ข้ามไปเนื้อหา

ไซอิ๋ว/เล่ม ๑/ตอน ๖

จาก วิกิซอร์ซ
แม่แบบผิดพลาด: มีการลบช่องที่ไม่ได้ใช้ออก โปรดเติมกลับเข้าไป (โปรดดูเอกสารกำกับแม่แบบ)

หน้า ๑๐๕–๑๒๔ สารบัญ



ฝ่ายพระกวนอิมได้รับนิมนต์เจ้าแม่อ่องโป๊เนี่ยเนี้ย จึ่งเสด็จมาจากเขาไฮ้โพ่ท่อซัวกับด้วยศิษย์ทั้งหลาย ถึงวิมานก็เดินตรงเข้ายังตำหนักเอี้ยวตี้ที่ประชุมเลี้ยงโต๊ะนั้น ก็เห็นเงียบสงัดอยู่ ไม่เห็นผู้ใด เห็นแต่เทพบุตรแลเซียนอยู่สองสามองค์นั่งสนทนากันอยู่ พระกวนอิมจึงเข้าไปใกล้ ถามเซียนทั้งหลายเหล่านั้น เซียนทั้งหลายเหล่านั้นเห็นพระกวนอิมก็ยืนขึ้นคำนับ แล้วแจ้งความตามเหตุผลทุกประการให้พระกวนอิมฟัง

พระกวนอิมได้ทราบดังนั้นแล้วจึงพูดว่า ถ้ากระนั้น ท่านจงตามเราไปเฝ้าเง็กเซียงฮ่องเต้ฟังดูจะเป็นประการใด ไต้เซียนทั้งหลายก็ตามพระกวนอิมไปยังปราสาทธงเม่งเต้ย

ในเวลานั้น ซีไต้เทียนซือกับชิดเคียดไต้เซียนจึงออกมาต้อนรับพระกวนอิม พระกวนอิมจึงบอกแก่ไต้เซียนทั้งสองว่า ท่านจงกลับเข้าไปกราบทูลเง็กเซียงฮ่องเต้ว่า อาตมภาพ พระกวนอิม จะมาเฝ้า

เซียนทั้งสองได้ฟังดังนั้นจึงกลับเข้าไปกราบทูลเง็กเซียงฮ่องเต้ว่า พระกวนอิมจะขอเข้ามาเฝ้า

เง็กเซียงฮ่องเต้ได้ทรงทราบดังนั้นจึงรับสั่งว่า ให้นิมนต์ท่านเข้ามาเถิด เซียนทั้งสองก็ออกไปนิมนต์พระกวนอิมเข้ามาเฝ้า เง็กเซียงฮ่องเต้จึงนิมนต์ให้นั่งที่อันสมควร

ในเวลานั้น ท้ายเสียงเล่ากุนไต้เซียน แลนางท้าวเทวราชอ๋องโป๊เนี่ยเนี้ย ก็พร้อมกันนมัสการพระกวนอิม แล้วพระกวนอิมจึงถามการประชุมเลี้ยงโต๊ะเหตุผลประการใดจึงได้เงียบสงบไปดังนี้

เง็กเซียงฮ่องเต้จึงตรัสว่า ทุก ๆ ปีมาก็เป็นที่รื่นเริงโดยการประชุม มาในปีนี้เป็นเหตุด้วยวานรปิศาจตนหนึ่งได้กระทำให้เกิดการวุ่นวาย ข้าพเจ้ามีความเศร้าหมองใจมาก เพราะฉะนั้น จึงได้จัดพลเทพบุตรสิบหมื่นลงไปกำจัดวานรมาได้วันหนึ่งแล้ว ยังหาเห็นกลับขึ้นมาไม่ การจะเป็นประการใดก็ยังไม่ทราบต่อไป

พระกวนอิมได้ทราบดังนั้นแล้วจึงเรียกฮุยไง้ สานุศิษย์คนใหญ่ มา แล้วสั่งว่า ท่านจงลงไปฟังข่าวที่เขาฮวยก๊วยซัวสืบดูซึ่งเหตุการณ์ที่รบพุ่งกันนั้นให้รู้ว่าจะเป็นประการใด ถ้าปะกำลังรบสู้กันอยู่ ก็จงเข้าช่วยเป็นกำลังแห่งเทพยดาทั้งหลายด้วย

ฮุยไง้คนนี้ คือ ปุดเฉีย ซึ่งเป็นบุตรที่สองของถักทะลีทีอ๋องแม่ทัพ ฮุยไง้รับคำสั่งพระอาจารย์แล้วก็จัดแจงแต่งกายเสร็จ มือจับกระบองเหล็ก ลาพระอาจารย์ ออกจากประตูนำทีหมึง เหยียบเมฆเหาะตรงลงมายังเขาฮวยก๊วยซัว ครั้นถึงก็เดินตรงมาที่หน้าเขา เห็นหมู่เทพบุตรตั้งทัพล้อมเขาฮวยก๊วยซัวอยู่ ฮุยไง้ตรงมายังประตูค่าย จึงเรียกเทพบุตรผู้รักษาประตูบอกว่า ท่านจงไปแจ้งความแก่ท่านแม่ทัพว่า ข้าพเจ้า บุตรที่สองของถักทะลีทีอ๋อง ซึ่งเป็นสานุศิษย์ของพระกวนอิมใช้ให้มาสืบข่าวในทัพที่รบพุ่งกัน ท่านนำความไปแจ้งแก่ท่านแม่ทัพด้วยเถิด

ผู้เฝ้าประตูจึงบอกต่อ ๆ กันไปจนทราบถึงถักทะลีทีอ๋อง ถักทะลีทีอ๋องจึงอนุญาตให้เซียนพนักงานนำเข้ามาหา ฮุยไง้เข้ามาถึงจึงกระทำคำนับท่านแม่ทัพผู้เป็นบิดาแล้วยืนอยู่ข้างหนึ่ง ถักทะลีทีอ๋องจึงถามบุตรว่า เจ้ามาทำไม มีกิจธุระสิ่งใดหรือ

ฮุยไง้จึงแจ้งความแก่บิดาว่า ข้าพเจ้าตามพระกวนอิมขึ้นไปยังดาวดึงส์ที่ตำหนักเอี้ยวตี้ ครั้นไปถึง ท่านอาจารย์ไม่เห็นเลี้ยงโต๊ะเงียบสงบอยู่ จึงได้ถามพวกเซียน เซียนทั้งกลายแจ้งความตามเหตุผล พระอาจารย์จึงให้เทพบุตรนำท่านไปเฝ้าเง็กเซียงฮ่องเต้ เง็กเซียงฮ่องเต้จึงได้รับสั่งชี้แจงเหตุผลให้พระอาจารย์ฟัง พระอาจารย์จึงให้ข้าพเจ้าลงมาฟังเหตุการณ์ที่รบกันว่า จะแพ้ชนะประการใด เพื่อจะได้ทราบเรื่องตลอดได้

ถักทะลีทีอ๋องได้ฟังบุตรชี้แจงดังนั้นจึงเล่าความตายการที่ได้รบพุ่งกันแต่เวลาวานนี้ทุกประการให้ฮุยไง้ผู้บุตรฟังยังหาทันขาดคำไม่ เซียนที่เฝ้าประตูเข้ามาบอกว่า บัดนี้ ซีเทียนพาพวกทหารวานรมาร้องท้าทายพูดจาหยาบคายมากชวนให้ออกไปรบกัน

ซีไต้เซียนอ๋องกับถักทะลีทีอ๋องได้ฟังพวกเซียนมาบอกดังนั้นก็จัดแจงพลทหารจะออกรบ ฮุยไง้จึงยืนขึ้นคำนับบอกแก่บิดาว่า ข้าพเจ้าได้รับคำสั่งของพระอาจารย์มาว่า แม้ลงมาสืบข้าว เมื่อปะกำลังรบพุ่งกัน ก็ให้ข้าพเจ้าเข้าช่วยเป็นกำลังแก่บิดาด้วย

เวลานี้ แม้ถึงฤทธาข้าพเจ้าน้อยก็จริง แต่จะขออาสาออกไปรบลองกำลังแลฝีมือข้าศึกดูสักครั้งหนึ่ง ซีเทียนไต้เซียจะมีฤทธิ์เดชประการใด

ถักทะลีทีอ๋องได้ฟังบุตรอาสาดังนั้นจึงอนุญาตว่า ตามแต่น้ำใจเจ้า ไม่ห้ามปราม แต่จงระมัดระวังให้จงหนัก อย่าให้เสียทีแก่ข้าศึกได้

ฮุยไง้ได้ฟังบิดาอนุญาตแลกำชับดังนั้นก็มีความยินดี คำนับลา แล้วก็จับกระบองออกจากค่าย มายืนอยู่ตรงหน้าข้าศึก แล้วก็ร้องออกไปด้วยเสียงอันดังว่า ตัวไหนชื่อ ซีเทียนไต้เซีย จงรีบบอกมาโดยเร็ว

ซีเทียนไต้เซียได้ยินฮุยไง้ร้องถามมาดังนั้นจึงร้องตอบออกไปว่า เรานี้แลผู้ชื่อว่า ซีเทียนไต้เซีย แล้วซีเทียนไต้เซียถามว่า ตัวเจ้าเป็นอะไร จึงสามารถมาถามถึงชื่อเสียงแห่งเราผู้มีอานุภาพหาผู้เสมอมิได้

ฮุยไง้จึงตอบว่า เราคือบุตรที่สองของถักทะลีทีอ๋อง เป็นสานุศิษย์ของพระกวนอิม ชื่อ ฮุยไง้

ซีเทียนได้ฟังดังนั้นจึงพูดว่า เจ้าเป็นศิษย์ของพระกวนอิม ทำไมไม่อยู่ที่น่ำไฮ้รักษาข้อวัตรปฏิบัติอันดีเล่า เหตุใดจึงมาที่นี้ด้วยกิจธุระอันใด

ฮุยไง้ตอบว่า เราได้รับคำสั่งของพระอาจารย์กวนอิมให้มาฟังข่าวในการสงคราม แลเราได้เห็นท่านประพฤติการดุจว่าบุคคลอันหาสติปัญญาความคิดมิได้ เราจึงอาสามาเพื่อจะจับตัวท่านไปให้แม่ทัพ

ซีเทียนจึงตอบว่า ตัวเป็นลูกเด็กเล็กน้อย ไม่ควรมาพูดอวดอ้างวางโต จงมาลองน้ำหนักกระบองของเราดูว่าจะมีพิษสงสักเพียงใด ว่าแล้วซีเทียนก็เงื้อกระบองขึ้นกระโจมตีฮุยไง้ ฮุยไง้ยกกระบองเหล็กขึ้นรับไว้แลต่อสู้โดยสามารถประมาณหกสิบเพลง ฮุยไง้ทานกำลังซีเทียนมิได้ก็ถอยหนีกลับมายังค่าย ซีเทียนเห็นดังนั้นก็หัวเราะ แล้วก็มิได้ไล่ติดตามไป จึงเรียกพลทหารกลับมาหน้าถ้ำ แล้วรายพลตั้งกระบวนรบคอยท่าข้าศึกอยู่

ฝ่ายฮุยไง้หนีกลับเข้าในค่ายแล้วมาคำนับบิดาบอกว่า ซีเทียนมีกำลังแลฤทธิ์เดชมากนัก ข้าพเจ้าเข้าลองฝีมือต่อสู้ก็ทานกำลังมิได้ จึงล่าถอยมา

ถักทะลีอ๋องได้ฟังฮุยไง้ผู้บุตรบอกดังนั้นก็ให้มีความวิตกยิ่งนัก จึงปรึกษาหารือตามเหตุที่ได้สู้รบแก่ข้าศึก เห็นพร้อมกันแล้ว จึงเขียนข้อความบอกเหตุการณ์ที่ได้ต่อสู้แลพ่ายแพ้แก่ศัตรูมอบให้ตั้วลักกุ้ยอ๋องพร้อมกับด้วยฮุยไง้ถือกลับขึ้นไปยังดาวดึงส์ถวายเง็กเซียงฮ่องเต้ เง็กเซียงฮ่องเต้เมื่อได้ทราบแล้วก็ทรงพระสรวลตรัสว่า วานรปิศาจตัวเดียวสามารถต่อสู้เทพยดาได้ถึงสิบหมื่น ถักทะลีทีอ๋องมีหนังสือมาขอพลเทพบุตรเพิ่มเติมอีก จะได้เทพยดาองค์ใดลงไปดี

ในขณะเง็กเซียงฮ่องเต้ตรัสอยู่นั้น พระกวนอิมจึงถวายพระพรว่า อาตมภาพเห็นเทพารักษ์องค์หนึ่งอาจสามารถจะลงไปปราบปรามซีเทียนได้

เง็กเซียงฮ่องเต้ได้ทรงฟังพระกวนอิมถวายพระพรดังนั้นจึงรับสั่งถามพระกวนอิมว่า ท่านเห็นเทพารักษ์พระองค์ใดที่สมควรจะไปรบแก่ซีเทียนได้

พระกวนอิมถวายพระพรว่า เทพารักษ์พระองค์นี้ก็นับว่าเป็นนัดดาของพระองค์ชื่อ ยี่หนึงจินกุน คือ เอียวเจี้ยนเมื่อครั้งแผ่นดินห้องสินนั้น ก็มีชื่อเสียงเลืองลือปรากฏว่ามีฝีมือเป็นเอกในสมัยนั้น บัดนี้ อยู่ที่ศาลปากน้ำก๊วนจิ๋ว ท่านผู้นี้เดิมได้กำจัดลักสินหนหนึ่งแล้ว แลที่เขาบ๊วยซัวมีมิตรสหายมากล้วนแต่มีฝีมือเข้มแข็ง กับพวกเทพารักษ์ยอดหญ้าพันสองร้อยเป็นบริวารมีฤทธิ์เดชมาก แต่วิตกว่าจะฟังรับสั่งหรือไม่ก็ยังไม่ทราบ ขอพระองค์ได้มีหนังสือรับสั่งไปสักฉบับหนึ่งให้ยีหนึงมาช่วยเป็นกำลังกำจัดซีเทียน ก็คงจะสำเร็จได้ดั่งประสงค์

เง็กเซียงฮ่องเต้ได้ทรงฟังพระอาจารย์ชี้แจงดังนั้นจึงรับสั่งแก่เซียนผู้พนักงานฝ่ายอาลักษณ์ให้แต่งหนังสือถึงยี่หนึงจินกุนให้ยกพลมาช่วยปราบซีเทียน เซียนพนักงานก็แต่งหนังสือรับสั่งมามอบให้ตั้วลักกุ้ยอ๋อง ตั้วลักกุ้ยอ๋องได้หนังสือรับสั่งแล้วก็รีบเหาะไปยังแม่น้ำก๊วนจิ๋วที่ศาลยี่หนึงจินกุนอยู่โดยเร็ว ครั้นถึงศาลก็เรียกผู้รักษาประตูบอกว่า เราเชิญหนังสือรับสั่งของเง็กเซียงฮ่องเต้มาแต่สวรรค์ จะมาหายี่หนึงจินกุน ผู้เฝ้าประตูได้ทราบดังนั้นจึงเข้าไปบอกแก่ยี่หนึงจินกุนโดยเร็ว ยี่หนึงจินกุนกับเทพารักษ์มิตรสหายก็พร้อมกันออกมารับพระอักษรรับสั่งของเง็กเซียงฮ่องเต้ พาตั้วลักกุ้ยอ๋องเข้าไปข้างในแล้วเชิญให้นั่งที่อันสมควร

ยี่หนึงจินกุนจุดธูปเทียนแล้วก็เปิดผนึกหนังสือออกอ่านในพระอักษรมีว่า ตำบลเขาฮวยก๊วยซัว มีปิศาจวานรตนหนึ่งชื่อ ซีเทียนไต้เซีย กระทำการหยาบช้าสามัญให้เป็นที่ร้อนรนแก่เทพยดาอารักษ์ทั้งหลาย แลได้กระทำให้เสียการประชุมเลี้ยงโต๊ะคราวใหญ่แล้วหนีลงไปจากสวรรค์ เราให้ยกพลเทพยดาลงไปสิบหมื่นจับตัวก็ยังหาได้ไม่ เราขอให้เจ้าผู้เป็นนัดดาจัดพลโยธาแลพวกเพื่อนมิตรสหายยกไปยังเขาฮวยก๊วยซัวช่วยกันระดมกำจัดศัตรูให้ราบคาบ เมื่อเสร็จศึกสงครามแล้วจะปูนบำเหน็จรางวัลแก่เจ้าให้มีเกียรติยศเป็นอันมากให้สมควรแก่ความชอบ

จินกุนแลพี่น้องทั้งหลายเมื่อได้ทราบความตามพระอักษรฉะนั้นแล้วก็พากันมีความยินดีทุก ๆ เทพารักษ์ แล้วจินกุนจึงพูดแก่ตั้วลักกุ้ยอ๋องว่า ท่านจงกลับไปทูลเง็กเซียงฮ่องเต้เถิดว่า ข้าพเจ้าจะรีบจัดพลโดยเร็ว ถ้าพรักพร้อมแล้วก็จะยกไปกำจัดศัตรูเสียให้ราบคาบมิให้เสียเกียรติยศของเง็กเซียงฮ่องเต้ไปได้ ตั้วลักกุ้ยอ๋องก็ลายี่หนึงกลับไปกราบทูลเง็กเซียงฮ่องเต้ตามถ้อยคำของยี่หนึงซึ่งสั่งมาให้ทูลทุกประการ

ฝ่ายจินกุนจึงเรียกพี่น้องทั้งหกคน คือ ด้ง หนึ่ง เตียว หนึ่ง เอี๋ยว หนึ่ง ลี้ หนึ่ง ก๊วนชิน หนึ่ง เต๊กเกี๋ยน หนึ่ง มาประชุมพร้อมกัน แล้วก็จัดพลเทพารักษ์ยอดหญ้าได้พันสองร้อย แล้วก็ให้ถืออาวุธเตรียมตัวแลขี่สัตว์ต่าง ๆ ครั้นพรักพร้อมกันแล้ว จินกุนให้ยกพลออกจากสำนักพาบริวารเหาะตามลมข้ามมหาสมุทรใหญ่ตรงไปยังทิศบูรพา ครู่หนึ่งก็ถึงเขาฮวยก๊วยซัว ยี่หนึงจินกุนแลไปเห็นพลเทพบุตรล้อมรอบภูเขาเป็นชั้น ๆ ดูแน่นหนาไม่มีทางที่จะเข้าออกได้ จินกุนเห็นดังนั้นแล้วก็ขับพลลงยังพื้นพสุธาเดินเข้าไปใกล้ค่าย บอกแก่ผู้รักษาประตูว่า ข้าพเจ้า ยี่หนึงจินกุน ถือรับสั่งเง็กเซียงฮ่องเต้ให้ยกพลมาช่วย จงบอกแก่ท่านแม่ทัพให้ทราบ

ฝ่ายผู้เฝ้าประตูเมื่อได้ฟังยี่หนึงบอกดังนั้นก็บอกกันต่อไป ครั้นซีไต้เทียนอ๋องแลถักทะลีทีอ๋องทราบก็พากันออกมาประตูค่าย เชิญยี่หนึงจินกุนเข้าไปข้างใน แล้วก็ให้นั่งที่อันสมควร จินกุนจึงถามถึงการรบพุ่งว่า แพ้ชนะเป็นประการใด

ซีไต้เทียนอ๋องกับถักทะลีทีอ๋องจึงเล่าความตามที่ได้รบพุ่งต่อสู้กันให้ยี่หนึงจินกุนฟังทุกประการตามที่ได้เป็นมาแล้ว ยี่หนึงจินกุนได้ฟังก็หัวเราะแล้วพูดว่า ข้าพเจ้ามาครั้งนี้จะสำแดงฤทธิ์รบแก่ซีเทียนไต้เซียให้ท่านเห็นฝีมือ ตาข่ายที่ล้อมไว้นั้นจงเก็บเลิกเสียเถิด ไม่ต้องการใช้ ส่วนถักทะลีทีอ๋องจงช่วยข้าพเจ้าเอากระจกขึ้นไปคอยส่องบนอากาศ คอยจับปิศาจวานรนั้นให้เหาะขึ้นไปอยู่บนเวหา ให้คอยดู ถ้าซีเทียนมันแพ้คงจะหนีไปทิศอื่น ขอท่านได้ส่องดูให้แจ่มแจ้ง อย่าให้มันหนีไปเสียได้ ถักทะลีทีอ๋องได้ฟังยี่หนึงจินกุนสั่งดังนั้นก็ไปคอยทำการอยู่ตามสั่ง

ยี่หนึงจินกุนพร้อมด้วยพี่น้องเป็นเจ็ดคนด้วยกัน กับเทพารักษ์ยอดหญ้า ต่างตระเตรียมกันพร้อม เสร็จแล้วก็ยกมาหน้าถ้ำจุ๊ยเลียมต๋อง ครั้นถึง จินกุนเห็นวานรตั้งกระบวนเรียงรายกันเป็นหมวดเป็นหมู่เรียกว่า ค่ายมังกรขด ในกลางค่ายตั้งเสาธงยี่ห้อซีเทียนไต้เซีย จินกุนเห็นแล้วจึงพูดว่า อ้ายวานรปิศาจนี้อาจสามารถตั้งตัวเป็นซีเทียนไต้เซียได้ จะปราบปรามเสียให้ราบคาบในคราวนี้

ฝ่ายหมู่วานรเมื่อได้แลเห็นยี่หนึงจินกุนยกมาดังนั้น ก็รีบเข้าไปบอกแก่ซีเทียนว่า บัดนี้ มีพลทหารยกมาตั้งอยู่หน้าค่ายเป็นอันมาก พิเคราะห์ดูท่าทางองอาจมากนัก ขอท่านจงทราบ

ซีเทียนได้ฟังบริวารบอกดังนั้น ก็จับกระบองเหล็กกายสิทธิ์สำหรับมือเดินออกจากถ้ำ เห็นจินกุนท่วงทีองอาจเข้มแข็ง พิศดูลักษณะรูปร่างดงาม ซีเทียนจึงหัวเราะ แล้วก็ยกกระบองขึ้นกวัดแกว่ง ร้องถามไปว่า เฮ้ย เอ็งผู้นั้นอยู่ที่หนตำบลใด รูปร่างน้อยจ้อย มีชื่อแลแซ่ประการใด สามารถมาท้าชวรเรารบ ไม่กลัวความตายหรือประการใด

จินกุนได้ฟังดังนั้นจึงร้องตวาดไปว่า เอ็งมีแต่นัยน์ตา เนื้อหามีแก้วตาที่จะเห็นไม่ เอ็งจำเราไม่ได้หรือ เราเป็นหลานของเง็กเซียงฮ่องเต้ รับที่ตั้งให้เป็นเจียวฮุยเล่งเหี้ยนอ๋องยี่หนึง บัดนี้ เรารับคำสั่งของเง็กเซียงฮ่องเต้มากำจัดตัวเจ้า เจ้ายังหารู้จักความตายว่าจะมีมาถึงตัวเจ้าไม่

ซีเทียนได้ฟังดังนั้นจึงพูดว่า ถ้ากระนั้น เรานึกได้แล้ว คือ น้องสาวของเง็กเซียงฮ่องเต้ลงมาในเมืองมนุษยโลก ได้เสียกันแก่เอี่ยงกุน แล้วเกิดบุตรด้วยกันคนหนึ่ง ท่านเอี่ยงกุนผู้นี้เคยถือขวานเข้าป่าตัดไม้ชมพู่ที่ภูเขาสูงนั้นเป็นนิจ ชาติตระกูลของตัวอย่างนี้มิใช่หรือ เราจะบอกให้เข้าใจ ตัวเจ้าเป็นเด็กเล็กน้อย ไม่สมควรจะรบแก่เรา เจ้าจงบอกซีไต้เทียนอ๋องแลถักทะลีทีอ๋องให้มาลองฝีมือแก่เราเถิด

จินกุนได้ฟังซีเทียนพูดดังนั้นก็มีความโกรธ ร้องตวาดด้วยเสียงอันดังว่า อ้ายชาติเดรัจฉาน พูดจาหยาบช้าไม่มีความเกรง จงมาลองคมง้าวของกูดูก่อน พูดแล้วจินกุนก็ตรงเข้าไปยกง้าวขึ้นฟันลงไปตรงศีรษะของซีเทียน ซีเทียนยกกระบองขึ้นรับไว้ไม่ถูกศีรษะ ต่างเข้าบุกบั่นรบพุ่งกันด้วยกำลังเข้มแข็งได้สามร้อยเพลงยังหาแพ้ชนะกันไม่

จินกุนสำรวมจิตร่ายพระเวทแปลงกายเป็นพรหมสูงประมาณสามหมื่นวา สองมือจับสามง่ามแหลมดุจเขาฮวยซัว หน้าเขียว ฟันแดง หัวหูผมขนรุงรัง ดุร้ายยิ่งนัก ถือสามง่ามกระโจมแทงซีเทียน

ซีเทียนเห็นดังนั้นก็สำรวมจิตร่ายพระเวทแปลงกายเป็นพรหมเหมือนจินกุนบ้าง ถือกระบองดุจภูเขากุนลุนซัวฉะนั้น ยกขึ้นรับรบกับจินกุน ต่างมีอิทธิฤทธิ์ด้วยกันทั้งสองฝ่าย

ในขณะเมื่อจินกุนกับซีเทียนรับกันอยู่นั้น พวกพี่น้องทั้งหลายเห็นดังนั้นจึงขับหมู่เทพารักษ์ยอดหญ้าแลสัตว์ร้ายต่าง ๆ ตรงมายังถ้ำจุ๊ยเลียมต๋อง รบกระหนาบเข้าไปบ้าง ยิงเกาทัณฑ์แลหน้าไม้ระดมเข้าไปในถ้ำ พวกพลวานรของซีเทียนไม่สามารถจะทนได้ ก็ทิ้งค่ายทิ้งอาวุธหนีไปเอาตัวรอด ซีเทียนเห็นพวกวานรแตกกันวุ่นวายไปหมดดังนั้นก็มีความวิตกท้อถอยลง สำรวมกายร่ายพระเวทกลับเป็นรูปเดิมแล้วโดดหนีไป

จินกุนเห็นดังนั้นก็ไล่ประชิดติดตามมา จึงร้องว่า อ้ายวานรไพร จะหนีกูไปข้างไหนเล่า จงกลับมายอมเสียโดยดี กูจะไว้ชีวิตให้รอดตายสักครั้งหนึ่ง

ซีเทียนไม่มีใจที่จะต่อสู้ รีบหนีมายังถ้ำ ปะทหารทั้งหกร่ายกันสกัดกั้นหน้าซีเทียนไว้ ร้องตวาดว่า อ้ายวานร จะวิ่งหนีไปข้างไหน

ซีเทียนเห็นดังนั้นก็ร่ายพระเวทให้กระบองเหล็กเล็กลงเท่าเข็มยัดซ่อนในรูหู แล้วก็แปลงกายเป็นนกกระจอกน้อยโผขึ้นจับอยู่บนยอดพฤกษา ทหารทั้งหกเหลียวซ้ายแลขวาค้นหาก็ไม่เห็น จึงร้องว่า อ้ายวานรหนีไปแล้ว พอจินกุนมาถึงเข้าก็ถามว่า ซีเทียนวานรหนีไปไหนเล่า พวกทหารทั้งหกคนบอกว่า พวกข้าพเจ้าล้อมอยู่ที่นี่ แต่มันได้หายไป

จินกุนเมื่อได้ทราบดังนั้นจึงพิเคราะห์ดูบนต้นพฤกษา เห็นนกกระจอกน้อยตัวหนึ่งจับอยู่บนกิ่งไม้ จึงร่ายพระเวทแปลงกายเป็นนกเค้าแมวกระพือปีกจะขึ้นตี ซีเทียนเห็นดังนั้นก็แปลงกายเป็นนกฝักบัวบินขึ้นเวลาหาหนีไป จินกุนจึงแปลงกายเป็นนกการเวกบินสกัดหน้าตรงเข้าจิกนกฝักบัง ซีเทียนเห็นดังนั้นก็โผลงในน้ำกลายเป็นปลาน้อยมุดอยู่สายชลธีหายไปในน้ำ

จินกุนบินไล่มาไม่เห็นซีเทียน ก็นึกว่า เห็นจะแปลงเป็นสัตว์น้ำ จำเราจะตามจับตัวให้จงได้ คิดดังนั้นแล้วก็แปลงกายเป็นนกกระทุงลอยคออยู่ท้ายน้ำสักครู่หนึ่ง ซีเทียนที่แปลงเป็นปลาก็ล่องน้ำลงมาเห็นนกกระทุงลอยอยู่ แปลกใจนึกว่า เห็นจะเป็นจินกุนแปลงเป็นนกมาคอยจะจับเราอยู่ คิดเห็นดังนั้นแล้วก็หันกลับทวนน้ำว่ายหนีกลับขึ้นไปเหนือน้ำ จินกุนเห็นปลากลับว่ายทวนน้ำดังนั้น ก็คิดเห็นว่า จะเป็นซีเทียนแปลงเป็นปลาแน่แล้ว จึงไล่ติดตามไป พอทันเข้าก็เอาปากจิก ปลาก็กระโดดหนีกลายเป็นงูปลาเล็ดลอดเข้าซ่อนตามสวะลอยไป

จินกุนเห็นปลายหายไป ก็เหลียวซ้ายแลขวาไปเห็นงูปลาตัวหนึ่ง จินกุนจึงแปลงกายเป็นนกยางยืนคอยอยู่ริมฝั่ง จ้องจะคอยจิกงู งูกลายเป็นนกอวนเอี๋ยง คือ นกกะเรียน รีบบินขึ้นจากน้ำไปจับอยู่บนพุ่มไม้ยอดเขา

จินกุนกลับเห็นซีเทียนแปลงเป็นนกกะเรียน จึงกลับเป็นรูปเดิม จับลูกเกาทัณฑ์ที่เหน็บเอวพาดสายหมายตรงนกอวนเอี๋ยง ซีเทียนเห็นดังนั้นก็หลบตกลงข้างเขากลายเป็นศาลา ทำปากอ้าเป็นประตูศาล เอาฟันทำเป็นบานประตู เอาลิ้นทำเทวรูป เอานัยน์ตาทำเป็นโคมยี่ห้อแขวนที่หน้าศาล ยังแต่หางซ่อนไม่ได้ จึงแปลงเป็นเสาธงตั้งอยู่หลังศาล แปลงสำเร็จแล้วก็นิ่งสะกดใจอยู่

ฝ่ายจินกุนเห็นนกตกลงไปชายเขา จึงตามไปดู ไม่เห็นนก เห็นแต่ศาลเจ้า เหลียวซ้ายแลขวาพิเคราะห์ดูศาลเจ้าแปลกจากธรรมดา คือ ถ้าศาลเจ้าจริงคงจะมีเสาธงอยู่หน้าศาลสองเสา นี่เสาธงกลับไปอยู่หลังศาลแต่เสาเดียว ชะรอยจะเป็นศาลเจ้าซีเทียนแปลง เมื่อจินกุนคิดเห็นดังนั้นแล้วจึงแกล้งพูดว่า เราจะต้องทำลายศาลเจ้าเสียก่อน เราจึงจะเข้าไปในศาลเจ้าต่อภายหลัง

ฝ่ายซีเทียนเมื่อได้ยินจินกุนว่าดังนั้น มีความสะดุ้งใจ ด้วยเหตุบานประตูก็คือฟันของเรา ถ้าจินกุนฟันประตูแล้ว อันตรายก็จะมีแก่เราเป็นแน่ คิดดังนั้นแล้วก็ร้องเปียบขึ้นดุจเสียงเสือ แล้วก็กลายเป็นเสือโคร่งกระโดดขึ้นบนอากาศแทรกเข้าในกลีบเมฆไป

ฝ่ายจินกุนเที่ยวค้นหาก็มิได้เห็น พอมาพบพี่น้องทั้งหกคนเข้า จึงถามจินกุนว่า ท่านจับตัวซีเทียนได้หรือไม่

จินกุนหัวเราะแล้วพูดว่า เมื่อตะกี้นี้ ซีเทียนแปลงตัวเป็นศาลเจ้าหลอกเรา เรารู้ทัน จะตีโคมหน้าศาลเจ้าที่เป็นนัยน์ตามัน มันกลัวเรา จึงหนีสูญหายไปไม่มีร่องรอยเลย เราเที่ยวหาอยู่เดี๋ยวนี้

พี่น้องทั้งหกก็พากันเที่ยวค้นดูก็มิได้เห็น จินกุนจึงสั่งพี่น้องว่า จงคอยระวังตรวจตราดูอยู่ที่นี่ เราจะไปเที่ยวค้นหาดู สั่งแล้วก็ขึ้นบนอากาศมายังถักทะลีทีอ๋อง ถักทะลีทีอ๋องเอากระจกส่องจับอยู่ในเมฆ จินกุนครั้นมาถึงจึงถามถักทะลีทีอ๋องว่า ท่านเห็นซีเทียนหนีขึ้นมาหรือไม่

ถักทะลีทีอ๋องบอกว่า ไม่เห็นขึ้นมาทางนี้ ข้าพเจ้าถือกระจกคอยส่องอยู่ก็ไม่เห็น

จินกุนจึงเล่าความให้ถักทะลีทีอ๋องฟังว่า ซีเทียนมันนิมิตบิดเบือนได้ทุกประการ แต่ข้าพเจ้าสามารถจะรู้เท่าถึงความคิดแห่งมัน มันจึงได้หนีสูญหายไปฉะนี้

ถักทะลีทีอ๋องได้ฟังดังนั้นจึงเอากระจกส่องดูรอบทั้งแปดทิศ ถักทะลีทีอ๋องเห็นแล้วจึงหัวเราะ บอกแก่จินกุนว่า มันหนีลงไปอยู่ที่ศาลเดิมของท่านแล้ว

จินกุนได้ฟังถักทะลีทีอ๋องบอกดังนั้น จึงลาถักทะลีทีอ๋อง มือถือสามง่ามเหาะตามไปยังแม่น้ำก๊วนจิ๋วโดยเร็ว

ฝ่ายซีเทียนเหาะไปถึงก่อน ก็แปลงกายเหมือนจินกุนลงเดินมายังศาล พวกบริวารทั้งหลายนึกว่าจินกุนกลับมา ต่างก็ออกมาต้อนรับเข้าไปในศาล ซีเทียนเข้าไปในศาลแล้วก็ขึ้นนั่งอยู่ท่ามกลางศาล จึงทำเป็นถามกิจการธุระต่าง ๆ ในศาล เห็นคนหนึ่งชื่อ ลี้เฮ้า เอาซาแซมาแก้บน อีกคนหนึ่งชื่อ เตียเล้ง มาขอความอยู่เย็นเป็นสุข เตียวกะมาขอให้มีบุตรแลทำหนังสือทัณฑ์บนไว้ให้ก็มี บางคนมาขอมิให้ไข้เจ็บก็มี ซีเทียนกำลังนั่งตรวจดูสักประเดี๋ยวก็มีผู้มาบอกว่า มีจินกุนอีกองค์หนึ่งมา แล้วพวกเฝ้าศาลจึงออกมาดูเห็นดังนั้นต่างก็ตกใจต่างยืนตกตะลึงอยู่

จินกุนถามพวกบริวารว่า เห็นซีเทียนไต้เซียมานี่หรือเปล่า พวกเฝ้าศาลจึงแจ้งความว่า ซีเทียนไต้เซียไม่เห็น เห็นแต่เจ้าเล่าเอี๋ยนนั่งอยู่ในศาล กำลังตรวจตราธุรการในศาลอยู่ จินกุนก็รีบเข้าไปในศาล ซีเทียนแลเห็นจินกุนก็กลับกลายเป็นรูปเดิมแล้วจึงพูดว่า จินกุนจะไม่ยอมให้เราอยู่ในศาลแล้วหรือ

จินกุนยกสามง่ามกายสิทธิ์แทงลงตรงแก้มซีเทียน ซีเทียนสำรวมร่ายพระมนต์หลบกระโดดออกมาห่าง แล้วชักกระบอกกายสิทธิ์ออกรับ ต่างรบรอต่อสู้กันไปมา เสียงสะท้านหวั่นไหว เครื่องภาชนะในศาลหักแตกตกละเอียดไปด้วยกำลังทั้งสองที่รบกัน ซีเทียนถอยพลางรบพลางออกจากศาลเจ้า ต่างก็แผลงฤทธิ์เหาะขึ้นกลางอากาศเข้ารบกันด้วยกำลังความสามารถ ซีเทียนค่อยรบค่อยถอยมาจนถึงเขาฮวยก๊วยซัว ถักทะลีทีอ๋องกับซีไต้เทียนอ๋องเห็นดังนั้นก็ตวาดให้เสียงแก่พลทั้งปวง เทพบุตรทั้งหลายก็คอยระวังอยู่โดยกวดขัน

พวกพี่น้องทั้งหกแลเห็นจินกุนรบกับซีเทียน ก็กรูกันเข้าล้อมไว้โดยแน่นหนา ซีเทียนตกอยู่ในที่ล้อม แต่มิได้ย่อท้อ กัดฟันรบรุกบุกบั่นไปโดยความสามารถ

ฝ่ายตั้วลักกุ้ยอ๋องซึ่งเป็นผู้นำพระอักษรของเง็กเซียงฮ่องเต้ลงไปให้ยี่หนึงจินกุนแล้ว กลับขึ้นมากราบทูลเง็กเซียงฮ่องเต้ทรงทราบแล้ว ในเวลานั้น พระกวนอิม นางอ๋องโป๊เนี่ยเนี้ย แลหมู่เทพบุตรไต้เซียนพร้อมกันนั่งสนทนาในทางศาสนา เง็กเซียงฮ่องเต้จึงตรัสว่า ยี่หนึงจินกุนยกพลไปแล้ววันหนึ่งก็ยังหาได้ข่าวคราวประการใดไม่

ฝ่ายพระกวนอิมได้ฟังเง็กเซียงฮ่องเต้ตรัสดังนั้น จึงถวายพระพรว่า ขอพระองค์จงเสด็จออกยังประตูสวรรค์นำทีหมึง ทอดทิพเนตรแลเล็งลงไปดู ก็คงจะทราบได้สิ้นทุกประการ เง็กเซียงฮ่องเต้ได้ทรงฟังพระกวนอิมทูลดังนั้นก็ทรงเห็นชอบด้วย จึงมีเทวโองการตรัสสั่งเทพบุตรพนักงานรถให้เทียบรถพระที่นั่ง เง็กเซียงฮ่องเต้ขึ้นทรงรถพร้อมด้วยเทพยดาทั้งหลายแวดล้อมตามเสด็จออกประตูนำทีหมึง ถึงที่ประทับรถแล้ว ทอดพระเนตรลงมาตรงเขาฮวยก๊วยซัว ก็เห็นซีไต้เทียนอ๋องกับหมู่พลเทพบุตรกำลังชุลมุนเข้าล่อมรบซีเทียน ซีเทียนตกอยู่ท่ามกลางในที่ล้อม แลถักทะลีทีอ๋อง โลเฉีย อยู่กลางอากาศ คอยส่งกระจกจะจับวานร แลเห็นจินกุนเข้ารุกรบจะจับซีเทียน แต่ซีเทียนหาย่อท้อไม่

พระกวรอิมจึงพูดแก่ท้ายเสียงเล่ากุนว่า ยี่หนึงจินกุนนั้นท่านเห็นเป็นอย่างไรบ้าง อาตมภาพได้พูดไว้ว่า จินกุนมีฤทธิศักดานุภาพมาก เข้าล่อมจับซีเทียนอยู่กลางอากาศ แต่กระนั้นยังจับมิได้ อาตมภาพจะช่วยจินกุนอีกสักแรงหนึ่ง ก็จะจับตัวซีเทียนได้โดยแท้

ท้ายเสียงเล่ากุนจึงถามพระกวนอิมว่า ท่านจะเอาสิ่งอะไรช่วยเป็นกำลัง

พระกวนอิมจึงตอบว่า อาตมภาพจะเอาขวดน้ำมนต์วิเศษขว้างลงไปให้ถูกศีรษะซีเทียนแต่พอล้มลง แต่อย่าให้ตาย พอให้ยี่หนึงจินกุนจับได้โดยง่าย

ท้ายเสียงเล่ากุนจึงพูดว่า ขวดน้ำมนต์ของท่านนั้นเป็นขวดแก้ว แม้ว่าขว้างลงไปถูกศีรษะซีเทียน ขวดก็จะแตก ขอท่านอย่าเพ่อขว้างลงไปเลย ข้าพเจ้าจะช่วยเป็นกำลังเอง

พระกวนอิมจึงถามว่า ของวิเศษของท่านท้ายเสียงเล่ากุนนั้นคือสิ่งอะไร

ท้ายเสียงเล่ากุนจึงบอกว่า ข้าพเจ้ามีของวิเศษสิ่งหนึ่ง ว่าแล้วก็ล้วงเข้าไปในมือเสื้อควักออกมาให้พระกวนอิมดูว่า ของนี้ถึงเกิดการกลียุคคงจะแก้ได้ เพราะเป็นแม่ทองคำชมพูนุท ข้าพเจ้าประกอบด้วยยาอันวิเศษ เป็นแผ่นทองกายสิทธิ์ไว้คุ้มตัว แม้จะถูกไฟก็ไม่ไหม้ แม้จะเรียกสิ่งของอื่น ๆ ให้เข้ามาหาก็ได้ เรียกชื่อว่า กิมกังต๊อก หรือจะเรียกว่า กิมกังทั้ว ก็ได้ ท่านจงคอยดู ข้าพเจ้าจะขว้างลงไปให้ท่านเห็นสักทีหนึ่ง

ท้ายเสียงเล่ากุนพูดดังนั้นแล้ว ก็เสกด้วยคาถาขว้างกิมกังต๊อกลงไปตั้งแต่วิมานในดาวดึงส์ ปลิวลงไปยังเขาฮวยก๊วยซัวเร็วดังลมพัด

เวลานั้น ซีเทียนกำลังรบอยู่กับจินกุน ชุลมุนด้วยพี่น้องทั้งหกคน หาทันรู้ว่าของวิเศษนั้นตกลงมาไม่ บังเอิญแผ่นทองถูกตรงกระหม่อมซีเทียน ซีเทียนพลาดถลาล้มลงแล้วพลิกตัวจะลุกตะกายหนี จินกุนได้ทีไล่ชิดมา ตีด้วยสามง่ามถูกหน้าขาซีเทียน ซีเทียนก็ล้มลงกับพื้นแผ่นดิน ซีเทียนร้องด่าด้วยเสียงอันดังว่า อ้ายตายโหง ไม่ไปรักษาบ้านช่องของตัว มาขับเคี่ยวแก่กู เอ็งจะเอาอะไรที่กูหรือ ว่าแล้วพลิกตัวจะลุกขึ้น พวกพ้องจินกุนก็เข้ารุมกันเอาอาวุธกดไว้ แล้วเอาเชือกวิเศษมัดไว้แน่นหนา เอามีดวิเศษแทงเสียบเข้าในกระดูกสันหลังไม่ให้เปลี่ยนแปลงได้อีกต่อไป

ฝ่ายท้ายเสียงเล่ากุนเห็นจับซีเทียนได้ จึงเรียกของวิเศษคืนกลับเข้าไว้ในมือเสื้อเสียตามเดิม

เวลานั้น เง็กเซียงฮ่องเต้เห็นจับซีเทียนได้แล้ว พระองค์ก็เสด็จกลับเข้าสู่ทิพยสถานพร้อมด้วยเทพยดาแลเซียนทั้งหลาย

ซีไต้เซียนอ๋อง กับถักทะลีทีอ๋อง แลเทพยดาเทพารักษ์ทั้งหลายพร้อมกันในที่ประชุม จึงพากันสรรเสริญยี่หนึงจินกุนว่า หากได้พึ่งกำลังท่าน การจึงได้สำเร็จ หาไม่ พวกข้าพเจ้าจะลำบากหลายเวลา

ยี่หนึงจินกุนจึงตอบว่า การนี้เพราะบุญบารมีของเง็กเซียงฮ่องเต้ แลกำลังของเทพยดาเทพารักษ์ทั้งหลายซึ่งตั้งใจช่วยกันโดยแข็งแรง การจึงได้สำเร็จได้ แต่ลำพังตัวข้าพเจ้าถึงมีฤทธิ์เดชอย่างไรก็คงจะไม่เอาชัยชนะซีเทียนได้โดยงาน เพราะซีเทียนก็มีกำลังแลฝีมือเหมือนกัน

ฝ่ายพวกพี่น้องจึงว่า เราต้องคุมตัวซีเทียนขึ้นไปถวายเง็กเซียงฮ่องเต้เดี๋ยวนี้จึงจะชอบ เพราะจะโปรดปรานประการใดจะได้ทราบ

จินกุนจึงชี้แจงแก่พี่น้องทั้งหกว่า ตัวท่านยังมิได้รับที่ตั้งบนสวรรค์ จะขึ้นไปเฝ้าเง็กเซียงฮ่องเต้ยังไม่ได้ จงรวบรวมกันจัดการกันอยู่ที่นี้ให้เรียบร้อย คอยเราจะขึ้นไปเฝ้าเง็กเซียงฮ่องเต้ฟังพระกระแสดูก่อนจะโปรดปรานประการใด ต่อข้าพเจ้ากลับมาแล้วจึงพร้อมกันขึ้นไปเฝ้าจึงจะควร พี่น้องทั้งหกเห็นชอบพร้อมกันแล้วก็พักรออยู่ที่เขาฮวยก๊วยซัว ส่วนจินกุนจึงสั่งเทพารักษ์ให้คุมตัวซีเทียนขึ้นไปยังสวรรค์

ซีไต้เซียนอ๋อง แลพวกพลเทพารักษ์ พร้อมด้วยจินกุน ยกกองทัพเหาะกลับมายังดาวดึงส์ ครั้นถึงประตูนำทีหมึงก็เดินตรงเข้าไปในปราสาทธงเม่งเต้ย ซีไต้เซียนอ๋องจึงเข้าไปกราบทูลเง็กเซียงฮ่องเต้ว่า ซีไต้อ๋อง กับถักทะลีทีอ๋อง แลหมู่เทพยดาเทพารักษ์ทั้งหลาย จับตัวซีเทียนไต้เซียมาได้แล้ว พักอยู่ข้างนอก ยังคอยฟังรับสั่งพระองค์อยู่ว่าจะโปรดปรานประการใด

เง็กเซียงฮ่องเต้จึงรับสั่งว่า ให้ตั้วลักกุ้ยอ๋องแลพวกธิเตงพิษณุกรรมเพชฌฆาตเอาตัวซีเทียนไต้เซียไปยังสนามสำหรับฆ่าปิศาจ ประหารชีวิตเสีย แลทำลายกายให้ย่อยยับละเอียดป่นเป็นธุลี

ฝ่ายตั้วลักกุ๊ยอ๋องกับธิเตงได้ฟังรับสั่งแล้ว ก็พาซีเทียนไปยังที่ฆ่านักโทษ จึงเอาตัวซีเทียนมัดเข้ากับเสา แล้วพวกเพชฌฆาตก็เอาดาบเข้าฟัน อาวุธก็มิได้บาดร่างกายซีเทียนสักเท่าเส้นขน

น่ำเต๋าแชกุนจึงเรียกพวกเทพารักษ์อัคคีให้เอาไฟเผา ไฟก็ไม่ไหม้ร่างกายซีเทียน แล้วเรียกรามสูรเอาขวานฟ้ามาผ่าอกซีเทียน ร่างกายซีเทียนก็มิได้เป็นอันตราย ซีเทียนก็ยังคงมีชีวิตอยู่

พวกเซียนเพชฌฆาตก็สิ้นปัญญา ไม่สามารถจะฆ่าซีเทียนให้ตายได้




ตอน ๕ ขึ้น ตอน ๗