พระกวีนิพนธ์ฯ/เรื่อง 1

จาก วิกิซอร์ซ


คำอธิบาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชชกาลที่ 1 ทรงสร้างวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) ใน พ.ศ. 2325 ผู้ใดจะเป็นนายช่างไม่มีใครทราบ เสด็จพ่อทรงเล่าแต่ว่า บรรดาเครื่องมุกด์ต่าง ๆ เจ้าพระยาอัครมหาเสนา (บุนนาค) เป็นผู้ทำในรัชชกาลที่ 1 เวลาล่วงมาจนถึงกำหนดจะต้องซ่อมแซมประจวบเป็นเวลาเว้นรัชชกาลหนึ่งทุกครั้ง ฉนั้น ถึงในรัชชกาลที่ 3 จึงมีการปฏิสังขรดังมีอยู่ในหนังสือเรื่อง "ปฏิสังขรวัดพระศรีรัตนศาสดาราม" นั้นแล้ว ในครั้งนี้ สมเด็จเจ้าพระยามหาพิชัยญาติ (สมเด็จองค์น้อย) เป็นนายช่างทั้วไปรวมทั้งเครื่องมุกด์เป็นส่วนมากด้วย ต่อมาถึงในรัชชกาลที่ 4 เป็นแต่ทรงสร้างเพิ่มเติม มิได้ซ่อมแซมทั้งวัด เวลาปฏิสังขรจึงตกมาในรัชชกาลที่ 5 อีกใน พ.ศ. 2423 ครั้งนี้ ทรงจัดตั้งเป็นคณะกรรมการ มีสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระบำราบปรปักษ์ ทรงเป็นประธาน แล้วทรงขอแรงให้ช่วยกันแต่งโคลงเล่าเรื่องภาพรามเกียรติ์ตามฝาพระระเบียงทุกห้อง เสด็จพ่อทรงแต่งตอนห้องสุครีพหักฉัตร์ และตอนห้องปล่อยม้าอุปการ รวม 2 ห้อง ดังต่อไปนี้

(จารึกที่พระระเบียงวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ห้องที่ 51)
พระนิพนธ์พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร

 พงศ์พรหมภูวนาถเจ้า จอมมาร
โกรธกระบิลแดดาล เดือดร้อน
ถวิลจักหักลาญบาน ปรปักษ์
ผดุงพิภพเชิดช้อน เกียรติไว้วงศ์แผน ฯ
 นึกได้ชัยฉัตรท้าว ธาดา สฤษดิ์แฮ
มีมหิทธิ์มหิมา เดชล้ำ
ปักปกปิดทิพา กรมืด มิดฤๅ
แต่งทัพโถมทุ่มค้ำ ฆ่าสิ้นศึกขัน ฯ
 พลันเผยสีหนาทเอื้อน โองการ
หวยมโหทรชาญ ฉบับรู้
กูจักมลายลาญ อรินทรราช นี่นา
ด้วยเดชฉัตรพรหมกู้ ก่อไว้เฉลิมเวียง ฯ
 สังเวยวรฉัตรให้ จัดสรรพ์ สิ่งนา
เทียนธูปทาหิรัญ มาศย้อม
ผกากระยาบรร เจิดจัด ผจงแฮ
เทียบภาชน์พิพิธพร้อม พรั่งตั้งตังวาย ฯ
 เร่งหมายรายรีบเร้า ระดมมาร
ยกพิชัยฉัตรกาญจน์ ก่องแก้ว
ไปยังท่ามกลางสถาน นัคเรศ
ขณะรุ่งรังสีแล้ว รีบตั้งบังสูรย์ ฯ
 เร่งสรรค์รากษสกล้า กลางรณ รงค์แฮ
เคยศึกคร่ำการกล ศึกพร้อม
ผิวฉัตรปิดสุริยน พะยับมืด มิดนา
ให้กระหน่ำกระหนาบล้อม ล้มล้างอรินทร์พาล ฯ
 มนตรีเตรียมตรวจต้อง ตามสาส์น สั่งแฮ
รุ่งฤกษ์เชิดฉัตรกาญจน์ ก่ำแก้ว
เดชะฉัตรพรหมาน รังสฤษดิ์
ภาคพิภพกำธรแผ้ว มืดด้านดัสกร ฯ
 เห็บอับอากาศอ้ำ อนธการ
สมคิดจิตต์ขุนมาร ชื่นช้อย
ชวนคณะวรนงคราญ ยุรยาตร
โดยราชวิถีคล้อย คลาดเคล้าคลาจรัญ ฯ
 บัดเถลิงชั้นฉัตรก้ำ กึ่งสวรรค์
สรพฤบสรพรั่งสาวสรรค์ แซ่ซ้อง
ต่างดูพวกพลขันธ์ เขตร์ศึก
สิบพักตร์พักตร์ผ่องพร้อง พร่ำอ้ออวดบุญ ฯ
 มณโฑโสภาคย์ล้ำ เลขา
ยลพระจักรภุชพา นเรศเฝ้า
เคยรู้ฤทธิไกรวา นรก่อน กาลแฮ
เห็นภพจะสูญเศร้า สุดท้อทรวงถวิล ฯ
 ผันพักตร์ทูลแทตย์ท้าว ทศศรี
พระจุ่งตริจงดี จึ่งสู้
ฟังนางกมลปรี ดีตอบ นางนา
ชัยฉัตรสุรเชษฐกู้ ภพแล้วกลัวไย ฯ
 ฝ่ายพลพานเรศถ้วน ทั้งทัพ ชัยนา
เห็นประภากรกลับ มืดคลุ้ม
ห่อนรู้ระบิลสับ สนวุ่น วายแฮ
บ้างวิ่งบ้างวนกลุ้ม เกลื่อนล้มระงมกัน ฯ
 พระพิษณุราชเจ้า จอมสวา
เลออาสน์เหล่ามาตยา ดาษเฝ้า
เห็นเหตุพิบัติอา กาศแปลก เป็นแฮ
ถามพิเภกแผกเค้า เช่นนี้เป็นไฉน ฯ
 บัดน้องสิบพักตร์ก้ม เกศี สนองแฮ
ฉัตรยักษ์ปักปิดรวี มืดไว้
ทศพักตร์จักลอบตี ทัพราช
เราบ่เห็นเขาได้ แต่ข้างเขาเห็น ฯ
 ขอธุลีบรมบาทใช้ ขุนหาญ หนึ่งเฮย
รีบประหัตฉัตรมาร จ่งได้
พระทรงสดับสาร พลันตรัส ถามนา
ใครจักอาจจักให้ ฉัตรชั้นพลังทลาย ฯ
 ลูกพระสุริยราชข้า บทบง กชแฮ
รับสั่งอาสาณรงค์ ไป่ช้า
เหาะขึ้นนภางค์ตรง ทิศภพ มารเฮย
เฉวียนฉวัดลัดฟ้า ลัดนิ้วเดียวถึง
 บ่ถึงเห็นฉัตรกั้น กลางภา ราแฮ
แสนส่ำกำธรหนา แน่นล้อม
พลันร่ายอิทธิมหา มนต์เปลี่ยน กายนอ
กายใหญ่เยี่ยงพรหมพร้อม รูปทั้งเงาหาย ฯ
 ฝ่ายอสูรปิศาจเสื้อ เมืองมาร
เห็นกระบิลเติบปาน ปิดฟ้า
ตระหนกหฤทัยลาน ลนวุ่น วายแฮ
ขามฤทธิ์บ่รอร้า รีบเร้นเร็วหนี ฯ
 กระบิลลงสู่ภพเต้า ตามสถล มานา
ถึงที่ฉัตรถกล เชิดกั้ง
คลายเวทเหตุบังหน ขันขู่ ราพณ์แฮ
เหม่เหม่ทศพักตร์ตั้ง ฉัตรนี้เยียไฉน ฯ
 กลัวชะไมอิสสรราชทั้ง แสงสร พระฤๅ
ฤๅย่อฤทธิ์พานร เดชห้าว
ฤๅใครเหนี่ยวกายกร กุมมั่น ไว้ฤๅ
จึงมิสู้ศึกท้าว ลอบตั้งฉัตรกล ฯ
 เหม่ชาติอุบาทว์อ้าย ทรลักษณ์ ลิงแฮ
ผิวะหั่นบั่นเศียรจัก เหือดแค้น
มึงอย่าพักอยู่พัก อวดฤทธิ์ นายนา
บมิฆ่ากูได้แม้น เช่นอ้ายพาลี ฯ
 อย่าเอื้อมยงยุทธด้วย ทรงศักดิ
กูจักฆ่าขุนยักษ์ จ่งม้วย
พลันขึ้นฉัตรชัยขวัก ไขว่ไล่ มารแฮ
แสดงเดชต่อเดชด้วย เดชท้าวทศเศียร ฯ
 ขุนราพณ์รณฤทธิ์ต้าน ขุนกระบิล
แขนสิบเก้ากอดยุพิน กลุ่มกลุ้ม
กรเดียวรับอรินทร์ ป้องปิด
ลิงบุกรุกรบรุ้ม ราพณ์ร้าราถอย ฯ
 รวิวรบุตรน้าว เหนี่ยวฉัตร
ฉัตรบ่ทานฤทธิ์ตระบัด หักร้า
ราพณ์ร่วงหรุบหรุบพลัด แพลงพลาด
พลันจรัสสูรย์จ้า แจ่มพื้นเมทนี ฯ
 ขุนกระบิลโถมถีบท้าว ทศพักตร์
ถนัดอุราราพณ์อัก อกเอี้ยว
น้าวฉุดกระชากชัก ชฎาติด ไปแฮ
เชิดชฎาแยกเขี้ยว ยักคิ้วหลอกอสูร ฯ
 จักบั่นศิรราพณ์ผู้ เพ็ญยศ ยิ่งฮา
เกรงเกลือกเกินกำหนด ท่านใช้
เอามงกุฎแทนทศ พักตร์แทตย์ ถวายแฮ
ขอฝากสิบเศียรไว้ ว่าแล้วคืนเมือ ฯ
 ถึงสถานถิ่นที่ท้าว เธอสถิตย์ เสถียรนา
ถวายชฎาชวลิต อเคื้อ
ทูลทูลเหตุหักฤทธิ์ ราพณ์เสร็จ สมแฮ
โดยบาทบงกชเกื้อ ก่อให้ชัยเฉลิม ฯ
 ฟังรบิลปราโมทย์เอื้อน โองการ
ไตรภพใครเทียมทาน ท่านได้
สมเป็นบุตรสุริยฉาน สุริยฤทธิ์ เสมอนา
พลันพระชวนชนิษฐไท้ สู่ห้องบรรจฐรณ์ ฯ
จารึกที่พระระเบียงวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ห้อง 161
พระนิพนธ์พระองค์ดิศวรกุมาร
 พระมงกุฎพระลบรั้ง แรมพนา เวศเฮย
เสร็จโค่นขุนพฤกษา แหลกล้ม
ครรไลสู่สถานอา ศรมบท
สู่พระมาดุเรศก้ม กราบแจ้งอนุสนธิ์ ฯ
 ฟังดนัยนงลักษณ์ปลื้ม เปรมจิตต์
ว่าพ่อชะไมมิตร ร่วมไร้
สมเป็นเอกอดิศร์ วรเผ่า พันธุ์นา
สิทธิศักดิ์สมวงศ์ได้ ดั่งนี้ดีเหลือ ฯ
 เชษฐองค์โอรสเอื้อน อัตถ์ถาม พลันนา
พระแม่จุ่งแถลงความ หนึ่งน้อย
บิตุราชลูกรักนาม ไฉนนั่น พระนา
สถิตย์ที่แดนใดข้อย คิดอ้นฉงนฉงาย ฯ
 ชลนัยน์นองเนตร์แจ้ง เหตุหน หลังแฮ
อ้าพ่อวรยุคล คู่ไร้
อันองค์พระจุมพล ชนกนาถ พ่อฤๅ
นามพระราเมศได้ ผ่านด้าวอยุธยา ฯ
 นางแสดงโดยเหตุเบื้อง บรรพกาล สิ้นนอ
ยกศาสตร์วิวาห์การ แต่งตั้ง
ตราบต้องทุกข์ทรมาน มาพึ่ง ชฏิลแฮ
จบเรื่องเอารสทั้ง นาฎซ้องโศกศัลย์ ฯ
 ปางบรมรามราชเจ้า อยุธยา
เสด็จออกหมู่มาตยา ดาษเฝ้า
ยินก้องเกิดโกลา หลเหตุ มหันต์แฮ
หลากหฤทัยท่านเร้า เร่งชั้นสอบถาม ฯ
 โหราจารย์จบแจ้ง เจนตำ หรับเฮย
รับราชโองการธรรม ธเรศไท้
สอบทั่วเสร็จทุกคัม ภีรพากย์
สอบบ่เห็นเหตุให้ อัดอั้นอกฉงน ฯ
 ต่างประณตนอบเกล้า กราบทูล
ข้าแต่นเรนทร์สูรย์ ผ่านหล้า
คัมภีร์บ่แจ้งมูล เหตุดุจ นี้เลย
แต่ลิขิตคดีช้า เนิ่นโน้นมีปาน ฯ
 ปางบรรพ์ธรรมิกเจ้า จอมสา กลเฮย
กับพระไตรอนุชา เพริศแพร้ว
ลองฤทธิ์ราชสรา วุธผาด แผลงแฮ
ถวายพระทูลกระหม่อมแก้ว ที่คล้อยคืนสวรรค์ ฯ
 สรเทือนสรทกฟ้า ดินดาล
เหตุก็พอปูนปาน เปรียบได้
ชรอยผู้รุ่งฤทธิ์ชาญ เชิงศาสตร์
ลองวราวุธใกล้ เขตร์แคว้นแดนนคร ฯ
 ผิว์ผู้เรืองฤทธิ์นี้ ใจตรง อยู่ฤๅ
คงบ่ขัดพระประสงค์ ท่านได้
ผิว์คิดขบถคง แข็งแช่ง คำนา
หักก่อนดีกว่าให้ แก่แกล้ามาผจญ ฯ
 ขอจงแต่งอัศวอ้าง อุปการ นามฤๅ
ครบเครื่องสุวรรณสาส์น สอดห้อย
เสี่ยงสัตย์ปล่อยสู่สถาน นิคมเขตร์ ขัณฑ์แฮ
ให้บุตรวายุคล้อย คลาดด้อมดอดตาม ฯ
 ในสาส์นจะแจ้งว่า จักรา ราชแฮ
ผดุงภพเพ่งกรุณา ทั่วหน้า
คาบนี้มหัศจรรย์ปรา กฏเกิด เป็นแฮ
จึงปล่อยม้าหมายรู้ เรื่องแจ้งใจชน ฯ
 ใครครองวรสัตย์ตั้ง ตนกตัญ ญูนา
จงสการอัศวอัน อาสน์ไท้
ใครจ้วงจู่จับขัน ขับขี่ ก็ดี
คือขบถบ่งไว้ ชีพต้องตายเตียน ฯ
 คงจะประจักษ์แจ้ง ใจชน ได้นา
ใครซื่อใครคดคน คิดร้าย
ผิว์พบพวกทรพล ผู้ประทุษฐ์ ไทแฮ
จับอย่าเหลือเหล่าอ้าย อาจเอื้อมโอหัง ฯ
 ฟังสารซั้นสั่งให้ หณุมาน
รีบสู่ไกยเกษสถาน ถิ่นด้าว
ทูลสองอนุชาชาญ ไชเยศ
เชิญเสด็จกนิษฐท้าว เร่งร้อน เร็วถึง ฯ
 วายุบุตรรับสั่งคล้อย คลาจร
ลุแหล่งไกยเกษนคร ไป่ช้า
ทูลองค์อดิศร สองกษัตริย์
โดยพระจอมเจ้าหล้า ตรัสให้เชิญองค์ ฯ
 สองทราบดำรัสเจ้า เร่งพหล
เทียบพยุหยาตราพล พรั่งพร้อม
ยกรัดรีบเดินดล อยุธเยศ แล้วแฮ
สองสู่สุรราชน้อม นอบเฝ้าฟังสาร ฯ
 จักรพงศ์ภูวนาถเอื้อน โองการ
เหตุอุบัติบันดาล กึกก้อง
สงสัยว่าภัยพาล พวกอมิตร มีนา
จึงจะให้พระน้อง จับเสี้ยนไอศวรรย์ ฯ
 จักรังลิขิตคล้อง คออา ชานา
ปล่อยออกนอกนัครา รีบเต้า
อีกขุนกระบิลวา ยุบุตรติด ตามแฮ
ให้อนุชยกพลเร้า รีบต้อนตอนหลัง ฯ
 ยุคลขัตติยท้าว ทูลสาร
สรวมชีพใต้บทมาลย์ ปิ่นหล้า
การเพียรจะรำบาญ อรินทร์ราช นี้ฤๅ
ตกพนักงานข้า พี่น้องสองศรี ฯ
 พระหยิบสองเกราะแก้ว กับอา วุธเฮย
เรืองฤทธิ์สิทธิศักดา เดชล้ำ
เคยทรงสู้ศึกมา ทุกคาบ ครั้งแฮ
ประสิทธิ์แก่อนุชซ้ำ สั่งให้เตรียมพหล ฯ
 สองราชรับพจน์แล้ว ลาคลา
จากพระโรงสู่พลับพลา สั่งให้
โหรเฒ่าเหล่าพฤฒา จารย์จัด พิธีนา
มาตย์รับโองการไท้ ธิเบศรน้องอวตาร ฯ
 ขุนม้าจูงมิ่งม้า มาพลัน
อาลักษณ์เชิญสารสุวรรณ ผูกเข้า
เวียนเทียนเจ็ดรอบบัน ลือพาทย์ ประโคมแฮ
แล้วประกาศเทพเจ้า ทั่วทั้งไตรสถาน ฯ
 สรรพเสร็จปล่อยอัศวแคล้ว คลาจร
วายุบุตรตามอัสดร ดุ่มเต้า
ปาางองค์อดิศร สองกนิษฐ์ รามแฮ
ทรงรถยกพลเร้า สุดท้ายภายหลัง
 กล่าวกับองค์พี่น้อง เนากุฎี ดงเอย
ลาบาทพระชนนี นาถเจ้า
จักใคร่เที่ยวไพรศรี หวังสุข เกษมแฮ
นางสดับดาลจิตต์เร้า รุ่มร้อนฤทัยไหว ฯ
 พลันห้ามปิยบุตรด้วย เกรงภัย
สองบ่ฟังร่ำไร โศกสอื้น
จนจิตต์จึ่งอวยชัย ยอมอนุ ญาตนา
สองสดับกลับชื่นชื้น ชอบน้ำใจเกษม ฯ
 ลาแม่แลบาทเบื้อง นักธรรม์ แล้วแฮ
โทราชกุมารผัน ผาดคล้อย
เที่ยมชมพฤกษ์ไพรสัณฑ์ แสนสนุก สนานนา
ชมส่ำสัตว์ใหญ่น้อย ถิ่นถ้ำลำละหาน ฯ