ประชุมเรื่องเบ็ดเตล็ด 3 เรื่อง/เรื่อง 2
การไปนมัสการรอยพระพุทธบาท หรือที่เรียกกันอย่างย่อ ๆ ว่า "ไปพระบาท" ซึ่งเปนการได้เคยครึกครื้นเอิกเกริกอยู่แต่ในโบราณกาลแล้วร่วงโรยมาทุกทีนั้น บัดนี้ ดูจะกลับครึกครื้นขึ้นใหม่อีกเปนมั่นคง แต่ว่าการที่ครึกครื้นขึ้นใหม่นี้ไม่ใช่เปนอย่างโบราณกลับมาครึกครื้น เปนการครึกครื้นไปอย่างอื่นทางใหม่ เปนแต่สักว่าอาศรัยชื่อว่าพระบาทเปนเค้า เหมือนกับชื่อที่จ่าเรื่องหนังสือเท่านั้น
เมื่อจะกล่าวด้วยเทศกาลพระบาท ถึงความประสงค์จะเปนไปในทางใด ก็จำเปนจะต้องกล่าวตั้งต้นขึ้นไปถึงเรื่องรอยพระพุทธบาทที่เขาสัจพันธ์ซึ่งเปนต้นเค้าของความนิยมที่ไปไหว้พระบาทนั้นเสียสักหน่อย แลเรื่องรอยพระพุทธบาทนั้นมีปรากฎในพระราชพงศาวดารแผ่นดินพระเจ้าทรงธรรมว่า พรานคนหนึ่งชื่อ นายบุญ ไปพบรอยเท้าใหญ่ในศิลาบนไหล่เขาแขวงเมืองสระบุรีเมื่อจุลศักราช ๙๖๘ ปี พระเจ้าทรงธรรมเสด็จไปทอดพระเนตร รับสั่งว่า เปนรอยพระพุทธบาทโดยแท้ เพราะสมด้วยคำลังกากล่าวว่า รอยพระพุทธบาทมีอยู่ในเมืองไทยแห่งหนึ่ง จึงได้ทรงสร้างพระมณฑปสวมรอยพระพุทธบาทนั้น แลทำที่ต่าง ๆ ในบริเวณเปนอันมาก ที่พระพุทธบาทก็ได้เปนที่ประชุมชนไปนมัสการตามระดูปีแต่นั้นมา ถึงสมเด็จพระเจ้าแผ่นดินต่อ ๆ มาก็ได้ไปทรงนมัสการแทบถ้วนทุกพระองค์ แลทรงก่อสร้างสถานที่ต่าง ๆ ในบริเวณนั้นขึ้นเปนอันมาก ที่พระพุทธบาทนั้นจึงเปนเจดียสถานอันสำคัญในพระราชอาณาเขตแห่ง ๑ ตลอดจนกาลบัดนี้ ในที่นี้ ข้าพเจ้าไม่มีความประสงค์จะปุจฉาแลวิสัชนาถึงข้อที่ว่า รอยพระพุทธบาทนั้นจะเปนรอยที่พระพุทธเจ้าได้มาเหยียบไว้จริงหรือไม่จริง ใครเชื่ออย่างไร ข้าพเจ้าเชื่ออย่างไร ก็ขอให้เชื่อกันไปอย่างนั้นก่อน
จะขอกล่าวแต่ด้วยประเทศที่ภูมิสถานตามสมควร ที่หมู่เขาพระพุทธบาทนั้นเปนเขาอยู่ใกล้กรุงเก่ากว่าเขาหมู่อื่นทั้งสิ้นโดยรอบ แลอยู่ห่างลำน้ำอันเรือเดิรได้สดวกเพียง ๕๐๐ เส้นเศษ มีภูมิลำเนาที่เที่ยวสนุกสนานมาก จำเดิมแต่ทางที่ขึ้นก็เปนทางราบ รถแลเกวียนเดิรได้ทั้งกลางวันกลางคืน จะว่าด้วยป่า ๆ ก็ไม่รกชัฏ จะเที่ยวเตร่เดิรเหิรก็ง่าย จะว่าด้วยเขา ๆ ก็งดงามหนักหนา เปนฉากชั้นอยู่ใกล้ ๆ กัน วันหนึ่งจะเที่ยวสักที่ลูก ไม่ต้องปีนป่ายลำบากยากเย็น ก็ไปได้ จะว่าด้วยพื้นที่ ๆ ก็น่าเดิรน่านั่ง ด้วยบางแห่งเปนลำธาร บางแห่งก็เปนหินดาษ บางแห่งก็เปนชายป่า เดิรสักเหนื่อยหนึ่งสองเหนื่อยก็ไม่เบื่อ จะว่าด้วยกระบวนถ้ำเล่า ถ้ำไหนในเมืองไทยที่สนุกซุกซิกยิ่งกว่าถ้ำมหาสนุก ใครเคยเข้าไปจนถึงที่สุดได้บ้าง
ถึงกระบวนที่จะเที่ยวพเนจรต่อไปอีกก็ไม่รู้ว่ากี่แห่ง ไปลพบุรีก็ใกล้ หรือจะไปพระฉาย ตลอดจนหนองโน หนองยาว แลเมืองนครนายก หรือจะไปเขาแก้วพระบาทใหม่ เขาคอก แลแก่งคอย ดงพระยาไฟ พระยากลาง ก็ไปได้ทั้งนั้น ถ้าจะรวมความลงว่าแต่สั้น ๆ เอาความสุขสนุกสนานของคนขึ้นเปนที่ตั้งแล้ว ที่อื่น ๆ ที่ไหนทั่วทั้งเมืองไทยจะสมควรรับรองรอยพระพุทธบาทยิ่งกว่าเขาหมู่นี้ไปแล้วเปนอันไม่มีเลย จะไม่เปนที่คนทั้งหลายพากันนิยมยินดีไปนมัสการนับด้วยหมื่นด้วยแสนอย่างไร
อนึ่ง การที่คนทั้งหลายพากันนิยมไปไหว้พระบาทนั้น ย่อมทำให้ประโยชน์เกิดเปนอานิสงส์ได้หลายอย่าง คือ ความศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธสาสนาก็เจริญยั่งยืนขึ้นในสันดานคนได้เปนอันมาก แท้จริงถึงว่าการที่จะเกิดกุศลแลความเลื่อมใสศรัทธาต่อพระรัตนตรัยไม่จำเปนจะต้องเปนเพราะรอยพระพุทธบาทนี้หรือรอยพระพุทธบาทไหนเลยนั้นก็จริงอยู่ ก็แต่อัธยาศัยคนซึ่งความศรัทธาจะบังเกิดนั้นไม่เหมือนกัน เปรียบเหมือนอย่างคนใช้นาฬิกาสังเกตเวลา ผู้ใดมีสติกำหนดเวลาธุระของตัวมั่นคงอยู่แล้ว ถึงใช้นาฬิกาเงียบ คือ นาฬิกาพก เปนต้น ก็พอประโยชน์ แต่คนบางชนิดความกำหนดไม่แม่นยำได้เหมือนเช่นนั้น ก็ต้องใช้นาฬิกาตีนาฬิกาปลุกเมื่อถึงกำหนด ถึงสติยังใหล่เล่ออยู่ เสียงระฆังสัญญาทุ่มโมงนั้นก็จะตีเตือนให้ระลึกขึ้นได้ทันท่วงที จึงไม่เสียกิจธุระของตน พระพุทธบาทนี้เหมือนดังระฆังนาฬิกาสำหรับตีเตือนสติของคนบางจำพวกให้เกิดเลื่อมใสต่อพระพุทธสาสนาได้ การที่มีเทศกาลไหว้พระบาทจึงย่อมเปนประโยชน์กำไรแก่พระพุทธสาสนาอย่างหนึ่ง ยังประโยชน์ที่ให้ความสุขสำราญแก่ราษฎร ฉเพาะการค้าขายแลกเปลี่ยนนทรัพย์สมบัติแก่กันนั้นก็มีมาก คือ พวกชาวบ้านป่าเมืองดอนที่ขัดสนเงินทองต่างก็จัดหาสิ่งของควรมีราคาหาง่ายในแขวงนั้น คือ เครื่องยาแลสัตว์ป่าต่าง ๆ มาขายได้เงินทองตามปราถนา ข้างพวกชาวกรุงฯ มีเงินแต่ขัดสนเครื่องยา อยากได้สัตว์ป่า ก็พากันไปซื้อได้ตามประสงค์ พวกชาวกรุงฯ บางพวกเอาของต่าง ๆ ที่ชาวป่าหายากควรต้องการ คือ ผ้าพรรณนุ่งห่มแลแหวนตกั่วหัวมะกล่ำ เปนต้น ขึ้นไปจำหน่ายขาย ก็ได้กำไรมาตามประสงค์ ฝ่ายเจ้าของเกวียนเจ้าของช้างม้ามีพาหนะว่างการ ให้ไปรับจ้างก็ได้ประโยชน์ตน เมื่อจะว่าโดยย่อแล้ว พระพุทธบาทนี้ทำให้ความสุขสำราญแก่ราษฎรผู้กระทำการค้าขายได้เปนอันมาก ยังประโยชน์ที่มีแก่ภูมิประเทศนั้นก็มีอีก ด้วยที่เดีมเปนป่าเปลี่ยว ที่มามีถนนหนทางไร่นาบ้านผู้คนจนเปนทางไปมาสดวกได้ดังนี้ ก็เพราะอานุภาพรอยพระพุทธบาทนั้นเปนเค้ามูล ยังประโยชน์อย่างอื่นก็ยังมี จะพรรณาไปก็จะยืดยาวนัก เปนแต่จะชี้ให้เห็นว่า ที่มีรอยพระพุทธบาทขึ้นที่นั้นเปนประโยชน์ทั้งอย่างที่พรรณนามาแล้วแลเปนประโยชน์อย่างใหม่ ๆ ซึ่งจะกล่าวต่อไปข้างหน้า ดีร้ายประโยชน์ที่ยังไม่เคยมีจะมีขึ้นได้ในอนาคตเพราะพระบาทนี้อีกหลายประการเปนมั่นคง
ธรรมดาสิ่งซึ่งมีอยู่ในโลกจะหาให้เปนสิ่งวิเศษโดยรอบทีเดียวนั้นหายากยิ่งนักฉันใด ประเทศภูมิสถานเขาพระบาทก็มีที่เสียอยู่บ้างเหมือนเช่นนั้น เพราะถึงว่าหน้าแล้งจะดูงดงามสนุกสนานปานใด เมื่อถึงเทศกาลฝนก็กลับกลายไปอย่างอนึ่ง พื้นที่ราบรื่นก็กลายเปนโคลนตมหล่มลึก ล้อเกวียนเดิรไม่ได้ เขาแลป่าได้น้ำฝน ไม้ก็ขึ้นรุงรังระกันทึบทั่วไป ใครเคยขึ้นไปได้ความสนุกสนานเมื่อหน้าแล้ง ลองกลับขึ้นหน้าฝนก็จะได้แต่ความไข้เจ็บทุกขเวทนาลงมาแทบถึงอันตรายแก่ชีวิตก็เปนได้ เพราะเหตุนั้น คนทั้งหลายจึงขึ้นไปนมัสการพระพุทธบาทได้แต่ปีละระดูเดียว
ก็แต่เมื่อพิเคราะห์ไปอีกอย่างหนึ่ง จะว่าเปนความเสียแท้ทีเดียวก็ไม่ได้ ด้วยเทศกาลพระบาทที่ยังมีคนนิยมครึกครื้นสืบมาได้จนบัดนี้ ก็เห็นจะเปนเพราะที่ไปได้แต่ปีละระดูเดียวด้วยดอกกระมัง ถ้าเปนที่ไปได้ง่าย ๆ อยู่เสมอ ก็เห็นจะไม่สู้นิยมตื่นเต้นกันไปนัก ดูแต่วัดพระแก้ว ก็จัดว่าเปนอย่างดงามควรชมอย่างยอดอยู่แล้ว ก็ไม่เห็นชาวท่าพระแลท้ายสนมเอิกเกริกกันมาบูชาปานใด ต่างคนก็คงมีความเสื่อมใสได้มานมัสการด้วยความนิยมทั่วกัน แต่คงมาหย่อยกันทีละคนสองคน มาเมื่อไรก็ได้ ดูจึงไม่เอิกเกริกเอะอะ ถึงคราวตรุษสงกรานต์ มีคนมามาก สังเกตดูก็มักเปนแต่พวกมอญลาวที่อยู่ไกลมายากทั้งนั้น ถ้าพระพุทธบาทอยู่ใกล้ไปง่ายเหมือนวัดพระแก้วแกล้ว ก็คงจะดูชินไปเหมือนเช่นนี้ ถึงว่าพื้นที่ภูมิสถานพระบาทจะเสมอเหมือนกันทุกระดู การที่จะไปก็มิใช่ง่ายทีเดียว คนที่จะไปต่างต้องออกเงินต้องละงารของตนตามมากแลน้อยแทบทั่วกัน ก็จะเปนเหตุขัดขวางได้อีกทางหนึ่ง จึงว่า ที่ไปพระบาทได้แต่ปีละระดูเดียวนั้น ดูก็จะไม่ทำให้เสื่อมเสียประโยชน์อันใดนัก หรือจะว่า ถ้าไปได้ทุกระดู ก็คงจะไม่ครึกครื้นเหมือนไปได้แต่ระดูเดียว เช่นนี้ก็ว่าได้
เทศกาลกำหนดคนไปพระบาท ใครจะเปนผู้กำหนดนัดหมายไว้แต่เดิมก็ไม่ทราบเลย แต่ดูเปนความเข้าใจทั่วกันเปนกลางว่า "กลางเดือน ๓ แลเปนพร้อมกันที่พระบาท" เช่นนี้ ก็เปนเวลาดีน่านัดหมายกว่าวันอื่น เพราะระดูใบไม้พอร่วงเต็มที่ ดินก็แห้งสนิธ หมดความไข้เจ็บจะมีที่พระบาท แลร้อนก็ยังไม่จัดนัก เดือนก็กำลังหงาย น้ำท่าในลำธารสระบ่อก็ยังพอหาได้ อนึ่ง เกวียนช้างม้าพาหนะก็พอเสร็จการไร่นา คนชาวนาก็พอว่างธุระลง จะหาเวลาอื่นให้เหมาะกว่านี้ก็เห็นจะไม่มี
กำหนดนัดหมายการอย่างอื่นยังว่า มีคลาดเคลื่อนละลืมกันได้บ้าง แต่กำหนดวันขึ้นพระบาทนี้ดูช่างอัศจรรย์ เข้าใจพร้อมเพรียงซึมทราบกันเสียจริง ๆ ถ้าจวนวันเข้าแล้ว ได้ยินแต่เสียงว่า คนนั้นจะพระบาท คนนี้จะไปพระบาท อย่างต่ำ ๆ ได้ยินเสียงว่า อยากไปพระบาท ก็ออกแซ่ไป บางพวกทีทุนรอน ก็จัดเรือแพพาลูกหลานญาติพี่น้องไป บางพวกก็โดยสานเขาไปประสาไม่มีกำลังพาหนะ บางทีถึงสู้ทนรับอาสาแจวเรือเขาไปก็มี ไม่ว่าแต่กรุงเทพฯ แต่บ้านป่าบึงบางไหน ๆ ก็รีบเร่งจะไปให้ทันกำหนดวันนั้น ครั้นถึงท่าเรือ คิดอ่านเรื่องจะขึ้นเดิรไปทางบก ใครถึงนั่นแล้วจะเว้นไม่ขึ้นไปถึงพระบาทได้ ถึงเจ้าพวกรับอาสาแจวเรือไป ก็เปนอันเหลือกำลังที่จะรับอาสาเฝ้าเรือได้ ตกลงเปนไม่มีใครเฝ้าเรือ ถึงต้องจ้างพวกชาวบ้านอยู่ท่าเรือให้เฝ้า เลยเปนธรรมเนียม ถ้าถึงระดู เจ้าพวกนั้นเปนตั้งห้างคอยรับฝากเรือหากินกันเสียชั้นหนึ่ง คราวนี้ ถึงพวกเจ้าของเกวียนแลช้างม้าซึ่งเอามาคอยรับจ้าง ถ้าคนแรกขึ้นยังน้อย ถึงได้ค่าจ้างเล็กน้อย ก็ตกลงยอมรับไปส่งถึงพระบาท ถ้าวันจวนคนอัดแอ ต่างรีบเร่งจะขึ้นไปให้ทันกำหนด ก็โก่งราคาขึ้น คนไปก็ต้องยอม ด้วยจะรีบไปให้ทันวันกำหนด คราวนี้ ถึงเจ้าพวกบางโขมด ฉเพาะตั้งบ้านอยู่เหมาะ คนไปออกจากท่าเรือแต่เช้า พอถึงนั่น ก็พอออกหิว เจอพวกชาวบ้านมานั่งเผาเข้าหลามขายอยู่ ใครเลยจะเว้นได้ ก็ต้องแวะเข้าไปส่งส่วยด่านบางโขมด เลยเปนโฮเต็ลขายเข้าหลามปรากฎชื่อเสียงโด่งดัง ครั้นขึ้นไปถึงพระบาท ยังต้องขวนขวายหาเช่าโรงที่อยู่ ห้องเล็ก ๆ น้อย ๆ มีเปนอันมาก ก็ยังไม่ใคร่พอคน ใครขึ้นล่าไป ก็มักจะได้ความลำบาก ต้องถึงดาษปรำอยู่กลางป่า
เมื่อถึงวันกลางเดือน แลดูวงบริเวณลานพระบาท ช่างกระไร คนช่างอัดแอแซ่ซ้องกันเสียจริง ๆ เกือบจะไม่รู้ว่า เปนลานพระบาทที่อยู่เชิงเขากลางป่า เดิรไปทางไหนก็คน ดูไปทางไหนก็คน พระบ้าง คฤหัสถ์บ้าง หญิงบ้าง ชายบ้าง เด็กบ้าง ผู้ใหญ่บ้าง ตานั่น ยายนี่ พี่โน่น น้องนี่ ที่รู้จักคุ้นเคยกันก็มี แปลกหน้ามาใหม่ก็มี ดูมีคนทุกชนิดไม่เลือกหน้า ใคร ๆ เขาไป ก็ยกไว้ ใครเลยจะได้นึกได้ฝันว่า จะได้พบตาตาบอดที่เคยนั่งขอทานอยู่เชิงสพานช้างโรงสี ก็ได้พบตาคนนั้นเองขึ้นไปนั่งสีซอขอทานอยู่ที่ลานพระบาท แกเอาทุนรอนที่ไหนไปอย่างไรก็ไม่รู้ เมื่อถึงเทศกาลแล้ว ลานพระบาทก็คงเต็มไปด้วยผู้คนดังพรรณนามาทุก ๆ ปี มิใช่จะขึ้นทุกปีทั่วทุกคน บางคนก็ได้ไปแต่หนเดียว บางคนนาน ๆ จงไปอีกคราวหนึ่ง น้อยคนนักที่จะได้ไปหลายปีติด ๆ กัน เว้นแต่เจ้าคุณพระมงคลเทพมุนี ศรีรัตนไพรวัน ผู้กำกับว่ากล่าวพระพุทธบาท กับบริษัทของท่าน นั่นท่านไปทุกปี เห็นจะกว่า ๓๐ คราวมาแล้ว บางปีก็ได้ไปถึง ๒ คราว บันดาคนนอกจากนั้นเปนแต่เปลี่ยนหน้ากันไปเปนพื้น ด้วยการที่จะไปพระบาทนั้นมิใช่ไปได้ง่าย ๆ ย่อมต้องลงทุนลงแรงแลละการงารของตนเสียคราวหนึ่งสิ้นทั้งนั้น คราวเทศกาลหนึ่ง ผู้ที่ได้สมประสงค์นั้น ถ้านับก็มีน้อยกว่าที่อยากไปแต่ไม่สมประสงค์เปนอันมาก เพราะความไม่สมประสงค์ของคนอยากไปพระบาทมีชุกชุมหนาแน่นทุกเทศกาลประจำปีดังนี้ ความครึกครื้นของเทศกาลพระบาทที่ว่าเปนอย่างใหม่จึงเกิดขึ้น คือ เมื่อปีรกา เบญจศก จุลศักราช ๑๒๓๕ ปี (พ.ศ. ๒๔๑๖) หม่อมราชวงศพระส่าน ซึ่งบวชอยู่วัดอัมรินทราราม (ต่อมา ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปนพระครูวิเศษศีลคุณ) เปนผู้เอาภาระกว้างขวางในหมู่ทายกแลคฤหัสถ์ทั้งปวงอยู่เปนอันมาก เกิดปัญญาปรารภเห็นความประสงค์ของคนทั้งหลายในทางนี้ จะเปนประโยชน์ทนุบำรุงวัดอัมรินทรารามได้ ด้วยในวัดนั้นมีภูเขาอิฐปูนมีมณฑปแลรอยพระบาททำไว้แต่เดิมแห่งหนึ่ง จึงคิดอ่านซ่อมแซมขึ้น แล้วชักชวนชาวบ้านให้มาตั้งร้ายขายของแทนชาวป่าแลสมมตที่ต่าง ๆ ให้แทนประเทศในระยะทางไปพระบาท คือ สมมตท่าเรือจ้างวัดอรุณเปนท่าเรือพระบาท ถนนหลวงทำใหม่ฝั่งตวันตกเปนถนนไปพระบาท ศาลเจ้าอะไรอยู่กลางทางต่างว่าศาลเจ้าเขาตก ที่เขตถนนหลวงต่อวัดอัมรินทรฯ ต่างว่าท้ายพิกุล ลานวัดอัมรินทร⟨ฯ⟩ ก็ต่างว่าลานพระบาท ต่างว่ากันขึ้นไปจนกระทั่งพระบาทจำลองแลเขาอิฐปูน ก็ต่างว่าพระบาทแลเขาพระบาทจนตลอดเรื่อง ออกกำหนดนัดประชุมคนในกลางเดือน ๓ สามวัน พร้อมกับกำหนดที่ไปไหว้พระบาทใหญ่
ในปีแรกที่คิดการนี้ ท่านพระครูส่านกล้าลงทุนลงแรงทนเหน็ดเหนื่อยเปนอันมาก ก็ได้เห็นผลความคิดโดยทันที
วัดอัมรินทรารามโดยปรกติแต่จะหาคนเดิรหรือจะหาคนที่เคยได้ไปก็ยาก ครั้นมาเกิดเรื่องพระบาทแทนขึ้นด้วยความคิดท่านพระครูส่านในปีนั้น พอถึงกลางเดือนสาม ลานวัดที่เคยเปลี่ยวก็แปลงรูปเปนร้านเล็ก ๆ อยู่เต็มไป ขายตั้งแต่ตุ๊กตุ่นตุ๊กตาผ้าผ่อนเครื่องใช้สอยต่าง ๆ ตลอดจนของใช้ของกินแทบถ้วนทุกอย่าง ที่ศาลาเคยโกรงเกรงอยู่กลางวัด ก็จัดเปนศาลาโรงธรรมมีเทศน์มหาชาติแลคาถาพันตลอดวัน จนกระทั่งที่ตัวภูเขาแลมณฑปพระบาทซึ่งจวนจะผุพังอยู่ไม่รู้ว่ากี่ปีมา ก็เกิดมีผู้คนศรัทธาพากันเบียดเสียดเยียดยัดขึ้นไปนมัสการไม่มีเวลาหยุด แต่เช้าเข้าบริเวณไป ก็ได้ยินแต่เสียงระฆังแลเสียงพิณพาทย์แตรสังข์ซึ่งพวกอาสาหาอัฐมาประโคมครึกครื้นอยู่รอบเชิงเขา แลดูไปที่มณฑปก็แลเห็นแต่แสงเทียนกับควันธุปกลุ้มไป รอยพระบาทในมณฑปนั้นแทบจะว่า เปนทองไปทั้งรอยก็ว่าได้ เพราะผู้ศรัทธาพากันไปนมัสการ มิรู้ว่า วันละกี่พันกี่หมื่น
ความคิดของท่านพระครูส่านในเรื่องนี้ ควรยอมว่า สำเร็จได้โดยวิเศษ สำเร็จได้เกินความประสงค์ของท่านพระครูอีกหลายทาง เพราะเกิดประโยชน์แพร่หลายออกไปอีกเปนอันมาก เปนต้นว่า พวกจอดแพอยู่ใกล้วัดอัมรินทร⟨ฯ⟩ ก็ได้ค่าฝากเรือ แห่งหนึ่งนับด้วยสิบบาทสามตำลึง พวกมาออกร้านขายของก็ได้กำไรไม่รู้ว่า วันละกี่บาท ของถูกก็ขายได้แพง ของไม่ควรต้องการก็ขายได้ พวกพิณพาทย์แตรสังข์ พวกขายธูปเทียนแลทองคำเปลว พวกคนขอทานทั้งปวง ก็ได้พบอติเรกลาภอันใหญ่ ยังพระภิกษุสามเณรในวัดนั้นหรือวัดอื่น ๆ ที่ได้รับนิมนต์เทศน์มหาชาติแลคาถาพัน ชั้นต่ำที่สุด เจ้านาคที่โกนหัวโกนคิ้วนั่งเรี่ยไรจะบวชอยู่ตามริมทาง ก็ได้รับทานบริจาคมากแลง่ายกว่าจะหาได้ที่อื่น เพราะคนทั้งหลายที่ไปย่อมไปด้วยใจรื่นเริง เห็นร้าน ก็ต้องซื้อ เห็นเรี่ยไร ก็ต้องให้ด้วยความเต็มใจทำบุญทำสนุกรวมกันอยู่ในตัว วัดอัมรินทรฯ ก็กลายเปนถิ่นที่เอิกเกริกครึกครื้นใหญ่ตลอดเทศกาลกำหนดไหว้พระบาทปีละ ๓ วันแต่นั้นมา
เมื่อวัดอัมรินทรฯ ได้ตั้งต้นจัดการอย่างใหม่ขึ้นดังนี้ ไม่ช้าวัดอื่นที่มีรอยพระบาทจำลองอยู่กับวัดก็คิดอ่านเอาอย่าง จัดการมีกำหนดนัดหมายขึ้นบ้างหลายพระอารม มีวัดจักรวรรดิ วัดราชนัดดา วัดราชคฤห์ เปนต้น แต่ที่วัดอื่นคิดขึ้นบ้างอย่างนั้นเปนการคิดเมื่อความนิยมของคนซึมซาบอยู่ในพระบาทวัดอัมรินทรฯ เสียแล้ว ไม่กี่คราวก็เปนอันต้องร่วงโรยเลิกไป เว้นแต่ที่วัดจักรวรรดิวัดเดียวยังติดแลครึกครื้นมาได้ทุกปี จนเปนคู่แข่งพระบาทวัดอัมรินทรฯ อยู่ในบัดนี้
พระบาทวัดจักรวรรดินี้ครึกครื้นได้ด้วยเหตุต่างกันคนละอย่างกับวัดอัมรินทรฯ วัดอัมรินทรฯ ครึกครื้นด้วยเปนต้นคิดจัดการขึ้นก่อน ทำให้ความนิยมของคนในทางต่างว่าพระบาทใหญ่ติดแน่นอยู่ที่นั้นมาก แลกระบวรท่าทางภูมิประเทศที่พรรณนามาข้างต้น ก็อยู่ข้างเข้าทีกว่าวัดจักรวรรดิ ฝ่ายข้างวัดจักรวรรดินั้น ถึงกระบวรพระบาทแลท่าทางภูมิสถานอยู่ข้างจะกร่อย ๆ ก็ได้เปรียบข้างฝ่ายการสนุกสนานในกระบวรซื้อแลขายของกว่าวัดอัมรินทรฯ หลายเท่า ด้วยอยู่ในตลาดสำเพ็ง แต่ตัวตลาดสำเพ็งโดยปรกติก็เปนที่ประชุมของแปลกประหลาทต่าง ๆ ไม่มีที่ไหนสู้อยู่แล้ว เมื่อถึงคราวเทศกาลพระบาท ชาวร้านสำเพ็งพากันคัดยอดสิ่งของมาขายประชันกันเต็มไปในลานวัดจักรวรรดิ ก็คิดดูเถิด ร้านขายของวัดอัมรินทรฯ จะสู้ได้อย่างไร เพราะเหตุนี้ คนทั้งหลายจึงพากันนิยมไปพระบาทวัดจักรวรรดินับด้วยพันด้วยหมื่นอีกแห่งหนึ่ง
เมื่อได้กล่าวเกี่ยวมาถึงพระบาทวัดจักรวรรดิด้วยดังนี้แล้ว ที่จะลืมความดีของท่านที่คิดจัดการนั้น ไม่กล่าวให้ปรากฎความดีในที่นี้ด้วย ย่อมไม่ควร การพระบาทวัดอัมรินทรฯ เกิดขึ้นได้ในทีแรก เพราะความอารีกว้างขวางแลความอุสาหะเหน็ดเหนื่อยของท่านพระครูส่านฉันใด พระบาทวัดจักรวรรดินี้ก็เกิดขึ้นได้ด้วยความอารีกว้างขวางแลความอุสาหะเหน็ดเหนื่อยของพระปลัดมา[1] ฉันนั้น ผิดกันแต่ว่า พระปลัดมามิได้เปนต้นคิดเรื่องไปพระบาทแทนขึ้นเท่านั้น แต่ถึงกระนั้นก็ดี การปฏิสังขรณ์ที่ต่าง ๆ ในวัดนั้น ท่านเปนผู้เอาธุระออกแรงทำสำเร็จมานอกจากเรื่องพระบาทนี้ก็มีเปนอันมาก ยังอีกส่วน ๑ คือ ความบำรุงวัดโดยกูลานุภาพ คือ ที่วงศตระกูลพระยาเพ็ชรดาฯ (ดิศ สิงหเสนี) ได้ช่วยอุดหนุน ก็อีกหลายอย่างหลายประการ เมื่อจะว่าโดยย่อแล้ว กระบวรกำลังทุนรอนวัดจักรวรรดิเปนต่อวัดอัมรินทรฯ หลายเท่า จะทำอะไรก็ได้ดีได้เร็ว เปนต้นว่า ก่อเขา เขาก่อกันโดยโอ่งดินเผา ที่วัดนี้ก่อด้วยหม้อเล่าอ๋วยเคลือบเพราะมีพวกสำเพ็งนำมาช่วย กระบวรขอแรงก็ได้แขงแรง เขาเล่าว่า เมื่อทำการปฏิสังขรณ์พระปรางค์คราวนี้ ท่านปลัดมาทำกระเดื่องตำปูนผูกสายให้คนชักได้ทีละมาก ๆ เวลากลางคืน ๆ พวกตลาดสำเพ็งพากันไปชักตำปูนช่วยเฮ ๆ กันจนดึกจนดื่นแทบทุกคืน แท้จริงถ้าวัดอัมรินทรฯ ไม่ได้ความดีที่เปนต้นคิดไว้ ก็คงเปนรองวัดจักรวรรดิหลุด
การที่เกิดพระบาทแทนขึ้นในกรุงเทพฯ ที่วัดอัมรินทรฯ แลวัดจักรวรรดิ ๒ แห่งนี้ ก็เปนเหตุให้เกิดประโยชน์ต่าง ๆ ได้หลายอย่าง ประโยชน์โดยสามัญที่เปนทำนองเดียวกับพระบาทใหญ่นั้นยกไว้ไม่ต้องกล่าว เปนอันสู้พระบาทใหญ่ไม่ได้แน่แท้ ไม่ต้องเถียง ก็แต่ประโยชน์ที่เปนอย่างใหม่แปลกกว่าพระบาทใหญ่ก็มีอยู่หลายอย่าง ควรยกขึ้นวินิจฉัยได้ข้อหนึ่งที่การขายของ ลักษณการขายของโดยธรรมดาเดี๋ยวนี้ คนซื้อย่อมเลือกสรรหาสิ่งที่ราคาถูกพอใจตนได้แล้ว จึงซื้ออยู่เปนพื้น ถึงว่า ของจะดีพอใจ ถ้าราคาแรง ก็บิดเบือนไถลไปเลือกหาของราคาถูก พวกขายของก็จำเปนต้องอาศรัยให้ขายได้เปนประมาณ ถึงจะมีช่างฝีมือดีทำสิ่งของให้วิจิตรงดงามได้ปานใด ก็ไม่กล้าทำมาขาย เพราะทำของดีก็ต้องแล้วช้า แล้วช้าก็เปลืองทุนเปลืองแรง เปลืองทุนเปลืองแรงก็ต้องเรียกราคาแพง เรียกราคาแพงก็ไม่มีใครซื้อ ไม่มีใครซื้อ เจ้าของก็ต้องขาดทุน จึงไม่ใคร่มีใครทำสิ่งของให้เปนอย่างวิจิตร เพราะเหตุนี้ มีผลไปถึงการทำของก็เลวลง ตัวช่างที่จะทำได้ดีจริงก็มีน้อยลง ว่าโดยใจความก็คือ การช่างขาดความบำรุง จะสังเกตตัวอย่างก็แลเห็นได้ง่าย ๆ จงดูการช่างเขียนแต่ก่อนก็ลือว่า ขรัวอินโข่งเปนฝีมือดีกว่าคนอื่น ฝีมือเขียนปรากฎฝาผนังพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามอยู่ห้อง ๑ เปนสำคัญ ตั้งแต่ขรัวอินโข่งตายแล้ว ก็ไม่ได้ยินว่า ช่างเขียนฝีมือดีเทียมนั้นมีที่ไหนอีก ด้วยผู้จ้างประสงค์จะเสียแต่ราคาถูก ๆ ไม่ใครเลือกฟั้นเอาให้ดี สักแต่จะให้เขียนแล้วได้เปนประมาณ พวกช่างเขียนทำการหาค่าจ้าง เมื่อเปนเช่นนั้น ก็คิดแต่จะทำพอเปนรูปกับให้แล้วไปได้ค่าจ้างแล้วก็เปนพอ ไม่มีใครคิดอุสาหะให้ฝีมือดีขึ้น วิชาช่างเขียนจึงเสื่อมมาช้านาน จนถึงเมื่อสักสองสามปีนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชดำริห์บำรุงขึ้น โปรดให้เกลี้ยกล่อมช่างเขียนมาพระราชทานเงินเดือนพอเลี้ยงชีวิตไม่ต้องขวนขวาย แลให้กรมหมื่นสรรพสาตรศุภกิจเปนแม่กองหาแบบแผนมาฝึกสอนให้เขียน เขียนกี่วันจะแล้วก็ตามเอาแต่ดีเปนประมาณ ถ้าใครเขียนดีวิเศษ ยังได้รับพระราชทานรางวัลอีก พวกช่างเขียนก็พากันอุสาหะแข่งฝีมือกัน จนบัดนี้ ไปแลดูรูปที่ช่างพวกนั้นเขียน ผิดกันกับเมื่อแรกราวกับคนละคน ถึงฝีมือขรัวอินโข่งก็ทำไม่ได้ รูปเขียนแผ่นหนึ่ง ๆ ถึงสิบบาท สามตำลึง ห้าตำลึง ก็ขายได้ ชักตัวอย่างพอให้เห็นว่า วิชาช่าง ถ้าบำรุงแล้ว ก็เจริญได้ นี่เปนแต่วิชาช่างเขียนอย่างเดียว ยังวิชาช่างอื่น ๆ ที่ร่วงโรยอยู่ก็ยังมีอีกหลายอย่าง มีช่างประดับมุขเปนต้น ก็ร่วงโรยเพราะโรคที่กล่าวมาแล้วทั้งนั้น มิใช่ไทยจะโง่เง่าทำอะไรให้ดีไม่ได้เมื่อใด
การทีมามีพระบาทแทนขึ้น เมื่อปีแรก ๆ ดูของขาย ก็เปนของธรรมดาซื้อหามาแต่ตลาด แต่ปีหลัง ๆ มานี้ ดูเจ้าของร้านประกวดกัน หาของทำขึ้นด้วยฝีมือช่างคิดทำมาขายแปลกตาออกไปหลายอย่าง ด้วยผู้ไปเที่ยวมักซื้อของแปลกประหลาทขึ้น ถึงราคาแรงสักหน่อย ก็ไม่ใคร่เสียดาย ถ้าเปนไปได้เช่นนี้ พระบาทแทนคงจะเปนเหตุบำรุงความคิดแลฝีมือช่างให้เจริญได้อย่างหนึ่ง ถึงมิมากก็น้อย อีกประการหนึ่ง การสโมสรในที่ประชุมชนที่คนมักคิดครั่นคร้ามความประพฤติของคนพาลแลพวกเจ้าชู้ก็ดูเบาบางลง ในการประชุมไปพระบาทแทนนี้ เห็นได้ที่มีพวกสาว ๆ ชาวบ้านพากันออกมานั่ง ร้านก็มีหลายราย คนจำพวกนี้เปนสัตว์มีกรรม การสนุกสนานครึกครื้นมีที่ไหนก็ไม่ใคร่ได้ดู ถ้าเดชะพระบาทแทนทำให้นิสัยพวกนักเลงสำรากกลับเรียบร้อยได้แม้แต่ปีละ ๓ วัน ก็จะเปนกุศลของพวกสาว ๆ ชาวบ้านเปนหนักหนา แต่กลัวจะไม่ใคร่เปนไปได้ เพราะพวกซื้อขอยังมักพูดจาเคาะแคะเกินพิกัด จนได้ยินว่า บางร้านถึงต้องหาสาว ๆ สำหรับสู้ฝีปากมาขายของก็มี เขาทำเช่นนี้ก็เพื่อจะให้ขนมสมกับน้ำยา แต่เปนการไม่ดีทั้งสองฝ่าย ถ้าอยากจะให้สนุกครึกครื้นยืดยืนไปได้แล้ว ต้องระงับเสียด้วยกันทั้งสองฝ่าย คือ พวกขายก็ขายโดยสุภาพ พวกซื้อก็พูดจาให้สุภาพจึงจะควร ในข้อนี้จัดว่า พระบาทแทนยังให้ประโยชน์ได้แต่นิดหนึ่ง อีกข้อหนึ่ง ประโยชน์ที่จะได้แก่พระอารามเพราะพระบาทแทนนี้ ถึงว่าจะมีอยู่บ้างแล้ว ดูก็ยังไม่พอ น่าที่จะจัดให้ดีได้ สังเกตดูนิสัยคนไปพระบาทแทนทั้งสองแห่งนี้ ถึงความประสงค์จะเปนอย่างไรก็ตาม ดูชอบศรัทธาออกเงินทำบุญอย่างใดอย่างหนึ่งด้วยกันแทบทุกคน ปีนี้ ที่วัดจักรวรรดิ ท่านปลัดมาบอกบุญปิดทองพระพุทธรูปองค์หนึ่ง คนช่างพากันซื้อทองคำเปลวไปปิดนี่กระไร ดูแทบจะได้ทองพอปิดพระเท่านั้นสักสองสามองค์ ถึงค่าที่ซื้อธูปเทียนบูชาค่าให้ทานก็ไม่รู้ว่า ปีละเท่าใด แต่ประโยชน์เหล่านี้ยังไม่ได้แก่พระอารามตามสมควร ที่พระบาทครึกครื้น ก็ครึกครื้นไป ที่อื่น ๆ คือ ศาลาวิหารการเปรียญที่ซุดโซม ก็ยังซุดโซมไป ไม่ได้รับความสงเคราะห์ของพระบาทที่อยู่ในวัดนั้นเลย ถ้าเช่นนี้ ได้จัดให้มีประตูเข้าวัดเมื่อเทศกาล บอกเขาให้รู้ว่า จะเรี่ยรายปฏิสังขรณ์วัด เรียกเงินคนเข้าไปในวัดเพียงคนละโสฬศเดียว พวกที่ไปขายของหากำไรก็ให้เสียค่าเช่าที่ปลูกร้านหรือนั่งขายขึ้นแก่วัด รวมเงินทั้งปวงนี้ได้มากน้อยเท่าใด ก็ให้ท่านพระครูส่านแลท่านปลัดมาทำการปฏิสังขรณ์ที่ชำรุดซุดโซมในวัดนั้น เมื่อถึงเทศกาลปีหน้า ก็เขียนบาญชีจำหน่ายรายการแลจำนวนเงินที่ได้แลที่ทำไปปิดป้ายไว้ในคนอนุโมทนา ก็จะเปนการดีอย่างยิ่ง ชื่อว่า เข้าบ้านท่านมิได้ดูดาย การครึกครื้นเกิดขึ้นในวัด ก็มิได้ทอดทิ้งวัดให้ซุดโซม เงินที่จะได้ ก็จะได้ด้วยเขาเต็มใจให้ ไม่มีผู้ใดเดือดร้อน แม้แต่คนนอกพระพุทธสาสนาก็จะไม่ติเตียนได้ คนที่เลื่อมใสศรัทธาก็จะมีแต่พากันยินดี ดูเหมือนว่า จะได้เงินคราวละมาก ๆ ทีเดียว ความคิดอันนี้มิใช่จะเห็นดีเห็นควรจะทำแต่ข้าพเจ้า คนอื่น ๆ ที่คิดเห็นเช่นนี้ก็จะมีมาก ถึงท่านพระครูส่านแลท่านปลัดมาบางทีก็จะได้คิดแล้ว แต่ไม่อาจจัดขึ้นหรืออย่างไรก็ไม่รู้เลย ข้อนี้ก็เปนประโยชน์สำคัญของพระบาทแทน แต่ยังมิได้เกิดขึ้นอยู่อย่างหนึ่ง เมื่อได้กล่าวพรรณนาความตลอดทั้งเรื่องพระบาทใหญ่แลพระบาทแทนฉนี้แล้ว จึงควรกำหนดลงเปนใจความได้ว่า การที่มีพระบาทใหญ่แลพระบาทแทนขึ้นในเมืองไทยนี้เปนการดีมีคุณประโยชน์เปนอันมาก
- ↑ ต่อมา ได้เปนพระราชาคณที่พระมงคลทิพมุณี ได้เลื่อนสมณศักดิ์ขึ้นโดยลำดับ ถึงรัชกาลที่ ๕ ได้เปนที่พระพุฒาจารย์