ประชุมกาพย์เห่เรือ (2460)/บทเห่ 4

จาก วิกิซอร์ซ
ดูฉบับอื่นของงานนี้ที่ กาพย์เห่เรือ (รัชกาลที่ 6)

พระราชนิพนธ์รัชกาลปัจจุบัน

โคลง
 ปางเสด็จประเวศห้วง ชลธี
ทรงมหาจักรี เกียรติก้อง
พรั่งพร้อมยุทธนาวี แหนแห่
เสียงอธึกทั่วท้อง ถิ่นด้าวอ่าวสยาม ฯ
กาพย์
 พระเสด็จโดยแดนชล ทรงเรือต้นงามสดศรี
มหาจักรีมี เกียรติก้องท้องสาคร
 นาวาวรายุทธ อุตลุดแลสลอน
แห่ห้อมจอมนคร ราวจะรอนริปูเปลือง
 ธงทิวปลิวระยับ สีสลับขาวแดงเหลือง
อันธงพระทรงเมือง เหลืองอร่ามดูงามตา
 ธงตรามหาราช ผ่องผุดผาดในเวหา
รูปครุฑะราชา อ้าปีกกว้างท่าทางบิน
 ธงแดงดังแสงชาด ลายช้างกาจก่องกายิน
บอกตรงธงแผ่นดิน ถิ่นสยามอันงามงอน
 จักรีนาวีราช ทิพอาสน์องค์ภูธร
สง่าราวอาภรณ์ เพื่อประดับทัพเรือไทย
 ใหญ่กว่านาวาสรรพ ในกองทัพพหลไกร
บรรดานาวาไทย ในบัดนี้ไม่มีทัน
 ปืนไฟใหญ่ประเภท สี่นิ้วเศษสุดแขงขัน
สามารถอาจเหียนหัน ผันหน้าสู้สัตรูแรง
 อีกศรหกปอนด์หนัก ก็พร้อมพรักศักดิ์กำแหง
เตรียมอยู่สู้ศึกแขง แย้งยื้อยุทธ์สุดกำลัง
 พาลีรั้งทวีป รีบแล่นตามงามเงื่อนขลัง
เรือปืนยืนยุทธ์ยัง ดังกระบี่พาลีหาญ
 เรือแรงกำแหงยุทธ มกุฎราชะกุมาร
คอยสู้ศัตรูพาล ผู้ยื้อยุดมกุฎไทย
 สุครีพครองเมืองศรี สุรนาวีมุ่งชิงไชย
เรือปืนยืนยุทธไกร เหมือนพญาพานะเรนทร์
 สุริยมณฑลกล้า นาวากาจลาดตระเวน
หาญต่อบ่รอเกณฑ์ สอึกสู้ริปูรอญ
 เรือเสือทยานชล พิฆาฏพลริปูสยอน
กั่นกล้าในสาคร บ่ย่อหย่อนยุทธนา
 เรือเสือคำรนสินธุ์ พิฆาฏภินอริผลา
จู่โจมและโถมถา กล้าประยุทธ์จนสุดแรง
 อีกเรือตอร์ปิโด วิ่งโร่รี่ฝีเท้าแขง
ว่องไวไล่ย้อนแย้ง ยักย้ายลอดดอดเอาไชย
 กระบวนล้วนแล่นล่อง ไปแทบท้องชลาไลย
อธึกดูคึกใจ จิตจักสู้ศัตรูพาล ฯ
โคลง
 ล่องลอยในน่านน้ำ เจ้าพญา
จากเทพนครคลา คลาดเต้า
ชมวังสพรั่งปรา สาทรัตน์
ชมนครเขตรเค้า เงื่อนแม้นเมืองราม ฯ
กาพย์
 ล่องลอยในน่านน้ำ วิเศษลำเจ้าพญา
จากกรุงเทพมหา นครราชะธานี
 ค่อยเลื่อนเคลื่อนนาวา จากน่าท่าวาสุกรี
ใช้จักร์ล่องนที นาวีเรื่อยเฉื่อยตามลม
 เหลือบแลชะแง้พิศ ดูดุสิตวนารมย์
เคยเที่ยวลดเลี้ยวชม ดมบุบผาสารพรรณ
 ชมวังดังวิมาน ถิ่นสถานมัฆวัน
เพลินพิศไพจิตรสรร พะงามเนตรวิเศษชม
 สล้างปรางมหันต์ อนันตสมาคม
อัมพรสถานสม เปนสถานพิมานอินทร์
 สถานวิมานเมฆ เอกอาสน์โอ่ท้าวโกสินทร์
อภิเศกดุสิตภิญ โญยศยงองค์ภูบาล
 ตำหนักสำนักตา จิตรลดาระโหฐาน
ที่พระอวตาร สำราญรมย์ภิรมยา
 สะพรั่งวังอนุช ผู้ทรงสุดเสนหา
ปารุสก์สุดเพลินตา สวนกุหลาบปลาบปลื้มใจ
 ตำหนักพระชนนี มีนามว่าพญาไทย
อยู่ทางบ่ห่างไกล ใกล้ดุสิตวนาภา
 นาวาผ่านนิเวศน์ พระทรงเดชจอมประชา
พินิจพิศเพลินตา ตระการตรูดูเลิศดี
 สล้างปรางค์ปราสาท ประกอบมาศมณีศรี
ระยับจับระพี สีสว่างกลางอัมพร
 ปราสาทราชะฐาน อวตารสโมสร
ยงยอดสอดสลอน ยอนยั่วฟ้าน่านิยม
 จักรีพระที่นั่ง สามยอดตั้งตรูตาชม
สำราญสถานสม สถิตย์ถิ่นปิ่นนรา
 ดุสิตปราสาทตั้ง พระมนงงคะศิลา
พิมานรัถยา อุดมอาสน์ราชะฐาน
 มณเฑียรเสถียรศักดิ์ จักรพรรดิพิมาน
เคียงใกล้คือไพศาล ทักษิณที่สุขาลัย
 ฝ่ายน่าสง่าสิ้น อมรินทร์วินิจฉัย
พระโรงภูวนัย ธประศาสน์ราชะการ
 อารามวัดพระศรี รัตนศาสดาคาร
มงคลมหาสถาน ปูชนีย์ที่นิยม
 อันกรุงรุ่งเรืองกิตติ์ ที่สถิตย์พิโรดม
เลิศล้วนชวนจิตชม สมเกียรติ์เลื่องเมืองสยาม
 ถนนสถลมารค อีกคลองหลากล้วนแลงาม
รุ่งเรืองดังเมืองราม จักรพรรดิฉัตรสากล ฯ
โคลง
 แล่นเรือมาแช่มช้า ตามกระแส
แลเหลือบเหลียวหลังแล ไฝ่บ้าน
ใจโยนประหนึ่งแพ โดนคลื่น
ลมเฉื่อยระเรื่อยสร้าน จิตเศร้าหาศรี ฯ
กาพย์
 เรื่อยเรื่อยเรือลอยลำ ตามสายน้ำถูกกระแส
แลเหลือบเหลียวหลังแล ไฝ่ถึงบ้านสร้านโศกใจ
 เรือนแพแลสพรั่ง คลื่นโดนฝั่งก็กวัดไกว
แพโยนโยนเหมือนใจ เรียมผู้ไฝ่ถึงเคหา
 ผ่านหน้าวัดอรุณ เคยทำบุญญะบูชา
ขอบุญการุญพา ให้ข้าสมอารมณ์หวัง
 ขออย่าให้ข้าศึก ผู้พิลึกกาจกำลัง
สามารถอาจภินพัง พระปรางค์ศรีธานีไทย
 ผ่านทางบางคอแหลม ชื่อบางแนมเหน็บดวงใจ
แหลมหลักจักหาไหน เหมือนแหลมคำเจ้าร่ำวอน
 ปากลัดตัดวิถี ทางนทีสู่สาคร
วานลัดตัดทางจร ดลสู่เจ้าตัดเศร้าใจ
 ยามมองช่องนนทรีย์ เห็นธานีอยู่ไกล ๆ
หลังคาเคหาใน นครยวนชวนจิตผัน
 เห็นเสาวิทยุเด่น เปนของเลิศประเสริฐครัน
ถนัดอัศจรรย์ พูดกันได้ไม่มีสาย
 ดูราวกับสองจิต มิตร์ต่อมิตร์คิดเหมือนหมาย
เหมือนตารักตาชาย ตาเห็นรักประจักษ์ใจ
 ผ่านป้อมเสือซ่อนเล็บ นึกน่าเจ็บดวงหทัย
โบราณท่านตั้งไว้ ให้เล็งเหมาะจำเภาะดี
 ยิงเป้งเผงกลางน้ำ ไม่ผิดลำถูกนาวี
อนิจจามาบัดนี้ ป้อมปรักแลหักพัง
 ผีเสื้อสมุทป้อม หนึ่งนั้นย่อมดูแขงขลัง
ยิงปืนครั่นครืนดัง คำนับองค์พระทรงศร
 สมุททะเจดีย์ บูชะนีย์ประนมกร
เอี่ยมโอ่สโมสร กลางวิมลชลธาร
 นาวามายั้งหยุด ยังสมุททะปราการ
ดูเมืองรุ่งเรืองร้าน ตลาดของที่ต้องใจ
 เรือรอพอเวลา น้ำขึ้นมามากพอไป
ก็เลื่อนเคลื่อนคลาไคล ไปสู่ท้องทเลลม
 ลมเฉื่อยเรื่อย ๆ พา กลิ่นบุบผามารวยรมย์
รื่นรวยราวมวยผม ที่เคยดมชมชื่นใจ
 ลมพัดไม่จัดจ้าน พอประมาณไม่แรงไป
เหมือนยามเจ้าทรามไวย พัดรำเพยเชยฤดี
 อากาศสอาดโปร่ง สบายโล่งกลางวารี
แต่จิตคิดถึงศรี จิตจึ่งเหงาเศร้าอาดูร ฯ
โคลง
 ฝูงปลาดาดาษท้อง ทเลหลวง
ดูชาติมัตสยาปวง คู่เคล้า
ยิ่งดูยิ่งโทรมทรวง แสนโศก
โอ้คะนึงถึงเจ้า จิตว้าเหว่ถวิล
กาพย์
 ฝูงปลาดูดาดาษ ว่ายเกลื่อนกลาดทเลหลวง
ดูชาติมัตสยาปวง เคียงคู่เคล้าเย้ายวนเชย
 ยิ่งแลชะแง้พิศ ยิ่งเศร้าจิตนิจจาเอ๋ย
ราวปลามาแสร้งเย้ย ให้เรียมเศร้าเหงาวิญญา
 ปลาทูชื่อดูชวน หวลคำนึงถึงเคหา
คำนึงถึงแก้วตา พธูน้อยผู้กลอยใจ
 กุเราเย้ายวนจิต คิดถึงมิตร์ชิดหทัย
เราอยู่คู่พิสมัย เราทั้งสองครองคู่กัน
 เนื้ออ่อนอ่อนแต่ชื่อ ฤๅเปรียบเนื้อนางสวรรค์
นวลจันทร์ชื่อนวลจันทร์ ไม่นวลเท่าเจ้านวลแข
 กะพงเปรียบพงชัฏ อันแออัดในดวงแด
ห่างเจ้าเฝ้าท้อแท้ เหมือนบุงพงดงหน่ายหนาม
 โลมามาว่ายล่อ พอเห็นได้ใต้น้ำงาม
วานมาหานงราม ทรามสงวนชวนนางมา
 ตาเดียวลดเลี้ยวลี้ ก็ยังดีกว่าพี่ยา
เริศร้างห่างแก้วตา สองตาแลแพ้ตาเดียว
 ฉลาดตะกลามเหลือ ว่ายตามเรือรวดเร็วเจียว
ดูคล้ายชายช่างเกี้ยว เที่ยวคอยมองหาช่องเชย
 ฉลามอันหยามหยาบ เสียทีราบละเจ้าเอ๋ย
น้องเราเจ้าคงเฉย มิให้ชู้ชิงคู่ครอง
 นางนวลนกทะเล บินร่อนเร่เหหันมอง
นางนวลเปรียบนวลน้อง นกฤๅเท่าเจ้านวลใย
 ดูนกแสนฉลาด เหมือนอากาศะยานไคล
ร่อนเร่เหหันไป เที่ยวตรวจดูหมู่อรี
 เปรียบปลาเหมือนเรือดำ เดินใต้น้ำสาครศรี
แล่นลอดดอดมาตี เรือลำใหญ่ได้บางครา
 นางนวลบินลอยล่อง มองถนัดมัตสยา
ไวเจียวเฉี่ยวโฉบปลา ไปกินเล่นเปนอาหาร
 ดูนกฉกโฉบปลา ก็เหมือนอากาศะยาน
สามารถอาจสังหาร เรือใต้น้ำระยำไป
 อ้านกวิหคหาญ เราขอวานบ้างเปนไร
ช่วยถือหนังสือไป ถึงเรือนเจ้าเยาวพา
 พิราบเขาเลี้ยงไว้ เขาก็ใช้ถือสารา
นางนวลชวนเชิญมา เปนทูตาถึงนวลเชย
 กระไรช่างใจดำ ไม่ฟังคำเราบ้างเลย
แดดจ้านิจจาเอ๋ย เหมือนเพลิงรุมสุมอกกรม
 คำนึงถึงเจ้าพี่ ราวไฟจี้จ่ออารมณ์
เริศร้างห่างเหินชม ว้าเหว่จิตคิดถวิล ฯ
โคลง
 สีชังชังชื่อแล้ว อย่าชัง
อย่าโกรธพี่จริงจัง จิตข้อง
ตัวไกลจิตก็ยัง เนาแนบ
เสน่ห์สนิทน้อง นิจโอ้อาดูร ฯ
กาพย์
 สีชังชังแต่ชื่อ เกาะนั้นฤๅจะชังใคร
ขอแต่แม่ดวงใจ อย่าชังชิงพี่จริงจัง
 ตัวไกลใจพี่อยู่ เปนคู่น้องครองยืนยัง
ห่างเจ้าเฝ้าแลหลัง ตั้งใจติดมิตร์สมาน
 บางพระนึกถึงพระ บูชะนีย์ที่สักการ
แต่งตั้งยังสถาน แทบหัวนอนขอพรครอง
 ผ่านทางบางปลาสร้อย จิตละห้อยละเหี่ยหมอง
นึกสร้อยสายเชพร์ทอง คล้องศอเจ้าเย้ากะมล
 บางนี้บุรีงาม อันออกนามว่าเมืองชล
แลท้องทเลวน ชลนัยน์ไหลลงธาร
 อ่างหินนึกอ่างหิน ที่ยุพินเคยสนาน
โอ้ว่ายุพาพาล จะอ้างว้างริมอ่างหิน
 เรือผ่านเกาะกระดาษ แม้สามารถจะพังภิน
จะเขียนสาราจิน ตนาส่งถึงนงเยาว์
 ถึงอ่าวพุดซาวัน ริกริกสั่นสิอกเรา
คิดถึงพุดซาเจ้า เคยเก็บไว้ให้พี่ยา
 คลุกพริกกับเกลือดี ไว้ให้พี่จิ้มพุดซา
เสร็จงานกลับบ้านมา พอได้ลิ้มชิมชอบใจ
 ครั้นถึงทุ่งไก่เตี้ย ยิ่งละเหี่ยละห้อยไป
นึกยามเจ้าทรามไวย ปรุงแกงไก่ให้พี่กิน
 เดินผ่านร้านดอกไม้ ก็ยิ่งไฝ่ใจถวิล
เคยชวนโฉมยุพิน ชมดอกไม้ที่ในสวน
 เกาะยอเหมือนยอเจ้า ยุพเยาว์อนงค์นวล
แสร้งยอบ่มิควร เพราะนิ่มเนื้อเหลือเลิศชม
 เข้าถึงสัตะหีบ รีบหลบลี้หนีคลื่นลม
นึกยามเจ้าทรามชม จัดผ้าจีบลงหีบน้อย
 ขบวนเรือประพาศ ดูดาดาษกลาดเกลื่อนลอย
ขึงขังดังหนึ่งคอย จะต่อสู้ศัตรูผลา
 จอดห้อมล้อมเปนวง รอบเรือองค์พระราชา
ดูเหมือนเดือนสง่า อยู่ท่ามกลางหว่างหมู่ดาว
 ดูพลางทางรำพึง นิ่งคำนึงถึงเนื้อขาว
นึกนึกรู้สึกราว ไปงานศึกพิลึกใจ
 แม้มีศึกสงคราม ถึงสยามในวันใด
จำพรากจากทรามไวย ไปต่อสู้ศัตรูพาล
 เกิดมาเปนชาวไทย ต้องทำใจเปนทหาร
รักเจ้าเยาวมาลย์ ก็จำหักรักรีบไป
 จะยอมให้ไพรี เหยียบย่ำยีแผ่นดินไทย
เช่นนั้นสิจัญไร ไม่รักชาติศาสนา
 เพราะรักประจักษ์จริง จึ่งต้องทิ้งเจ้าแก้วตา
จงรักภักดีมา อาสาต้านราญริปู ฯ
โคลง
 รอนรอนอ่อนอกโอ้ อัษฎงคต์
สุริยพระมืดลง หมดแล้ว
ยามมืดชืดเย็นองค์ วายุพัด
ยิ่งตรึกนึกถึงแก้ว พี่เศร้าทรวงศัลย์ ฯ
กาพย์
 รอนรอนอ่อนอัษฎงคต์ ตวันลงลับเหลี่ยมผา
มืดมลสนธยา พามืดมัวทั่วดวงใจ
 ชะแง้แลเทือกเขา เปนเงาเงาอยู่รำไร
รำพึงคะนึงไป ชวนให้นึกถึงตึกราม
 ตึกแถวเปนแนวข้าง ถนนทางนครงาม
สว่างกระจ่างวาม ด้วยไฟฟ้าอ่าเอี่ยมแสง
 อีกตามถนนหลวง ไฟฟ้าดวงรุ่งเรืองแรง
สว่างกระจ่างแจ้ง แสงสว่างราวกลางวัน
 ยามเย็นเคยเห็นคน ขึ้นรถยนตร์ขับอวดกัน
นารีที่คมสัน ต่างขันแขงแต่งยวนชาย
 ผ้าม่วงสีช่วงโชติ เหลืองแดงโรจนสีหลากหลาย
เสื้อแพรแลดอกลาย ผ้าแพรห่มล้วนสมสรวย
 หน้านวลนวลแต่น้อย แช่มช้อยสมกับผมมวย
อาภรณ์ซ้อนแซมด้วย แวววับวับพอจับตา
 ดูใครไม่ชื่นจิต เท่ามิ่งมิตร์วนิดา
ดูพลางทางจับตา ชายตารักชักตาชม
 ตาดำขำแก้วพี่ พอสมดีกับสีผม
ฟันขาวดูราวชม แก้วมุกดาน่ายินดี
 หนังสือฤๅเจ้ารู้ พอควรอยู่แก่สัตรี
ประเสริฐเลิศนารี เจ้าไม่ทิ้งสิ่งที่ควร
 กิจการในบ้านช่อง เจ้าช่ำชองสิ้นทั้งมวล
ทุกสิ่งยอดหญิงล้วน จะขยันหมั่นการงาน
 ไม่เหมือนหญิงบางคน สาละวนไม่เข้าการ
มัวมุ่งยุ่งแต่งสาร จนลืมงานการบ้านเรือน
 สำแดงแต่วิชา หนังสือบ้าจนแชเชือน
ยุ่งนักชักฟั่นเฟือน ฟุ้งสร้านไปจนไร้ผัว
 น้องพี่สิฉลาด แสนสามารถในการครัว
ช่างชวนและยวนยั่ว ให้พี่ชิมลิ้มอาหาร ฯ
โคลง
 เข้าต้มอมรสเปรี้ยว เค็มปน
เนื้อนกนุ่มระคน ผักเคล้า
ร้อนร้อนตักหลายหน ห่อนเบื่อ
รสหลาก ๆ รสเร้า เร่งให้ใฝ่กิน ฯ
กาพย์
 เข้าต้มอมรสเปรี้ยว ดีจริงเจียวเปรี้ยวเค็มปน
เนื้อนกนุ่มระคน ปนผักเคล้ารสเข้าที
 เข้าต้มเนื้อโคกลั้ว ปนถั่วเขียวกลมเกลียวดี
มันเทศวิเศษมี รสโอชาแสนน่ากิน
 สาคูเม็ดใหญ่กลม แทนเข้าต้มสมถวิล
รสยวนชวนให้กิน สิ้นทั้งหมดรสเหลือแหลม
 ขนมจีบเจ้าช่างทำ ทั้งน้ำพริกมะมาดแกม
มะเฟืองเปนเครื่องแกล้ม รสเหน็บแนมแช่มชูกัน
 ขนมเบื้องญวนใหม่ ประกอบไส้วิเศษสรร
ทอดกรอบชอบกินมัน เคี้ยวกรอบ ๆ ชวนชอบใจ
 หมูแนมแกมเครื่องเรี่ยม หอมกระเทียมผักชีใหม่
พริกแดงแซงสอดไว้ ใบทองหลางวางชิ้นหมู
 เมี่ยงคำน้ำลายสอ เมี่ยงสมอเมี่ยงปลาทู
เข้าคลุก ๆ ไก่หมู น้ำพริกกลั้วทั่วโอชา
 เข้าตังกรอบถนัด น้ำพริกผัดละเลงทา
เข้าตังปิ้งใหม่มา จิ้มน่าตั้งทั้งเค็มมัน
 อีกทั้งขนมเบื้อง เครื่องช่างเคล้าเข้าเหมาะกัน
ละเลงเก่งเหลือสรร ชูโอชาไม่ลาลด
 แกงไก่ใส่เครื่องถม คลุกขนมจีนแป้งสด
เข้ามันมันแกมรส ส้มตำเปรี้ยวชวนเคี้ยวกิน
 ลูกไม้ใส่โถแก้ว ล้วนเลิศแล้วสมใจจินต์
สารพัดจัดให้กิน เสมอได้ไม่ขัดขวาง
 ทั้งหมดรสอาหาร เปรี้ยวเค็มหวานไม่จืดจาง
รสเหมาะเพราะมือนาง แก้วพี่เคล้าเย้ายวนใจ ฯ
โคลง
 เงียบเหงาเปล่าอกโอ้ อกครวญ
หยิบสมุดชุดชวน อ่านบ้าง
นอนอ่านอ่านยิ่งหวล ใจโศก
น้องพี่เคยเคียงข้าง ช่วยชี้ชวนหัว ฯ
กาพย์
 เงียบเหงาเปล่าอกหมอง คิดถึงน้องหมองวิญญา
จึ่งหยิบหนังสือมา แก้รำคาญอ่านเรื่อยไป
 อ่าน ๆ รำคาญฮือ แบบหนังสือสมัยใหม่
อย่างเราไม่เข้าใจ ภาษาไทยเขาไม่เขียน
 ภาษาสมัยใหม่ ของถูกใจพวกนักเรียน
อ่านนักชักวิงเวียน เขาช่างเพียรเสียจริงจัง
 แบบเก๋เขวภาษา สมมตว่าแบบฝรั่ง
อ่านเบื่อเหลือกำลัง ฟังไม่ได้คลื่นไส้เหลือ
 อ่านไปไม่ได้เรื่อง ชักชวนเคืองเครื่องให้เบื่อ
แต่งกันแสนฝั้นเฝือ อย่างภาษาบ้าน้ำลาย
 โอ้ว่าภาษาไทย ช่างกระไรจวนฉิบหาย
คนไทยไพล่กลับกลาย เปนโซ๊ดบ้าน่าบัดสี
 หนังสือฤๅหวังอ่าน แก้รำคาญได้สักที
ยิ่งอ่านดาลฤดี เลยต้องขว้างกลางสาคร
 ลองหามาอ่านใหม่ พะเอินได้เปนบทกลอน
สมมตบทลคร ขึ้นชื่อเสียงเฉวียงไว
 พุทโธ่โอ้ใจหาย เราเคราะห์ร้ายนี่กระไร
จบหมดบทกลอนไทย ไม่เปนส่ำระยำมัง
 ทั้งมวลล้วนเหลวแหลก ทุกแพนกอนิจจัง
เรื่องเปื่อยเลื้อยรุงรัง ทั้งถ้อยคำซ้ำหยาบคาย
 กลับหันหาเรื่องดี ที่เอาไว้ใกล้ ๆ กาย
อ่านให้ใจสบาย หายง่วงเหงาเศร้ากระมล ฯ
โคลง
 แถลงปางนางแน่งน้อย สีดา
ถูกยักษ์อัประลักษณ์พา ห่างห้อง
พระรามพระโกรธา ยักษ์โหด
พระจึ่งยกพลก้อง กึกเข้าไปรอญ ฯ
กาพย์
 กล่าวปางนางสีดา ถูกพญาทศศีรษ์
ลักพาไปธานี จึ่งเกิดศึกพิลึกหาญ
 เหตุสุรปนขา บ้ากามาแสนสามาญ
มุ่งพระอวตาร ให้เปนผัวเพื่อตัวครอง
 เสแสร้งจำแลงกาย ให้เฉิดฉายนวลลออง
ไปเกี้ยวเลี้ยวลดลอง พรากพธูผู้เคียงกัน
 พระองค์ผู้ทรงศักดิ์ ไม่จงรักด้วยกับมัน
หญิงชั่วมั่วโมหัน มันจะพาเสียราศี
 นางยักษ์เข้าหักหาญ ราญสีดายอดนารี
น้องรักพระจักรี จึ่งบำราบปราบนางมาร
 พระตัดจมูกมัน อีกทั้งฟันหูแหลกลาญ
ทาสาแสนสามาญ ก็รีบรี่หลีกหนีไป
 ไปชวนทั้งทูษณ์ขร มาราญรอนภูวนัย
ยักษาปราชัย ไม่ทนพระบารมี
 เดือดดาลนางมารบ้า วิ่งไปหาทศศีรษ์
กลอกกลับแสนอัปรี สาระแนยุแหย่ไป
 ท้าวยักษ์ได้ฟังความ เหมือนไฟกามจ่อจี้ใจ
ให้คิดพิสมัย ไฝ่อนงค์องค์สีดา
 ใช้มารีจจำแลง แปลงเปนกวางร่างโสภา
พอพบประสบตา สีดาเจ้าเฝ้าถวิล
 ทูลวอนชอ้อนง้อ ต่อสมเด็จพระจักริน
จนองค์พงษ์นรินทร์ พระเกรงน้องจะหมองหมาง
 จับศรสุรพล เสด็จด้นไปตามกวาง
ให้ลักษมณ์พักอยู่พลาง เปนผู้เฝ้าเจ้าสีดา
 มารีจครั้นถูกศร ทำเสียงอ่อนด้วยมารยา
เรียกลักษมณ์อนุชา มาช่วยพี่ที่ในพง
 ยุพินยินเสียงมัน ให้สำคัญเคลือบแคลงหลง
ใช้ลักษมณ์รีบสู่ดง ช่วงองค์พระอวตาร
 ครานั้นทศศีรษ์ จึ่งได้ทีเหมือนใจพาล
เข้ามาหานงคราญ จำแลงร่างอย่างโยคี
 กล่าวคำร่ำเกลี้ยกล่อม นางไม่ยอมฟังวาที
พูดไปไม่ไยดี พิษเพลิงกามยิ่งลามลน
 ยิ่งขัดยิ่งกลัดกลุ้ม เข้าโอบอุ้มนฤมล
พาล่องฟองเวหน สู่ลงกาธานีมาร
 พระรามกลับศาลา ไม่เห็นหน้ายอดสงสาร
องค์พระอวตาร ก็แสนโศกวิโยคนาง
 ชวนพระอนุชา รีบลีลาในเถื่อนทาง
เดินพลางแลครวญพลาง จนประสบพบพานร
 ช่วยลูกพระอาทิตย์ รณชิตชิงนคร
กำแหงพระแผลงศร ต้องพาลีชีวีลาน
 สุครีพจึ่งจัดพล พร้อมพหลพลทวยหาญ
เพื่อพระอวตาร ผลาญขุนราพณ์ปราบลงกา
 เกิดศึกพิลึกเดช ก็เพราะเหตุด้วยสีดา
ชิงรักชักชวนพา ให้ประยุทธ์สุดเริงรณ
 ยุทธ์แย้งแย่งสีดา ยังอุส่าห์ยอมเสียชนม์
แย่งดินถิ่นถกล ฤๅจะห่วงหวงชีวัน ฯ
โคลง
 นึกถึงพระร่วงเจ้า จอมไทย
แค้นพวกขอมจัญไร โหดห้าว
ทนงคิดจงใจ กู้ชาติ
กระเดื่องเดชะท้าว ร่วงผู้ผดุงเสียม ฯ
กาพย์
 นึกถึงพระร่วงเจ้า ผู้ผ่านเผ่าประชาไทย
ดำรงทรงราชัย ในละโว้โอ่เอี่ยมงาม
 คั่งแค้นขอมอัปรี มันกดขี่ชาวสยาม
จะคิดทำสงคราม ฤๅก็อ่อนหย่อนแรงพล
 พระจึ่งคิดอุบาย และยักย้ายด้วยเล่ห์กล
เอาเปรียบทุรชน ด้วยว่องไวใช้ปรีชา
 จักไม้สานชลอม รูปกลมกล่อมเอาชันยา
จึ่งตักเอาน้ำมา สำเร็จได้ดังใจจินต์
 ความรู้ถึงภูธร นครขอมจอมนรินทร์
จึ่งใช้ให้โยธิน กรีธาทัพมาจับตัว
 พระร่วงแสร้งหลบไป เดโชไชยคิดว่ากลัว
โมหันอันมืดมัว ไม่เข้าใจในอุบาย
 เชื่อฤทธิ์อิทธิ์กำแหง จึ่งปลอมแปลงจำแลงกาย
จำนงจงใจหมาย ไปสังหารผลาญเจ้าไทย
 ด่วนไปให้ลี้ลับ ดูราวกับดำดินไป
ถึงกรุงสุโขทัย เข้าสถานลานอาราม
 พบพระรูปหนึ่งไซร้ ขอมจัญไรไม่รู้ความ
จึ่งไหว้และไต่ถาม ถึงร่วงเจ้าเธออยู่ไหน
 พระร่วงภิกษุรู้ ว่าศัตรูไม่รู้นัย
จึ่งตอบประวิงไป ว่าจงรอพอเธอมา
 แล้วรีบเรียกโยมวัด มาจับมัดขอมพาลา
เดโชโง่หนักหนา ก็แพ้พระบารมี
 ชาวเมืองก็เลื่องฦๅ เสียงเฮฮือทั้งธานี
ไพร่ฟ้าประชาชี ไปเฝ้าองค์พระทรงธรรม์
 ชีบาเสนามาตย์ อภิวาทน์บังคมคัล
เชิญทรงดำรงขัณฑ์ สุโขทัยอันไพศาล
 พระร่วงรับคำเชิญ ดำเนินสู่ราชฐาน
จึ่งทำภิเศกการ ขึ้นผ่านเผ้าเปนเจ้าไทย
 ต่อมาราชาคิด รณชิตขอมจัญไร
กู้แคว้นแดนกรุงไทย ให้พ้นเอื้อมเงื้อมมือขอม
 ทุกแคว้นแดนนิคม ก็นิยมระยอบยอม
ทั้งหมดประณตน้อม นอบพระร่วงปวงพำนัก
 นึกถึงพระร่วงฤท ธิมหิทธิ์วิสิฐศักดิ์
นามเพราะดูเหมาะนัก เปนนามาแห่งนาวี
 พระร่วงเรือรบหมาย ไว้ถวายพระภูมี
ชื่อดีขอโชคดี จงประสบเรือรบไทย
 ยามใดใช้แย่งยุทธ์ ฤทธิรุทจงเกรียงไกร
เหมือนร่วงขุนหลวงไทย บำราบศึกพิลึกหาญ ฯ
โคลง
 โครมโครมคะครึกครื้น ครืนคราน
ปืนใหญ่ยิงประหาร ศึกซ้อม
ซ้อมรบเพื่อชำนาญ เชิงประชิต
ยามอริมาห้อม จักสู้เศิกขลัง ฯ
กาพย์
 โครม ๆ เสียงครื้นครึก เมื่อยากดึกครืนครานดัง
ปืนตึงปึงโป้งปัง ดังสนั่นลั่นสาคร
 เรือตอร์ปิโดไว เล็ดลอดไปไม่สยอน
วิ่งจี๋รี่ไปรอน ราญเรือปืนเสียงครืนคราน
 เรือปืนต่างจอดซุ่ม เห็นตะคุ่มในท้องธาร
รอไว้พอได้การ จึ่งต้านต่อตอร์ปิโด
 เรือตอร์ปิโดวิ่ง รวดเร็วจริงวิ่งอะโข
เรือปืน ๆ โต ๆ ยิงปืนใหญ่มิใคร่ทัน
 อาไศรยความมืดมล จึ่งประจญได้แขงขัน
สว่างในกลางวัน ฤๅจะกล้าเข้าราวี
 เรือเล็กเหมือนเด็กน้อย ได้แต่คอยดูท่วงที
ต้องรอพอเหมาะดี ผู้ใหญ่เผลอเหม่อจึ่งทำ
 จะเข้าไปตรง ๆ คงต้องปืนครืนกระหน่ำ
ให้ดีมีหลายลำ จำต้องมีพี่เลี้ยงไป
 นาวีฝีเท้ารวด จึ่งจะกวดไปทันได้
บัดนี้นาวีไทย หาลำไหนไม่พอการ
 แต่ดูการซ้อมศึก ยังต้องนึกร้อนรำคาญ
ชาวไทยถึงใจหาญ ไม่มีเรือเหลือสู้เขา
 คนไทยอย่างไรท่าน ไม่รำคาญหรือไทยเรา
ไฉนทำใจเบา จะไม่ช่วยกันด้วยฤๅ ฯ
โคลง
 ขอชวนกันช่วยเร้า ระดม
เร่งเพาะความนิยม อย่าช้า
นาวีสมาคม ชวนชัก
ชวนพวกไทยทั่วหน้า ปักรั้วกันสยาม ฯ
กาพย์
 ขอชวนกันช่วยเร้า พวกไทยเรารีบระดม
เร่งเพาะความนิยม อย่าชักช้าจะล่าไป
 นาวีสมาคม แนะนิยมแห่งชาวไทย
ชวนกันพลันพร้อมใจ ล้อมรั้วกั้นกันสยาม
 บนบกมีทหาร คอยเริงราญรุกสงคราม
เสือป่าสง่างาม คอยช่วยรบบรรจบพล
 ยังว่างแต่ทางเรือ เพื่อป้องกันขันผจญ
ทางที่วิถีชล ไร้กำลังตั้งรักษา
 จะทิ้งนิ่งเฉยอยู่ เหมือนประตูเปิดไว้ร่า
ศัตรูจู่โจมมา ฤๅจะสู้ศัตรูไหว
 อย่าเหม่อเผอเรอเพลิน เราขอเชิญช่วยร้อนใจ
ทำเผินเนิ่นนานไป จะลำบากยากใจเรา
 ศัตรูเข้าสู่ได้ จะเอาไฟเที่ยวจุดเผา
เรือนชานลานเปนเฒ่า ทรัพย์สมบัติพลัดกระจาย
 ลูกเมียจะเสียหมด ทุรยศเยินฉิบหาย
เราอยู่ดูน่าอาย ตายดีกว่าอย่าเสียศรี
 ตื่นเถิดเราเกิดมา เปนไทยอย่าให้เสียที
ช่วยหานาวามี กำลังขันไว้กันเมือง ฯ