ข้ามไปเนื้อหา

ประชุมจดหมายเหตุสมัยอยุธยา

จาก วิกิซอร์ซ
ตราสำนักนายกรัฐมนตรี
ตราสำนักนายกรัฐมนตรี
ประชุม
จดหมายเหตุ สมัยอยุธยา
ภาค ๑


คณะกรรมการ
จัดพิมพ์เอกสารทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และโบราณคดี
สำนักนายกรัฐมนตรี


พิมพ์จำหน่าย
เพื่อเป็นการส่งเสริมความรู้ทางวิชาประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และโบราณคดี
ของชาวไทยสมัยอยุธยา

จอมพล ถนอม กิตติขจร
นายกรัฐมนตรี

คำนำ

ประชุมจดหมายเหตุที่คณะกรรมการจัดพิมพ์เอกสารทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และโบราณคดี พิมพ์ขึ้นนี้ ได้จัดทำไปตามโครงการที่ตั้งวัตถุประสงค์ไว้ รัฐบาลได้ประกาศแต่งตั้งกรรมการคณะนี้เมื่อวันที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๐๕ และเมื่อมีการประชุมครั้งแรก คณะกรรมการได้แบ่งงานออกเป็น ๒ โครงการ คือ (๑) โครงการระยะยาวที่ต้องตรวจสอบชำระเอกสารหรือต้นฉบับที่กระจัดกระจายอยู่ตามที่ต่าง ๆ มาพิจารณาก่อนว่า สมควรจะพิมพ์หรือไม่เพียงใด (๒) โครงการระยะสั้น โดยให้เร่งรัดจัดพิมพ์เอกสารสำคัญที่มีค่า ซึ่งได้ต้นฉบับมาแต่ยังไม่เคยพิมพ์มาก่อน ผลการปฏิบัติงานตามโครงการระยะสั้นเท่าที่ได้จัดพิมพ์ไปแล้วก็มีประชุมพระราชหัตถเลขาของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ภาค ๑ ภาค ๒ และประชุมศิลาจารึก ภาค ๓ ในไม่ช้านี้ก็จะมีประชุมพระตำราบรมราชูทิศเพื่อกัลปนาสำเร็จเป็นรูปเล่มออกมาอีกเรื่องหนึ่ง ส่วนการดำเนินงานตามโครงการระยะยาว ขณะนี้กรรมการผู้ได้รับมอบหมายก็กำลังตรวจพิจารณาต้นฉบับที่มีค่าและหาได้ยากกันอยู่แล้ว คาดหมายว่าจะผลิตออกมาสู่ผู้อ่านได้ในเวลาอันไม่ช้านัก

หนังสือตามโครงการระยะสั้นที่จะเสนอเป็นลำดับต่อไปควรจะเป็นประชุมหมายรับสั่งสมัยอยุธยา สมัยธนบุรี และสมัยรัตนโกสินทร์ ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญของชาติที่ทรงคุณค่าที่สุด เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับหลักปกครองแผ่นดิน ขนบธรรมเนียมประเพณีที่เป็นโบราณศาสตรราชนิติ ตลอดจนการพระพุทธศาสนา ซึ่งเอกสารนั้น ๆ ได้จารึกเรื่องที่อ้างไว้อย่างพิสดาร โดยออกมาในรูปที่สมัยโบราณเรียกว่าหมายรับสั่ง คือที่ปัจจุบันเราเข้าใจในรูปกระแสพระบรมราชโองการนั่นเอง แต่เนื่องด้วยเอกสารเรื่องนี้มีความพิสดารและซับซ้อนด้วยเรื่องต่าง ๆ เป็นอเนกนัย คณะกรรมการจำต้องพิจารณาด้วยความรอบคอบ วางวิธีการ วางรูปเรื่อง ให้สอดคล้องเป็นลำดับกันมาตามยุคตามรัชสมัย จึงต้องใช้เวลานานพอสมควร ระหว่างที่ดำเนินการตามกรรมวิธีดังกล่าวแล้ว เพื่อมิให้มีช่องว่างของเวลาเกิดขึ้นอย่างเปล่าประโยชน์ นายปรีดา ศรีชลาลัย กรรมการผู้เสนอให้พิมพ์ประชุมหมายรับสั่ง ก็ได้เสนอให้นำเอาประชุมจดหมายเหตุในสมัยอยุธยามาพิมพ์แทนไว้ก่อนจนกว่าการจัดยุครัชสมัยของประชุมหมายรับสั่งจะเสร็จสมบูรณ์ ที่ประชุมกรรมการพิจารณาอนุมัติหลักการแล้วมอบให้นายฉันทิชย์ กระแสสินธุ์ นายปรีดา ศรีชลาลัย นายยิ้ม ปัณฑยางกูร เป็นผู้รวบรวมจดหมายเหตุมาดำเนินการข้อเสนอ

กรรมการทั้งสามได้รวบรวมเรื่องราวอันมีปรากฏอยู่ตามเอกสารและสถานที่ต่าง ๆ ในรูปจดหมายเหตุมาประมวลเป็นเรื่องราวได้หลายประเภท เช่น ประเภทจดหมายเหตุว่าด้วยการเจริญทางพระราชไมตรี ทางการค้าขาย ทางจดหมายส่งสารโต้ตอบ ทางแต่งหนังสือพระราชพงศาวดาร ทางพระพุทธศาสนา ทางตำราราชเสวกราชประเพณี ทางขบวนพยุหยาตราชลมารคสถลมารค และการพระบรมศพ ฯลฯ จดหมายเหตุประเภทต่าง ๆ เหล่านี้ได้นำมาพิมพ์ขึ้นไว้ตามลำดับศักราชและรัชสมัยเท่าที่จะสรรหามาได้ ดั่งได้แบ่งประเภทพิมพ์ไว้แล้วในเล่มนี้ เริ่มตั้งแต่จดหมายเหตุที่จารึกไว้ ณ พระเจดีย์ศรีสองรักษ์ จังหวัดเลย อันเป็นเรื่องราวระหว่างสมเด็จพระมหาจักรพรรดิแห่งกรุงศรีอยุธยากับสมเด็จพระไชยเชษฐาธิราชแห่งกรุงศรีสัตนาคนหุตกระทำสัตยสาบานเป็นราชพันธมิตรต่อกันเมื่อปีวอก พุทธศักราช ๒๑๐๓ เป็นเรื่องแรก แล้วจบลงด้วยเรื่องจดหมายเหตุการพระบรมศพเป็นเรื่องสุดท้ายของหนังสือเล่มนี้

กรรมการขอแถลงไว้ด้วยว่า จดหมายเหตุต่าง ๆ ที่นำมาพิมพ์ยังไม่สมบูรณ์เท่าที่ควร เพราะการรวบรวมเอกสารเป็นไปด้วยความยากลำบาก นอกจากต้องคัดเขียนอักขรวิธีไปตามต้นเรื่องต้นฉบับแล้ว ยังต้องถ่ายภาพหาภาพของจดหมายเหตุเรื่องนั้น ๆ มาพิมพ์ประกอบเป็นหลักฐานไว้อีกด้วย ดั่งนั้น จึงอาจมีจดหมายเหตุระหว่างยุคระหว่างรัชสมัยตกค้างอยู่มิได้นำมาพิมพ์ในคราวนี้ หากมีเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นโดยนัยฉนี้ ก็พึงเข้าใจว่ามีอนุสนธิตามที่ได้พรรณนามา อย่างไรก็ตาม กรรมการจักพยายามรวบรวมจดหมายเหตุที่ตกค้างอยู่มาพิมพ์สืบต่อไปอีกจนกว่าจดหมายเหตุสมัยอยุธยาจะสมบูรณ์ แล้วจึงจะเสนอประชุมจดหมายเหตุสมัยธนบุรี ซึ่งบัดนี้ก็ได้ประมวลไว้แล้ว เป็นอันดับต่อไป

ผู้อ่านประชุมจดหมายเหตุคงจะเห็นความแตกต่างของลายมือที่เขียนหนังสือไทย ถ้อยคำสำนวนโวหาร อักขรวิธี ตลอดจนรูปสระพยัญชนะ ที่ปรากฏในที่แต่ละแห่งของจดหมายเหตุว่ามีความผิดแผกแตกต่างมาทุกสมัย แม้กับปัจจุบันก็ยิ่งแตกต่างกันเป็นอันมาก แสดงให้เห็นว่า การเขียน การพูด การใช้อักขรวิธี เป็นไปตามยุคตามสมัยนิยม และนอกกว่านั้นยังเป็นมาตรการวัดระดับการศึกษาในสมัยนั้น ๆ ได้ว่าสูงต่ำเพียงใดอีกด้วย เช่น เราจะได้อ่านคำกราบบังคมทูลของขุนนางยศชั้นออกพระผู้เป็นราชทูตเขียนรายงานทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายองศ์พระมหากษัตริย์ด้วยสำนวนโวหารอันไพเราะ ทุกท่านที่ได้อ่านจะเว้นสรรเสริญพระธรรมไมตรีราชทูตของสมเด็จพระบรมโกศมิได้เลยว่าทำไมจึงเขียนได้ดีถึงเพียงนั้น และข้อที่ควรสำนึกก็คือ นักศึกษาสมัยนี้จะหมิ่นฝีมือเขียนหนังสือคนสมัยอยุธยาไม่ได้เป็นอันขาด

ในโอกาสนี้ ขอขอบคุณกรรมการ ๓ ท่าน คือ นายฉันทิชย์ กระแสสินธุ์ นายปรีดา ศรีชลาลัย นายยิ้ม ปัณฑยางกูล ที่ได้ร่วมกันดำเนินการจนเป็นผลสำเร็จโดยไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยากเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของรัฐบาล ในเรื่องการจัดพิมพ์เอกสารนี้ คณะกรรมการจะเว้นเสียไม่ได้ที่จะจารึกไว้ซึ่งพระคุณ ฯพณฯ จอมพล ถนอม กิตติขจร นายกรัฐมนตรี ที่ได้อนุมัติงบประมาณการจัดพิมพ์เอกสารสำคัญของชาติที่เก่าคร่ำคร่าขึ้นไว้ให้มีอายุสืบต่อไปอีก เพื่อจักได้เป็นหลักศึกษาของประชาชนพลเมืองผู้สนใจในสมบัติวัฒนธรรมประจำชาติ และในวิชาประวัติศาสตร์ชาติไทย ตลอดจนความรู้ทางโบราณคดี อันเป็นรากฐานทางวัฒนธรรมส่วนหนึ่งของชาติ ทั้งในปัจจุบันและสืบไปในอนาคตกาล ให้ใหม่ต่อเก่าไว้ไม่ขาดสายขาดตอน อันเป็นสัญญลักษณะของความเป็นชนชาติไทยโดยสมบูรณ์

กรรมการหวังว่า ประชุมจดหมายเหตุจะเป็นเอกสารสำคัญที่อำนวยประโยชน์แก่ผู้อ่านโดยทั่วกัน

คณะกรรมการจัดพิมพ์เอกสารทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และโบราณคดี
สำนักทำเนียบนายกรัฐมนตรี
๑ มกราคม ๒๕๑๐

สารบัญ
  1. พระราชทานสมณศักดิ์ให้เจ้าเถรพุทธสาครเลื่อนขึ้นเป็นพระครูธรรมโมลีศรีราชบุตรในปีมะแม พ.ศ. 1959 รัชกาลสมเด็จพระอินทราชาเจ้า (จารึกเจ้าเถรพุทธสาคร 1)
  2. สร้างพระพุทธบาทศิลาคู่ไว้ ณ เมืองชัยนาท เมื่อปีมะแม พ.ศ. 1970 ในรัชกาลสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (จารึกรอยพระยุคลบาทวัดบวรฯ)
  3. พระราชทานสมณศักดิ์ให้พระมหาเถรสาริบุตรเลื่อนขึ้นเป็นพระมหาเถรปิยทัศศรีสารีบุตรในปีเถาะ พ.ศ. 1978 รัชกาลสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (จารึกลานทองในตรุพระบรมธาตุสุพรรณบุรี)
  4. สร้างพระอิศวรสำริดและซ่อมแปลงพระมหาธาตุกับทั้งวัดบริพารเมืองกำแพงเพชร ปีมะเมีย พ.ศ. 2053 ในรัชกาลสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 (จารึกฐานพระอิศวรเมืองกำแพงเพชร)
  5. พระราชทานสมณศักดิ์ให้เจ้านิตรยรัตนเลื่อนขึ้นเป็นเจ้ารัตนโมลีศรีไตรโลกย์เมื่อปีกุน พ.ศ. 1986 ในรัชกาลสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (จารึกลานทองเก็บอยู่ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ)
  6. พระราชทานสมณศักดิ์ให้มหานิสสัยพรหมราชปฤยเลื่อนขึ้นเป็นพระครูธรรมเฐียรเมื่อปีฉลู พ.ศ. 2108 สมัยเสด็จมหาธรรมราชาธิบดีครองเมืองพิษณุโลก (จารึกลานเงินในพระเจดีย์เก่า จังหวัดพิษณุโลก)
  7. ทรงพระกรุณาให้สร้างพระพุทธบาทจำลองประดิษฐานไว้ ณ วัดจุลามณี พิษณุโลก เมื่อปีวอก พ.ศ. 2223 ในรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์ (จารึกวัดจุฬามณี)
  8. เรื่องอัฏฐธรรมปัณหาของสมเด็จพระเพทราชา (พ.ศ. 2223)
  9. บุรณะพระบรมธาตุเมืองชัยนาทเมื่อปีระกา พ.ศ. 2260 ในรัชกาลสมเด็จพระที่นั่งท้ายสระ (จารึกวัดพระบรมธาตุชัยนาท)
  10. ชลอพระพุทธไสยาศน์และสร้างพระวิหารวัดป่าโมก จังหวัดอ่างทอง เมื่อ พ.ศ. 2271 ในรัชกาลสมเด็จพระที่นั่งท้ายสระ (จารึกชะลอพระพุทธไสยาสน์วัดป่าโมกข์)
  11. ทรงพระกรุณาให้สร้างบานประตูมุกสำหรับพระอุโบสถวัดบรมพุทธาราม พระนครศรีอยุธยา เมื่อ พ.ศ. 2295 ในรัชกาลสมเด็จพระบรมโกศ (จารึกบนบานประตูประดับมุก หอพระมณเฑียรธรรม วัดพระศรีรัตนศาสดาราม)
  12. จดหมายเหตุระยะทางพระอุบาลีไปลังกาทวีป รัชกาลสมเด็จพระบรมโกศ (พ.ศ. 2295)
  13. ทรงพระกรุณาให้สร้างบานประตูมุกการเปรียญวัดพระพุทธไสยาศน์ป่าโมก จังหวัดอ่างทอง เมื่อ พ.ศ. 2296 ในรัชกาลสมเด็จพระบรมโกศ (จารึกบนบานประตูมุข ศาลาการเปรียญ วัดป่าโมกวรวิหาร จังหวัดอ่างทอง)
  14. สร้างพระวิหารร่มพระแท่นศิลาอาศน์ จังหวัดอุตรดิตถ์ เมื่อ พ.ศ. 2297 ในรัชกาลสมเด็จพระบรมโกศ (จารึกบนบานประตูวิหารร่ม วัดพระแท่นศิลาอาสน์)
  15. ทรงพระกรุณาให้สร้างบานประตูมุกพระวิหารพระชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดพิษณุโลก เมื่อ พ.ศ. 2299 ในรัชกาลสมเด็จพระบรมโกศ (จารึกบนบานประตูประดับมุก วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ)
  16. ตำนานสร้างพระพิมพ์และวิธีบูชา
  • หมวดที่ 3 การปกครอง
  1. พระราชทานบรรดาศักดิ์ให้นายพรหมเป็นที่ขุนอินทากรเมื่อปีมะแม พ.ศ. 2031 ในรัชกาลสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ (จารึกลานทอง ม.ศ. 1410)
  2. พระราชทานบรรดาศักดิ์ฝ่ายในให้แม่นางเกื้อเลื่อนขึ้นเป็นแม่นางมงคลเทวีศรีพระแก้วเมื่อปีขาล พ.ศ. 2037 ในรัชสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 (จารึกลานทองในพระมหาสถูปองค์กลาง วัดพระศรีสรรเพชญ์)
  3. ตำราหน้าที่มหาดเล็ก
  4. ตำราหน้าที่ชาวที่
  5. กะบวรแผนที่แห่เสด็จพรราชตำเนิรพยุหบาตราทรงช้างขึ้นพระพุทธิบาทณวันศุกร์ แรม 13 ค่ำ เดือน 5 จุลศักราช 1038 ปีมะโรง อัฐศก (พ.ศ. 2219)
  6. กบวนแผนที่แห่เสดจพระราชดำเนิรทรงม้าลงมาแต่พระพุทธบาทณวันศุกร์ แรม 13 ค่ำ เดือน 5 จุลศักราช 1038 ปีมโรง อัษฐศก (พ.ศ. 2219)
  7. ตำราหน้าที่ตำรวจ
  8. ตำราหน้าที่กรมวัง
  • หมวดที่ 4 การแต่งหนังสือ
  • หมวดที่ 5 กระบวนเสด็จและการพระเมรุ

ตราสำนักนายกรัฐมนตรี
ตราสำนักนายกรัฐมนตรี
พิมพ์ที่โรงพิมพ์สำนักทำเนียบนายกรัฐมนตรี
สี่แยกราชวิถี ถนนสามเสน พระนคร
นายเฉลียว จันทรทิพย์ ผู้พิมพ์, ผู้โฆษณา
พ.ศ. ๒๕๑๐

งานนี้ ปัจจุบันเป็นสาธารณสมบัติแล้ว เพราะลิขสิทธิ์ได้หมดอายุตามมาตรา 19 และมาตรา 20 ของพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ซึ่งระบุว่า

ถ้ารู้ตัวผู้สร้างสรรค์ ในกรณีที่ผู้สร้างสรรค์เป็นบุคคลธรรมดา
  1. ลิขสิทธิ์หมดอายุเมื่อพ้น 50 ปีนับแต่ผู้สร้างสรรค์ถึงแก่ความตาย
  2. ถ้ามีผู้สร้างสรรค์ร่วม ลิขสิทธิ์หมดอายุ
    1. เมื่อพ้น 50 ปีนับแต่ผู้สร้างสรรค์ร่วมคนสุดท้ายถึงแก่ความตาย หรือ
    2. เมื่อพ้น 50 ปีนับแต่ได้โฆษณางานนั้นเป็นครั้งแรก ในกรณีที่ไม่เคยโฆษณางานนั้นเลยก่อนที่ผู้สร้างสรรค์ร่วมคนสุดท้ายจะถึงแก่ความตาย
ถ้ารู้ตัวผู้สร้างสรรค์ ในกรณีที่ผู้สร้างสรรค์เป็นนิติบุคคล หรือถ้าไม่รู้ตัวผู้สร้างสรรค์
  1. ลิขสิทธิ์หมดอายุเมื่อพ้น 50 ปีนับแต่ได้สร้างสรรค์งานนั้นขึ้น
  2. แต่ถ้าได้โฆษณางานนั้นในระหว่าง 50 ปีข้างต้น ลิขสิทธิ์หมดอายุเมื่อพ้น 50 ปีนับแต่ได้โฆษณางานนั้นเป็นครั้งแรก