เรื่องความรู้เบ็ดเตล็ด 3 เรื่อง/เรื่อง 3

จาก วิกิซอร์ซ
เรื่อง หัดใบ้ให้พูด

แต่ก่อนนี้ ได้พูดกันในกรุงเทพฯ ถึงเรื่องคนที่เปนใบ้คราวหนึ่ง ข้าพเจ้าจำได้ว่า เพื่อนที่รักของข้าพเจ้าคนหนึ่งได้กล่าวความเห็นว่า คนที่เปนใบ้ เห็นจะเปนเพราะหูหนวกมาแต่กำเนิดอย่างเดียว เมื่อหูไม่ได้ยินเสียงที่จะสังเกตพูดได้ ปากก็เลยเปนใบ้มาด้วย ความเห็นที่เห็นกันว่าชอบกล กาลก็ล่วงมานานแล้ว คราวนี้ ข้าพเจ้าได้ไปดูโรงเลี้ยงแลรักษาใบ้ของคอเวอนเมนต์ที่เมืองปารีสแห่ง ๑ ได้เห็นการประหลาดอัศจรรย์สมจริงดังความเห็นของเพื่อนข้าพเจ้าที่ว่านั้น เพราะที่โรงเลี้ยงใบ้ ได้ตรวจตราแลพบวิธีที่จะฝึกสอนให้คนใบ้พูดได้ทุกคน มิใช่พูดด้วยทำมือเปนสัญญาอย่างเช่นเข้าใจกันมา หัดพูดภาษาคนเราทีเดียว เมื่อจะว่าโดยย่อ รักษาคนใบ้ให้กลายเปนแต่คนหูหนวกเท่านั้นได้จริง เมื่อข้าพเจ้าไปดู ได้ไต่ถามสอบสวนโดยถ้วนถี่ เขาบอกว่า คงหัดให้ใบ้พูดได้ทุกคน ผิดกันแต่ที่จะพูดได้ชัดกับพูดไม่ชัดเท่านั้น

วิธีที่ให้ใบ้พูด แต่แรกเด็กใบ้มาถึงโรง เขาให้เป่าน้ำก่อน คือ หม้อแก้วมีน้ำข้างใน มีท่อยางออกมาข้างนอก แลอัดลมข้างในไว้ กลางหม้อแก้วมีหลักปักบอกขีดกำหนดไว้ ถ้าเป่าแรง น้ำก็สูงขึ้นไปมากขีด เป่าเบา น้ำก็สูงขึ้นไปแต่น้อยขีด มีท่อออกมาอีกต่อ ๑ ทำนองเดียวกัน แต่สำหรับดูด ถ้าดูดแรง น้ำก็ขึ้นมาก ดูดเบา น้ำก็ขึ้นน้อย เขาให้เด็กใบ้หัดดูดน้ำแลเป่าน้ำด้วยเครื่องนี้วันละชั่วโมง ๑ สองชั่วโมง สัก ๒ เดือน ๓ เดือนก่อน ที่ตั้งต้นกัดให้เป่าให้ดูดน้ำ เขาว่า เพราะเด็กไม่ได้พูดมาแต่เล็ก ทางที่ท่อลมกระแสเสียงเดินขึ้นมาแต่ปอดเปนต้นชำรุดแฟบไปเหมือนกับสิ่งของซึ่งไม่ได้ใช้ปล่อยไว้ให้เปนสนิมขึ้นเช่นนั้น ต้องหัดให้เป่าน้ำดูดน้ำเพื่อขยายท่อเหล่านั้นให้โตขึ้นแลลมเดินคล่องเปนปรกติก่อน เมื่อเด็กดูดน้ำเป่าน้ำได้ถึงขีดตามกำหนดว่าเปนปรกติแล้ว จึงส่งไปฝึกหัดใบ้ชั้นที่ ๒

ในชั้นนี้ ฝึกหัด ๒ อย่าง อย่างหนึ่งอยู่ในเรื่องเป่าลม คือ มีเชือกผูกลูกดิ่งแขวนอย่างลูกแกว่างนาฬิกา ครูไกวลูกดิงแล้วสอนให้เด็กฮาให้ยาวชั่วลูกดิ่งไกว สองเที่ยวบ้าง สามเที่ยวบ้าง จึงให้หยุดหายใจครั้ง ๑ เพื่อให้รู้ระบายลมให้ยาว ในกระบวรสอนระบายลมด้วยลูกดิ่งนี้ สอนให้รู้จังหวะตัวโนตอย่างดนตรีด้วย จนเด็กเคยเข้า ครูเขียนจังหวะบอกให้ฮาได้ดี ๆ จนรัวได้เปนต้น อีกเครื่อง ๑ ทำเปนราวเล็ก ๆ ยาว ๆ เอาลูกไม้โสนกลม ๆ วางไว้ในนั้น สอนให้เด็กเป่าไม้โสนให้ไปถึงตามขีดต่าง ๆ ตามครูจะกะให้เป่า เพื่อจะได้รู้จักใช้ลมแรงลมเบา สอนกระบวรลมในชั้นนี้เท่านี้ ยังสอนกระบวรที่จะให้รู้วิธีฝึกสอนของครูตั้งต้นด้วย วิธีฝึกสอนนั้น แต่แรกให้เด็กยืนเปนแถว ครูทำถ้าทางอย่างไร ให้เด็กทำตามให้เหมือน หัดกระบวรยกชี้มือเปนต้นก่อน จนเด็กตาไวเอาอย่างครูได้เร็วคล่องแคล่วแล้ว ผ่อนมาให้เรียนกระบวรทำหน้า คือ อ้าปากหุบปากเปนต้น จนเด็กตามอย่างได้คล่องอีกแล้ว จึงหัดให้ทำแต่ปากอย่างคำพูด เปนต้นว่า ครูเรียกว่า หมวก เมื่อเรียกนั้น รูปปากเปนอย่างไร ให้เด็กทำปากให้เหมือน ถ้าไม่ใคร่เหมือนได้ ก็พาไปส่องกระจกกับครู หัดจนทำได้เหมือนกัน คราวนี้ครูหยิบหมวกมาทำปากว่า หมวก แล้วชี้บอกที่หมวกให้เด็กเข้าใจว่า สิ่งนั้นเรียกโดยทำปากอย่างนั้นชำนาญ จนครูทำปากบอกว่า หมวก เด็กก็ไปหยิบหมวกมาถูก หัดให้รู้หยิบของต่าง ๆ โดยวิธีทำนองนี้ด้วยใช้สมุดที่มีรูปภาพต่าง ๆ แลสิ่งของต่าง ๆ จนแตกชำนาญที่พอจะรู้จักชื่อสิ่งของต่าง ๆ ด้วยกระบวรที่เห็นรูปปากที่เรียกชื่อนั้นแลทำปากเรียกสิ่งของเหล่านั้นได้เหมือนครู เปนเรียนได้ตลอดอีกชั้นหนึ่ง จึงไปชั้นที่ ๓

ในชั้นนี้ สอนในกระบวรเสียงให้ละเอียดขึ้นไปอีก คือ ตั้งต้นสอนให้พูดทีเดียว ตั้งต้นต้องสอนด้วยส่องกระจกกับครู เปนต้นครูอ้าปากเหมือนอย่างจะว่า สระอา ๆ ให้เด็กทำตามให้เหมือน แล้วว่า อา ออกมา ให้เด็กเอามือมารอ ให้รู้ว่า ต้องให้ลมออกอย่างหนึ่ง แลให้จับที่ลูกกระเดือกให้รู้ว่า เมื่อว่า อา ที่ใต้คางพองออกมาเท่านั้น ให้เลียนให้เหมือน สระอื่น ๆ ที่มี สังเกตด้วยศีร์ษะก็ดี ด้วยที่ใด ๆ ซึ่งพองออกในเวลาเมื่อลมออกเปนเสียงนั้น ก็หัดไปทีละสระ ๆ จนเด็กชำนาญ ไม่ต้องส่งกระจกเห็นปากแลสังเกตคอครู ก็ว่าเปนเสียงนั้นตามออกมาได้ เมื่อเด็กมาเรียนในชั้นนี้ วิชาที่จะรู้ชื่อสิ่งของต่าง ๆ ก็สอนเติมขึ้นเหมือนกัน เปนว่า รู้จักที่จะบังคับกับครู ด้วยเห็นปากครูบอก แลรู้จักที่จะบังคับเสียงของตัวได้ ตั้งแต่ชั้นนี้ไป ก็สอนวิเศษขึ้นไปโดยวิธีทำนองเดียวกันให้รู้เสียงพยัญชนะแลรู้จักเสียงแลพูดเสียงคำต่าง ๆ ได้มากขึ้นไป ทั้งให้อ่านหนังสือเขียนหนังสืออย่างโรงเรียนตามธรรมดาด้วย เมื่อเด็กซึ่งได้เรียนอยู่ในโรงเรียนนั้นเกิน ๔ ปีขึ้นไป ก็อาจที่จะพูดแลเรียนหนังสือได้ วิธีที่พูดนั้น ถ้าเราจะถามอะไร ไม่ต้องคิดที่จะให้ได้ยินเสียง เพราะหูหนวกได้ยินไม่ได้ ต้องเข้าไปจ้องหน้าทำแต่ปากพูดช้า ๆ เด็กเหล่านั้นก็พูดตามปากเราด้วยเสียงด้วยแล้วจึงจะพูดตอบได้ บางทีสังเกตปากเราไม่ถูก เราก็ต้องทำปากพูดใหม่ จนเด็กนั้นเข้าใจ ก็พูดตอบมาได้ ถ้าคนอื่น ๆ ไปถามอะไร เด็กเหล่านั้นไม่ค่อยจะเข้าใจเหมือนกับครูถาม ครูถามทีเดียวมักจะได้การ แต่ถึงกระนั้น ก็เปนเพราะหูหนวก มิใช่อื่น ถ้าเข้าใจแล้ว ก็อาจจะพูดตอบได้ทันที แต่บางคนพูดชัด บางคนพูดเออ ๆ อา ๆ ไม่ค่อยชัด

นอกจากที่หัดให้พูดแลหัดเลขหัดหนังสือที่โรงหัดใบ้นี้ ยังสอนวิชาอื่น ๆ เปนทางที่จะเลี้ยงชีวิตได้อีกหลายอย่าง คือ วิชาทำสวน ทำกับเข้า ช่างไม้ ช่างปั้น ช่างเขียน แลช่างตีพิมพ์ เปนต้น เด็กออกจากโรงนี้ไป พูดได้ด้วย รู้วิชาที่จะไปทำมาหากินเลี้ยงชีวิตได้ด้วยทั้ง ๒ อย่าง