ห้องสิน/เล่ม ๑/ตอน ๕

จาก วิกิซอร์ซ
แม่แบบผิดพลาด: มีการลบช่องที่ไม่ได้ใช้ออก โปรดเติมกลับเข้าไป (โปรดดูเอกสารกำกับแม่แบบ)

หน้า ๗๒–๗๘ สารบัญ



ขณะนั้น มีผู้เฒ่าคนหนึ่งชื่อ หุนต๋งจู๊ อายุได้พันร้อยปีเศษ จีนทั้งปวงนับถือเรียกว่า ฤษี มีความรู้วิชาการมาก อาศัยอยู่ในถ้ำริมเชิงเขานำสารฝ่ายทิศใต้ อยู่วันหนึ่ง เวลาเช้า ฤษีหุนต๋งจู๊หิ้วกระเช้าสำหรับเก็บยาออกจากถ้ำจะไปเที่ยวป่า ครั้นมาถึงปากถ้ำ แลไปทิศตะวันออกเฉียงใต้เห็นเมฆเป็นลำพู่กันมืดเหมือนควันเพลิงพลุ่งขึ้นมาแต่แผ่นดินถึงอากาศ หุนต๋งจู๊ฤษีหยุดยืนพิจารณาดูโดยตำราก็แจ้งความทุกประการ จึงบอกแก่สานุศิษย์ผู้หนึ่งเป็นคนสำหรับรักษาปากถ้ำว่า บัดนี้ หนึงวาสีโกรธเจ้าเมืองจิวโก๋ว่า ไม่ยำเกรง จึงใช้เฮาหลีปิศาจมาคิดอ่านกำจัดพระเจ้าติวอ๋อง เฮาหลีปิศาจเข้าสิงอบู่ในกายนางขันกีผู้บุตรเชาฮู เชาฮูมิได้รู้ พาเข้าไปถวายพระเจ้าติวอ๋อง นางขันกีปิศาจแกล้งทำมารยาล่อลวงให้พระเจ้าติวอ๋องหลงรัก เราผู้เป็นฤษีรักษาสัจธรรม อาศัยอยู่ในแว่นแคว้นของพระเจ้าติวอ๋อง ครั้นรู้ว่าอันตรายบังเกิดแก่เจ้าแผ่นดินดังนี้ แล้วจะละเมิดเสีย ให้เฮาหลีย่ำยีพระมหากษัตริย์จนเสียบ้านเมืองนั้น หาควรไม่ จำจะไปช่วยกำจัดปิศาจเสีย ให้พระเจ้าจิวอ๋องทรงพระจำเริญในราชสมบัติ ขุนนางและราษฎรก็จะได้อยู่เย็นเป็นสุขสืบไป หุนต๋งจู๊จึงใช้ศิษย์ผู้นั้นไปตัดกิ่งสนมาให้ จึงเหลาเป็นรูปกระบี่ลงเลขยันต์ สานุศิษย์เห็นดังนั้นจึงคำนับถามครูว่า อาวุธอันวิเศษสำหรับปราบปรามภูตปิศาจของท่านมีอยู่แล้ว เหตุใดจึงมิเอาไปใช้เล่า หุนต๋งจู๊จึงบอกว่า เฮาหลีปิศาจนี้เป็นแต่ผีสัตว์เดียรัจฉาน ไม่ร้ายแรงนัก จะทำแต่กระบี่ไม้สนไปขับไล่ดูก่อน แม้นเฮาหลีมิไป จึงจะมาเอาอาวุธซึ่งปลุกเสกด้วยเวทมนตร์อันวิเศษเป็นของอย่างดีไปใช้ภายหลัง ท่านจงอยู่รักษาถ้ำ เราจะเข้าไปเมืองจิวโก๋ หุนต๋งจู๊จึงหยิบเลขยันต์และกระบี่ไม้สนใส่กระเช้าดอกไม้ มือถือแซ่ขนจามรีเป็นเครื่องสำหรับฤษี แล้วโดดขึ้นบนอากาศขี่เมฆเหาะลอยตามลมไปเมืองจิวโก๋

ฝ่ายปิกันซึ่งเป็นเชื้อพระวงศ์พระเจ้าติวอ๋อง พระเจ้าติวอ๋องตั้งแต่งไว้ให้เป็นผู้สำเร็จราชการในเมืองจิวโก๋ ครั้นเวลาเคยเฝ้าก็เข้าไปเตรียมเฝ้ากับขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยทั้งปวงพร้อมกัน จะคอยทูลถวายเครื่องราชบรรณาการและกิจสุขทุกข์ของราษฎรหัวเมืองซึ่งชำระค้างอยู่เก่าใหม่เป็นอันมาก พระเจ้าติวอ๋องก็มิได้เสด็จออกว่าราชการถึงเดือนเศษแล้ว ปิกันคิดวิตกนัก จึงว่ากาเสี่ยงหยงกับป่วยเป๊กว่า เราได้ยินคำโบราณกล่าวไว้เป็นธรรมเนียมสืบมาว่า บิดามารดาย่อมเป็นที่พึ่งแก่บุตร บุตรจะค่อยจำเริญวัยได้มีความสุขก็เพราะบิดามารดาทำนุบำรุง แม้นบิดามารดาทำการอันมิควร บุตรเห็นชอบช่วยว่ากล่าวตักเตือนสติจึงจะควร บัดนี้ พระเจ้าติวอ๋องทรงพระเมตตาชุบเลี้ยงเราเป็นเสนาบดีผู้ใหญ่เหมืองดังบิดาเลี้ยงบุตร พระเจ้าติวอ๋องมิได้เสด็จออกว่าราชการ ผิดประเพณีกษัตริย์ เราผู้เป็นขุนนางผู้ใหญ่จะพากันนิ่งเสียไม่คิดอ่านเชิญเสด็จออกว่าราชการตามอย่างธรรมเนียมนั้นมิชอบ ท่านจะเห็นประการใด เสี่ยงหยงกับป่วยเป๊กได้ยินปิกันปรึกษาดังนั้นก็เห็นชอบด้วย จึงให้เจ้าพนักงานตีระฆังซึ่งพระมหากษัตริย์แต่ก่อนให้ทำไว้ สำหรับขุนนางมีราชการร้อนมามิทันเฝ้าให้เข้าไปตีระฆังเชิญเสด็จ เจ้าพนักงานจึงเข้าไปตีระฆังสามทีเป็นสำคัญ

ฝ่ายพระเจ้าติวอ๋องเสด็จอยู่กับนางขันกี ณ พระตำหนักที่นั่งชมดาว ได้ยิงเสียงระฆัง จึงตรัสแก่นางขันกีว่า ขุนนางทั้งปวงเข้ามาตีระฆังหวังจะให้ออกว่าราชการบ้านเมือง ครั้นจะมิออกไปก็จะเสียประเพณีกษัตริย์แต่ก่อน ตรัสแล้วก็เสด็จลงจากพระตำหนัก นางขันกีก็ตามส่งเสด็จมาจนถึงที่นั่งข้างหน้า แล้วนางก็ถวายบังคมกลับไปที่อยู่ พระเจ้าติวอ๋องเสด็จนั่งที่ออกขุนนาง เห็นขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยถือหนังสือเรื่องราวที่จะกราบทูลข้อราชการอยู่ทุกตำแหน่ง ให้มีพระทัยเบื่อหน่ายในที่จะตัดสินข้อราชการ ขยับพระองค์จะเสด็จขึ้น ปิกันเห็นดังนั้นจึงทูลพระเจ้าติวอ๋องว่า ตั้งแต่พระองค์มิได้เสด็จออกว่าราชการบ้านเมืองมาถึงสองเดือนเศษ บังเกิดโจรผู้ร้ายชุกชุมขึ้นกว่าแต่ก่อน ราษฎรชาวเมืองทั้งปวงได้ความเดือดร้อน แต่นี้ไปขอเชิญเสด็จพระองค์ออกชำระกิจสุขทุกข์ของราษฎรหัวเมืองตามประเพณีกษัตริย์ อาณาประชาราษฎรซึ่งเป็นข้าขอบขัณฑเสมาจึงจะได้อยู่เย็นเป็นสุข พระเจ้าติวอ๋องจึงตรัสว่า กิจราชการบ้านเมืองทั้งนี้เราก็มอบธุระไว้ให้แก่ท่านเป็นผู้สำเร็จราชการ อาณาประชาราษฎรก็อยู่เย็นเป็นสุขปรกติอยู่ แต่หัวเมืองฝ่ายเหนือซึ่งเกิดศึกนั้น เราก็ได้จัดให้บุนไท้สือเป็นแม่ทัพไปปราบปราม อุปมาเหมือนหิดและเกลื้อนอันเกิดขึ้นมานิดหน่อยหนึ่งเท่านั้น ท่านอย่าวิตกเลย เมื่อพระเจ้าติวอ๋องตรัสอยู่กับเสี่ยงหยง ปิกัน ยังมิทันเสด็จขึ้น พอขุนนางนายประตูเข้ามากราบทูลว่า ซินแสคนหนึ่งจะขอเข้ามาเฝ้า พระเจ้าติวอ๋องจึงให้เชิญซินแสเข้ามาถึงหน้าที่นั่ง เห็นซินแสนั้นยืนอยู่มิได้คำนับ ก็เคืองพระทัย จึงตรัสว่า ท่านมาแต่ไหน มาหาเราจะประสงค์สิ่งใด หุนต๋งจู๊จึงบอกแก่พระเจ้าติวอ๋องว่า ข้าพเจ้าเป็นฤษีชื่อ หุนต๋งจู๊ อยู่ถ้ำเขาจองนำสาร เวลาวานนี้ไปเที่ยวเก็บยา แลมาตรงทิศเมืองจิวโก๋เห็นเมฆเป็นวิปริต จึงรู้ว่า ปิศาจเข้ามาปลอมอยู่ในพระนครนี้ และปิศาจนั้นเป็นสตรีมีมารยามาก จะแกล้งทำให้พระองค์หลงฟั่นเฟือนพระสติ นานไปภายหน้าราชสมบัติในเมืองจิวโก๋จะเกิดอันตราย ข้าพเจ้ามาหวังจะช่วยกำจัดปิศาจเสีย พระเจ้าติวอ๋องได้ทรงฟังดังนั้นก็แจ้งว่า ซินแสเป็นฤษีมีความรู้วิชาการ จึงเชิญให้ขึ้นนั่งที่สมควร แล้วตรัสถามว่า บัดนี้ ปิศาจนั้นอาศัยอยู่แห่งใดเล่า หุนต๋งจู๊บอกว่า ปิศาจเข้าอยู่ภายในพระราชวังแล้ว แม้นมีพระทัยประสงค์จะรู้จักปิศาจ ข้าพเจ้าจะขอทำเลขยันต์ กระบี่ แขวนไว้ ณ ประตูตำหนักที่ข้างใน นางสนมผู้ใดเป็นปิศาจ เห็นเลขยันต์ก็จะระส่ำระสายอยู่ไม่เป็นสุข พระองค์จงขับเสียจากพระราชวัง พระเจ้าติวอ๋องก็เชื่อฟัง จึงให้หุนต๋งจู๊เอาเลขยันต์และกระบี่ไปแขวนไว้ที่ประตูพระตำหนักนั้น เมื่อหุนต๋งจู๊ลาพระเจ้าติวอ๋องไปนั้น จึงว่า ข้าพเจ้ามาทำการทั้งนี้ใช่จะเห็นแก่ทรัพย์สมบัติและยศศักดิ์หามิได้ น้ำใจข้าพเจ้าคิดมุ่งหมายแต่จะให้พระองค์ทรงพระจำเริญอยู่ในราชสมบัติ บำรุงไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินให้อยู่เย็นเป็นสุข ภายหน้าถ้ามีผู้มากราบทูลจะให้เลิกยันต์และกระบี่ออกเสีย พระองค์อย่าเชื่อฟัง จงจำคำข้าพเจ้าไว้ อย่าลืมสติ หุนต๋งจู๊ก็ลากลับออกไปปลอมชาวเมืองอยู่ หวังจะคอยฟังข่าวดีและร้าย พระเจ้าติวอ๋องก็เสด็จขึ้น ขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยครั้นมิได้เพ็ดทูลถ้อยความประการใด ต่างคนก็พากันออกจากที่เฝ้า พระเจ้าติวอ๋องเสด็จมาถึงที่ข้างใน มิได้เห็นนางขันกี จึงถามนางสนมทั้งปวงว่า นางขันกีไปไหน นางสนมจึงทูลว่า นางขันกีป่วยอยู่ พระเจ้าติวอ๋องเห็นดังนั้นจึงเสด็จเข้าไปข้างในห้องตึกเป็นที่อยู่นางขันกี เห็นนางขันกีนอนบนเตียงหน้าซีดสลดอยู่ จึงตรัสถามถึงอาการซึ่งป่วยไข้ นางขันกีจึงทูลว่า เมื่อเวลาเช้า พระองค์เสด็จออกข้างหน้า ครั้นเวลาจวนเสด็จขึ้น ข้าพเจ้าออกไปคอยรับเสด็จ แลเห็นกระบี่มีผู้เอามาแขวนไว้ที่ประตูตำหนัก ใจข้าพเจ้าดังจะสิ้นชีวิตลงด้วยความกลัว ตัวข้าพเจ้าให้สะท้านร้อนหนาวปวดศีรษะดังจะแตกทำลายเหลือที่จะทนทาน ถ้าพระองค์มิได้โปรดครั้งนี้ ชีวิตข้าพเจ้าเห็นจะนับวันอยู่ จะมิได้ฉลองพระคุณสืบไป ทูลแล้วนางขันกีก็ร้องไห้ พระเจ้าติวอ๋องได้ฟังดังนั้น มีพระทันอาลัยในนางขันกีนัก จึงตรัสปลอบว่า ซึ่งเจ้าป่วยไข้ได้ความทุกข์ร้อนทั้งนี้ เพราะเราหลงเชื่อฟังคนป่ามันเข้ามาล่อลวงว่า ปิศาจเข้าอยู่ในวัง เอากระบี่ทำด้วยวิทยาคมมาแขวนไว้ด้วยใจริษยาจะแกล้งกำจัดเจ้า พระเจ้าติวอ๋องจึงเสด็จออกมาสั่งให้เอากระบี่นั้นไปเผาเสีย นางขันกีก็คล่อยคลายป่วย แกล้งทำมารยาด้วยอุบายปิศาจให้พระเจ้าติวอ๋องลุ่มหลงรักใคร่ จะเพ็ดทูลสิ่งใดก็เชื่อฟังทุกประการ




ตอน ๔ ขึ้น ตอน ๖