ไซอิ๋ว/เล่ม ๑/ตอน ๕
หน้า ๘๗–๑๐๕ สารบัญ
หอที่อยู่ของซีเทียนไต้เซียมีเซียนคอยเฝ้ารักษาพยาบาลประคับประคองให้ซีเทียนไต้เซียใช้สอยอยู่เสมอมิได้ขาด แล้วก็ไม่มีธุระวุ่นวายอะไร มีแต่ความผาสุกอยู่เนืองนิตย์ ไม่มีความขัดขวางด้วยเหตุสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เวลาว่างก็ไปเที่ยวเล่นตามห้องวิมานแห่งเทพยดาทั้งหลายสั่งสนทนาคบหากันเป็นมิตรสหายชอบชิดสนิทสนม ทั้งท้าวจตุโลกบาลก็ไปมาหาสู่อยู่เนือง ๆ มิได้ขาด
มาวันหนึ่ง เง็กเซียงฮ่องเต้เสด็จออก เทพบุตรเฝ้าแวดล้อมอยู่พร้อมกัน ในเวลานั้น มีท่านเค้าเซงอ๋องจินหยินเทพบุตรผู้ใหญ่องค์หนึ่งเข้ามายังหน้าพระที่นั่งถวายบังคมกราบทูลว่า ขอพระองค์ได้โปรด โดยข้าพเจ้าเห็นว่า ซีเทียนไต้เซียตั้งแต่ขึ้นมาอยู่ในวิมานก็มีความสุขสำราญอยู่ทุก ๆ วัน ไม่มีธุระอะไร ไปเที่ยวเล่นทุก ๆ วิมานอยู่เสมออย่างนี้ ข้าพเจ้าวิตกว่า มีความสบายหนักเข้าก็อาจทำให้ใจกำเริบได้ นานไปข้างหน้าคงจะเกิดเหตุเป็นแน่ ขอพระองค์จงตั้งให้ซีเทียนไต้เซียดูแลการงานอะไรเสียสักอย่างหนึ่งพอเป็นเครื่องกังวลให้กดใจไว้บ้าง
เง็กเซียงฮ่องเต้ได้ทรงฟังเค้าเซงอ๋องจินหยินกราบทูลดังนั้นก็ทรงเห็นชอบด้วย จึงรับสั่งให้เทพบุตรไปตามตัวซีเทียนไต้เซียมาเฝ้าถวายบังคม แล้วซีเทียนไต้เซียจึงทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ โปรดเกล้าฯ ให้หาข้าพเจ้ามาเฝ้าด้วยเหตุใด
เง็กเซียงฮ่องเต้จึงรับสั่งว่า เรเห็นซีเทียนไต้เซียว่างเปล่าอยู่ไม่มีการสิ่งใด เราหวังจะให้เป็นธุระในราชการสักอย่างหนึ่ง คือ ให้จัดแจงดูแลในสวนชมพู่ตามแต่ซีเทียนจะไปจัดการให้เรียบร้อยเถิด
ซีเทียนได้รับสั่งเง็กเซียงฮ่องเต้แล้วก็ถวายบังคมลาตรงไปยังสวนชมพู่ ครั้นถึงแล้วก็เข้าไปตรวจดูในเวลานั้น เทพารักษ์ท้าวตี่ก๋ง คือ พระภูมิเจ้าที่ ออกมาขวางหน้าถามว่า ไต้เซียจะไปข้างไหน ซีเทียนตอบว่า เง็กเซียงฮ่องเต้รับสั่งให้ข้าพเจ้ามาตรวจตราดูแลในสวนชมพู่นี้
เทพารักษ์ท้าวตี่ก๋งได้ฟังดังนั้นก็ยกมือขึ้นคำนับ พวกวิษณุกรรมลักสือที่เฝ้าอยู่ในสวนนั้นก็พากันมาคำนับซีเทียนไต้เซียทุก ๆ ตน ซีเทียนไต้เซียพิจารณาดูสักครู่หนึ่งจึงถามท้าวตี่ก๋งว่า ต้นชมพู่หมดด้วยกันทั้งนี้มีประมาณสักเท่าใด
ท้าวตี่ก๋งจึงบอกว่า มีอยู่สามพันหกร้อยต้น สวนที่หนึ่ง พันสองร้อยต้น ดอกเล็ก ผลเล็ก สามพันปีสุกครั้งหนึ่ง ถ้าใครได้กินผลหนึ่งได้สำเร็จเป็นเซียน
สวนที่สอง สองพันสองร้อยต้น ดอกซ้อน ผลหวาน หกพันปีจึงจะสุกครั้งหนึ่ง ถ้าผู้ใดได้กินผลหนึ่งเหาะเหินเหยียบเมฆเที่ยวเล่นโดยทางอากาศได้ทั้งมีอายุมากไม่แก่ด้วย
สวนที่สาม มีพันสองร้อยต้น ผิวเขียว เมล็ดละเอียด เก้าพันปีจึงจะสุกครั้งหนึ่ง ใครได้กินผลหนึ่งอายุยืนเสมอฟ้าดิน แลเท่าเวลากาลแก่พระอาทิตย์พระจันทร์ชั่วนิรันดร์
ซีเทียนไต้เซียได้ฟังท้าวตี่ก๋งบอกดังนั้นก็มีความยินดีเป็นที่สุด เที่ยวตรวจดูโดยละเอียดแล้วก็กลับมายังที่อยู่ ตั้งแต่นั้นมา ถึงหกวันซีเทียนก็เข้าไปตรวจดูครั้งหนึ่ง ส่วนการไปมาหาสู่คบเพื่อนก็หยุด มิได้ไปเที่ยวเล่นเช่นแต่ก่อน
ครั้นอยู่มาวันหนึ่ง ซีเทียนไต้เซียเข้าไปในสวน เที่ยวตรวจดู แล้วก็ไปนั่งเล่นใต้ต้นชมพู่ เห็นมีผลสุกอยู่หลายผล ในใจจะใคร่กินผลชมพู่ที่แรกสุก แต่เกรงท้าวตี่ก๋งแลผู้คนใช้สอยอยู่ที่นั่นพรักพร้อมกัน จึงอุบายบอกว่า ท่านทั้งหลายจงไปคอยเราข้างนอกประตูสวนเพื่อให้เงียบเสียงซึ่งเจรจา เราจะได้พักหลับสักประเดี๋ยว
พวกที่ใช้สอยเหล่านั้นได้ฟังซีเทียนไต้เซียว่าดังนั้น ต่างก็พากันออกไปนั่งสนทนากันอยู่ที่ประตูสวนตามสบาย
ครั้นพวกเหล่านั้นออกไปแล้ว ซีเทียนก็ถอดหมวกแลเครื่องแต่งตัววางลงไว้บนหอเย็นที่กลางสวน แล้วก็กระโดดปีนขึ้นไปบนต้นชมพู่ เลือกดูผลไหนสุกก็เกิบกินตามสบาย ครั้นกินแล้วก็กระโดดลงมา แต่งตัวเสร็จแล้วดังเก่า จึงเรียกเซียนเหล่านั้นมาสั่งการ เสร็จแล้วก็กลับมาที่อยู่
ต่อมา ซีเทียนเข้าไปในสวนก็ทำอุบายเหมือนดังก่อน ขโมยชมพู่กินอยู่อย่างนั้นเนือง ๆ จนชมพู่ที่สุกนั้นก็บางลงไปทุก ๆ ต้น
ครั้นมาวันหนึ่ง นางท้าวเทวราช คือ พรหมผู้หญิง จะทำการเลี้ยงโต๊ะเป็นการใหญ่ จึงสั่งให้นางฟ้าทั้งเจ็ดองค์ไปเก็บชมพู่ที่ผลสุกเพื่อจะเอามาเลี้ยงโต๊ะ เทพธิดาทั้งเจ็ดองค์รับรับสั่งนางท้าว ถือกระเช้าสำหรับใส่ชมพู่ ต่างก็ชวนกันไปยังสวน ครั้นมาถึงก็เข้าไปหาท้าวตี่ก๋งแลพวกเฝ้าสวนทั้งหลาย นางทั้งเจ็ดก็เข้ามาคำนับ แล้วบอกแก่ท้าวตี่ก๋งว่า เจ้าแม่มีรับสั่งให้ข้าพเจ้าทั้งหลายมาเก็บผลชมพู่ที่สุกในสวนไปเลี้ยงโต๊ะตามเคยเหมือนทุกปีมา
ท้าวตี่ก๋งได้ทราบดังนั้นแล้วจึงบอกว่า เดี๋ยวนี้ไม่เหมือนแต่ก่อน เพราะเง็กเซียงฮ่องเต้มอบธุรกิจการในสวนให้แก่ซีเทียนไต้เซีย จำจะต้องบอกเล่าแก่ซีเทียนไต้เซียก่อนแล้วจึงจะเก็บได้
นางทั้งเจ็ดถามว่า ซีเทียนไต้เซียนั้นอยู่ที่ไหน ท้าวตี่ก๋งจึงบอกว่า เห็นจะเข้านอนที่หอเย็นกลางสวนนั้นกระมัง
นางทั้งเจ็ดพูดว่า ถ้าดังนั้นต้องเข้าไปถาม ถ้าช้าไปกลับไม่ทัน ข้าพเจ้าจะมีความผิด
ท้าวตี่ก๋งพร้อมด้วยนางทั้งเจ็ดก็เข้าไปในสวนเพื่อจะไดบอกเล่าแก่ซีเทียนไต้เซียน ครั้นมาถึงหอเย็น เห็นแต่เครื่องแต่งตัว ไม่เห็นซีเทียนไต้เซีย
ฝ่ายซีเทียนไต้เซียนั้น เมื่อแรกเข้าไปในสวนเก็บผลชมพู่กินอิ่มแล้ว จำแลงกายเป็นทารกเด็กน้อยเท่าองคุลีบังใบชมพู่นอนอยู่บนกิ่งไม้
นางทั้งเจ็ดบอกแก่ท้าวตี่ก๋งว่า พวกข้าพเจ้ารับคำสั่งเจ้าแม่มา หาตัวซีเทียนก็ไม่ปะ จะกลับไปเสียนั้นเห็นจะไม่ได้ หากจะมีความผิดขึ้น พวกเซียนที่เฝ้าสวนจึงพูดแก่นางเทพธิดาทั้งเจ็ดองค์ว่า ถ้าเช่นนั้น นางไปเก็บเสียก่อนก็ได้ เมื่อซีเทียนไต้เซียกลับมา ข้าพเจ้าทั้งหลายจึงจะบอกให้ นางทั้งเจ็ดได้ฟังพวกเซียนว่าดังนั้นก็ชวนกันเที่ยวเลือกเก็บผลชมพู่ที่สุกในสวนที่หนึ่งเก็บได้สามกระเช้า ในสวนที่สองเก็บได้สองกระเช้า แล้วในสวนที่สามพิจารณาดูเห็นผลชมพู่เบาบางไปทุก ๆ ต้น ดอกก็ร่วงโรย มีแต่ต้นละสองผลสามผลเท่านั้น แลมีแต่ผลที่เขียวดิบ ๆ อยู่ ไม่มีผลสุก โดยเหตุที่ซีเทียนไต้เซียลักเก็บกินเสียหมด
นางเทพธิดาทั้งเจ็ดเที่ยวมองหาแลค้นดูทุก ๆ ต้น ก็ไม่เห็นมีผลสุก ดูไปดูมาเห็นที่ต้นหนึ่งมีอยู่สองสามผล สุกครึ่งหนึ่ง ดิบครึ่งหนึ่ง นางเสื้อเขียวก็เอื้อมมือเหนี่ยวกิ่งลงมาจะเก็บ นางเสื้อแดงก็เก็บ ครั้นเก็บแล้วก็ปล่อยกิ่ง กิ่งชมพู่ลัดขึ้นไปถูกซีเทียนที่มานอนอยู่
ซีเทียนไต้เซียตกใจตื่นขึ้น คลายมนต์กายกลับเป็นรูปเดิม ถือกระบองเหล็กคู่มือ แล้วร้องตวาดด้วยเสียงอันดังว่า อีพวกผีปิศาจเหล่านี้อยู่ที่ไหน จึงอาจสามารถเข้ามาในสวนเก็บผลชมพู่ของกูได้
ฝ่ายพวกนางเทพธิดาทั้งเจ็ดองค์ได้ยินดังนั้นก็ตกใจ คุกเข่าลง แล้วก็คำนับบอกว่า พวกข้าพเจ้าทั้งเจ็ดคนนี้ถือรับสั่งพระแม่เจ้าให้มา เพราะพวกข้าพเจ้าทั้งหลายเหล่านี้เป็นพนักงานเก็บผลชมพู่ทุก ๆ ปี ท้าวตี่ก๋งบอกว่า ท่านอยู่ในสวน ข้าพเจ้าเข้ามาจะคำนับท่านก็ไม่พบท่าน ครั้นจะรอให้พบท่านก็จะไม่ทันราชการการ เกรงจะมีความผิด เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงบอกแก่ท้าวตี่ก๋งว่า จะขอเก็บผลชมพู่ก่อน เมื่อท่านกลับมาจึงค่อยบอกความต่อหลังก็จะได้ จะได้ไม่เสียเวลา ขอท่านอย่าได้ถือโทษพวกข้าพเจ้าเลย เพราะคราวนี้จะเลี้ยงโต๊ะเป็นการประชุมใหญ่
ซีเทียนไต้เซียได้ฟังดังนั้นก็หายโกรธ กลับมีความยินดี พูดแก่นางทั้งเจ็ดให้ลุกขึ้น แล้วจึงถามว่า เจ้าแม่ทำการประชุมใหญ่เลี้ยงโต๊ะคราวนี้ จะเชิญผู้ใดบ้าง
นางฟ้าทั้งเจ็ดองค์จึงบอกว่า ทุกคราวทุกครั้งที่เคยทำมาแล้วนั้น ทิศประจิม ได้เชิญพระโพธิสัตว์กับผู้สำเร็จ ทิศพายัพ น้ำเก็กไต้เซียน แลพระกวนอิม ทิศบูรพา ช่องอินไต้ตี่ กับจิวเต๊าเซียนกง ทิศอุดร ปักเก๊กเหี้ยนเล้ง ทิศใต้ ยิดเค๊กอึงกั่กไต้เซียน แลทั่วไปทุก ๆ ภูมิสถาน เทพยดาเทพารักษ์ในจักรวาลจะมาประชุมพร้อมกันในเวลานั้น เป็นมหาชัยมงคลอันใหญ่สำหรับปี
ซีเทียนไต้เซียได้ฟังนางเทพธิดาทั้งเจ็ดบอกเล่าดังนั้น จึงถามต่อไปอีกว่า เจ้าแม่ได้เชิญเราด้วยหรือไม่ ด้วยเราก็เป็นเซียนผู้สำเร็จเหมือนกัน
นางเทพธิดาทั้งเจ็ดตอบว่า ที่ข้าพเจ้าเล่ามานี้ตามที่เคยมาทุกปีแล้ว แต่ในคราวนี้ยังไม่ทราบว่าจะเชิญผู้ใดมากน้อยเท่าใด ข้าพเจ้าหาทราบไม่ ซีเทียนจึงบอกแก่นางทั้งเจ็ดว่า ถ้ากระนั้น นางจงคอยเราสักประเดี๋ยว เราจะไปฟังข่าวดูว่าจะเป็นประการใด พูดแล้วซีเทียนก็สำรวมร่ายพระคาถาผูกนางทั้งเจ็ดไว้แล้วบอกว่า เจ้าจงยืนอยู่ที่นี่ก่อน นางทั้งเจ็ดถูกมัดด้วยเวทมนต์ก็พากันยืนแข็งอยู่ใต้ต้นชมพู่ ซีเทียนก็เหาะไปยังตำหนักเจ้าแม่ตรวจดูว่าจะสนุกสนานครึกครื้นประการใด
แต่เมื่อซีเทียนเหาะไปนั้นพรรเอิญมาพบชิดเคียดไต้เซียนเทวดาองค์หนึ่งเหาะมา ซีเทียนก้มศีรษะคำนับแล้วคิดอุบายถามว่า ท่านไต้เซียนจะไปข้างไหน ชิดเคียดไต้เซียนจึงบอกว่า นางอ๋องโป๊เนี่ยเนี้ยให้ไปเชิญมาประชุมเลี้ยงโต๊ะคราวใหญ่ ซีเทียนจึงพูดว่า ดีแล้ว พบท่านตามทาง ข้าพเจ้าจะบอกท่านไต้เซียนให้ทราบว่า เง็กเซียงฮ่องเต้เห็นว่าข้าพเจ้าเหาะเหินเร็ว จึงใช้ให้ข้าพเจ้าไปคอยทุกหนทางเพื่อให้เชิญไต้เซียนทั้งหลายไปประชุมที่ปราสาทธงเม่งเต้ยก่อน แล้วจึงไปที่ประชุมเลี้ยงโต๊ะต่อภายหลัง ชิดเคียดไต้เซียได้ฟังดังนั้นก็สำคัญว่าจริง จึงเหาะกลับไปยังวิมานธงเม่งเต้ย
ซีเทียนเห็นชิดเคียดไต้เซียนกลับหลังไปแล้ว ซีเทียนก็ร่ายคาถาแปลงกายเป็นชิดเคียดไต้เซียนรีบเหาะไปยังที่ประชุมเลี้ยงโต๊ะ ครั้นถึงแล้วก็ลงเดินเข้าไปในตำหนัก เห็นที่บนโต๊ะจัดแจงแต่งตั้งไว้ล้วนประดับประดาด้วยเครื่องวิเสทงดงามประหลาดต่าง ๆ ในมนุษยโลกไม่มีที่จะเปรียบได้ เครื่องโภชนาโอชารสทิพย์ต่าง ๆ ดูเรียบเรียงไว้เรียงรายเป็นลำดับ ดูน่ากินยิ่งนัก ยังคอยท่าแต่หมู่เทพยดายังหามีใครมาไม่ ซีเทียนตรวจดูเห็นไม่รู้สิ้นสุด ขณะเมื่อซีเทียนยืนดูอยู่นั้น หอมกลิ่นทิพโอชารสสุรามากระทบจมูกเข้า ซีเทียนจึงหันมาเห็นทิพสุราตั้งอยู่ข้างฝาสองสามคนโท ล้วนแต่สุราทิพย์ที่กลั่นอย่างวิเศษ ซีเทียนเห็นดังนั้นนึกอยากจนน้ำลายไหลออกมา อยากจะเดินเข้าไปหยิบกินก็นึกเกรงพวกรักษาการยังเฝ้าอยู่ ซีเทียนจึงถอนขนตัวใส่ปากเสกคาถาพ่นออกไปเป็นตัวแมลงหวี่ต่าง ๆ บินไปจับเกาะนัยน์ตาทุก ๆ เซียน พนักงานเหล่านั้นก็คันหูคันตาหาวนอน ต่างก็ง่วงงัวเงียมือเท้าอ่อนสัปหงกหลับ ต่างก็ล้มนอนไปทั้งสิ้น ซีเทียนเห็นดังนั้นก็เดินเข้าไปหยิบคนโทสุราทิพย์รินออกมากินตามสบายใจ เมาจนไม่รู้สึกตัว แล้วกลับได้สติคิดขึ้นได้ว่า ไม่ดี ไม่ควร ถ้าช้าอยู่ที่นี่ เทวดามาประชุมพร้อมกันเข้าก็จะจับตัวเรา ทำอย่างไรดี เห็นจะสู้กลับไปนอนยังที่จะดีกว่า คิดดังนั้นแล้วก็ลุกเดินโซเซออกมาจากที่นั่นจะเหาะกลับมา พรรเอิญหลงไปหาใช่ที่อยู่ไม่ เหาะไถลไปยังชั้นวิมานดุสิต ที่วิมานนี้พ้นวิมานดาวดึงส์มาแล้ว ซีเทียนครั้นเหาะเลยขึ้นไปก็พอสร่างสุราได้สติขึ้นก็แลเห็นวิมานชั้นดุสิต นึกขึ้นได้ว่า เราหลงทางขึ้นมาถึงที่นี่ก็พ้นวิมานดาวดึงส์มาได้แล้ว ซึ่งมาถึงที่นี้เห็นจะเป็นชั้นพรหมที่ท่านท้ายเสียงเล่ากุนอยู่ ซีเทียนคิดจะเข้าไปหาท้ายเสียงเล่ากุน แต่วิตกที่ตนไม่เคยมา คิดว่า เราหลงมาเวลานี้ จำจะต้องเข้าไปหาดูก่อนเห็นจะดี คิดแล้วก็สำรวมกิริยาเดินเข้าไปเหลียวซ้ายแลขวาเห็นเงียบสงัดไม่ได้เห็นใครสักคนเดียว เพราะในเวลานั้น ท้ายเสียงเล่ากุนอยู่บนตำหนักชั้นสูง คอยฟังพระเหยียเตงเทศนา พระเหยียนเตงนั้นคือพรหมผู้ใหญ่ หมู่เทพยดาใหญ่น้อยเคยมาประชุมแวดล้อมคอยฟังเทศนา
ซีเทียนค่อย ๆ เดินเข้ามาในห้องยาของท้ายเสียงเล่ากุน ปรารถนาจะถามความก็ไม่เห็นมีใคร เหลียวซ้ายแลขวาจึงเห็นน้ำเต้าใส่ยาอยู่บนชั้น แลมีน้ำเต้าห้าลูก ในน้ำเต้านั้นล้วนแต่ใส่ยาวิเศษสำเร็จแล้ว ซีเทียนเห็นแล้วก็ดีใจจึงคิดว่า ของสิ่งนี้ตั้งแต่เราสำเร็จจะขอเรียนวิชาเป็นแพทย์ประกอบยาวิเศษอย่างนี้ไว้ช่วยมนุษย์ พรรเอิญไม่ให้มีเวลาว่าง วันนี้เห็นเป็นอุปนิสัยอันใหญ่ จึงให้หลงมาพบยาอันวิเศษ แลท้ายเสียงเล่ากุนก็ไม่อยู่ด้วย จำเราจะลองกินสักสองเม็ด เป็นลาภปากที่เราได้มาปะเข้าแล้ว คิดดังนั้นแล้วก็เข้าไปหยิบน้ำเต้าเทยาออกมาใส่ปากเคี้ยวกินเล่นดุจถั่วคั่ว กินจนหมดยาในน้ำเต้าทั้งห้าลูก ครั้นซีเทียนกินยาหมดแล้ว ฤทธิ์เมาสุรานั้นก็หายไป ครั้นได้สติก็คิดวิตกว่า ตัวเราไม่ดี ทำการเกินตัวครั้งนี้โทษเราใหญ่หลวงเท่าฟ้าแลดิน จำเราจะหนีกลับลงไปยังที่เดิมอันเคยอยู่ของเรา คิดแล้วก็ออกจากวิมานเหาะกลับออกมาทางทิศประจิม ร่ายพระเวทวิทยากำบังกายรีบเหาะตรงลงมายังเขาฮวยก๊วยซัว ครั้นถึงปากถ้ำจุ๊ยเลียมต๋องจึงร้องเรียกบริวารวานรว่า พวกเจ้าทั้งหลาย เรากลับมาแล้ว
ฝ่ายพวกบริวารเมื่อได้ยินเสียงซีเทียนไต้เซียดังนั้น ต่างก็มีความยินดี กรูกันออกมาคำนับถามว่า ไต้เซียไปสบายใจนานแล้ว ไม่ลงมาเยี่ยมเยือนพวกข้าพเจ้าบ้างเลย ท่านมีสุขทุกข์ประการใด
ซีเทียนเดินพลางพูดพลางด้วยพวกบริวารว่า เราไปก็ไม่สู้นานกี่วันนัก ครั้นเดินถึงในถ้ำขึ้นนั่งบนแท่นแล้ว แล้ววานรนายทหารทั้งสี่พร้อมด้วยบริวารใหญ่น้อยคำนับแล้วถามว่า ท่านไต้เซียขึ้นไปอยู่บนสวรรค์มีความสุขสำราญอย่างไรบ้าง แลได้รับหน้าที่เป็นขุนนางตำแหน่งอะไร
ซีเทียนได้ยินบริวารถามดังนั้นจึงหัวเราะแล้วพูดว่า ในคราวนี้ขึ้นไปเฝ้า เง็กเซียงฮ่องเต้โปรดปรานมาก ทรงตามใจตั้งให้เราเป็นซีเทียนไต้เซีย แล้วโปรดให้มีที่สำนักสองแห่ง แลให้พนักงานไว้ใช้สอย มาวันหนึ่ง ท่านเห็นว่าเราไม่มีหน้าที่ราชการอันใด จึงโปรดรับสั่งให้เราไปดูการในสวนชมพู่ ครั้นอยู่มา นางท้าวเทวราชจะประชุมการเลี้ยงโต๊ะคราวใหญ่ เชิญเทพยดาเทพารักษ์ทั้งหลาย แต่ตัวเราท่านมิได้เชิญ เพราะฉะนั้น เราจึงลอบไปก่อน ลักกินสุราทิพย์แลเครื่องโอชารสเสียสิ้น เราเมาสุราเดินหลงทางเลยไปยังสำนักท้ายเสียงเล่ากุนลักยาวิเศษกินหมดทั้งห้าน้ำเต้า ครั้นกินแล้วก็สร่างเมา เราวิตกว่า จะทราบถึงเง็กเซียงฮ่องเต้ จะมีโทษถึงสิ้นชีวิต เพราะฉะนั้น เราจึงต้องหนีกลับลงมาเสียดังนี้
พวกบริวารได้ฟังดังนั้นก็พากันมีความยินดี จึงพร้อมกันจัดแจงเครื่องแกล้มแลสุรามาตั้งเรียงราย แล้วก็รินสุราออก แลยกขึ้นคำนับซีเทียน ซีเทียนก็รับดื่มเข้าอึกหนึ่งก็หน้านิ่วคิ้วย่นร้องว่า กินไม่ดี ๆ แลพูดว่า เมื่อเราลักสุราที่อ๋องโป๊เนี่ยเนี้ยเลี้ยงโต๊ะกินนั้นรสดีกว่าสุรานี้ ด้วยสุรานั้นเป็นของทิพย์ กินแล้วก็ทำให้อายุยืนไม่แก่ไม่ตาย
พวกวานรทั้งหลายเหล่านั้นได้ยินซีเทียนไต้เซียพูดดังนั้นต่างก็ดีใจอยากจะได้กินบ้าง จึงพูดว่า ซีเทียนไต้เซียไปเถิด ข้าพเจ้าจะคอยท่า
ซีเทียนได้ฟังบริวารว่าดังนั้นก็รีบออกจากถ้ำเหาะขึ้นไปยังตำหนักเอี้ยวตี้ ครั้นถึงแล้ว ซีเทียนก็ร่ายคาถากำบังตัวเดินตรงเข้าไปข้างใน แลเห็นเซียนเหล่านั้นยังนั่งสัปหงกง่วงอยู่ ซีเทียนก็เข้าไปหยิบสุราทิพย์ได้สองขวด แล้วหนีบรักแร้อีกสองขวด ก็ถือเอามาแล้วเดินออกมาพ้นวิมาน ก็เหาะมายังเขาฮวยก๊วยซัว บอกบริวารให้จัดโต๊ะประชุมให้พร้อมกัน จะได้เสพสุราอันมีนามว่า เซียมจิ้วหวย คือ สุราทิพย์สำหรับเทวดากิน ครั้นจัดแจงเสร็จแล้วก็พากันเสพสุราทิพย์เป็นที่รื่นเริง
ฝ่ายนางฟ้าทั้งเจ็ดคนที่ถูกซีเทียนร่ายคาถามัดอยู่ในสวนนั้น ครั้นซีเทียนลงไปเมืองมนุษย์แล้ว มนต์ก็เสื่อมคลาย จึงหลุดออกมาได้ นางทั้งเจ็ดก็รีบยกกระเช้าชมพู่กลับเข้าไปในตำหนักวิมาน คำนับแล้วยืนก้มหน้านิ่งอยู่
อ๋องโป๊เนี่ยเนี้ยนางเทวราชจึงถามนางทั้งเจ็ดว่า พวกเจ้าไปเก็บชมพู่ได้มามากน้อยเท่าใด
นางทั้งเจ็ดจึงทูลว่า สวนนอกได้สองกระเช้าเล็ก สวนกลางได้สามกระเช้า สวนหลังนั้นไม่ได้เลย ข้าพเจ้าคิดดูเห็นซีเทียนไต้เซียจะลักเก็บกินเป็นแน่ เพราะในเวลานั้น ข้าพเจ้าทั้งหลายกำลังค้นผลชมพู่อยู่ ซีเทียนอยู่ที่ไหนก็ไม่ทราบ กระโดดออกมาร้องตวาดพวกข้าพเจ้า แล้วถามว่า เจ้าแม่จะเลี้ยงโต๊ะ จะเชิญท่านผู้ใดบ้าง พวกข้าพเจ้าจึงบอกว่าตามเคยที่เจ้าแม่ได้เชิญนั้นเล่าให้ฟัง แล้วซีเทียนก็ร่ายคาถามัดพวกข้าพเจ้าให้ยืนนิ่งอยู่ที่นั้น มาถึงเวลานี้จึงได้หลุดกลับมาได้
นางเทวราชอ๋องโป๊เนี่ยเนี้ยได้ฟังดังนั้นแล้วก็รีบขึ้นไปยังปราสาทเหลงเซียวเต้ย กราบทูลเง็กเซียงฮ่องเต้ให้ทรงทราบทุกประการ
ขณะเมื่ออ๋องโป๊เนี่ยเนี้ยกำลังทูลอยู่นั้น พวกเซียนเฝ้าสุราทิพย์พากันกราบทูลอีกว่า ไม่ทราบว่าผู้ใดลอบแอบเข้าไปลักสุราทิพย์ไปหมด ทั้งเครื่องทิพโอชาก็เปื้อนเปรอะไปทั้งนั้น
ในขณะนั้น เทพยดาแลเซียนทั้งสี่มากราบทูลเง็กเซียงฮ่องเต้อีกว่า ท้ายเสียงเล่ากุนมาแล้ว เง็กเซียงฮ่องเต้ได้ทรงฟังแล้วก็ลงมาทิพบัลลังก์พร้อมกับนาวท้าวเทวราชออกมารับท้ายเสียงเล่ากุนเข้ามา
ท้ายเสียงเล่ากุนจึงทูลแก่เง็กเซียงฮ่องเต้ว่า ในตำหนักของข้าพเจ้านั้นประกอบยาวิเศษสำเร็จแล้ว ไว้หวังจะนำเอามายังที่ประชุมให้เทพยดารับพระราชทาน บังเอิญถูกขโมยลักไปเสียหมดแล้ว ขอพระองค์ได้ทรงทราบ
เง็กเซียงฮ่องเต้ได้ทรงฟังท้ายเสียงเล่ากุนแจ้งดังนั้นก็ตกพระทัยตะลึงไป สักครู่หนึ่ง พวกเซียนที่รับใช้ของซีเทียนเข้ามากราบทูลว่า ซีเทียนไต้เซียไม่ดูแลการในสวน หายไปตั้งแต่วานนี้แล้วก็ไม่เห็นกลับมา ไม่ทราบว่าจะไปแห่งหนตำบลใด ขอพระองค์ได้ทรงทราบ
เง็กเซียงฮ่องเต้ได้ทรงฟังพวกเซียนทูลดังนั้นก็ยังทรงนิ่งนึกตรึกตรองอยู่ แล้วทอดพระเนตรเห็นชิดเคียดไต้เซียนเข้ามากราบทูลอีกว่า ข้าพเจ้าได้รับเชิญเจ้าแม่มาประชุมเมื่อวานนี้ ปะซีเทียนไต้เซียบอกว่า พระองค์ให้บรรดาเทพบุตรแลเซียนเข้ามาประชุมที่ปราสาทธงเม่งเต้ยก่อน แล้วจึงค่อยไปตำหนักเอี้ยวตี้ต่อภายหลัง ข้าพเจ้าก็สำคัญว่าจริง จึงได้กลับมายังธงเม่งเต้ย ก็มิได้เห็นพระองค์ ข้าพระองค์จึงได้เลยมาเฝ้าในครั้งนี้
เง็กเซียงฮ่องเต้ได้ทรงฟังดังนั้นก็ยิ่งหวาดหวั่นพระทัยยิ่งนัก จึงรับสั่งว่า เราหาได้สั่งแก่ซีเทียนไต้เซียไม่ มันคงหลอกให้ท่านหลงเชื่อมัน การคงจะเป็นดังนี้แน่ ตรัสดังนั้นแล้วจึงรับสั่งให้เฉเหลงกัวเทพบุตรไปสืบดูทั่วทุกวิมานว่าจะเป็นด้วยเหตุประการใด เฉเหลงกัวรับรับสั่งแล้วถวายบังคมลาออกมา แล้วก็เที่ยวไปสืบดูทุก ๆ วิมาน ครั้นได้ทราบความแน่แล้วก็กลับมากราบทูลเง็กเซียงฮ่องเต้ว่า ขอพระองค์ได้ทรงทราบ ซึ่งเกิดความวุ่นวายนั้นมิใช่ใครอื่นไกล ซีเทียนนั้นแล ขอพระองค์ทรงทราบ
เง็กเซียงฮ่องเต้เมื่อได้ทรงฟังดังนั้นก็ทรงพระพิโรธ รับสั่งให้ท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ พร้อมด้วยถักทะลีทีอ๋อง กับโลเฉีย แลดาวยี่สิบแปดดวง สิบสองง่วนสิน แลดาวทั้งเก้า กับเง้าฮวนเจี่ยวเทพารักษ์ กับเทวดาทั้งสี่ทิศ พร้อมกันทั้งพลเทพยดา รวมได้สิบหมื่น
ครั้นจัดกันพร้อมแล้วก็พร้อมกันถวายบังคมลาออกจากประตูนำทีหมึง ถักทะลีทีอ๋องเร่งพลเทพยดาเหาะตรงลงมายังเขาฮวยก๊วยซัว ครั้นถึงแล้ว ถักทะลีทีอ๋องสั่งให้รายพลล้อมเขาฮวยก๊วยซัวไว้แน่นหนา แล้วถักทะลีทีอ๋องสั่งให้เก๊าเอี๋ยวดาวทั้งเก้าเข้าไปหน้าถ้ำชวนซีเทียนไต้เซียให้ออกมารบ เก๊าเอี๋ยวก็ยกพลเข้าไปร้องท้าทายที่ปากถ้ำ
ฝ่ายพวกบริวารวานรทั้งหลายเมื่อได้ยินเก๊าเอี๋ยวมาร้องท้าดังนั้น ก็รีบนำความเข้าไปบอกแก่ซีเทียนไต้เซีย ซีเทียนไต้เซียเมื่อได้ฟังวานรนำความมาแจ้งดังนั้นก็มิได้แสดงความครั่นคร้ามหวาดเสียวแต่อย่างหนึ่งอย่างใด นั่งเสพสุราเฉยอยู่ แล้วจึงพูดว่า วันนี้เรากินสุราเมาอยู่ อย่าให้ใครเป็นธุระพวกบ้าเลย พูดยังไม่ทันขาดคำ พวกวานรวิ่งเข้ามาบอกอีกว่า เทวดาทั้งเก้าองค์ได้กล่าวคำหยาบช้าต่อไต้อ๋องมากมายนัก
ฝ่ายซีเทียนไต้เซียเมื่อได้ฟังพวกวานรมาบอกดังนั้นจึงบอกว่า ช่างเขาเถิด จะด่าว่าประการใดก็ช่างเขา ท่านทั้งหลายอย่าเอาเป็นธุระเลย เรามีสุราสู่กันกินให้สบาย อย่าวิตกทุกข์ร้อนอะไรไปทำไม
ซีเทียนพูดยังไม่ทันจะขาดคำลง พวกวานรวิ่งเข้ามาบอกว่า เทพารักษ์เก้าองค์ทำลายประตูถ้ำเสียแล้ว พากันตีเข้ามาเกือบจะถึงอยู่แล้ว
ซีเทียนได้ฟังดังนั้นจึงเรียกต๊อกกั่กกุยอ๋องเซียนฮองให้พายักษ์เจ็ดสิบสองถ้ำแลพวกทหารวานรยกออกไปก่อน
ฝ่ายต๊อกกั่กกุ๊ยอ๋อง เซียนฮองแม่ทัพหน้า รับคำสั่งแล้วก็รีบจัดทหาร เสร็จแล้วก็ขับทหารออกไปก่อน ฝ่ายซีเทียนชักกระบองออกกวัดแกว่งแลเรียกหมู่ทหารวานรพร้อมกันหนุนออกมา
ฝ่ายต๊อกกั่กกุ๊ยอ๋องเซียนฮองครั้นออกมาถึงนอกถ้ำเห็นเทพารักษ์เก้าองค์ตั้งสกัดทางขวางหน้าอยู่ที่สนามเล็ก จะออกไปหาได้ไม่ พอซีเทียนมาถึงเข้าแล้วแลเห็นดังนั้นก็ร้องตวาดด้วยเสียงอันดังว่า จงรีบเปิดทางโดยเร็ว ว่าแล้วก็สำแดงฤทธาแกว่งกระบอกโจมตีออกมาด้วยกำลัง
ฝ่ายเทพารักษ์เก้าองค์จะต่อสู้ต้านทานกำลังซีเทียนมิได้ ก็ล่าถอยออกมาตั้งรายเป็นกระบวนอยู่ แล้วจึงพูดแก่ซีเทียนว่า ตัวท่านไม่รู้จักความตายจะถึงตัว เจ้าบังอาจล่วงละเมิดกระทำความผิดเป็นมหันตโทษ กินชมพู่ในสวนจนหมดแล้ว ยังมิหนำซ้ำไปลักสุรากินอีกเล่า ใช่แต่เท่านั้น ยังกระทำวุ่นวายหลอกลวงให้การประชุมของนางท้าวเทวราชอ๋องโป๊เนี่ยเนี้ยเสียไปด้วย แล้วมิหนำซ้ำยังลักสุราลงมาเลี้ยงพวกของตัวอีก ทำการชั่วร้ายแรงนัก ยังไม่รู้โทษตัวว่ากระทำผิดหรือ
ซีเทียนได้ยินเทพารักษ์ว่าดังนั้นก็หัวเราะ แล้วตอบว่า การทั้งปวงก็จริงดังท่านว่า แต่บัดนี้ ท่านจะทำประการใดเราก็ให้เร่งว่ามาเถิด
เทพารักษ์เก้าองค์จึงตอบว่า เรารับคำสั่งของเง็กเซียงฮ่องเต้ให้ลงมากำจัดตัวเจ้า เจ้าจงยกเสียโดยดี ถ้าขืนดื้อดึงต่อสู้แก่เรา พวกเจ้าก็จะถึงความวินาศลงด้วยฝีมือเราแลพลแห่งเทพยดาทั้งหลาย
ซีเทียนจึงว่า ตัวเป็นแต่เทพารักษ์เล็กน้อย จะมีฤทธิ์เดชสักเท่าใด จึงมาพูดข่มขี่บังคับเรา แม้ได้ถูกกระบองเหล็กสักทีหนึ่งจึงจะรู้สำนึกตนว่าจะเป็นประการใด
เทวดาทั้งเก้าองค์ได้ฟังซีเทียนหมิ่นประมาทดังนั้นก็มีความโกรธ จึงพร้อมกันเรียงหน้าโจมตีเข้าไปด้วยกำลัง ซีเทียนแกว่งกระบอกเหล็กกายสิทธิ์รับรองป้องปัดต่อสู้เทพารักษ์เก้าองค์ด้วยกำลังอันเรี่ยวแรงแข็งขัน เทพารักษ์ทั้งเก้าองค์จะรบรอต่อกรแลทานกำลังซีเทียนก็มิได้ ก็ล่าถอยกลับเข้าค่ายชี้แจงแก่ถักทะลีทีอ๋องแม่ทัพว่า ซีเทียนมีกำลังฤทธิ์เดชเข้มแข็งนัก จะต่อสู้ทานกำลังมิได้ ขอท่านได้ทราบ
ถักทะลีทีอ๋องได้ฟังเทพารักษ์ทั้งเก้าองค์ชี้แจงดังนั้นจึงสั่งให้ท้าวจตุโลกบาล แลยี่จับโป้ยสือ คือ ดาวยี่สิบแปดดวง พร้อมกันออกไปรบ
ซีไต้เซียนอ๋องกับเทพยดาทั้งหลายรับคำสั่งแล้วก็คำนับลาแม่ทัพ ยกพลทหารออกไปตั้งกระบวนรบอยู่ที่สมรภูมิชัย
ฝ่ายซีเทียนก็จัดให้ต๊อกกั่กกุ๊ยอ๋องเซียนฮอง แลนายปิศาจยักษ์ทั้งเจ็ดสิบสองถ้ำ กับวานรทหารเอกทั้งสี่ พร้อมกันยกออกไปตั้งอยู่หน้าถ้ำคอยทีข้าศึกอยู่
ครั้นสองทัพยกมาประจันหน้า ต่างก็เข้าต่อยุทธรบสู้กันเป็นสามารถ ต๊อกกั่กเซียนฮองทั้งสอง แลพวกยักษ์เจ็ดสิบสองถ้ำ แลพวกบริวารวานรทั้งหลาย จะต่อสู้พลเทพารักษ์มิได้ เสียทีจับไปได้ทั้งสิ้น เหลือแต่นายทหารวานรทั้งสี่แลพวกวานรเท่านั้นหลบหนีเข้าถ้ำไปได้
ฝ่ายซีเทียนเห็นพวกของตนพ่ายแพ้แก่เทพยดาดังนั้นก็มีความโกรธเป็นอันมาก สองตาลุกดังดวงดาวโรหิณี ขนทั่วทั้งกายพองชันดุจขนเม่น ก็ขบฟันแกว่งกระบองเข้ารุกไล่โจมตีเทพยดาทั้งหลายแตกร่นออกไปไม่สามารถจะทานกำลังซีเทียนได้
ถักทะลีทีอ๋อง กับโลเฉีย แลท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ เห็นพวกเซียนแตกย่นอ่อนกำลัง ต่างก็เข้าช่วยกันระดมรบซีเทียนแลล้อมไว้จนเวลามืดลงทุกที ซีเทียนเห็นดังนั้นก็ถอดขนเพชรในตัวออกกำมือหนึ่ง แล้วก็ใส่ปากร่ายพระเวทคาถาพ่นออกไปเป็นซีเทียนนับได้หมื่นแลแสนตนล้วนแต่ถือกระบองเหล็กเหมือนซีเทียนตรงเข้าโจมตีมิได้รั้งรอ ซีไต้เซียนอ๋อง กับแม่ทัพเทพยดา แลพลโยธาทั้งหลายไม่สามารถจะต่อต้านทานกำลังรูปซีเทียนนิรมิตได้ ก็แตกร่นถอยหนีพากันกลับเข้าค่าย
ซีเทียนเห็นดังนั้นก็ร่ายพระเวทคาถาเรียกขนเพชรกลับเข้ากาย แล้วเหาะกลับมายังปากถ้ำ พวกวานรบริวารก็พากันออกมาต้อนรับ บางตัวก็หัวเราะ บางตัวก็ร้องไห้ ซีเทียนจึงถามว่า เหตุไรพวกเจ้าหัวเราะแลร้องไห้ด้วยฉะนี้เล่า
พวกวานรบริวารจึงบอกว่า ที่ข้าพเจ้าหัวเราะนั้นเพราะดีใจว่าท่านได้ชัยชนะ ที่ร้องไห้นั้นเพราะคิดถึงเซียนฮองแลพวกนายปิศาจยักษ์เจ็ดสิบสองถ้ำที่เทพยดารบจับเอาตัวไปได้
ซีเทียนจึงพูดว่า ธรรมดารบกันไม่แพ้ก็ชนะ ท่านทั้งหลายอย่าวิตกไปเลย พวกเจ้าจงระวังรักษาปากถ้ำของเราไว้ให้แข็งแรง เราจะพักผ่อนเอาแรงไว้สู้รบในวันพรุ่งนี้ เราจะแผลงฤทธิ์จับตัวพวกเทพยดาแก้แค้นแทนพวกเราให้จงได้
พวกวานรทั้งหลายได้ฟังซีเทียนว่าดังนั้นก็ค่อยมีน้ำใจขึ้น จึงช่วยกันปิดประตูถ้ำ แล้วก็ผลัดกันหลับนอนผ่อนพักเอากำลังแลผลัดเปลี่ยนกันรักษาหน้าที่
ฝ่ายพวกเทพยดาแลท้าวจตุโลกบาลรวมพลเข้าแล้วก็ตรวจตราดูพวกปิศาจยักษ์ที่จับมาได้ บ้างเป็นเสือเป็นลิงมีลักษณะรูปร่างต่าง ๆ กัน จับไม่ได้ก็แต่พวกวานร ถักทะลีทีอ๋องจึงสั่งให้ตั้งล้อมเขาฮวยก๊วยซัวไว้ให้แน่นหนา พวกเซียนทั้งหลายก็พร้อมกันจัดการตามแม่ทัพบัญชา สั่งเข้าล้อมเขาฮวยก๊วยซัวไว้ทุกด้านโดยความกวดขัน