ห้องสิน/เล่ม ๑/ตอน ๓
หน้า ๓๓–๕๘ สารบัญ
ฝ่ายซ่องเฮ่าเฮ้าแตกทัพเสียทีแก่เชาชวนต๋ง ทหารล้มตายเป็นอันมาก ซ่องเฮ่าเฮ้ากับทหารซึ่งเหลือตายพากันหนีไปถึงเมืองปักเป๊กเฮ้า พอเวลารุ่งเช้า ซ่องเฮ่าเฮ้าจึงว่าแก่ทหารทั้งปวงว่า แต่เรารบศึกมาหลายครั้งแล้ว มิได้เสียทหารยับเยินเหมือนครั้งนี้ และทหารของเราล้มตายเสียเก้าส่วน ยังเหลืออยู่แต่ส่วนเดียว ทั้งซ่องเอ๋งปิว บุตรเรา ก็ต้องทวนป่วยอยู่ เราเสียใจนัก อึงง่วนจี้จึงตอบซ่องเฮ่าเฮ้าว่า การซึ่งจะทำศึกนี้มีแต่แพ้และชนะสองประการ ท่านอย่าเสียใจ ขอให้มีหนังสือไปถึงกีเซียง เจ้าเมืองไซรเป๊กเฮ้า เร่งให้ยกกองทัพรีบมาบรรจบกับกองทัพเรา ก็เห็นจะเอาชัยชำนะแก่เชาฮูได้ ซ่องเฮ่าเฮ้าได้ฟังดังนั้นจึงคิดว่า กีเซียงก็รู้ว่า เราได้รับกับเชาฮูติดพันอยู่แล้ว กีเซียงก็ยังหายกกองทัพมาช่วยเราไม่ ครั้นจะให้หนังสือไปถึงกีเซียง ก็เกรงจะเป็นแอบรับสั่ง
ขณะเมื่อซ่องเฮ่าเฮ้ากับอึงง่วนจี้ปรึกษากันอยู่นั้น พอได้ยินเสียงเท้าม้าและคนอื้ออึงมาภายนอกเมืองเป็นอันมาก มิได้รู้ว่า กองทัพผู้ใดยกมา ซ่องเฮ่าเฮ้าตกใจนัก ก็ขึ้นม้าเปิดประตูเมืองออกไปดู ก็เห็นธงสำหรับแม่ทัพ และเห็นนายทหารหน้าดำ หนวดเหลืองดังสีทอง มีจักษุเหลืองทั้งสองข้าง ใส่เสื้อเกราะสีแดง ถือขวาน ขี่สิงโต มีทหารประมาณสองหมื่นเศษ ซ่องเฮ่าเฮ้าจำได้ว่า ซ่องเฮกเฮ้า ผู้น้องซึ่งกินเมืองเช่าจิ๋วเฮ้า ซ่องเฮ่าเฮ้ามีความยินดีนัก จึงออกไปรับซ่องเฮกเฮ้า ซ่องเฮกเฮ้าจึงลงจากสิงโต คำนับซ่องเฮ่าเฮ้าผู้พี่ แล้วจึงว่า ข้าพเจ้าแจ้งความว่า พี่ท่านยกไปตีเมืองกีจิวเฮ้าเสียทีแก่เชาฮู ข้าพเจ้าจึงยกกองทัพรีบมาหวังจะช่วยท่าน ซ่องเฮ่าเฮ้าได้ฟังซ่องเฮกเฮ้าว่าดังนั้นยินดีนัก จึงพาซ่องเฮกเฮ้าเข้าไปในเมือง แล้วเล่าความซึ่งเสียทีแก่เชาฮูให้ซ่องเฮกเฮ้าฟังทุกประหาร ซ่องเฮกเฮ้าจึงว่า ข้าพเจ้าดื้หารที่มีฝีมือมาครั้งนี้ประมาณสามพัน ทหารเลวสองหมื่นเศษ ท่านอย่าได้เกรงแก่เชาฮูเลย ซ่องเฮ่าเฮ้าได้ฟังดังนั้นก็จัดแจงทหารทั้งปวง พร้อมแล้วให้ซ่องเฮกเฮ้าเป็นทัพหน้า ยกไปถึงเมืองกีจิวเฮ้า แล้วให้ตั้งค่ายมั่นลงไว้ ซ่องเฮกเฮ้าจึงใหทหารร้องเข้าไปว่า ให้เชาฮูจัดทหารมีฝีมือเร่งออกมารบกัน ฝ่ายทหารซึ่งรักษาหน้าที่ได้ฟังจึงเข้าไปบอกแก่เชาฮู เชาฮูจึงว่า ซ่องเฮกเฮ้าคนนี้มีวิชาและฝีมือเข้มแข็งนัก เราไม่เห็นฝีมือผู้ใดจะสู้ได้ ทหารทั้งปวงได้ฟังดังนั้นต่างคนต่างนิ่งอยู่ เชาชวนต๋งจึงว่า ทหารเขายกมา เราก็จำจะแต่งทหารออกไปรบ เปรียบดุจหนึ่งน้ำท่วมมา ก็เอาดินถมเป็นทำนบป้องกันไว้ เชาฮูจึงว่า เจ้ายังเด็กนักมิได้รู้ อันซ่องเฮกเฮ้าคนนี้มีฝีมือกล้าแข็งนัก แล้วได้เรียนวิชามาแต่สำนักผู้วิเศษ ถึงกองทัพจะยกมาหมื่นหนึ่งแสนหนึ่งก็ดี ซ่องเฮกเฮ้าก็อาจจะตัดศีรษะเอาศีรษะนายทหารไปโดยง่าย เจ้าอย่าเพ่อดูหมิ่นซ่องเฮกเฮ้า เชาชวนต๋งได้ฟังเชาฮูผู้บิดาว่าดังนั้นก็โกรธ จึงว่า ซึ่งท่านสรรเสริญซ่องเฮกเฮ้าดังนั้น ทหารทั้งปวงจะมิย่อท้อเสียใจไปหรือ ข้าพเจ้าจะขออาสาออกไปจับตัวซ่องเฮกเฮ้ามาจงได้ ถ้ามิได้ซ่องเฮกเฮ้า ข้าพเจ้าก็ไม่กลับมาหาท่าน เชาฮูจึงว่า ซึ่งเจ้ามิเชื่อเรา จะออกไปสู้กับซ่องเฮกเฮ้า ถ้าเสียทรมาประการใด เจ้าอย่าน้อยใจเรา เชาชวนต๋งรับคำแล้วขึ้นม้าถือทวนพาทหารเปิดประตูเมืองออกไป ครั้นถึงหน้าค่ายซ่องเฮกเฮ้า เชาชวนต๋งจึงร้องเข้าไปว่า ให้แม่ทัพทั้งสองนายเร่งออกมาต่อสู้ดูฝีมือกันโดยเร็ว
ฝ่ายซ่องเฮกเฮ้าได้ยินเชาชวนต๋งร้องว่ามาดังนั้นจึงคิดว่า กูมาครั้งนี้หวังจะแก้ความอายซ่องเฮ่าเฮ้าพี่ที่เสียทีพ่ายแพ้ไปครั้งก่อนนั้น อนึ่ง เชาฮูกับกูเล่าก็เป็นมิตรสหายกันมาแต่ก่อน จะได้ช่วยเชาฮูให้พ้นจากโทษข้อขัดรับสั่งพระเจ้าติวอ๋อง ครั้นซ่องเฮกเฮ้าคิดดังนั้นแล้วจึงขึ้นขี่สิงโตถือขวานออกมาหน้าค่ายแต่ผู้เดียว เห็นเชาชวนต๋งขี่ม้าถือทวนยืนอยู่หน้าทหารทั้งปวง ซ่องเฮกเฮ้าจึงร้องว่า ให้เชาชวนต๋งเร่งกลับไปบอกเชาฮูผู้บิดาท่านออกมา จะได้พูดจากันกับเรา ตัวท่านเป็นเด็กน้อย หาแจ้งความทั้งปวงไม่ เชาชวนต๋งได้ฟังซ่องเฮกเฮ้าออกชื่อบิดาดังนั้นก็โกรธ จึงว่า ท่านกับเราเป็นข้าศึกกัน เราออกมาหวังจะรบกับท่าน ซึ่งท่านจะให้เรากลับไปบอกบิดาเราให้ออกมานั้นหาควรไม่ ถ้าท่านคิดกลัวเรา จงคำนับเราแล้วเลิกทัพกลับไป เราจึงจะไว้ชีวิตท่าน ซ่องเฮกเฮ้าได้ฟังเชาชวนต๋งหยาบช้าก็โกรธ จึงร้องด่าว่า อ้ายลูกเล็กหารู้จักผู้ใหญ่ไม่ แล้วซ่องเฮกเฮ้าก็ขับสิงโตรำขวานเข้ารบกับเชาชวนต๋ง และซ่องเฮกเฮ้าคนนี้เมื่อยังน้อยอยู่ได้เรียนความรู้ทั้งปวงแก่อีหยิน และคำไทยว่า ฤษี อีหยินให้แก้วอันวิเศษแก่ซ่องเฮกเฮ้าดวงหนึ่ง แก้วดวงนี้มีฤทธิ์ใช้ได้ดังใจนึก ขณะเมื่อซ่องเฮกเฮ้าเข้ารบกับเชาชวนต๋งนั้น ซ่องเฮกเฮ้าเอาดวงแก้วผูกแขวนคอไว้ข้างหลัง
ฝ่ายเชาชวนต๋งเห็นซ่องเฮกเฮ้ารำขวานเข้ามาดังนั้น จงคิดว่า ขวานซ่องเฮกเฮ้าเป็นอาวุธสั้น เห็นจะสู้ทวนเราเป็นอาวุธยาวมิได้ เชาชวนต๋งคิดประมาทใจดังนั้น ก็ขับม้าเข้ารบบุกบั่น หวังจะจับตัวซ่องเฮกเฮ้าให้ได้โดยเร็ว เชาชวนต๋งกับซ่องเฮกเฮ้ารบกันริมคูเมืองเป็นสามารถ ซ่องเฮกเฮ้ารบพลางคิดในใจว่า เชาชวนต๋งคนนี้ฝีมือกล้าหาญนัก มิเสียทีเป็นลูกทหาร อันจะต่อสู้ด้วยอาวุธฉะนี้เห็นจะเอาชัยชนะมิได้ ซ่องเฮกเฮ้าคิดดังนั้นจึงเอาขวานเหน็บหลัง แล้วชักสิงโตกลับเป็นทีหนี เชาชวนต๋งเห็นดังนั้นก็หัวเราะแล้วคิดในใจว่า บิดากูสรรเสริญว่า ซ่องเฮกเฮ้ามีความรู้และฝีมือกล้าแข็งนัก บัดนี้ หนีไปแล้ว ถ้ากูเชื่อฟังบิดาห้ามแล้ว ที่ไหนจะได้ชัยชำนะเล่า จำจะตามจับตัวซ่องเฮกเฮ้ามัดเข้าไปให้แก่บิดาตามสัญญา คิดดังนั้นเชาชวนต๋งก็ขับม้าไล่ติดตามซ่องเฮกเฮ้าไป
ฝ่ายซ่องเฮกเฮ้าเหลียวหลังมาเห็นเชาชวนต๋งจะใกล้ทันดังนั้น จึงแก้เอาแก้วซึ่งผูกคอไว้ข้างหลังมาเสกด้วยอาคม แล้วทิ้งไปเป็นหมอกมืดนัก แล้วบังเกิดเป็นข่ายเพชรเข้าวงมัดเชาชวนต๋งตกลงจากหลังม้า ทหารทั้งปวงก็เข้ากลุ้มรุมกันจับตัวเชาชวนต๋งมัดแขนไพล่หลัง แล้วซ่องเฮกเฮ้าก็เลิกทัพพาเชาชวนต๋งกลับค่าย
ฝ่ายม้าใช้เห็นดังนั้นจึงนำความทั้งปวงไปบอกแก่ซ่องเฮ่าเฮ้า แม่ทัพ ซ่องเฮ่าเฮ้ามีความยินดีนัก จึงให้หาซ่องเฮกเฮ้าให้เอาตัวเชาชวนต๋งเข้ามาด้วย ม้าใช้ก็ไปบอกแก่ซ่องเฮกเฮ้า ซ่องเฮกเฮ้าจึงเอาตัวเชาชวนต๋งเข้ามา ณ ค่ายแม่ทัพ
ฝ่ายเชาชวนต๋งเข้ามาถึง ทำองอาจยืนอยู่ มิได้คำนับซ่องเฮ่าเฮ้า ซ่องเฮ่าเฮ้าจึงเยาะเย้ยเชาชวนต๋งว่า เมื่อท่านไปตั้งสกัดเราอยู่ ณ ตำบลเหงากางติ๋นในเวลากลางคืนนั้น ท่านอ้างอวดตัวว่า มีกำลังฤทธิ์มาก แล้วเหตุใดจึงให้เขาจับมัดตัวมาได้เล่า เชาชวนต๋งได้ฟังซ่องเฮ่าเฮ้าเยาะเย้ย โกรธนัก จึงว่า ท่านจะทำสง่าให้เรากลัวหรือ เราหากลัวท่านไม่ ท่านจะฆ่าเราก็ฆ่าเสียเถิด เราผู้ชื่อว่า เชาชวนต๋ง จะได้เสียดายชีวิตหามิได้ เราคิดแค้นแต่อ้ายพวกสอพลอมันยุยงพระเจ้าติวอ๋องให้ราษฎรทั้งปวงได้ความเดือดร้อน เราหมายจะกินเลือดมันให้จงได้ บัดนี้ เรายังหาได้กินเลือดอ้ายผู้ยุยงไม่ เราแค้นใจนัก หนึ่ง เราคิดเสียดายแผ่นดินของพระเจ้าเสี่ยงทาง เป็นสุขมาช้านาน จะเสื่อมสูญเสียเพราะพวกอ้ายคนสอพลอครั้งนี้แล้ว ซ่องเฮ่าเฮ้าได้ฟังคำเชาชวนต๋งว่าดังนั้นก็โกรธ จึงด่าว่า อ้ายลูกเด็ก ปากมึงยังหาสิ้นกลิ่นน้ำนมไม่ กูให้จับตัวมาได้ ชีวิตมึงอยู่ในเงื้อมมือกู ควรหรือมึงมากล่าวคำหยาบช้าอีกเล่า ซ่องเฮ่าเฮ้าจึงสั่งทหารให้เอาตัวเชาชวนต๋งไปตัดศีรษะเสียบไว้หน้าค่าย ซ่องเฮกเฮ้าจึงห้ามไว้ แล้วว่า ตัวเชาชวนต๋งก็ถึงที่ตายอยู่แล้ว แต่ข้าพเจ้าเห็นว่า เชาฮูกับเชาชวนต๋งสองคนนี้มีความชอบในพระเจ้าติวอ๋องมาแต่ก่อน อนึ่ง ข้าพเจ้าได้ยินกิตติศัพท์ว่า เชาฮูมีบุตรหญิงคนหนึ่งรูปงามหาผู้ใดเสมอมิได้ พระเจ้าติวอ๋องก็ต้องพระประสงค์จะใคร่ได้บุตรหญิงเชาฮูอยู่ ขอให้ท่านเอาตัวเชาชวนต๋งจำไว้ก่อน ถ้าทัพกีเซียงยกมาพร้อมแล้ว จะได้บรรจบทัพกันเข้าตีเมืองกีจิวเฮ้า จับตัวเชาฮูและสมัครพรรคพวกเชาชวนต๋งส่งไปถวายพระเจ้าติวอ๋อง พี่ท่านจึงจะมีบำเหน็จความชอบสืบไป ซ่องเฮ่าเฮ้าได้ฟังดังนั้นก็เห็นชอบด้วย จึงให้ทหารเอาตัวเชาชวนต๋งไปจำไว้ แล้วให้แต่งโต๊ะเลี้ยงซ่องเฮกเฮ้าและทหารทั้งปวง
ฝ่ายทหารเชาชวนต๋ง ครั้นเห็นซ่องเฮกเฮ้าจับเอาตัวเชาชวนต๋งไปได้ ก็รีบเข้าไปแจ้งแก่เชาฮู เชาฮูจึงว่า เราได้บอกแก่เชาชวนต๋งว่า ซ่องเฮกเฮ้าคนนี้มีความรู้และฝีมือเข้มแข็งนัก ได้ห้ามเชาชวนต๋ง เชาชวนต๋งก็มิได้ฟังคำเรา ซึ่งซ่องเฮกเฮ้าจับเชาชวนต๋งไปนั้นก็ควรอยู่แล้ว แต่เราคิดเสียใจอยู่ ด้วยเราเป็นชายชาติทหาร ยังหาเคยแพ้แก่ผู้ใดไม่ ซึ่งเชาชวนต๋ง บุตรเรา เสียทีแก่ซ่องเฮกเฮ้าครั้งนี้ เราได้ความอัปยศนัก อนึ่ง ซ่องเฮ่าเฮ้ากับซ่องเฮกเฮ้าก็จะมีใจกำเริบขึ้น เห็นเมืองเราก็จะเสียแก่ข้าศึกเป็นมั่นคง แล้วเชาฮูจึงคิดแต่ในใจว่า เหตุทั้งนี้ก็เพราะพระมหากษัตริย์มิได้อยู่ในยุติธรรม เชื่อฟังแต่คำคนยุยง จะเอานางขันกีผู้บุตรแห่งเรา เราจึงได้ความเดือดร้อนทั้งนี้ ถ้าซ่องเฮ่าเฮ้าได้เป็นเมืองเราแล้ว ก็จะจับเอาตัวเรา และบุตร ภรรยา ส่งขึ้นไปถวายพระเจ้าติวอ๋อง ณ เมืองจิวโก๋ พระเจ้าติวอ๋องจะลงโทษแก่เราเป็นสาหัส ราษฎรทั้งปวงก็จะติฉินเราได้ และซึ่งเกิดเหตุทั้งนี้ก็เพราะผลกรรมของเราเอง ถ้าและเราจะฆ่าตัวและภรรยาเสีย เห็นว่า จะดีกว่ามีชีวิตอยู่ เพราะหาความเวทนาและความอัปยศแก่ราษฎรทั้งปวงไม่ เชาฮูคิดดังนั้นแล้วจึงชักกระบี่ออกจากฝัก เดินเข้าไปในข้างในหวังจะฆ่าบุตร ภรรยา เสีย นางขันกีเห็นบิดาถือกระบี่เข้ามาดังนั้นก็หัวเราะแล้วจึงถามว่า มีเหตุประการใดบิดาจึงถอดกระบี่เดินเข้ามาดังนี้ เชาฮูได้ฟังบุตรถามดังนั้นก็มีความอาลัย ยืนตะลึงอยู่มิอาจจะฆ่าบุตรได้ จึงบอกแก่บุตรว่า หารู้ไม่หรือซ่องเฮกเฮ้าจับเอาเชาชวนต๋งผู้พี่ชายไปได้แล้ว ตัวเรากับเจ้าก็จะไม่พ้นมือข้าศึก ซึ่งเกิดเหตุทั้งนี้ก็เพราะตัวเจ้าผู้เดียว บ้านเมืองและญาติวงศ์ทั้งปวงจะพลอยฉิบหายเสีย ในขณะนั้น พอทหารเอาเนื้อความเข้ามาบอกเชาฮูว่า ซ่องเฮกเฮ้ายกมาจะรบกับท่าน เชาฮูได้ฟังดังนั้นจึงสั่งทหารทั้งปวงให้รักษาหน้าที่เชิงเทินไว้ให้มั่นคง
ฝ่ายซ่องเฮกเฮ้า ครั้นยกมาถึงใกล้เชิงกำแพงเมืองกิจิวเฮ้า มิได้เห็นทหารเชาฮูผู้ใดผู้หนึ่งออกมา ซ่องฮกเฮ้าคิดแต่ในใจว่า เรามาครั้งนี้หวังจะแก้ไขเชาฮูให้พ้นโทษซึ่งข้อขัดรับสั่ง เมื่อเชาฮูมิได้ออกมาให้เห็นหน้าเราดังนี้ จะรู้ที่ปรึกษาแก่ผู้ใดได้ ซ่องฮกเฮ้าก็เลิกทัพกลับเข้าค่าย แล้วบอกแก่ซ่องเฮ่าเฮ้าว่า ข้าพเจ้ายกไปเชิงกำแพง หวังว่ารับกับเชาฮู เชาฮูก็มิได้ออกมา เห็นแต่ทหารรักษาหน้าที่เชิงเทินอยู่เป็นสามารถ ซ่องเฮ่าเฮ้าจึงว่า เชาฮูมิได้ออกมาต่อสู้กับเรา จะคิดให้ทำบันไดหกพาดกำแพงให้ทหารปีนขึ้นปล้นเอาเมืองกีจิวเฮ้าจงได้ ซ่องเฮกเฮ้าจึงว่า ซึ่งจะทำดังนั้น ถึงมาตราว่าจะได้เมืองกีจิวเฮ้า ก็จะเสียอาหารเป็นอันมาก ข้าพเจ้าคิดว่า จะตั้งค่ายมั่นล้อมเมืองไว้ให้เชาฮูขัดสนด้วยเสบียงอาหาร แล้วเห็นจะได้เมืองโดยง่าย ทั้งจะไม่เหนื่อยแรงทหารทั้งปวงด้วย ประการหนึ่ง กีเซียง เจ้าเมืองไซรเป๊กเฮา ก็ยังหามาไม่ ถ้าทัพซีเกียงพร้อมแล้ว เราจึงจะค่อยคิดการต่อไป ซ่องเฮ่าเฮ้าได้ฟังดังนั้นเห็นชอบด้วย จึงสั่งให้ทหารตั้งต่ายล้อมเมืองกีจิวเฮ้าไว้เป็นสามารถ
ฝ่ายเชาฮู ครั้นเห็นซ่องเฮ่าเฮ้าล้อมเมืองไว้ดังนั้น ก็มิได้คิดที่จะสู้รบประการใด แต่นั่งนิ่งเป็นทุกข์อยู่ดุจหนึ่งว่า จะคอยให้ซ่องเฮ่าเฮ้ามามัดเอาตัวไปโดยง่าย พอทหารเข้ามาบอกเชาฮูว่า เตงหลุนซึ่งเป็นกองลำเลียงมาถึงแล้ว เชาฮูจึงสั่งให้หาเตงหลุนเข้ามา ครั้นเตงหลุนเข้ามาคำนับ เชาฮูมิได้ว่าประการใด แต่ถอนใจใหญ่อยู่ เตงเหลุนเห็นดังนั้นจึงว่ากับเชาฮูว่า ข้าพเจ้าแจ้งว่า ศึกมาติดเมืองท่านแล้ว ข้าพเจ้าจึงรีบมาทั้งกลางวันกลางคืน บัดนี้ ท่านได้รบพุ่งเป็นประการใดบ้าง เชาฮูก็เล่าเนื้อความทั้งปวงให้เตงหลุนฟังทุกประการ แล้วเชาฮูจึงว่า เมืองเรานี้จะเสียแก่ซ่องเฮ่งเฮ้าเป็นมั่นคงแล้ว ท่านอย่าได้เป็นธุระกังวลด้วยเราเลย จงคิดเอาตัวรอดเถิด เชาฮูว่าแล้วก็ร้องไห้ เตงหลุนเห็นดังนั้นก็โกรธ จึงถามว่า ท่านเมาสุราอยู่หรือ จึงเจาราฟั่นเฟือนไปดังนี้ เชาฮูจึงว่า ซึ่งเราว่าดังนี้ด้วยเรากระทำความผิดไว้ในพระเจ้าติวอ๋องเป็นอันมาก หนึ่ง เมืองขึ้นพระเจ้าติวอ๋องมีถึงแปดร้อยเศษ ถ้าพระเจ้าติวอ๋องเกณฑ์ทหารเมืองขึ้นทั้งปวงให้ยกเพิ่มเติมมาบรรจบกันตีเอาเมืองเรา เราเห็นจะต้านทานสู้รบมิได้ เตงหลุนจึงว่า ตัวท่านได้ทำนุบำรุงข้าพเจ้ามาแต่น้อยคุ้มใหญ่ คุณท่านอยู่แก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าคิดจะสนองคุณท่าน ก็เห็นจะสมคิดอยู่แล้ว ข้าพเจ้าจะอาสาออกไปจับตัวซ่องเฮ่าเฮ้ากับซ่องเฮกเฮ้ามาให้ท่านจงได้ เชาฮูได้ฟังเตงหลุนว่ากล่าวดูหมิ่นแก่ซ่องเฮกเฮ้าดังนั้น จึงว่าแก่ทหารทั้งปวงว่า เตงหลุนไปจัดหาเสบียงอาหารเป็นทางไกล ต่อจะป่วยไข้ลงยังรักษามิหายสนิท จึงพูดจาละล่ำละลักอยู่ดังนี้ และจะเชื่อฟังคำเตงหลุนเป็นแน่มิได้ เตงหลุนได้ฟังเชาฮูว่าดังนั้นก็โกรธ จึงร้องประกาศต่อหน้าทหารทั้งปวงว่า ถ้าเรามิได้ตัวซ่องเฮ่าเฮ้า ซ่องเฮกเฮ้า เข้ามา ก็ให้ท่านตัดศีรษะเราเสียเถิด เตงหลุนว่าดังนั้นแล้วก็ขึ้นขี่สิงโตถือขวานใหญ่ ได้ทหารพรรคพวกประมาณสามพัน เปิดประตูเมืองออกไปด้วยกำลังโกรธ ครั้นถึงหน้าค่ายซ่องเฮกเฮ้า เตงหลุนจึงร้องเข้าไปว่า ให้นายทหารทั้งสองเร่งออกมารบกันกับเรา
ฝ่ายทหารซ่องเฮกเฮ้าจึงไปบอกแก่ซ่องเฮกเฮ้าตามคำเตงหลุนว่า ซ่องเฮกเฮ้าได้ฟังดังนั้นจึงแต่งตัวใส่เสื้อเกราะถือขวานขึ้นขี่สิงโตพาพวกทหารออกมานอกค่าย ฝ่ายเตงหลุนจึงร้องว่าแก่ซ่องเฮกเฮ้าว่า ซึ่งท่านจับเอาเชาชวนต๋ง บุตรของนายเรา ไว้นั้น เร่งปล่อยเสีย แล้วท่านจงวางอาวุธลงจากสิงโตเข้ามาคำนับเราโดยดี เราจึงจะไว้ชีวิตแก่ท่าน ถ้ามิทำตามคำเรา เราจะสับด้วยขวานให้กระดูกละเอียดเป็นผงคลีในวันนี้ ซ่องเฮกเฮ้าได้ฟังเตงหลุนว่าดังนั้น จึงถามว่า ท่านเป็นขุนนางตำแหน่งไหน จึงเจรจาองอาจยิ่งกว่าเชาชวนต๋งผู้เป็นบุตรเชาฮูซึ่งเป็นนายท่านอีกเล่า เตงหลุนจึงบอกว่า ตัวเราชื่อ เตงหลุน เป็นขุนนางผู้ใหญ่ได้ว่าที่กรมนา ซ่องเฮกเฮ้าจึงว่า เชาฮูนายมึงขัดรับสั่ง แข็งเมืองคิดกบฏต่อพระเจ้าติวอ๋อง มึงก็เป็นพวกกบฏด้วย โทษมึงก็ถึงที่กระดูกละเอียดอยู่เองแล้ว มึงกลับมาดูหมิ่นว่าหยาบช้ากูอีกเล่า ซ่องเฮกเฮ้าว่าดังนั้นแล้วก็ขึ้นสิงโตรำขวานเข้าต่อสู้ด้วยเตงหลุนได้ยี่สิบเพลง และทหารทั้งสองสู้รบกันเป็นสามารถ มีคำจีนเปรียบชมไว้ว่า กี๋หองตุ้ยชีว แปลเป็นคำไทยว่า ทหารทั้งสองรบกัน ถ้อยทีรู้ท่วงทีกัน ดุจหนึ่งผู้เล่นหมากรุกดีชอบมือกัน และเมื่อเตงหลุนรบกับซ่องเฮกเฮ้าอยู่นั้น เตงหลุนแลเห็นแก้วซึ่งแขวนคอซ่องเฮกเฮ้าอยู่เบื้องหลัง จึงคิดในใจว่า เชาฮูบอกกับกูไว้ว่า ซ่องเฮกเฮ้าคนนี้ได้เรียนความรู้มาแต่ผู้วิเศษ ชะรอยซ่องเฮกเฮ้าจะมีฤทธิ์ด้วยแก้งดวงนี้เป็นมั่นคง จึงจับตัวเชาชวนต๋าไปได้ ครั้นกูจะนิ่งไว้ช้าจะเสียทีไป จำจักชิงเอาชัยชนะแก่ซ่องเฮกเฮ้าเสียก่อนจึงจะได้ และเตงหลุนคนนี้เมื่อยังเด็กอยู่นั้นได้เรียนวิชามาแต่ฤษีชื่อว่า เต้าจินหยิน อันอยู่ในเชาไซรกุนตุ๋น แม้นเตงเหลุนจะสู้รบแก่ข้าศึก เตงหลุนร่ายมนต์หายใจออกไป ก็บังเกิดเป็นหมอกควันพลุ่งออกจากช่องจมูกทั้งสอง และหมอกควันนั้นไปถูกต้องหมู่ข้าศึก หมู่ข้าศึกนั้นก็ตกตะลึงสิ้นกำลัง มือและเท้าอ่อนเมื่อยล้าไป ก็อาจจะจับตัวข้าศึกได้โดยง่าย ถ้าเตงหลุนจะทิ้งอาวุธไป อาวุธก็บังเกิดเป็นงูใหญ่ เหล่าทหารก็กลายเป็นศีรษะกา มือถือเชือกเหล็กและขอเหล็กอาจจะไปจับมัดข้าศึกมาได้ และชื่อเตงหลุนคนนี้ก็มีปรากฏในห้องสินทำนายไว้ว่า เตงหลุนตายแล้วจะไปบังเกิดเป็นเทพารักษ์
ขณะเมื่อเตงหลุนรบกับซ่องเฮกเฮ้านั้น เตงหลุนร่ายมนต์หายใจออกไปเสียงดังเหมือนเสียงระฆัง บังเกิดเป็นหมอกควันพลุ่งเป็นสายออกจากช่องจมูกทั้งสอง ต้องตัวซ่องเฮกเฮ้า ซ่องเฮกเฮ้าสิ้นกำลัง มีมือและเท้าอันอ่อน สิ้นสมประดีตกลงจากหลังสิงโต จักขุทั้งสองมืดมัวแลไปมิดได้เห็นตัวเตงหลุน
ฝ่ายเตงหลุนครั้นได้ทีจึงขว้างอาวุธไปบังเกิดเป็นงูใหญ่ และทหารสามพันมีศีรษะเป็นกา ถือเชือกเหล็กและขอเหล็กเข้ามาผูกมัดเอาตัวซ่องเฮกเฮ้าและทหารทั้งปวงได้สิ้น เตงหลุนครั้นมีชัยชนะแก่ซ่องเฮกเฮ้า จึงให้ทหารโห่ร้องแล้วมัดเอาตัวซ่องเฮกเฮ้า เลิกทัพกลับเข้าเมือง
ฝ่ายเชาฮูได้ยินเสียงโห่ร้องอื้ออึง จึงคิดแต่ในใจว่า เตงหลุนออกไปกับซ่องเฮกเฮ้าครั้งนี้เห็นจะเสียแก่ซ่องเฮกเฮ้า จึงได้ยินเสียงทหารโห่ร้องอื้ออึงดังนี้ พอม้าใช้เอาเนื้อความมาบอกเชาฮูว่า เตงหลุนจับตัวซ่องเฮกเฮ้าเข้ามาได้แล้ว เชาฮูได้ฟังดังนั้นจึงคิดว่า ซ่องเฮกเฮ้าเป็นคนดีมีวิชาและฝีมือเข้มแข็งนัก ซึ่งว่าเตงหลุนจับตัวซ่องเฮกเฮ้ามาได้ครั้งนี้อัศจรรย์หนักหนา
ฝ่ายเตงหลุนครั้นมาถึงจึงพาตัวซ่องเฮกเฮ้าเข้าไปหาเชาฮู เล่าเนื้อความซึ่งได้ออกไปรบพุ่งกับซ่องเฮกเฮ้าให้เชาฮูฟังทุกประการ เชาฮูมีความยินดีนัก จึงลงจากเก้าอี้ไปยังซ่องเฮกเฮ้า แล้วขับทหารซึ่งคุมตัวซ่องเฮกเฮ้าให้ออกไปเสียสิ้น แล้วเชาฮูจึงแก้มัดซ่องเฮกเฮ้า แล้วเชิญซ่องเฮกเฮ้าขึ้นนั่งบนที่สูง เชาฮูก็คำนับแล้วรับผิดว่า ข้าพเจ้าขัดรับสั่งพระเจ้าติวอ๋อง โทษก็ถึงตายอยู่แล้ว บัดนี้ เตงหลุนไปจับเอาตัวท่านมาอีกเล่า โทษข้าพเจ้าผิดนัก ซ่องเฮกเฮ้าจึงตอบเชาฮูว่า ท่านกับข้าพเจ้าก็เป็นมิตรสหายรักกันมาแต่ก่อน ข้าพเจ้ายังหาลืมคุณท่านไม่ และทหารท่านจับตัวข้าพเจ้ามาได้ครั้งนี้ ชีวิตข้าพเจ้าก็อยู่ในเงื้อมมือท่านแล้ว และท่านไว้ชีวิตข้าพเจ้า กลับคำนับข้าพเจ้าอีกเล่า คุณท่านหาที่สุดมิได้ ข้าพเจ้ามีความยินดี ขอบคุณท่านยิ่งนัก เชาฮูจึงเรียกเตงหลุนและทหารทั้งปวงมาคำนับซ่องเฮกเฮ้า ซ่องเฮกเฮ้าก็สรรเสริญเตงหลุนว่า ท่านมีวิชาเชี่ยวชาญหาผู้เสมอมิได้ ควรท่านจะเป็นที่ขุนนางผู้ใหญ่ได้ และตัวเราเป็นขุนนางผู้ใหญ่ต่อสู้ท่านมิได้ดังนี้ ชอบเราจะเปลื้องเสื้ออันเป็นเครื่องสำหรับยศยกให้แก่ท่านเสียจึงจะควร
ฝ่ายเชาฮู ครั้นให้เตงหลุนคำนับซ่องเฮกเฮ้าแล้ว จึงเชิญซ่องเฮกเฮ้าให้กินโต๊ะด้วยกันกับเชาฮู เชาฮูจึงเล่าความซึ่งพระเจ้าติวอ๋องจะต้องพระประสงค์นางขันกีผู้เป็นบุตรจนเกิดการรบพุ่งกันให้แก่ซ่องเฮกเฮ้าฟังทุกประการ ซ่องเฮกเฮ้าจึงว่า ซึ่งข้าพเจ้ายกทัพมาครั้งนี้ก็เพราะซ่องเฮ่าเฮ้าผู้พี่ข้าพเจ้าแตกทัพไป ข้าพเจ้าหวังจะมาแก้แค้นแทนพี่ชายข้าพเจ้า ประการหนึ่ง ข้าพเจ้าคิดจะแก้ซึ่งโทษท่านขัดรับสั่งพระเจ้าติวอ๋องให้ท่านพ้นโทษด้วย และข้าพเจ้ามาทั้งนี้จะได้คิดเอาชัยชนะแก่ท่านนั้นหามิได้ และเชาชวนต๋ง บุตรท่าน ซึ่งยกออกไปนั้น ข้าพเจ้าได้บอกว่า ให้เชาชวนต๋งกลับเข้ามาเชิญท่านออกไปเจรจากับข้าพเจ้าก่อน เชาชวนต๋งก็มิได้กลับมาเชิญท่าน เชาชวนต๋งโกรธข้าพเจ้า กล่าวถ้อยคำหยาบช้า ข้าพเจ้าจึงจับเอาตัวไปให้ทหารคุมไว้ ณ ค่าย จะได้ให้เป็นอันตรายชีวิตเชาชวนต๋งหามิได้ เชาฮูได้ฟังดังนั้นมีความยินดีนัก กระทำคำนับแล้วว่า ซึ่งท่านมีคุณแก่ข้าพเจ้า มิได้กระทำอันตรายชีวิตเชาชวนต๋งผู้บุตรข้าพเจ้าครั้งนี่ คุณหาที่สุดมิได้
ฝ่ายเชาฮูกับซ่องเฮกเฮ้าต่างคนต่างคำนับพูดจากันอยู่ในเมือง ฝ่ายม้าใช้เห็นซ่องเฮกเฮ้าเสียทัพ เตงหลุนจับตัวไป ก็เอาเนื้อความเข้าไปบอกแก่ซ่องเฮ่าเฮ้าว่า เตงหลุน ทหารเชาฮู จับซ่องเฮกเฮ้าไปได้ จะเป็นตายประการใดมิได้รู้ ซ่องเฮ่าเฮ้าได้ฟังดังนั้นก็ตกใจนัก จึงว่า ซึ่งซ่องเฮกเฮ้า น้องเราผู้นี้ มีวิชาความรู้และฝีมือเข้มแข็ง เตงหลุนกระทำประการใดจึงจับซ่องเฮกเฮ้าไปได้ ม้าใช้จึงเล่าเนื้อความซึ่งเตงหลุนกับซ่องเฮกเฮ้ารบพุ่งกันให้ซ่องเฮกเฮ้าฟังทุกประการ ซ่องเฮ่าเฮ้าได้ฟังดังนั้นก็มีความอาลัยในซ่องเฮกเฮ้ายิ่งนัก จึงให้หาพวกทหารทั้งปวงเข้ามาพร้อมกัน ปรึกษาจะให้ทหารซึ่งมีสติปัญญาปลอมเข้าไปสืบข่าวซ่องเฮกเฮ้าในเมืองกีจิวเฮ้า พอทหารมาบอกความว่า ซั้วซุนเสงถือหนังสือบอกกีเซียงมาแต่เมืองไซรเป๊กเฮ้าฉบับหนึ่ง ซ่องเฮ่าเฮ้าได้ฟังดังนั้น จึงให้หาตัวซั้วซุนเสงผู้ถือหนังสือเข้ามา แล้วถามว่า กีเซียงผู้นายท่านรับอาญาสิทธิ์พระเจ้าติวอ๋องมาด้วยกัน และนายท่านมิได้ยกกองทัพมาช่วยเราให้ทัน และให้เรายกมากระทำศึกแต่ผู้เดียว กีเซียง นายท่าน ไม่กลัวเกรงพระราชอาญาขัดรับสั่งพระเจ้าติวอ๋องหรือประการใด ซั้วซุนเสงจึงตอบว่า กีเซียง นายข้าพเจ้า จะได้ขัดรับสั่งหามิได้ นายข้าพเจ้าเห็นว่า เกิดเหตุทั้งนี้เพราะพระเจ้าติวอ๋องต้องพระประสงค์บุตรเชาฮู และเชาฮูขัดรับสั่งมิได้เอาบุตรไปถวาย โทษผิดก็แต่เชาฮูผู้เดียว ซึ่งจะยกทัพมากระทำแก่เมืองกีจิวเฮ้า ราษฎรชาวเมืองซึ่งหาความผิดมิได้ก็จะพลอยได้ความเดือดร้อนด้วย ถึงมาตรว่าจะได้ตัวบุตรเชาฮูไปถวายแก่พระเจ้าติวอ๋องก็หาเป็นเกียรติยศไม่ นายข้าพเจ้าจึงให้ข้าพเจ้าถือหนังสือมา หวังจะห้ามท่านให้เลิกทัพกลับไปเมือง อนึ่ง เชาฮู กับท่าน และกีเซียงผู้นายข้าพเจ้า ก็เป็นเพื่อนราชการด้วยกันมาแต่ก่อน ยังหาควรจะขัดเคืองกันไม่ และนายข้าพเจ้าจะว่ากล่าวแก่เชาฮูโดยดีจะให้พาบุตรไปถวายพระเจ้าติวอ๋อง จะได้มิให้เสียราชการ ซ่องเฮ่าเฮ้าได้ฟังดังนั้นก็หัวเราะ แล้วว่าแก่ซั้วซุนเสงว่า แต่เรามาตั้งรบพุ่งกับเชาฮู จนจับเชาชวนต๋ง บุตรชายเชาฮู ได้ และเชาฮูก็มิได้อ่อนน้อม ซึ่งกีเซียง นายของท่าน ให้หนังสือมาทั้งนี้ยังจะสมคะเนหรือ ถ้าเชาฮูมิยอมพาบุตรไปถวายพระเจ้าติวอ๋อง นายท่านจะคิดประการใด ท่านจงรีบเอาหนังสือเข้าไปให้เชาฮูเถิด เราจะคอยฟังความอยู่ ซั้วซุนเสงก็คำนับลาซ่องเฮ่าเฮ้า ไปถึงประตูเมืองกีจิวเฮ้า จึงบอกแก่นายประตูว่า เราชื่อ ซั้วซุนเสง ถือหนังสือกีเซียง เจ้าเมืองไซรเป๊กเฮ้า มา ท่านจงเร่งเข้าไปบอกแก่เชาฮูให้แจ้ง นายประตูได้ฟังดังนั้นจึงนำเอาเนื้อความเข้าไปบอกเชาฮูตามคำซั้วซุนเสง และเมื่อนายประตูเข้าไปบอกความแก่เชาฮู เชาฮูนั่งกินโต๊ะเสพสุราอยู่กับซ่องเฮกเฮ้า ครั้นเชาฮูได้ฟังนายประตูบอกดังนั้น จึงคิดว่า กีเซียงผู้นี้เป็นคนมีสติปัญญาหลักแหลมนัก จะมีธุระสิ่งไรหนอ จึงใช้คนมาหาเราฉะนี้ คิดแล้วสั่งนายประตูให้ไปรับตัวซั้วซุนเสงเข้ามา ซั้วซุนเสงจึงเข้าไปคำนับเชาฮู เชาฮูจึงถามซั้วซุนเสงว่า ท่านมาทั้งนี้ด้วยกิจธุระสิ่งใด ซั้วซุนเสงจึงบอกแก่เชาฮูว่า เมื่อครั้งท่านลงไปเฝ้าพระเจ้าติวอ๋อง ณ เมืองจิวโก๋นั้น ท่านเขียนโคลงไว้เป็นข้อหยาบช้าต่อพระเจ้าติวอ๋องไว้ ณ ประตูกงก๋วน พระเจ้าติวอ๋องทรงพระโกรธ จึงสั่งให้กีเซียงผู้นายข้าพเจ้ายกกองทัพมากระทำแก่ท่าน และนายข้าพเจ้าเห็นว่า ท่านเป็นคนสัตย์ซื่อต่อแผ่นดินอยู่ จึงมิได้ยกกองทัพมาเหยียบแผ่นดินเมืองท่าน จึงให้ข้าพเจ้าถือหนังสือมาถึงท่านฉบับหนึ่ง ถ้าท่านเห็นหนังสือนี้แล้ว ให้ท่านพิเคราะห์ดูจงควร แล้วซั้วซุนเสงก็เอาหนังสือให้แก่เชาฮู เชาฮูรับหนังสือมาอ่านได้ความในหนังสือนั้นว่า ข้าพเจ้า กีเซียง เจ้าเมืองไซรเป๊กเฮ้า ขออวยพรมาถึงเชาฮู เจ้าเมืองกีจิวเฮ้า ด้วยเราได้ยินคำโบราณว่าไว้ อันพระมหากษัตริย์ดุจหนึ่งพระจันทร์ซึ่งส่องสว่างโลก ลอยอยู่ในอากาศ ขุนนางและหัวเมืองทั้งปวงซึ่งเป็นข้าขอบขัณฑเสมาเหมือนดังดวงดาวอันเป็นบริวารแห่งพระจันทร์ และเราท่านทั้งปวงได้อยู่เย็นเป็นสุขมียศศักดิ์ก็เพราะพระมหากษัตริย์ชุบเลี้ยง ควรจะมีน้ำใจสัตย์ซื่อสวามิภักดิ์มิให้ขัดเคืองพระทัยพระมหากษัตริย์ ถ้าและพระมหากษัตริย์จะต้องพระราชประสงค์สิ่งใด ข้าราชการผู้มีกตัญญูก็มิได้ขัดรับสั่ง และซึ่งพระเจ้าติวอ๋องต้องพระราชประสงค์บุตรท่านนั้น ชอบท่านจะถวายบุตรแก่พระเจ้าติวอ๋อง นี่เหตุไฉนท่านจึงมิได้พาบุตรไปถวายตามรับสั่งให้ขัดเคืองพระทัยนั้น เราเห็นหาควรไม่ แล้วท่านไปจารึกโคลงเป็นข้อหยาบช้าไว้ ณ ประตูงกงก๋วนนั้น ในใจท่านจะคิดประการใด เราเห็นว่า โทษของท่านซึ่งทำการทั้งนี้ใหญ่หลวงนักดุจหนึ่งหากตัญญูและความคิดมิได้ ถ้าและท่านพาบุตรไปถวายพระเจ้าติวอ๋องแล้ว เราเห็นว่า ท่านจะมีประโยชน์แก่ตัวท่านถึงสามประการ ประการหนึ่ง ถ้าพระเจ้าติวอ๋องโปรดปรานบุตรท่าน ตัวท่านก็จะได้เลื่อนที่เป็นขุนนางผู้ใหญ่ พระเจ้าติวอ๋องก็จะพระราชทานเบี้ยหวัดมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ถ้าบุตรท่านมีบุตรกับพระเจ้าติวอ๋อง ตัวท่านก็จะได้เป็นเชื้อสายกษัตริย์สืบไปเบื้องหน้า ประการหนึ่ง ตัวท่านก็จะได้กินเมืองกีจิวเฮ้าสืบไปจนลูกหลานท่าน ประการหนึ่ง ราษฎรชาวเมืองก็จะได้อยู่เย็นเป็นสุขเพราะบุญท่าน ขุนนางและหัวเมืองทั้งปวงก็จะสรรเสริญความคิดและปัญญาท่าน ถ้าท่านมิพาบุตรไปถวายแก่พระเจ้าติวอ๋อง เราเห็นว่า ภัยจะบังเกิดแก่ท่านสามประการ ประการหนึ่ง เมืองกีจิวเฮ้าและทรัพย์สมบัติของท่านก็จะเสื่อมสูญด้วยอันตรายต่าง ๆ ประการหนึ่ง ตัวท่าน และบุตร ภรรยา สมัครพรรคพวกทั้งปวง ก็จะฉิบหายด้วยอาญาพระมหากษัตริย์ ประการหนึ่ง ราษฎรชาวเมืองกีจิวเฮ้าที่หาความผิดมิได้นั้นก็พลอยฉิบหายเสียด้วยท่าน คนทั้งปวงก็จะนินทาท่านว่า หาปัญญาและความคิดมิได้ ความชั่วก็จะอยู่ชั่วพระจันทร์พระอาทิตย์ อนึ่ง แซ่ท่านกับเราก็ได้เป็นข้าราชการสืบมาแต่ครั้งพระเจ้าเสี่ยงทางผู้เป็นอัยกาพระเจ้าติวอ๋อง เราเห็นว่า ท่านมีกตัญญูต่อแผ่นดินอยู่ ซึ่งท่านจะรักบุตรและให้เสียประเพณีข้าราชการซึ่งมีกตัญญูดังนี้ เราหาเห็นควรไม่ อนึ่ง ธรรมดาเกิดมาในแผ่นดิน จะได้ความเดือดร้อนเพราะประมาทและคิดผิดพลั้งไป ข้อซึ่งท่านคิดกระทำการเกินไปนั้น ถ้ารู้ว่า ตัวผิด จำจะคิดหาชอบ เราก็เห็นว่า ชอบจะลบล้างผิดเสียได้ แล้วก็จะไม่เสียเยี่ยงอย่างข้าราชการซึ่งมีกตัญญูต่อพระมหากษัตริย์ ตัวท่านและชาวเมืองกีจิวเฮ้าก็จะได้อยู่เย็นเป็นสุข ซึ่งเราว่าทั้งนี้หวังจะเตือนสติท่าน ถ้าและท่านจะคิดประการใด จงมีหนังสือมาให้เราแจ้ง เชาฮูครั้นได้แจ้งความในหนังสือกีเซียงก็เห็นชอบด้วย แต่ไม่ว่ากล่าวประการใด พยักหน้าแก่ซั้วซุนเสงแล้วก็นิ่งอยู่
ฝ่ายซั้วซุนเสงเห็นเชาฮูมิได้ว่ากล่าวประการใด จึงถามว่า ซึ่งนายข้าพเจ้าให้หนังสือมาถึงท่านทั้งนี้ก็เพราะเมตตาท่านโดยสุจริต และซึ่งท่านอ่านหนังสือแล้วนิ่งเสียมิได้ว่าประการใดนั้น ท่านสงสัยนายข้าพเจ้าว่าล่อลวงหรือ หรือท่านจะคิดอ่านเป็นประการใด แม้นท่านเห็นชอบด้วย จะกระทำการตามถ้อยคำนายข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็จะลาท่านกลับออกไปบอกแก่ซ่องเฮ่าเฮ้าให้เลิกทัพกลับไปเมือง แม้นท่านจะขัดขืนมิกระทำตามถ้อยคำนายข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็จะลาท่านกลับไปบอกกับกีเซียง นายข้าพเจ้า ให้ยกกองทัพเพิ่มเติมมาบรรจบกองทัพซ่องเฮ่าเฮ้า ยกเข้าตีเอาเมืองท่านตามรับสั่งพระเจ้าติวอ๋อง ขอท่านจงมีหนังสือตอบไปถึงนายข้าพเจ้าให้แน่โดยเร็วเถิด ข้าพเจ้าจะได้ลาท่านกลับไป เชาฮูได้ฟังซั้วซุนเสงว่าดังนั้นก็นิ่งอยู่ จึงส่งหนังสือกีเซียงให้แก่ซ่องเฮกเฮ้า แล้วว่า ท่านจงพิเคราะห์ดูหนังสือกีเซียงเถิด ซึ่งว่ากล่าวมาทั้งนี้เห็นว่า กีเซียงมีความเมตตาแก่เราโดยสุจริต หาเป็นกลอุบายไม่ ควรจะกระทำตามถ้อยคำกีเซียงว่า แล้วเชาฮูก็ให้พาตัวซั้วซุนเสงไปกินโต๊ะยับยั้งอยู่ ณ กงก๋วน ครั้นเวลารุ่งเช้า เชาฮูแต่งหนังสือฉบับหนึ่ง แล้วจัดแพรและสิ่งของให้แก่ซั้วซุนเสงตามสมควร แล้วว่า ท่านจงเอาหนังสือนี้ไปให้กีเซียงเถิด จงบอกว่า เราจะกระทำตามคำทุกประการ ซั้วซุนเสงจึงว่าแก่เชาฮูว่า ท่านจะกระทำตามคำนายข้าพเจ้าแล้ว ก็ให้เร่งกระทำตามโดยเร็ว ถ้าช้าท่วงทีไปหลายวัน การทั้งปวงก็จะกลับกลาย ภายหลังท่านจะแก้ตัวยาก ประการหนึ่ง พระเจ้าติวอ๋องสั่งให้นายข้าพเจ้ามาตีเมืองท่าน ถ้าการเนิ่นช้าไป นายข้าพเจ้าก็จะได้ความผิดเป็นข้อขัดรับสั่ง ซั้วซุนเสงว่าแล้วก็คำนับลาเชาฮูรีบไปเมืองไซรเป๊กเฮ้า
ฝ่ายซ่องเฮกเฮ้า ครั้นแจ้งความในหนังสือกีเซียงนั้นแล้ว จึงว่าแก่เชาฮูว่า ซึ่งซีเกียงมีหนังสือมานี้ เราเห็นชอบด้วย ท่านจงเร่งจัดแจงการทั้งปวงตามคำกีเซียงเถิด ข้าพเจ้าจะขอลาออกไปบอกแก่ซ่องเฮ่าเฮ้าผู้พี่ให้เลิกกองทัพกลับไปเมือง แล้วข้าพเจ้าจะปล่อยตัวเชาชวนต๋ง บุตรท่าน มาให้แก่ท่าน เชาฮูได้ฟังจึงว่า ท่านกับกีเซียงมีคุณแก่ข้าพเจ้าครั้งนี้หาที่สุดมิได้ บุตรชายข้าพเจ้ามีแต่เชาชวนต๋งคนเดียว เมื่อท่านจับเชาชวนต๋งไปได้นั้น มารดาเชาชวนต๋งร้องไห้รักประหนึ่งว่าจะขาดใจตาย ท่านได้กรุณาแก่ข้าพเจ้า จงปล่อยเชาชวนต๋ง บุตรข้าพเจ้า เข้ามาให้แก่ข้าพเจ้าเถิด ซ่องเฮกเฮ้ารับคำเชาฮูแล้วก็ลาออกไป ณ ค่าย
ฝ่ายซ่องเฮ่าเฮ้าเห็นซ่องเฮ็กเฮ้าผู้น้องมา มีความยินดีนัก จึงว่า เมื่อเตงหลุนจับเจ้าไปได้นั้น เรามีความทุกข์ถึงท่านนัก เชาฮูทำประการใดแก่ท่านบ้าง ซ่องเฮกเฮ้าก็เล่าเนื้อความให้ซ่องเฮ่าเฮ้าฟังทุกประการ ซ่องเฮ่าเฮ้าจึงว่า เราคิดแค้นใจเจ้าเมืองไซรเป๊กเฮ้าอยู่ ด้วยเดิมมีรับสั่งพระเจ้าติวอ๋องว่า ให้ทัพเมืองไซรเป๊กเฮ้ายกมาบรรจบกับกองทัพเราเข้าตีเมืองกีจิวเฮ้า บัดนี้ เจ้าเมืองไซรเป๊กเฮ้าหามาไม่ ให้ซั้วซุนเสงถือหนังสือมาถึงเชาฮูฉบับหนึ่ง เมื่อท่านไปอยู่ ณ เมืองกีจิวเฮ้านั้น ซั้วซุนเสงเอาหนังสือไปให้เชาฮู เชาฮูว่าประการใด ท่านรู้บ้างหรือไม่ ซ่องเฮกเฮ้าได้ฟังดังนั้นก็โกรธ จึงว่าแก่ซ่องเฮ่าเฮ้าว่า แซ่เราแต่ได้เป็นขุนนางสืบมาถึงหกชั่วแล้ว ตัวท่านกับข้าพเจ้าร่วมมารดาเดียวกันแต่ใจต่างกัน เหมือนคำโบราณว่า ไม้ต้นเดียวกัน และผลนั้นมีรสต่างกัน บัดนี้ ตัวท่านได้เป็นขุนนางผู้ใหญ่ในพระเจ้าติวอ๋อง เมื่อพระเจ้าติวอ๋องมีรับสั่งใช้ให้ยกกองทัพมาตีเมืองกีจิวเฮ้านี้ ท่านก็มิได้เพ็ดทูลทัดทานประการใด เร่งรีบยกกองทัพมา ทหารถึงห้าหมื่นก็หาเอาชัยชนะแก่เชาฮูได้ไม่ กลับเสียทหารเอกทหารเลวเป็นอันมาก เพราะท่านมิได้พิจารณา และกีเซียงหน่วงทัพไว้ไม่ยกมา ให้แต่ซั้วซุนเสงถือหนังสือมาเกลี้ยกล่อมเชาฮูโดยดี เชาฮูก็เห็นชอบด้วย มีใจอ่อนน้อมจะพาบุตรไปถวายพระเจ้าติวอ๋อง และท่านจะกลับติเตียนกีเซียงนั้น ข้าพเจ้าเห็นหาชอบไม่ ขอท่านเลิกทัพกลับไปเมืองเถิด ถ้าท่านไม่เห็นด้วยข้าพเจ้า ก็เหมือนต้นไม้ต้นเดียวแต่ผลมีรสต่างกัน ซ่องเฮกเฮ้าว่าแก่ซ่องเฮ่าเฮ้าผู้พี่ดังนั้นแล้ว ก็สั่งให้ทหารถอดเชาชวนต๋งออกจากโทษจำ พาตัวเข้ามา เชาชวนต๋งเห็นซ่องเฮกเฮ้าจึงคิดว่า เตงหลุนจับตัวซ่องเฮกเฮ้าไปได้แล้ว และมิได้มีอันตรายแก่ชีวิต กลับคืนมาได้ดังนี้ ชะรอยซ่องเฮกเฮ้าจะเป็นมิตรสหายกับบิดากูเป็นมั่นคง คิดดังนั้นแล้วเชาชวนต๋งก็คำนับซ่องเฮกเฮ้า แล้วว่า ข้าพเจ้าเป็นลูกเล็ก มิได้รู้จักความผิดและชอบ หมิ่นประมาทท่าน ซึ่งท่านจับตัวข้าพเจ้ามาได้ และไว้ชีวิตข้าพเจ้าครั้งนี้ คุณท่านหาที่สุดมิได้ เหมือนดังข้าพเจ้าตายแล้วและได้ชีวิตคืนมา ขอท่านได้ยกโทษแก่ข้าพเจ้าเถิด ซ่องเฮกเฮ้าได้ฟังดังนั้น จึงว่าแก่เชาชวนต๋งว่า บิดาท่านคิดถึงท่านนัก หลานจงเร่งกลับเข้าไปบอกบิดาว่า ซึ่งจะคิดอ่านการทั้งปวงนั้นก็เร่งให้คิดเสีย อย่านอนใจ บัดนี้ เราจะลาเลิกทัพกลับไปเมืองแล้ว อนึ่ง เราก็มีหนังสือขึ้นไปกราบทูลพระเจ้าติวอ๋อง ณ เมืองจิวโก๋ด้วย ท่านจงเร่งกลับไปหาบิดาท่านเถิด เชาชวนต๋งรับคำ คำนับลาซ่องเฮกเฮ้า แล้วก็ขึ้นม้าไปเมืองกีจิวเฮ้า
ฝ่ายซ่องเฮกเฮ้า ครั้นปล่อยเชาชวนต๋งไปแล้ว จึงร้องประกาศด้วยเสียงอันดังให้ทหารทั้งปวงเลิกทัพกลับไปเมืองจิวโก๋ ซ่องเฮ่าเฮ้าเห็นซ่องเฮกเฮ้ากระทำการดังนั้น ก็แจ้งใจว่า ซ่องเฮกเฮ้าโกรธ ก็พลอยให้เลิกทัพกลับไปเมืองปักเป๊กเฮ้า แล้วซ่องเฮ่าเฮ้าก็แต่งหนังสือให้ทหารถือไป ณ เมืองจิวโก๋ฉบับหนึ่ง