแต่สัปปุรุสเขามาเล่าให้ฟัง ต้องนึกเดาคาดรูปร่างภูเขาแลลานพระพุทธบาทแลภูมิลำเขาเขาตกท้ายพิกุลไปตามคำของเขาว่า รูปร่างภูมิ์ฐานคงจะเปนอย่างนั้น ๆ ครั้นได้ไปพระบาท ไปแลเห็นเข้าด้วยนัยตาของเราเอง ก็ไปคนละอย่างผิดกับที่เดาไว้ ด้วยความคิดแท้ ๆ มิใช่หรือ เอานี่เปนตัวอย่างเทียบตลอดไปได้ ถึงการทั้งปวงก็อย่างเดียวกัน ถึงจะฟังเขาเล่า จะอ่านหนังสือ หรือจะดูนูปที่เขาวาดเขียนถ่ายมาสักเท่าใด ๆ ที่จะให้เข้าใจถูกต้องตามที่จริงเท่าได้แลเห็นด้วยตาของตนเองนั้นเปนอันไม่มี เมื่อว่าโดยย่อ การที่จะแสวงหาความรู้ในกิจการใด ๆ ถ้ารู้ด้วยตนเอง ดีกว่าที่จะรู้ได้แต่ด้วยคำบอกเล่าเปนอันมาก

การต่าง ๆ ในภูมิ์ประเทศบ้านเมืองอันเปนเครื่องบังเกิดแลประกอบความดีแก่ผู้รู้เห็นมีเปนอันมากมิใช่น้อย นับตั้งแต่คนประกอบการค้าขายขึ้นไป ถ้าได้เที่ยวเตร่รู้ภูมิ์ลำเนาทำเลที่เพาะปลูกแลท่าทางสินค้าขึ้นล่องมากมายหลายตำบล ก็อาจจะรู้เลือกสรรค์การอันควรจะลงทุนให้เกิดผลยิ่งขึ้นได้โดยลำดับ ถ้าเปนคนรับราชการบ้านเมือง การที่เที่ยวเตร่ก็ยิ่งมีประโยชน์สำคัญขึ้น เพราะราชการเปนที่รวบยอดของสรรพการทั้งปวงอันจะพึงมีในประเทศ ถ้าผู้ทำราชการได้เที่ยวเตร่ ได้รู้ได้เห็นภูมิ์ลำเนาบ้านเมืองแลความสุขทุกข์ของไพร่ฟ้าข้าแผ่นดิน ก็เหมือนหนึ่งมีทุนในทางที่ดำริห์ตริตรองราชการอันควรแก่หน้าที่ของตน แท้จริงธุระในหน้าที่คนทำราชการผิดกับธุระของคนค้าขายที่ไม่อาจจะกำหนดว่าจะมีแต่อย่างนั้นดอกอย่างนี้ดอกได้ ตกอยู่ในเหมือนกับเปนทาสอยู่กลางเรือน แล้วแต่จะมีอันใดก็จำเปนจะต้องทำ จะคาดคเนหรือจะเลือกที่รักมักที่ชังมิได้ เพราะฉะนั้น ยิ่งมีความรู้เห็นสำรองไว้เปนทุนของตัวมากเท่าใด ก็เสมอมีกำลังความสามารถยิ่งขึ้น ที่ว่านี้หน่อยผู้ที่เปนข้าราชการผู้น้อยเช่นชั้นเสมียนแลมหาดเล็กจะเข้าใจว่า ฉเพาะการซึ่งควรแต่แก่ข้าราชการผู้ใหญ่ ถึงผู้น้อยก็เหมือนกัน ขอให้เข้าใจว่า ข้าราชการผู้ใหญ่นั้นแต่แรกก็เปนผู้น้อยมาก่อนทั้งนั้น ผู้น้อยในเวลานี้ก็ย่อมมีช่องทางที่จะได้เปนผู้ใหญ่ไปภายหน้าแสวงหาทุนรอนในความรู้สำหรับตัวไว้เสียแต่ยังเปนผู้น้อยที่มีเวลาแลกำลังร่างกายมาก ดีกว่าจะไปแสวงหาต่อเมื่อต้องรับผิดชอบกราดกรึ้งเสียเต็มตัว ถึงผู้ที่มีหน้าที่ราชการอยู่แล้ว ถ้าได้เที่ยวดูการบ้านเมืองมากขึ้น ก็ย่อมจะเปนประโยชน์ ทั้งจะเปนเครื่องป้องกันความพลาดพลั้งได้ด้วยอิกอย่างหนึ่ง เพราะทางที่ผู้ต้องรับผิดชอบในราชการ จะพึงพลาดพลั้งด้วยอย่างใด จะมีมากกว่า เพราะที่ไม่รู้ความจริงนี้เปนไม่มี เพราะเหตุฉนั้น จึงว่า การที่ได้เที่ยวเตร่ตรวจตราให้รู้เห็นภูมิ์ประเทศแลกิจการทุกข์สุขของผู้คนพลเมืองชำนาญมากขึ้น ก็เหมือนมีเครื่องป้องกันที่จะพลาดพลั้งให้น้อยลงด้วย

เหล่านี้เปนคุณสำคัญของการเที่ยว แต่อย่าเข้าใจว่า ไปเที่ยวละคงจะได้คุณสมบัติเหล่านี้ คนอยู่ฟากข้างโน้นข้ามเรือจ้างมาทำงานฟากข้างนี้ทุกวี่ทุกวันมีถมไป ลองไปถามดูเถิดว่า หน้าน้ำกับหน้าแล้ง หรือน้ำขึ้นกับน้ำลง คนแจวเรือจ้างเขาแจวเลียบลัดตัดสายน้ำผิดกันอย่างไร น้อยคนดอกจะชี้แจงให้ถูกต้องได้ เพราะคนโดยสานลงเรือแล้วก็ตั้งหน้าแต่จะถึงฟาก น้อยคนที่จะสังเกตคนข้ามเรือจ้างเหล่านี้ฉันใด คนที่ไปเที่ยวเตร่ก็ทำนองเดียวกัน มีธุระก็นัดตั้งหน้าหมายแต่จะไปให้ถึงที่ธุระซึ่งอยู่สุดหนทาง ที่จะเอาใจใส่สอดส่องพิจารณาดูการงานหรือภูมิ์ประเทศไปตามทางนั้นมีน้อย เพราะฉนั้น การที่เที่ยว ที่จะให้เปนประโยชน์ จำต้องตั้งใจแสวงหาความรู้ด้วย จึงจะได้ประโยชน์เต็มตามควร นี่และเปนความสำคัญอิกข้อหนึ่ง

การเที่ยว ถ้าจะว่าโดยส่วนโทษ ก็มีอยู่บ้าง กล่าวคือ ที่ต้องใช้เงินเปลืองกว่านั่งนอนอยู่บ้าน อย่าง ๑ บางทีเคราะห์หามยามร้าย ไปเปนไข้เจ็บล้มตายลงก็เปนได้บ้าง อย่าง ๑

แต่โทษเหล่านี้ เมื่อพิจารณาไป ก็เหมือนกับไม่มี เหตุใดจึงว่าดังนี้ เพราะการแสวงหาคุณสมบัติหรือทรัพย์สมบัติเหล่านี้เปนการจำต้องลงทุนจึงจะได้ เด็ก ๆ จะเรียนหนังสือก็ต้องซื้อสมุดเครื่องเล่าเรียน ถ้าจะเรียนวิชาให้รู้ถึงอย่างสูง ก็ยังต้องจ้างครูบาอาจารย์ที่ดีให้ฝึกสอนต่อขึ้นไป การค้าขายก็ต้องลงทุนซื้อหาสิ่งสินค้าแลเครื่องมือที่จะทำการ การจะเที่ยวเสาะแสวงหาความรู้เห็นก็ทำนองเดียวกัน จำต้องลงทุนหมายกำไรในคุณสมบัติ ควรแลหรือที่จะเสียดาย ถ้าว่าโดยอันตรายไข้เจ็บ จะวินิจฉัยในทางธรรมว่า "ความแก่ ความเจ็บ ความตาย เปนธรรมดาของมนุษย์ จะอยู่ที่ไหน ๆ ก็พ้นวิสัยที่จะพึงหลีกให้พ้นไป" เช่นนี้ก็ได้ หรือจะพิจารณาดูทางโลก ที่แห่งใดที่มนุษย์อาศรัยได้ เขาอยู่ได้ ทำไมเราไปไม่ได้ แท้จริงที่ซึ่งเลื่องลือชื่อเสียงว่า มีไข้เจ็บชุกชุม เช่น ดงพระยาไฟก็ตาม หรือบางตะพานก็ตาม ใช่จะมีไข้เจ็บไปตลอดชั่วนาตาปี ไข้ก็ชุกชุมอยู่แต่ในฤดูฝน ก็เวลามันชุกชุม เราจะไปทำไม เลือกไปเอาฤดูที่ไม่มีไข้เจ็บไม่ได้หรือ ว่าโดยแท้จริง ถึงคนซึ่งเขาต้องจำผ่านไปในป่าไข้เมื่อฤดูฝน ใช่จะเจ็บจะตายเสียหมดทุกคนก็หาไม่ ในร้อยหนึ่งจะเจ็บสักสามสิบ ในสามสิบนั้นจะตายก็ไม่กี่คน ถ้าระวังรักษาตัวให้ดีแล้ว ก็ไม่สู้กระไร คนอยู่กับบ้าน ๆ นี้อยู่ดีไปหมดทุกคนเมื่อไร คิดดูแล้วมันลงอยู่ในทางธรรมว่า "แล้วแต่บุญแต่กรรมเปนข้อใหญ่" เมื่อตั้งใจจะแสวงหาคุณสมบัติ ก็ไม่ควรจะขี้ขลาดหวาดหวั่นไปโดยมิบังควร ได้พรรณามาในคุณแลโทษของการเที่ยวก็พิสดารอยู่แล้ว จะอธิบายด้วยลักษณะการเที่ยวต่อไป

ลักษณะการที่จะเที่ยวนี้มีเปนหลายประเภท ถ้าจะว่าประสาอย่างคนหนุ่ม ๆ ซึ่งจะตั้งหน้าหาความรู้ในราชการบ้านเมืองแล้ว อาสาเปนผู้ช่วยหรือเสมียนทนายไปรับราชการกับข้าหลวงตามหัวเมืองนี้เปนดีกว่าอย่างอื่น เพราะไปอย่างนี้มักจะได้รับเงินเดือนเปนผลประโยชน์ ถึงมิมากมาย ก็พอเลี้ยงตัวไม่ต้องชักทุนเรือน แลการที่จะกินจะอยู่ก็เสมออยู่ในอกของข้าหลวงผู้ใหญ่ย่อมเปนธุระทำนุบำรุงให้ ธุระของตัวมีแต่จะตั้งใจทำราชการแลประพฤติตัวตามคำสั่งของข้าหลวงให้เปนอย่างดีที่สุดที่จะพึงทำได้ เท่านี้ก็ไม่มีทางควรจะวิตกอย่างใด ถึงว่าจะมิได้เคยเปนที่พึ่งหรือคุ้นเคยกันมาแต่ก่อน การที่ไปทางไกลไม่เหมือนอยู่กับบ้าน ไปร่วมทุกข์สุขคุ้นเคยกัน ไม่ช้านานเท่าใด ก็ย่อมเปนธรรมดาที่จะบังเกิดรักใคร่มีไมตรีจิตรต่อกัน

ถ้าผู้ใดไม่พอใจหรือไม่มีโอกาศที่จะไปเที่ยวในตำแหน่งราชการได้ดังเช่นว่า จะอาศรัยพระเจ้าพระสงฆ์ไปธุดงค์ หรือจะอาศรัยพ่อค้ามาขายไปเที่ยวก็ได้เหมือนกัน ถึงไปอย่างนี้จะไม่ได้เงินเดือนเบี้ยเลี้ยง การที่จะต้องลงทุนรอนก็ไม่พอกระไรนัก จะผิดกับอย่างก่อนก็ที่จะลำบากกว่าสักหน่อย แลที่ไม่ได้เกี่ยวแก่ราชการ

ถ้าหากว่าเปนคนมีกำลัง จะหาพาหนะไปเที่ยวโดยลำพังของตนเอง อย่างที่เขาขึ้นพระบาทหรือเขาไปไทรโยกกันเปนตัวอย่าง ก็ไปได้ ไปอย่างนี้ย่อมเปนอิศรอยู่แก่ตัว จะไปที่ใด จะดูอะไร จะหยุด จะอยู่ จะไปเมื่อใด ก็ทำได้ตามใจ แต่เปนการเปลืองทุนมากขึ้นเปนธรรมดา

การที่จะไปเที่ยว จะไปโดยประเภทใด ๆ ก็ตาม ความสำคัญซึ่งจำจะต้องถือเสมอเหมือนกันทุกชนิดมี ๒ อย่าง คือ การป้องกันไข้เจ็บ อย่าง ๑ การรักษาความเรียบร้อย อย่าง ๑ ก็แลการป้องกันความไข้เจ็บนั้น ถึงจะไปในทางที่ไม่มีไข้เจ็บ ก็ควรระวัง เพราะเหตุที่น้ำท่าอาหารแปลกเปลี่ยนนั้น ประการ ๑ ถ้าไปมีเหตุป่วยเจ็บลงแม้แต่เล็กน้อย จะหาแพทย์หมอที่ดีตามบ้านนอกหายาก ประการ ๑ จะประมาทหาควรไม่ เพราะฉนั้น ควรศึกษาให้เข้าใจในการที่จะใช้ยารักษาโรคบางอย่าง แลหายาเหล่านั้นให้มีติดตัวไปด้วย ยาซึ่งคนเดินทางมักนับถือมีอยู่ ๕ ขนาน คือ ยาคินิน แก้ไขจับ ขนาน ๑ ยาคลอรอดิน แก้ปวดท้อง ลงท้อง ขนาน ๑ ดีเกลือฝรั่ง สำหรับใช้เปนยาถ่าย ขนาน ๑ ไบคาร์บอเน็ตโซดา กินแก้จุกเสียด หรือท้องขึ้น ท้องเฟ้อ แลละลายน้ำทาแก้พิษไฟ แลพิษตะขาบ แมลงป่อง เปนต้น ได้ด้วย ขนาน ๑ ยาอิปิแคก เปนยากินให้อาเจียนถอนพิษไข้แลพิษที่เบื่อเมาต่าง ๆ ขนาน ๑ ยาเหล่านี้จัดว่าเปนยาสำคัญ นอกจากนี้ ถ้าเคยใช้สอยชอบยาขนานใด ก็ควรติดตัวไปด้วย แลในการที่จะรักษาตัวไม่ให้เปนไข้เจ็บนั้น อย่างสำคัญที่ ๑ ก็เรื่องอาหาร เพราะการเดินทางมิได้มีครัวม้อตั้งหุงต้มได้เปนที่ ต้องระวังตรวจตราอาหาร อย่ากินของที่เสีย อิกประการ ๑ เรื่องน้ำที่จะกิน ต้องระวังให้มาก ตามตำราหมอมักว่า ที่เกิดเปนโรคภัยแก่ผู้เดินทาง มักเปนด้วยผิดน้ำมากกว่าอย่างอื่น เพราะห้วยหนองคลองบ่อบึงที่ใกล้ป่าเปนน้ำที่ไหลออกมาจากซอกห้วยธารเขาชำระพิษว่านยาของเน่าเปื่อยต่าง ๆ ติดออกมา ถ้าจะกิน ควรจะกรองให้ใสสอาดแลต้มทำลายพิษสงเสียก่อน อิกประการ ๑ ผ้าผ่อนที่จะนุ่งห่มหรือจะปูแลคลุมนอน ต้องระวังอย่าให้ชื้น เพราะอายตัวออกไปกระทบของชื้นแฉะอยู่เสมอ ๆ มักจะเปนไข้ หรือมิฉนั้น ก็มักท้องจะเสีย ถึงที่ซึ่งจะนอนในกลางทาง ถ้าพอจะหาอะไรทำได้ ควรจะยกพื้นขึ้นปูที่นอนให้สูงจากแผ่นดินราวคืบหนึ่งเปนอย่างต่ำ ให้พ้นอายดิน จึงจะไม่เปนไข้ อิกประการ ๑ การที่จะอาบน้ำ ควรระวังอย่าให้อาบในเวลาที่กำลังเหน็ดเหนื่อยเหื่อโทรมตัว ถ้าอาบในเวลาเช่นนั้น มักจะเจ็บไข้ แต่เวลาที่อาบน้ำนี้ บางคนชอบอาบในเวลาไม่มีแดด เช่น เวลาตื่นเช้าแลเวลาเย็น แต่บางเขาก็ไม่ถืออยู่ในตามใจตามเคยเปนใหญ่ ความสำคัญในการรักษาตัวไม่ให้เจ็บอันเปนข้อรวบยอดนั้น คือ ถ้ารู้สึกไม่สบาย ต้องกินยารักษาเสียทันทีทีเดียว เปนต้นว่า รู้สึกครั่นตัวขึ้นมาเวลาใด ก็กลืนยาคินินเปนประกันเสียเมล็ด ๑ ดังนี้ อิกอย่าง ๑ ต้องคอยระวังอย่าให้ท้องผูกไปจน ๒ วัน ถ้าเห็นตั้งท่าจะผูกเมื่อใด ก็เอาดีเกลือมาละลายน้ำร้อนกินระบายให้ไปเสียครั้งหนึ่งสองครั้ง ถ้าระวังรักษาตัวอยู่เช่นว่านี้ การที่จะเจ็บไข้ก็เกือบประกันได้ เว้นไว้แต่เปนกรรมมาตามทัน นั่นเปนเหลือแก้อยู่เอง

ส่วนการที่จะรักษาความเรียบร้อยนั้น กล่าวคือ จะไปเที่ยวเตร่ได้โดยสดวก อย่าให้มีเหตุการหรือข้อขัดข้องได้ในระหว่างทาง ความข้อนี้ เบื้องต้นควรพิเคราะห์ดูในจำนวนคนแลสิ่งของซึ่งจะพาไปใช้สอย ทั้งสองอย่างนี้ ยิ่งเอาไปมาก ความลำบากชักช้าก็ยิ่งมากขึ้น การเที่ยวเตร่ตามหัวเมือง ถ้ามีพวกพ้องอยู่ตามระยะทาง ก็เปนการดี ไปมีความขัดข้องขึ้นประการใด ก็พอจะได้พึ่งพาอาศรัย ถ้าหากว่าไม่มีพวกพ้องอยู่ตามหัวเมือง ควรจะไต่ถามดูตามพวกพ้องใกล้เคียงที่เขากว้างขวางให้ช่วยเปนธุระชักนำไปตามพวกพ้องของเขา เช่นนี้ก็พอจะเปนประโยชน์ได้ ถ้าจะว่ารวบยอดของความจำเปนในลักษณะที่จะเที่ยวเตร่ ก็คิดเห็นแต่เท่านี้ จะยังมีนอกออกไปก็เรื่องเงินที่จะใช้สอยตามระยะทางอิกอย่าง ๑ การที่เอาเงินสดติดตัวไปมาก ๆ ลำบากทั้งในการรักษาแลในการที่จะยกขน เมืองเราถึงการแบงก์ย่อยยังไม่มีทั่วไป คนเดินทางจะวางเงินไว้ที่กระทรวงซึ่งได้ว่าหัวเมืองขอตราไปขึ้นเอาในเวลาต้องการตามหัวเมืองในระยะทาง หรือจะวางเงินตามห้างแลพ่อค้าซึ่งเขามีเอเยนต์ตามหัวเมืองขอตั่วของเขาไปขึ้นเอาเงินก็ได้ อย่างนี้ถึงจะต้องเสียค่าธรรมเนียมบ้างเล็กน้อย ก็เปนการสดวกดีกว่าหอบเอาเงินไปด้วยมาก ๆ

เมื่อได้กล่าวถึงลักษณะการเดินทางพอสมควรแล้ว จะลองกะทางที่ควรจะเที่ยวเตร่ได้ในเมืองไทยลงไว้ให้ดูเปนเค้า ทางที่จะเที่ยวได้ในพระราชอาณาเขตรนี้มีเปนอันมากมิใช่น้อย ที่จะกะนี้ ต่างว่าผู้จะเที่ยวมีเวลาปีละ ๓ เดือน ๔ เดือน ตั้งใจจะเที่ยวดูภูมิ์ประเทศในพระราชอาณาเขตรให้ตลอด

ทางที่เที่ยวทางชายทเลตวันออก จับตั้งแต่เมืองชลบุรีลงไปจนถึงเมืองปัจจันตคิรีเขตร

ทางที่เที่ยวทางชายทเลปักษ์ใต้ จับตั้งแต่เมืองเพชรบุรีลงไปจนเมืองตรังกานู

ทางที่เที่ยวทางชายทเลตวันตก จับตั้งแต่เมืองกระบุรีลงไปจนเมืองไทรบุรี

ทางที่เที่ยวทางลำน้ำแม่กลอง จับตั้งแต่เมืองสมุทสงครามขึ้นไปจนโทรโยกแลศรีสวัสดิ์

ทางที่เที่ยวทางลำน้ำท่าจีน จับแต่เมืองสาครบุรีขึ้นไปจนพระปฐมเจดีย์ สุพรรณบุรี จนออกเมืองไชยนาท

ทางที่เที่ยวลำน้ำเจ้าพระยา จับแต่กรุงเทพฯ ขึ้นไปทางแควใหญ่ จนถึงเมืองฝาง แล้วเดินบกมาสวรรคโลก สุโขทัย แล้วข้ามไปลงเรือล่องกลับลงจากเมืองตาก

ทางที่เที่ยวลำน้ำสัก จับตั้งแต่กรุงเก่าขึ้นไปพระบาท พระฉาย จนเมืองหล่มสัก

ทางที่เที่ยวทางลำน้ำบางปะกง จับแต่ฉะเชิงเทราไปจนนครนายก ปาจิณบุรี

ทางที่เที่ยวนครราชสีมา ขึ้นทางสระบุรี ลงช่องตะโก

ทางที่๑๐เที่ยวหัวเมืองลาวเฉียง จับแต่เมืองตากขึ้นไป กลับมาลงเมืองนาน

ทางที่๑๑เที่ยวหัวเมืองลาวพุงขาว จับขึ้นเดินแต่อุตรดิฐไปปากลาย แล้วล่องน้ำโขงลงมาหนองคาย

ทางที่๑๒เที่ยวหัวเมืองในเขตรลาวพวน

ทางที่๑๓เที่ยวหัวเมืองในเขตรลาวกาว

ทางที่๑๔เที่ยวหัวเมืองเขมร ขึ้นเดินแต่ปราจิณแล้วกลับลงเรือที่จันทบุรี

ทางที่๑๕เที่ยวในกรุงเทพฯ ที่นับกรุงเทพฯ ไว้เปนทาง ๑ ด้วยดังนี้ เพราะเชื่อได้แน่ว่า ในบรรดาท่านผู้อ่าน ที่ใครจะได้เที่ยวในกรุงเทพฯ นี้ทั่ว เห็นจะไม่มีเลยก็ว่าได้

ทางที่จะเที่ยว คิดดูเปนเลา ๆ แม้แต่เพียงในกรุงสยาม ถ้าเที่ยวเพียงปีละ ๓ เดือน ๔ เดือนทุก ๆ ปี ก็กว่า ๑๐ ปี จึงจะทั่วได้ ทางเที่ยวเหล่านี้ ผู้ที่ได้เคยไปก็มีมากด้วยกัน ที่ได้ไปทั่วทุกทางก็น่าจะมีบ้าง แต่หากไม่ใคร่มีผู้ใดเรียบเรียงระยะทางไว้แนะนำคนข้างหลัง ดูการเที่ยวเตร่จึงยังมืด ไม่เปนเครื่องชักชวนคนชั้นหนุ่มซึ่งกำลังแสวงหาวิชาความรู้ ที่มีก็มักเปนแต่นิราสพรรณาเห็นต้นนั่นเหมือนนั่น ถึงบางโน่นเหมือนนี่ ลงปลายแปลว่าคิดถึงเมีย ไม่มีแก่นสารอันใด

ก็แลการเที่ยวเตร่ย่อมมีคุณแก่เพื่อนมนุษย์ดังได้พรรณามาข้างต้นแล้ว สมควรที่ท่านทั้งหลายผู้รู้เห็นคุ้นเคยจะช่วยอนุเคราะห์ชักนำบำรุงให้ยิ่งขึ้น เพราะฉนั้น ข้าพเจ้าขอเชิญด้วยถ้อยคำซึ่งได้พรรณามาในเรื่องนี้ ให้ท่านทั้งหลายผู้รู้ผู้ได้เที่ยวเตร่ในทิศทางใกล ๆ จงได้เรียบเรียงพรรณาความรู้เห็นคุ้นเคยของท่านมาลงพิมพ์ต่อไป ให้เปนประโยชน์แก่กุลบุตรทั้งหลายให้ยิ่งขึ้นต่อไปในภายหน้าเทอญ